|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ชาวเขา,ลัวะ,การอนุรักษ์ป่า,เกษตรกร,น่าน |
Author |
พัชรินทร์ ยาระนะ |
Title |
ทัศนคติของเกษตรกรชาวเขาที่มีต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ : กรณีศึกษา ดอยภูคา อำเภอปัว จังหวัดน่าน |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ลัวะ (มัล ปรัย) ลัวะมัล ไปร ลัวะปรัย,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ออสโตรเอเชียติก(Austroasiatic) |
Location of
Documents |
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
(เอกสารฉบับเต็ม) |
Total Pages |
80 |
Year |
2537 |
Source |
หลักสูตรปริญญามหาบัณฑิต สาขาส่งเสริมการเกษตร ภาควิชาส่งเสริมและเผยแพรการเกษตร บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ |
Abstract |
ศึกษาทัศนคติของชาวเขาที่มีต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติป่าไม้ ในพื้นที่ดอยภูคา จังหวัดน่าน โดยการใช้แบบสัมภาษณ์และแบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการศึกษา ผลการศึกษาพบว่าเกษตรชาวเขาที่มีทัศนคติต่ออาชีพเกษตรกรรม และมีความสนใจต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีและงานศึกษาได้เสนอแนวทางในการพัฒนาพื้นที่ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมพลังเพื่อการปฏิบัติงานในการพัฒนาส่งเสริม ให้เกษตรกรทำการเกษตรเชิงอนุรักษ์หรือวนเกษตรเพื่อการอยู่ร่วมกัน และพึ่งพาอาศัยป่าไม้โดยไม่สร้างปัญหาการบุกรุกทำลายป่าสามารถทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและทำให้การอนุรักษ์มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น |
|
Focus |
ศึกษาลักษณะพื้นฐานทั่วไปและทัศนคติที่มีต่ออาชีพ เกษตรกรรมและการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ของเกษตรกรชาวเขาที่ดอยภูคาและวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อทัศนคติของเกษตรกรชาวเขาในการอนุรักษ์ป่าไม้รวมถึงปัญหาและความต้องการในอนาคตที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ |
|
Ethnic Group in the Focus |
ชาวเขาดอยภูคา อำเภอปัว จังหวัดน่าน ในงานศึกษาใช้คำว่า "ชาวเขา" ในพื้นที่ และมีชื่อที่เรียกกันก่อให้เกิดความสับสนอยู่ 3 ชื่อ คือ ถิ่น ลัวะ ขมุ (หน้า 2) รวมถึงการสัมภาษณ์ทัศนะของชาวเขาซึ่งระบุไว้ว่าเป็นชาวเขาเผ่าถิ่น (ลัวะ) (หน้า 71 และ 72) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
ไม่ได้ระบุไว้อย่างระเอียดแต่ระบุไว้ว่าสัมภาษณ์และเก็บข้อมูลจากชาวเขาดอยภูคา อำเภอปัว จังหวัดน่าน เมื่อเดือนพฤษภาคม 2537 |
|
History of the Group and Community |
เมืองน่าน อดีตเป็นเมืองที่ปิดล้อมด้วยขุนเขาและป่าทึบได้เปลี่ยนแปลงไปตามกระแสสังคมป่าไม้ได้ถูกตัดทำลายไปบางส่วนที่เหลือในปัจจุบันเป็นป่าที่ชุมชนได้อนุรักษ์ไว้ ชุมชนได้เริ่มหันมาอนุรักษ์ บ้างประยุกต์พิธีกรรมทางศาสนา เช่น การบวชต้นไม้ การทอดผ้าป่าต้นไม้สู่ชุมชนชาวเขาในจังหวัดน่าน เรียกว่า "ลัวะ" ซึ่งถิ่นที่แท้จริงก็คือ ลัวะเมืองน่าน ชาวเขาส่วนใหญ่กระจาย อยู่ในพื้นที่และล้าหลังก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ เช่น การทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ปัญหาความมั่นคงและการปลูกฝิ่น รองลงมา ก็เป็นปัญหาความยากจนการทำไร่เลื่อนลอยของชาวเขาเผ่าลัวะ ถูกจัดให้อยู่ในข่ายผู้ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ แต่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น วิธี "เฮ็ดไฮ่" หรือ "แองแช" (ภาษาลัวะเมืองน่าน) จะทำการหักล้างถางพง ตัดไม้เผาป่าเพื่อปลูกข้าวไร่ใหม่ทุกปี สำหรับความสำคัญทางประวัติศาสตร์ชาวจังหวัดน่านรู้จักดอยภูคาเป็นอย่างดี และเชื่อมั่นว่าเป็นเมืองเก่าของบรรพบุรุษอยู่ในเขตเทือกเขาดอยภูคา มีเจ้าพ่อหลวงภูคา มีบุตรชาย 2 คน ได้แก่ ขุนนุ่มและขุนฟอง ต่อมาเจ้าหลวงภูคาได้ให้บุตรชายทั้งสองไปสร้างบ้านเมืองของตนเองขุนนุ่มไปสร้างบ้านเมืองอยู่ที่ลาวส่วนขุนฟองสร้างบ้านเมืองอยู่ที่บริเวณพื้นที่ราบชายฝั่งไทยเขตอำเภอปัว จังหวัดน่านในปัจจุบัน ชื่อว่าเมืองวรนครแล้วตั้งตัวขึ้นเป็นกษัตริย์ซึ่งคาดว่าตรงกับรัชสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราชแห่งอาณาจักรสุโขทัย ต่อมารัชสมัยพญาการเมืองเป็นผู้ครองนครองค์ที่ห้า ได้ย้ายเมืองใหม่มาอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำน่านแล้วสร้างบ้านเมืองขึ้นบริเวณพระธาตุแช่แห้งเมื่อปี พ.ศ. 1901 ชื่อเวียงภูเพียงแช่แห้ง อีกสิบปีต่อมาในสมัยพระยาผากองผู้ครองนครองค์ที่หก ได้เกิดความแห้งแล้งระบาดไปทั่วจึงอพยพผู้คนข้ามฝั่งแม่น้ำน่านมาทางทิศตะวันตกแล้วสร้างเมืองขึ้นมาใหม่ชื่อว่าเมืองนันทบุรี นครน่าน จึงได้กลายมาเป็นจังหวัดน่านในปัจจุบัน (หน้า 2,11,17) |
|
Settlement Pattern |
ประชากรของหมู่บ้านเป้าหมายทั้ง 21 หมู่บ้าน ได้รับการจัดตั้งหมู่บ้าน ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยและหมู่บ้านปกป้องชายแดนซึ่งอยู่ในบริเวณพื้นที่ของต้นลำน้ำน่านชาวเขาส่วนใหญ่มักจะทำไร่เลื่อนลอย สภาพของชาวบ้านส่วนใหญ่ยังประสบปัญหาเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง (หน้า 15) |
|
Demography |
เพศชายร้อยละ 93.8 หญิงร้อยละ 6.2 ระบุไว้ในหน้า 28 ชาวเขาของจังหวัดน่านมีประมาณ 55,187 คน หรือประมาณ 13 % ของประชากรทั้งจังหวัด พื้นที่ดอยภูคามีชาวเขาเผ่าถิ่นอยู่ 25 หมู่บ้านและม้ง 1 หมู่บ้านจำนวนถิ่น 963 ครัวเรือน และเผ่าม้ง 68 ครัวเรือน ประชากรที่ใช้ศึกษาในงานวิจัยคือเกษตรกรชาวเขาในเขตพื้นที่ดอยภูคา อ. ปัว จ. น่าน ซึ่งมีประชากรอยู่ 26 หมู่บ้านและมี 839 ครัวเรือน (หน้า 2) |
|
Economy |
ประชากรส่วนใหญ่มีการผลิตการเกษตรเพื่อยังชีพไปวันๆ หนึ่ง การเพาะปลูกเป็นอาชีพสำคัญ โดยเฉพาะข้าวไร่ รายได้ที่เป็นเงินสดจะได้จากการล่าสัตว์ ขายสัตว์เลี้ยง รับจ้างและหาของป่าไปขายที่ตลาดอำเภอปัว และเกษตรกรมีอาชีพเสริมคือการรับจ้าง ทั่วไปเนื่องจากรายได้ดี รายได้ของครอบครัวส่วนใหญ่เท่าที่สำรวจ มีรายได้น้อยกว่า 1,500 บาท/ปี (หน้า 16, 29) |
|
Social Organization |
ไม่มีข้อมูลชัดเจน ระบุไว้เพียงผู้มีบทบาททางสังคมคือ พระอธิการวาทย์ |
|
Political Organization |
ไม่ได้ระบุไว้ในงานวิจัยมีเพียงการกล่าวถึงพระอธิการวาทย์ผู้นำทางสงฆ์ที่ชาวบ้านศรัทธา ยอมรับนับถือและยังมีหัวหน้าอุทยานต้นน้ำ ผู้นำท้องถิ่นที่มีบทบาทสำคัญในการชักชวนให้เกษตรกรมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ (หน้า 80) |
|
Belief System |
เกษตรกรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธและร้อยละ 0.6 นับถือศาสนาคริสต์ (หน้า 29) ในทางพุทธศาสนากล่าวกันว่าพระครูพิทักษ์นันทคุณได้ปลูกจิตสำนึกสิ่งแวดล้อม ป่าภูเขา เช่น ทำพิธีต่อชะตาป่าซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน (หน้า 2,6) ในฤดูการผลิตแต่ละปี ลัวะจะประกอบพิธีเซ่นไหว้ผี เช่น ระยะต้นฤดูการผลิต ซึ่งเริ่มประมาณเดือนมีนาคม-เมษายนเมื่อเลือกที่ทำไร่ได้แน่นอนโดยเชื่อตามการเสี่ยงทายแล้ว จะมีการห่าไก่เซ่นผี เมื่อถึงระยะเวลาเก็บเกี่ยวประมาณเดือนธันวาคม จะมีพิธีทางผีครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง หลังการเก็บเกี่ยวก็จะมีพิธี "ฤกษ์ดอกแดง" และเตรียมต้อนรับฤดูการผลิตใหม่มีการเซ่นไหว้ผีแสดงถึงอำกนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์จิตวิญญาณในธรรมชาติซึ่งสามารถให้คุณให้โทษต่อผลผลิต (หน้า 2) |
|
Education and Socialization |
มีระบบการศึกษาการเรียนการสอนถึงระดับชั้นประถม 6 ร้อยละ 75.3 อ่านหนังสือไม่ออก ร้อยละ 24.7 อ่านหนังสือออก (หน้า 29 และ 76) ในตารางที่ 3 ของหน้า 30 แสดงถึงการอ่านหนังสือได้ของเกษตรกรชาวเขา (หน้า 29, 30) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
ไม่ได้ระบุไว้ชัดเจนเพียงแต่บอกว่าเป็นชาวเขาที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านชายแดน |
|
Social Cultural and Identity Change |
ความศรัทธาที่มีในตัวผู้นำ คือ ความเชื่อรวมถึงการยอมรับในพระอธิการวาทย์ในฐานะผู้นำ ซึ่งเข้ามามีส่วนในการทำกิจกรรมต่อชุมชน ในปัจจุบันชาวเขาได้รับข้อมูลข่าวสารได้หลายทางเมื่อความเจริญเข้ามาถึง เช่น โปสเตอร์ประชาสัมพันธ์การอนุรักษ์ วิทยุส่วนใหญ่แล้วมีทุกครัวเรือน เอกสารต่าง ๆ และการเข้ามาในตัวอำเภอในรอบปี เป็นต้น การทำไร่เลื่อนลอยภายหลังหลายหมู่บ้านก็ได้พบว่า มีการเปลี่ยนไปสู่ระบบการทำนาซึ่งน่าให้ความสนใจ และยกภาพขึ้นมาใหม่ว่า ชาวเขาใช้ที่ดินระบบการอนุรักษ์ และชาวเขามีความต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงเพื่อความอยู่รอด ซึ่งมีเงื่อนไขจากสิ่งแวดล้อมที่ถูกทำลายค่อนข้างมากอีกด้วย (หน้า 6) |
|
Other Issues |
ไม่ได้ระบุไว้แน่ชัด เพียงแต่เสนอแนะสำหรับงานวิจัยในอนาคตไว้ว่า หากมีการทำวิจัยครั้งต่อไปควรศึกษาในเรื่องของปัจจัยที่มีผลต่อการยอมรับระบบวนเกษตรที่เกี่ยวกับการทำเกษตรกรรมแบบเลียนแบบธรรมชาติ และศึกษาในเรื่องของป่าชุมชนรวมไปถึงการเลือกศึกษาพื้นที่ที่กว้างออกไป และเปรียบเทียบ (หน้า 80) |
|
Map/Illustration |
แผนที่แนะนำการท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติดอยภูคา แผนที่ลักษณะภูมิประเทศดอยภูคา มาตราส่วน 1: 50,000 (หน้า 21) |
|
|