|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ปกาเกอะญอ จกอ คานยอ (กะเหรี่ยง), การเปลี่ยนแปลงทางสังคม, วิถีการผลิต, การเกษตร, เชียงใหม่ |
Author |
เฉลิมศักดิ์ ขัตติยะ |
Title |
การเปลี่ยนแปลงทางสังคมอันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงวิถีการผลิตด้านการเกษตรของชุมชนกระเหรี่ยง |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ปกาเกอะญอ,
|
Language and Linguistic Affiliations |
จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
118 |
Year |
2541 |
Source |
หลักสูตรปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการศึกษานอกระบบ คณะศึกษาศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย |
Abstract |
ในอดีตกะเหรี่ยงบ้านแม่ยางมีความผูกพันกับธรรมชาติ มีความเป็นอยู่แบบง่ายๆ การผลิตทางการเกษตรเน้นเพื่อการบริโภคในครัวเรือน มีการแลกเปลี่ยนผลผลิตกันระหว่างเพื่อนบ้านและเครือญาติ ต่อมาเมื่อนายทุนได้นำเอาพืชเศรษฐกิจ โดยเฉพาะ สตอเบอรี่เข้ามาในชุมชน ทำให้ระบบการผลิตของชุมชนเปลี่ยนจากการผลิตเพื่อการบริโภคเป็นการผลิตเพื่อการค้า มีการนำเอาเทคโนโลยีทางการเกษตรเข้ามาใช้ในการผลิต ส่งผลต่อกระบวนการผลิตของชุมชนในด้านวิถีการผลิต ระบบความสัมพันธ์ ความเชื่อ ค่านิยม และวิถีชีวิต ระบบเงินตรากลายเป็นปัจจัยสำคัญในการแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ เพื่อให้ได้สิ่งของที่ตนต้องการ และยังเป็นการบ่งชี้ถึงสถานภาพทางเศรษฐกิจของตนเองอีกด้วย การเปลี่ยนแปลงวิถีการผลิตของกะเหรี่ยง ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงสภาพนิเวศวิทยาของหมู่บ้าน การเรียนรู้โดยการปฏิบัติในระบบการผลิตของกะเหรี่ยงซึ่งได้รับการถ่ายทอดความรู้จากนายทุน ส่วนปัจจัยภายนอก มีตลาดรองรับผลผลิต มีการประกันราคาผลผลิต ได้รับการสนับสนุนเงินทุนสำหรับการผลิตทั้งจากหน่วยงานรัฐและเอกชนตลอดจนการคมนาคมมีความสะดวกมากขึ้น ในการขนส่งผลผลิตสู่ตลาด ผลจากการเปลี่ยนแปลงวิถีการผลิต ทำให้ชุมชนกะเหรี่ยงบ้านแม่ยางห้ามีการเปลี่ยนแปลงในด้านความสัมพันธ์ทางสังคม จากความสัมพันธ์ที่เคยมีการช่วยเหลือกันในการผลิตเปลี่ยนมาเป็นการผลิตที่ต่างคนต่างทำการผลิต ความผูกพัน ความไว้วางใจทางเครือญาติและเพื่อนบ้านลดน้อยลง วิถีที่เรียบง่ายเปลี่ยนมาสู่ชีวิตที่รีบเร่ง ไม่มีเวลาไปมาหาสู่กันเหมือนในอดีต |
|
Focus |
ศึกษาการเปลี่ยนแปลงวิถีการผลิตและผลกระทบที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมของชุมชนชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงอันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงวิถีการผลิต |
|
Theoretical Issues |
หลังจากที่กะเหรี่ยงบ้านแม่ยางห้าเปลี่ยนแปลงวิถีการผลิต ทำให้สังคมมีการเปลี่ยนแปลง ดังเช่น ในด้านความสัมพันธ์ทางสังคม จากความสัมพันธ์ที่เคยมีการเอาแรงในการผลิตร่วมกันเปลี่ยนเป็นการผลิตที่ต่างคนต่างทำการผลิต มีการนำเทคโนโลยีทางการเกษตรเข้ามาใช้ในการผลิต ก่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่มีความหลากหลายและซับซ้อนกับนายทุนในการพึ่งพาปัจจัยการผลิตทางการเกษตร วิถีการผลิตแบบดั้งเดิมถูกปรับเปลี่ยนเป็นการปลูกพืชเศรษฐกิจ(สตอเบอรี่)เพื่อการค้า การผลิตเพื่อการค้าทำให้วิถีชีวิตเปลี่ยนจากชีวิตที่เรียบง่ายมาสู่ชีวิตที่รีบเร่ง การพึ่งพาอาศัยกันและกันลดน้อยลง ในการผลิตเพื่อการค้า ทำให้เกษตรกรถูกเอารัดเอาเปรียบจากนายทุนไม่ว่าจะเป็นรายได้ การแบ่งปันผลประโยชน์ ก่อให้เกิดความขัดแย้งในการผลิต จึงมีเกษตรกรบางคนรวมกลุ่มเกษตรกรด้วยกันเพื่อที่จะทำให้กลุ่มมีอำนาจทางสังคมในการกระจายรายได้ เป็นต้น (หน้า 106 - 107) |
|
Ethnic Group in the Focus |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
หมู่บ้านแม่ยางห้า ตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2495 จากการสอบถามจากผู้สูงอายุ พบว่าได้ย้ายมาจากหมู่บ้านห้วยฟาน ตำบลบ่อแก้ว ในช่วงแรกย้ายมาเพียง 2 หลังคาเรือน ได้แก่ ครอบครัวของนายเกิดโพ วอพะพอและครอบครัวนางปิแบะ หม่อแปล โดยตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณหุบเขาริมลำห้วยห้วยฟาน เหตุที่ย้ายมาเพราะทั้ง 2 ครอบครัวมีที่นาอยู่ 2 แห่งคือหมู่บ้านหัวตาดและหมู่บ้านห้วยฟาน ประกอบกับพื้นที่หมู่บ้านแม่ยางห้าในปัจจุบันอยู่ระหว่างกึ่งกลางของหมู่บ้านทั้งสอง ซึ่งทั้งสองครอบครัวเห็นว่าหากตั้งบ้าน เรือนอยู่ระว่างกึ่งกลางของที่นาทั้งสองจะทำให้มีความสะดวกมากขึ้น และเนื่องจากทั้งสองครอบครัวดังกล่าวนับถือศาสนาคริสต์ โดยมีคณะมิชชันนารีจากประเทศพม่าเข้ามาประกาศศาสนา ซึ่งทุกอาทิตย์จะต้องมีการนมัสการพระเจ้า แต่ชาวบ้านที่ไม่นับถือศาสนาคริสต์ก็ยังคงทำงานตามปกติทำให้การนมัสการพระเจ้าได้รับเสียงรบกวน จึงทำให้ทั้งสองครอบครัวแก้ไขปัญหาโดยการย้ายบ้านเรือนไปตั้งบริเวณพื้นที่หมู่บ้านแม่ยางห้าในปัจจุบันและต่อมาได้มีครอบครัวอื่นย้ายเข้ามาอยู่มากขึ้นตามลำดับ (หน้า36 - 37) |
|
Settlement Pattern |
หมู่บ้านแม่ยางห้า ตั้งบ้านเรือนเป็นกลุ่มบริเวณที่ราบลุ่มเชิงเขา มีภูเขาล้อมรอบ มีลำห้วยไหลผ่ายทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ภายในหมู่บ้านมีโรงเรียน 1 แห่งตั้งอยู่ทางทิศเหนือของหมู่บ้าน (หน้า 34) |
|
Demography |
ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงสะกอซึ่งเรียกตัวเองว่า ปะ-กา-ยอ นอกจาก นั้นเป็นคนไทยพื้นเมือง (หน้า 35) หมู่บ้านแม่ยางห้า มีจำนวนประชาประกรทั้งสิ้น 868 คน มีจำนวนประชากรเพศชายและเพศหญิงใกล้เคียงกัน คือ ชาย 435 คน หญิง 433 คน มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 125 ครัวเรือน (หน้า 41) ในยุคการผลิตแบบดั้งเดิม (ตั้งแต่อดีต - พ.ศ. 2522) มีจำนวนครัวเรือนทั้งสิ้น 20 ครัวเรือน ในยุคของการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่การปลูกสตอเบอรี่ (พ.ศ. 2522 - 2528) มีจำนวน 40 ครัวเรือน (หน้า 61 - 63) |
|
Economy |
ชาวบ้านยังคงยึดอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก เนื่องจากความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ ซึ่งได้แก่การเพาะปลูกทำไร่ ทำนาและทำสวนเช่น สตอเบอรี่ กาแฟ กระเทียม โดยเฉพาะการขายสตอเบอรี่ในปีหนึ่งๆ ชาวบ้านมีรายได้ 30,000-35,000 บาทต่อการปลูกในพื้นที่ 1 ไร่ โดยรายได้ในแต่ละปีจะมีความแตกต่างกันไปตามผลผลิตและกลไกของการตลาด นอกจากนี้ ยังมีการประกอบอาชีพเลี้ยงสัตว์เพื่อใช้แรงงานและเพื่อขาย เช่น วัว ควาย หมูและไก่ เป็นต้น ค้าขายและรับจ้าง ซึ่งส่วนมากเป็นงานรับจ้างด้านการเกษตร (หน้า 36-38, 40) ปัจจุบัน การแลกเปลี่ยนผลผลิต ใช้ตัวเงินเข้ามาเกี่ยวข้องเป็นสื่อกลางการแลกเปลี่ยน ตีค่าสิ่งของออกมาในรูปแบบของเงินตรา ทำให้เงินเป็นที่ยอมรับและยังมีค่านิยมให้ความสำคัญกับเงินมากขึ้น ปัจจัยการผลิตบ้านแม่ยางห้า แบ่งออกเป็น 5 ประเภทคือ - ทรัพยากรธรรมชาติ ประกอบด้วยดิน แหล่งน้ำและสภาพภูมิอากาศ - การถือครองที่ดินส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ครอบครอง ร้อยละ 81.50 - แรงงาน แรงงานในกระบวนการผลิตทางการเกษตรมีการแบ่งแยก กล่าวคือ แรงงานชายจะทำงานหนักในกระบวนการผลิตตั้งแต่เริ่มกระบวนการผลิต ส่วนแรงงานหญิงจะทำงานบ้าน หลังจากนั้นก็จะช่วยสามีทำงานตามท้องไร่ท้องนา นอกจากนี้ยังมีแรงงานรับจ้างเข้ามาช่วยในการผลิต - ทุน การที่มีการที่มีการขยายพื้นที่การผลิตแสดงให้เห็นถึงการเพิ่มทุนในการผลิตของกะเหรี่ยง ทำให้กะเหรี่ยงต้องพึ่งพานายทุนสำหรับการประกอบการ โดยเฉพาะการพึ่งพาด้านเงินทุน อุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ ทางการเกษตร นอกจากนี้ยังมีการกู้เงินจากเครือญาติและเพื่อนบ้าน การกู้ประเภทนี้มีวงเงินจำนวนไม่มาก ซึ่งโดยมากจะเป็นการกู้เพื่อใช้จ่ายในกรณีฉุกเฉิน - การประกอบการ การเปลี่ยนแปลงวิถีการผลิต ทำให้กะเหรี่ยงบ้านแม่ยางห้าเร่งรีบเพื่อนำผลผลิตออกสู่ตลาด โดยเฉพาะการเก็บสตอเบอรี่ การจำหน่ายส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะของการจำหน่ายให้กับนายทุนที่ลงทุนให้ สำหรับกะเหรี่ยงที่มีทุนหรือได้รับการสนับสนุนจากองค์กรพัฒนาเอกชนจะจำหน่ายให้กับพ่อค้าหรือบริษัทในเมืองเชียงใหม่ (หน้า 68-73) |
|
Social Organization |
กะเหรี่ยงบ้านแม่ยางห้ามีลักษณะเป็นครอบครัวเดี่ยว มีสมาชิกครัวเรือนเฉลี่ย 4 - 5 คน การแต่งงานของกะเหรี่ยงบ้านแม่ยางห้า การสู่ขอส่วนใหญ่ฝ่ายหญิงจะไปสู่ขอฝ่ายชายโดยญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจะพูดคุยตกลงกัน (หน้า 55) |
|
Political Organization |
การเมืองการปกครองในหมู่บ้านแม่ยางห้า จะมีลักษณะเป็นครึ่งจารีตครึ่งทางราชการโดยจะมีผู้นำทั้งเป็นแบบทางการและไม่เป็นทางการ หมู่บ้านแม่ยางห้าได้รับการแต่งตั้งโดยทางราชการเมื่อ พ.ศ. 2503 ปัจจุบันหมู่บ้านแม่ยางห้าเป็นหมู่บ้านอาสาพัฒนาป้องกันตนเอง (อพป.) ถือหลักปกครองตามระเบียบของทางราชการ มีผู้ใหญ่บ้านที่ชาวบ้านเลือกขึ้นมาทำหน้าที่เป็นผู้นำหมู่บ้านและเป็นตัวแทนของทางราชการ (หน้า 53-54) |
|
Belief System |
กะเหรี่ยงสะกอหมู่บ้านยางห้านับถือศาสนาคริสต์นิกายโปแตสแตนส์ มีการนับถือพระเจ้าเป็นหลัก (หน้า 35,51) โดยมีพิธีสำคัญๆ คือ - พิธีกินข้าวหัว (ออบือโค) หัวหน้าครอบครัวจะเป็นผู้กำหนดวันพิธี โดยแต่ละครอบครัวจะมีการหุงข้าวที่ได้เก็บเกี่ยวไว้และเตรียมอาหารประเภท เนื้อไก่ นก หนู เป็นต้น เมื่อเตรียมอาหารเรียบร้อยแล้ว หัวหน้าครัวเรือนจะเป็นผู้รับประทานอาหารก่อนสมาชิก แต่ในพิธีมีอาหารที่ห้ามรับประทานคือ น้ำพริก เพราะมีความเชื่อว่า อาจจะทำให้ปีต่อไปขาดแคลนอาหาร ดังนั้นจะต้องรับประทานอาหารที่ดีเพื่อจะให้ปีต่อไปมีอาหารที่อุดมสมบูรณ์สำหรับครอบครัวต่อไป(หน้า 39 - 40) - พิธีปรามาต่าโพหมื่อนี่ เป็นพิธีขอพรจากพระเจ้า เริ่มทำเวลา 12.00 น. โดยกำหนดวันใดวันหนึ่งของเดือนพฤษภาคม เป็นพิธีก่อนชาวบ้านทำนา เพื่อขอพรให้ฝนตกตามฤดูกาล ผู้ทำไร่ทำนา จงอย่าได้เจ็บป่วย ขอให้ผลผลิตทุกอย่างที่ทำจงได้ผลดี ขอให้ได้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้นและขอให้ทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการทำไร่ปลอดภัย - พิธีวันปีใหม่(นีทอซอ) เริ่มพิธีในคืนวันที่ 31 ธันวาคม สมาชิกทุกคนจะรวมตัวกันที่โบสถ์เพื่อประกอบกิจกรรมร่วมกันทั้งคืน เช่น ร้องเพลง เล่านิทาน เป็นต้น ในช่วงเวลา 24.00 น.จะมีการนมัสการพระเจ้า หลังจากนั้นจะไม่หลับนอนจนถึงรุ่งเช้าของวันที่ 1 มกราคม แล้วก็จะยิงปืนขึ้นฟ้า เวลา 8.00 น.จะมีการนมัสการพระเจ้าเพื่ออธิษฐานขอบคุณพระเจ้าสำหรับผลผลิตทางการเกษตรที่ได้รับ - พิธีวันคริสต์มาส (คริโอแผล่) จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 24 -25 ธันวาคม พิธีจะเริ่มในคืนวันที่ 24 มีการนมัสการพระเจ้าที่โบสถ์ เพื่อเป็นการแสดงความยินดีที่พระเจ้าได้ส่งพระเยซูคริสต์มาบังเกิดบนโลกมนุษย์สำหรับไถ่ความผิดบาปของมนุษย์ หลังจากนั้นก็จะมีการร้องเพลงอวยพรหรือที่เรียกว่า "ซาราเน็ด" พิธีขอบคุณพระเจ้า(มะตะโพหมื่อนี) ทำพิธีหลังการเก็บเกี่ยวแล้ว ชาวบ้านจะขอบคุณพระเจ้าที่ได้ประทานปัจจัยการผลิตต่างๆ โดยจะมีพิธีนมัสการพระเจ้าที่โบสถ์ สมาชิกจะนำเอาผลผลิตทางการเกษตรที่ตนเองมาปลูกถวายที่โบสถ์ เมื่อเสร็จจากการนมัสการแล้วก็จะนำเอาผลผลิตเหล่านี้มาประมูลราคา เพื่อนำเงินมาสมทบเป็นเงินทุนของโบสถ์ต่อไป หลังจากนั้นสมาชิกทุกคนจะร่วมรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน (หน้า 52-53) - พิธีแต่งงานของกะเหรี่ยงบ้านแม่ยางห้า จะทำพิธีทางศาสนาที่โบสถ์ ซึ่งก่อนทำพิธีจะมีการถามคู่บ่าวสาวว่าเคยล่วงเกินกันหรือไม่ ถ้าเคยได้เสียกันก่อนการแต่งงานก็จะทำพิธีช่วงกลางคืนและมีการเลี้ยงเพียงเล็กน้อย ส่วนบ่าวสาวที่บริสุทธิ์จะจัดพิธีใหญ่โต หลังจากแต่งงานแล้วคู่บ่าวสาวจะต้องอาศัยอยู่กับบิดามารดาฝ่ายหญิงเป็นเวลา 3 ปีแล้วจึงจะย้ายไปที่อื่นได้ ยกเว้นกรณีที่ฝ่ายหญิงมีพี่น้องมากสามารถที่จะขอย้ายได้ก่อน 3 ปี(หน้า 55) |
|
Education and Socialization |
ประชากรในหมู่บ้านแม่ยางห้า ส่วนใหญ่จบการศึกษาระดับประถมศึกษาปีที่ 4 จากข้อมูล กชช.2ค สำรวจปี พ.ศ. 2539 พบว่ามีประชากรที่มีอายุช่วงระหว่าง 14 - 50 ปี เป็นคนที่ไม่รู้หนังสือ จำนวน 38 คนและมีประชากรที่พลาดโอกาสทางการศึกษาภาคบังคับแต่ได้รับการบริการตามหลักสูตรการศึกษานอกโรงเรียน จำนวน 10 คน (หน้า 42) |
|
Health and Medicine |
หมู่บ้านแม่ยางห้ามีสถานบริการสาธารณสุขชุมชน (สสช.) มีเจ้าหน้าที่ประจำ 1 คน นอกจากนี้ ยังมีอาสาสมัครสาธารณะสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และมีผู้สื่อข่าวสาธารณะสุขประจำหมู่บ้าน(ผสส.) ทำหน้าที่สื่อข่าวสารจาก สสช. สู่หมู่บ้าน สำหรับการรักษาพยาบาลแบบดั้งเดิม จะใช้สมุนไพรในการรักษา ปัจจุบันชาวบ้านนิยมไปรักษาที่สถานีอนามัยบ่อแก้วซึ่งห่างจากหมู่บ้านประมาณ 2 กิโลเมตร ควบคู่กับการรักษาแบบดั้งเดิม (หน้า 47) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
การแต่งกายของกะเหรี่ยงบ้านแม่ยางห้า จะแต่งกายชุดกะเหรี่ยงในพิธีที่สำคัญภายในหมู่บ้าน การแต่งกายของผู้ชายกะเหรี่ยงจะนุ่งกางเกงเหมือนคนพื้นเมือง ใส่เสื้อสีแดงมีพู่ห้อยเป็นตอนๆ ส่วนหญิงที่แต่งงานแล้วใส่เสื้อสีน้ำเงินมีลายดอกตรงครึ่งท่อนล่างของเสื้อ ส่วนหญิงที่ยังมิได้แต่งงานจะสวมชุดยาวท่อนเดียว ยาวลงไปถึงข้อเท้าสีขาว เสื้อผ้าของกะเหรี่ยงจะเป็นเสื้อผ้าที่ทอใช้เอง (หน้า 56) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
สังคมกะเหรี่ยงได้เปลี่ยนรูปแบบการผลิตทางการเกษตรจากการผลิตเพื่อยังชีพมาสู่การเกษตรแผนใหม่หรือการปลูกพืชเชิงเดี่ยวเป็นการผลิตเพื่อการค้า (หน้า 4) ในอดีตชาวบ้านทำการผลิตเพื่อยังชีพ แต่ปัจจุบันชาวบ้านได้ทำการผลิตเพื่อการค้ามากขึ้นโดยสังเกตจากการปลูกพืชเศรษฐกิจเป็นจำนวนมากทดแทนการปลูกข้าวซึ่งเคยเป็นพืชหลักของชุมชน (หน้า 37-38) ปัจจุบัน มีการเลี้ยงวัวควายน้อยกว่าในอดีตเนื่องจากชาวบ้านนำเอาเครื่องทุ่นแรงมาทดแทนแรงงานสัตว์ เช่น รถไถ (หน้า 40) ปัจจุบันการแต่งกายของกะเหรี่ยงไม่นิยมใส่เสื้อประจำเผ่า กะเหรี่ยงหันมาใส่เสื้อผ้าของคนพื้นเมือง เนื่องจากหาซื้อได้ง่ายและมีความสะดวกในการใช้ (หน้า 56) การเปลี่ยนแปลงวิถีการผลิต ส่งผลให้กะเหรี่ยงเร่งรีบในการผลิต ส่งผลให้ไม่ค่อยมีเวลาว่าง ทำให้ความสัมพันธ์ทางสังคมของชุมชนลดน้อยลง ไม่มีเวลาไปมาหาสู่เหมือนในอดีตอีกทั้งยังทำให้เงินเป็นที่ยอมรับของกะเหรี่ยงในหมู่บ้านและมีค่านิยมให้ความสำคัญกับเงินมากขึ้น(หน้า 76) การที่กะเหรี่ยงบ้านแม่ยางห้าเปลี่ยนแปลงวิถีการผลิต เป็นผลมาจากการติดต่อและสัมพันธ์กับชาวพื้นเมืองที่มาเช่าที่นาในหมู่บ้านเพื่อปลูกสตอเบอรี่ (หน้า 87) |
|
Map/Illustration |
แผนภาพ - ขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงของสังคมตามความคิดของ ทิตยา สุวรรณชฏ(18) - แผนที่อำเภอสะเมิง(32) - แผนที่ตำบลบ่อแก้ว(33) - แผนที่หมู่บ้านแม่ยางห้า(34) ตาราง - ลักษณะและจำนวนการครอบครองที่ดินทำกิน(35) - แสดงอาชีพของชาวบ้าน(38) - ขนาดการถือครองที่นา(40) - แสดงจำนวนประชากรแยกตามเพศและอายุ(42) - แสดงวุฒิการศึกษาของประชากรที่กำลังศึกษาในปี พ.ศ. 2539(43) - แสดงระดับการศึกษาของนักเรียนโรงเรียนบ้านแม่ยางห้า(45) |
|
|