|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ลาหู่,ทรัพยากรธรรมชาติ,เชียงราย |
Author |
อุมัยวัชญ์ อารัธเพรีย |
Title |
การเรียนรู้ของชาวมูเซอในการจัดการเกี่ยวกับความเสี่ยงของการพังทลายหน้าดิน |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ลาหู่ ลาหู่ ละหู่ ลาฮู,
|
Language and Linguistic Affiliations |
จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
(เอกสารฉบับเต็ม) |
Total Pages |
86 |
Year |
2543 |
Source |
หลักสูตรปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ |
Abstract |
หลังจากที่มูเซอประสบปัญหาการพังทลายของหน้าดิน และปัญหาเรื่องผลผลิตการเพาะปลูกไม่ค่อยได้ผลและไม่เพียงพอต่อการบริโภค จึงมีการหาวิธีเพื่อแก้ปัญหาแต่ก็ยังปลูกพืชชนิดเดิม ขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งก็หาวิธีป้องกันและแก้ไขโดยการเปลี่ยนจากพืชไร่เป็นพืชสวนและหลังจากที่มูเซอตะหนักรู้ถึงปัญหาจึงมีการร่วมมือกันภายในชุมชน เพื่ออนุรักษ์ป่าไม้โดยการปลูกป่าเพิ่มเติมในพื้นที่ที่ถูกทำลาย การเรียนรู้ในการจัดการปัญหาการชะล้างพังทลายหน้าดินของมูเซอ ดังเช่น การเรียนรู้โดยการขุดร่องน้ำเป็นขั้นบันได การเปลี่ยนจากทำไร่ข้าวมาทำนาแบบขั้นบันได หรือการนำไม้ยืนต้นประเภทไม้ผลมาปลูกแทนพืชไร่ที่เป็นพืชล้มลุก ซึ่งปัจจุบันถือได้ว่ามีการจัดการที่ดีและสามารถป้องกันการพังทลายของดินอย่างได้ผล |
|
Focus |
ศึกษาวิธีการเรียนรู้ระบบแนวคิดในการจัดการกับปัญหาการพังทลายหน้าดินในพื้นที่ทำกินของมูเซอ บ้านมูเซอป่ากล้วย ตำบลแม่ฟ้าหลวง อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย |
|
Ethnic Group in the Focus |
มูเซอ เรียกตนเองว่า "ลาหู่" ชาวจีนเรียกว่า "โลไฮ" คนไทยเรียก "มูเซอ" ซึ่งเข้าใจว่าเป็นภาษาไทใหญ่ แปลว่า "พรานป่า" (หน้า 25) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
มูเซอมีต้นกำเนิดดั้งเดิมอยู่บนที่ราบสูงธิเบต มีความสัมพันธ์กับชนเผ่าโลโลในตอนใต้ของจีนร่วมกับลีซอและอีก้อ ตอนหลังถูกจีนรุกรานถอยร่นลงมาทางตอนใต้ของจีน โดยกระจัดกระจายอยู่ตามพรมแดนของประเทศจีนแคว้นยูนนาน ประเทศพม่าจนถึงรัฐเชียงตุง ในภาคเหนือของไทยและจังหวัดน้ำทาของประเทศลาว ราว พ.ศ. 2383 ตั้งหมู่บ้านในแคว้นเชียงตุง ราวพ.ศ. 2423 ถูกพม่ารุกรานจึงอพยพเข้ามาในประเทศไทย อาศัยตามแนวชายแดนของจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย (หน้า 25) ในอดีตมูเซอบ้านป่ากล้วยอาศัยอยู่ในเขตประเทศพม่า เมื่อทหารพม่ารบกับชนกลุ่มน้อยก็จะเกณฑ์มูเซอไปเป็นลูกหาบและหลายคนตายในสนามรบ จึงทำให้มูเซออพยพเข้ามาในประเทศไทย ตอนแรกอาศัยที่บ้านแม่หม้อ ตำบลเทิดไทอำเภอแม่จัน เพราะมีมูเซอกลุ่มแรกอยู่ก่อนแล้ว เนื่องจากขาดแคลนที่ทำกิน มูเซอบางส่วนจึงย้ายมาอยู่ที่บ้านป่ากล้วยซึ่งเดิมเป็นบ้านของเย้า หลังจากนั้นเย้าจึงย้ายไปอยู่กับเย้าด้วยกันที่หมู่บ้านอื่น พวกมูเซอจึงย้ายเข้ามาอาศัยแทน(หน้า 53) |
|
Settlement Pattern |
การเลือกที่ตั้งหมู่บ้านของมูเซอจะอยู่ใกล้เขาหรือในหุบเขาบนที่สูงประมาณ 10,100 เมตร หรือ ประมาณ 3,000-4,000 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเล การสร้างบ้านเรือนจะยกพื้นมีใต้ถุนบ้านไว้เลี้ยงสัตว์หรือตำข้าว (หน้า 27) บ้านเรือนจะตั้งบนเนินเขา มีถนนลาดยางผ่านหมู่บ้าน 1 สายและถนนเข้าสู่หมู่บ้านปูอิฐรูปตัวไอ กลางหมู่บ้านมีลานเอนกประสงค์และโบสถ์คริสต์ ถัดไปจะเป็นบ้านเรือนที่สร้างกระจายไปตามทางลาดของเนินเขา ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของหมู่บ้านติดกับโรงเรียนแม่ฟ้าหลวง ส่วนพื้นที่ทำกินจะอยู่ในเขตโครงการพัฒนาดอยตุง(หน้า 47) |
|
Demography |
บ้านมูเซอบ้านมูเซอป่ากล้วย มี 30 ครัวเรือน 39 ครอบครัวมีประชากร 147 คน เป็นชาย 70 คนและหญิง 77 คน (หน้า 54) |
|
Economy |
มูเซอพึ่งพาการประกอบอาชีพเกษตรกรรมโดยการทำไร่เลื่อนลอย พืชที่ปลูกจะเป็นข้าวและข้าวโพดเป็นหลัก สัตว์เลี้ยงสำคัญของมูเซอได้แก่ ไก่และหมู บางบ้านอาจมีม้าและล่อ สำหรับบรรทุกของ นอกจากนี้ยังมีอาชีพล่าสัตว์เพื่อนำเนื้อมาบริโภคหรือจำหน่ายเมื่อมีหน่วยงานของโครงการพัฒนาดอยตุงฯ ทำให้ชาวบ้านมีทางเลือกในการประกอบอาชีพมากขึ้น เช่น รับจ้างดูแลสวนดอกไม้ที่พระตำหนักดอยตุง เป็นต้น รายได้ส่วนใหญ่ของชาวบ้านมาจากการรับจ้างเป็นหลัก มีรายได้วันละ 100-200 บาทต่อคน การขายผลผลิตทางการเกษตรถ้าเป็นพืชไร่จะขายต่อเมื่อเหลือจากการบริโภค ส่วนพืชสวนจะเน้นปลูกเพื่อจำหน่าย (หน้า 27, 55-56) รูปแบบการใช้พื้นที่ของชาวเขา มี 2 ลักษณะคือ 1. แบ่งรูปการเกษตรตามลักษณะการใช้ประโยชน์ที่ดิน ได้แก่ การเกษตรแบบย้ายที่หรือการเกษตรแบบไร่เลื่อนลอย การเกษตรแบบไร่หมุนเวียน 2 .แบ่งตามระยะเวลาที่ใช้ในการเพาะปลูก ได้แก่ รูปแบบที่ใช้พื้นที่เพาะปลูกในระยะเวลาสั้นและพักดินระยะยาว รูปแบบที่มีการใช้พื้นที่เพาะปลูกซ้ำเป็นเวลานานและใช้เวลาในการพักดินนาน(หน้า 28-29) ขั้นตอนของการใช้พื้นที่ทำไร่ของมูเซอ แบ่งได้เป็น 6 ขั้นตอนได้แก่ การเลือกพื้นที่ โดยหัวหน้าครอบครัวโดยจะมีการจับจองพื้นที่ในเดือนพฤศจิกายน การเผาไร่ การเตรียมพื้นที่ การปลูก มูเซอจะปลูกข้าวไร่เป็นพืชหลักในช่วงต้นฤดูฝนหรือปลายฤดูร้อน หลังจากปลูกข้าว 3 ปีแล้ว จะปลูกข้าวโพดแทน การดูแลรักษาและการเก็บเกี่ยว (หน้า 32-35) พื้นที่ทำกินของชาวบ้านอยู่ในเขตโครงการพัฒนาดอยตุง จำนวน 181 ไร่แบ่งเป็นพืชไร่/นา 76 ไร่ 2 งาน และพืชยืนต้น(ไม้ผล) 104 ไร่ 2 งาน ไม้ผลที่นิยมปลูกได้แก่ ลิ้นจี่และบ๊วยและปัจจุบันมีบริษัทเอกชนเข้ามาส่งเสริมการปลูก แมคคาเดเมีย อีกด้วย (หน้า 48,66,68) |
|
Social Organization |
ครอบครัวมูเซอประกอบด้วย หัวหน้าครอบครัว ภรรยาและลูก ส่วนมากหลายครอบครัวจะอยู่รวมในครัวเรือนเดียวกันภายใต้การปกครองของหัวหน้าครอบครัว มีเพียงส่วนน้อยที่อาศัยอยู่ครอบครัวเดียว มูเซอไม่มีการสืบตระกูล ไม่มีแซ่และการนับญาติไม่สลับซับซ้อนหรือมีมากเหมือนเผ่าอื่นๆ ผู้ชายมูเซอเมื่อแต่งงานแล้วจะไปอยู่กับครอบครัวของภรรยา (หน้า 27) |
|
Belief System |
มูเซอดั้งเดิมที่อยู่ใกล้สังคมพื้นราบที่เจริญแล้วจะได้รับอิทธิพลทางพุทธศาสนาแต่หลังจากที่อพยพจากพม่าเข้าสู่ประเทศไทยในระยะเวลาประมาณร้อยกว่าปี ทำให้ความคิดทางศาสนาของไทใหญ่และไทเหนือผสมกับความเชื่อดั้งเดิมของมูเซอ มูเซอบางพวกได้เปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์ เช่น มูเซอดำในประเทศไทย เป็นคริสต์นิกายโปรแตสแตนท์ (หน้า 28) เนื่องจากประชากรบ้านมูเซอป่ากล้วยสืบเชื้อสายของมูเซอดำ เรียกตนเองว่า "ลาหู่นะ" คนไทยเรียกว่ามูเซอคริสต์ เพราะลาหู่นะเกือบทั้งหมดนับถือศาสนาคริสต์ (หน้า 54) เนื่องจากบ้านมูเซอป่ากล้วยนับถือศาสนาคริสต์จึงทำให้ความเชื่อเรื่องผีไม่หลงเหลือดังนั้นประเพณีที่เกี่ยวข้องกับผีจึงไม่มี มีแต่ประเพณีการไปโบสถ์ในวันอาทิตย์ ประเพณีปีใหม่(กินวอ) และวันคริสต์มาส ประเพณีปีใหม่จะอยู่ในช่วงเดือนมกราคม-ต้นเดือนกุมภาพันธ์ โดยผู้อาวุโสของเผ่าเป็นผู้กำหนด ส่วนใหญ่จะตรงกับวันตรุษจีนของทุกปี(หน้า 60) |
|
Education and Socialization |
โรงเรียนแม่ฟ้าหลวง เปิดสอนระดับอนุบาลถึงระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 (หน้า 47) ประชากรบ้านมูเซอป่ากล้วย ได้รับการศึกษาจำนวน 88 คน (ร้อยละ 59.86) ส่วนใหญ่ผู้ที่ไม่ได้รับการศึกษาจะมีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป เพศหญิงและเพศชายได้รับการศึกษามีจำนวนใกล้เคียงกันคือ ร้อยละ 48.86 และร้อยละ 51.14 ตามลำดับ (หน้า 59) |
|
Health and Medicine |
ชาวบ้านส่วนใหญ่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงเนื่องจากมีพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่เหมาะสม หากมีการเจ็บป่วยไม่มากก็จะรักษาที่สถานีอนามัย หากเจ็บป่วยมากหรือคลอดบุตร จะไปรักษาที่โรงพยาบาลอำเภอแม่จันหรืออำเภอเมือง(หน้า 58-59) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
ปัจจุบันมูเซอที่มีการศึกษาได้เปลี่ยนมาใช้นามสกุลภาษาไทยเพื่อสะดวกในการติดต่อราชการ(หน้า 27) |
|
Other Issues |
ผลกระทบที่เกิดจากการชะล้างพังทลายของดิน จำแนกได้เป็น 2 ประเภทคือ ผลเสียในพื้นที่ที่เกิดการชะล้างพังทลายของดิน เช่น การสูญเสียดินชั้นบน การสูญเสียธาตุอาหารในดิน การสูญเสียประสิทธิภาพของผลผลิตทางการเกษตร เป็นต้น ส่วนผลเสียในพื้นที่อื่นๆ ที่อยู่ไกลจากบริเวณที่เกิดการชะล้างพังทลายของดิน เช่น ทำให้เกิดการตกตะกอนและทางน้ำตื้นเขิน ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงลักษณะทางอุทกวิทยา (หน้า 8) ปัจจัยสำคัญของการอนุรักษ์ดินที่ควรพิจารณา คือ ทำอย่างไรจึงจะรักษาให้ดินอยู่กับที่ ควบคุมไม่ให้ดินต้องสูญเสียโดยการเซาะกร่อนจากน้ำและลม ทำอย่างไรจึงจะรักษาแร่ธาตุในดินให้คงความอุดมสมบูรณ์อยู่เสมอ และทำอย่างไรถึงจะทำให้ผู้มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบในด้านการอนุรักษ์ดิน ตลอดจนผู้ที่ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรดินได้มีความรู้ ความเข้าใจและหาแนวทางปฏิบัติให้เกิดผลตามความมุ่งหมายของการอนุรักษ์ดินได้ (หน้า 10) การป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน สามารถจำแนกได้เป็น 2 วิธีหลัก ได้แก่ วิธีกล(Mechanic Control) เช่น การทำขั้นบันไดดิน การควบคุมโดยทำทางระบายน้ำ การไถพรวนตามแนวระดับ การยกร่องตามแนวระดับ เป็นต้น อีกวิธีหนึ่งคือ การควบคุมโดยพืช เช่น การปลูกพืชให้เหมาะสมตามชั้นสมรรถนะที่ดินการปลูกพืชปกคลุมดินและการปลูกพืชเป็นแถบตามแนวระดับ โดยการปลูกพืชให้ขวางทิศทางความลาดชันไปตามแนวเส้นระดับ (หน้า12-16) |
|
Map/Illustration |
ตาราง - จำนวนการใช้ประโยชน์ที่ดินของชาวบ้าน(48) - จำนวนพื้นที่การเกษตรพืชยืนต้น(ไม้ผล)(48) - จำนวนพื้นที่การเกษตรพืชไร่/นา(49) - จำนวนครัวเรือนที่ประกอบอาชีพต่างๆ (57) - ระดับการศึกษาของประชากรบ้านมูเซอป่ากล้วยที่มีอายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป(59) - การปลูกไม้ยืนต้นต่อไร่ ต่อครอบครัว โดยจำแนกเป็นชนิดของพืชที่ปลูก(66) ภาพ - การป้องกันการพังทลายของดินโดยวิธีกลแบบขั้นบันไดดิน(12) - การระบายน้ำด้วยระบบที่สร้างขึ้น(13) - การปลูกหญ้าแฝกแบบการระบายน้ำภายใต้ระบบของต้นพืช(20) - ระบบการป้องกันหน้าดินและการสร้างตัวของต้นหญ้าแฝก(20) - การอพยพของชาวเขาเผ่าต่างๆเข้าสู่ประเทศไทย(26) - แนวคิดทฤษฎีการเรียนรู้การวางเงื่อนไขแบบการกระทำแผนที่จังหวัดเชียงราย(36) - แผนที่จังหวัดเชียงราย(50) - แผนที่แสดงที่ตั้งบ้านมูเซอป่ากล้วย ตำบลแม่ฟ้าหลวง อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย(51) - แผนที่หมู่บ้านมูเซอป่ากล้วย(52) - ลักษณะการพังทลายหน้าดินในพื้นที่ใกล้เคียงที่ไม่มีการป้องกัน(63) - ลักษณะการขุดร่องน้ำแบบขั้นบันไดในไร่ของมูเซอ(65) - การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำเกษตรของมูเซอจากไร่ข้าวมาเป็นไม้ยืนต้น(67) - ลักษณะการทำนาแบบขั้นบันไดของมูเซอ(68) - พื้นที่ป่าชุมชนของมูเซอที่มีการอนุรักษ์ไว้ตั้งแต่เริ่มตั้งหมู่บ้าน(70) |
|
|