|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
เย้า,องค์กรการเมือง,นโยบายรัฐ,ลำปาง |
Author |
Syed Jamal Jaafar |
Title |
The Election of a Yao Headman |
Document Type |
บทความ |
Original Language of Text |
ภาษาอังกฤษ |
Ethnic Identity |
อิ้วเมี่ยน เมี่ยน,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ม้ง-เมี่ยน |
Location of
Documents |
ห้องสมุดกลางมหาวิทยาลัยเชียงใหม่, ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
3 |
Year |
2518 |
Source |
Farmer in the Hills : Upland Peoples of North Thailand, Anthony R. Walker (Editor),p.37-39. จัดพิมพ์โดย The School of Comparative Social Sciences พิมพ์ที่ Universiti Sains Malaysia Press}หน้า 37-39 |
Abstract |
บทความนี้มีเนื้อหาเกี่ยวข้ององค์กรการเมืองในหมู่บ้านเย้าบ้าน Khun Haeng อำเภองาว จังหวัดลำปางโดยเน้นกระบวนการเลือกตั้งผู้นำหรือหัวหน้าหมู่บ้านตามวิธีการที่เป็นทางการซึ่งจัดโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ จากการสังเกตการณ์การเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านเย้าบ้าน Khun Haeng ผู้เขียนพบว่า สิ่งสำคัญของการเลือกผู้ใหญ่บ้านนี้ คือการปะทะกันระหว่างแนวคิดตามจารีตเกี่ยวกับการสืบทายาทผู้นำ และความต้องการของกฎหมายไทยซึ่งเป็นโลกสมัยใหม่ เย้ายังคงต้องการการสืบทอดตำแหน่งผู้นำผ่านทายาทต่อไป ผู้เขียนมองว่าอาจเกิดการปะทะกันระหว่างสองฝ่ายในอนาคตที่บ้าน Khun Haeng |
|
Focus |
เสนอภาพองค์กรการเมือง ของชาวเย้าบ้าน Khun Haeng อำเภองาว จังหวัดลำปาง |
|
Ethnic Group in the Focus |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
|
Political Organization |
การปกครองส่วนภูมิภาคของไทยแบ่งเป็นจังหวัด อำเภอ ตำนล หมู่บ้าน และบ้าน (sub - villages) รูปแบบการปกครองนี้ใช้ทั้งกับหมู่บ้านไทยซึ่งเป็นชนส่วนใหญ่และหมู่บ้านชนกลุ่มน้อยที่ไม่ใช่คนไทยที่อยู่ในราชอาณาจักร บ้าน Khun Haeng เป็นหนึ่งในหมู่บ้านย่อย หรือบ้าน (sub - villages) รัฐบาลไทยครอบทับการปกครองของไทยเข้าไปบนสถาบันทางการเมืองดั้งเดิม ไม่มีแนวโน้มที่จะแทรกแซง แต่ทำให้แข็งแรงขึ้นด้วยการแต่งตั้งหัวหน้าหมู่บ้านเป็นผู้ใหญ่บ้านอย่างเป็นทางการโดยรัฐ อย่างไรก็ตาม โดยกฎหมายไทยผู้ใหญ่บ้านจะต้องเกษียณเมื่ออายุ 60 ปีและรัฐบาลบังคับใช้กฏหมายนี้ ทำให้หัวหน้าหมู่บ้านเดิมต้องพ้นจากตำแหน่งเมื่ออายุ 60 ปีด้วย ในสังคมเย้าปกติลูกชายของหัวหน้าหมู่บ้านจะสืบทอดตำแหน่งหัวหน้าหมู่บ้านต่อจากหัวหน้าคนเดิมที่ตายไป ทำให้สถานการณ์ในหมู่บ้านเย้าต้องเปลี่ยนไป ลูกชายอาจต้องรับตำแหน่งก่อนพ่อตาย และอาจทำให้เกิดปัญหาอีกอย่างคือ ความจงรักภักดีของลูกบ้านยังคงมีต่อพ่อซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านเดิม (หน้า 37) การเลือกตั้ง ผู้วิจัยได้อยู่ในเหตุการณ์วันเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน Khun Haeng ซึ่งจัดขึ้นวันที่ 4 เมษายน ค.ศ.1973 ที่อาคารของโรงเรียน จัดการโดยกำนันของตำบล Pong Tao ที่บ้าน Khun Haeng สังกัดอยู่ เวลา 12.10 น. - กำนันรอชาวบ้านอยู่ที่โต๊ะ เวลา 12.15 น. - กำนันกล่าวกับชาวบ้านสรุปความว่าชาวบ้านได้อาศัยอยู่มาเกินสามปีแล้ว จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายเหมือนคนไทย ทุกครอบครัวต้องร่วมมือกันเพื่อผลประโยชน์ของหมู่บ้าน และต้องช่วยเหลือประเทศชาติ อย่าคิดว่าเจ้าหน้าที่ไทยไม่ได้ทำอะไรให้ การร่วมกิจกรรมนี้เป็นผลประโยชน์ของชาวบ้าน Khun Haeng เอง เวลา 1.00 น. - มีชาวเย้ามาเลือกตั้งนับได้ 41 คน เวลา 1.05 น. - เริ่มการเลือกตั้ง มีผู้ได้รับการเสนอชื่อสามคนคือ 1. Lao Tsu ลูกชายของหัวหน้าคนเก่า 2. Wuen Fuey หมอผี (spirit doctor) 3. Chan Hin ชายวัยกลางคนบุคลิกไม่ค่อยดึงดูดความสนใจ ระบบการลงคะแนนคือแต่ละคนเดินไปที่กระดานดำที่มีชื่อของผู้รับเลือกตั้ง แล้วทำเครื่องหมายที่ชื่อที่ตนเลือก - เวลา 1.10 น. ผลการเลือกตั้งคือ Lao Tsu ลูกชายหัวหน้าหมู่บ้านคนเก่าได้ 27 เสียง Wuen Fuey หมอผีได้ 14 เสียง และ Chan Hin ได้ 0 (คนที่เสนอชื่อเขาก็ไม่ได้ลงคะแนนให้เขา) หลังจากลงคะแนนแล้วกำนันได้ประกาศว่า Lao Tsu จะเป็นหัวหน้าหมู่บ้านคนใหม่ - เวลา 1.15 น. Lao Tsu ลุกขึ้นยืนประกาศว่าเขาไม่ต้องการรับตำแหน่งหัวหน้า เพราะตระหนักว่าการที่ชาวบ้านเลือกเขาเป็นเพราะเขาเป็นลูกชายของหัวหน้าคนเก่าทุกคนแสดงความเคารพต่อพ่อของเขา เขาบอกว่าเขายังอายุน้อยยังไม่มีครอบครัวและมักต้องออกจากหมู่บ้านเพื่อไปทำธุรกิจ - เวลา 1.20 น. กำนันให้ความเห็นว่าการตัดสินใจขึ้นกับชาวบ้าน แต่ไม่มีประโยชน์ที่จะบีบบังคับให้คนที่ไม่สมัครใจต้องรับตำแหน่ง เสียงส่วนใหญ่ยกมือเห็นด้วยที่จะเลือกคนอื่น - เวลา 1.25 น. การเลือกตั้งครั้งใหม่ใช้ยกมือลงคะแนนเสียง ผลคือ Wuen Fuey หมอผีได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าคนใหม่ ผู้วิจัยพบว่า 1. มีผู้ไปลงคะแนนเสียงค่อนข้างน้อย มีเพียง 41 ใน 62 หัวหน้าครอบครัวที่เข้าร่วม เพราะคนส่วนใหญ่ยังถือว่าหัวหน้าคนเก่าเป็นหัวหน้าของเขา ฉะนั้นจึงไม่สนใจว่าใครจะได้รับเลือก อีกเหตุผลหนึ่งคือส่วนใหญ่ทำงานอยู่ในไร่และไร่ก็อยู่ไกลต้องเดินถึง 4 ชั่วโมง 2. เย้าเหล่านี้ยังคงต้องการการสืบทอดตำแหน่งผู้นำผ่านทายาท แต่ชาวบ้านไม่สามารถเลือกผู้นำผู้สูงอายุเดิมได้ จึงเลือกลูกชายของผู้นำเดิม แต่ลูกชายปฏิเสธที่จะรับตำแหน่ง เนื่องจากพื้นฐานความคิดที่ว่า เย้าที่ลงคะแนนเลือกเขาเปรียบเสมือนไม่เคารพต่อพ่อของเขา อย่างไรก็ตามเมื่อมีการเลือกใหม่ ชาวบ้านที่เลือกเขาเปลี่ยนไปเลือกคนใหม่เพียง 8 คนเท่านั้น ที่เหลือก็ยังคงเลือกลูกชายหัวหน้าคนเก่าไม่สนใจการถอนตัวของเขา 3. บทบาทของกำนันเป็นตัวแทนของรัฐบาลไทยในการเลือกตั้งท้องถิ่น แสดงออกถึงผลประโยชน์ของรัฐอย่างแจ่มชัดในกิจการของหมู่บ้าน การแสดงออกของกำนันทำให้เย้ามีความรู้สึกถึงความเป็นส่วนหนึ่งของชาติไทย สุดท้าย สิ่งสำคัญของการเลือกผู้ใหญ่บ้านนี้ คือการปะทะกันระหว่างแนวคิดตามจารีตเกี่ยวกับการสืบทายาทผู้นำ และความต้องการของกฎหมายไทยซึ่งเป็นโลกสมัยใหม่ เย้ายังคงต้องการการสืบทอดตำแหน่งผู้นำผ่านทายาทต่อไป เมื่อมีการลงคะแนนครั้งที่สองเพื่อเลือกคนอื่น เย้าส่วนใหญ่ที่สนับสนุนลูกชายผู้นำปฏิเสธที่จะเปลี่ยนการลงคะแนน แต่ที่สุดก็ได้ผู้ชนะที่อยู่อีกฝ่ายหนึ่งซึ่งมีคะแนนเสียงชนะเพียงสามคะแนน ผู้วิจัยมองว่าอาจเกิดการปะทะกันระหว่างสองฝ่ายในอนาคตที่บ้าน Khun Haeng (หน้า 38-39) |
|
Education and Socialization |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
|