|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
มอญ,การอพยพ,การตั้งถิ่นฐาน,ลพบุรี |
Author |
ภูธร ภูมะธน |
Title |
มอญบ้านบางขันหมาก จังหวัดลพบุรี |
Document Type |
บทความ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
มอญ รมัน รามัญ,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ออสโตรเอเชียติก(Austroasiatic) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
27 |
Year |
2536 |
Source |
"กลุ่มชาติพันธุ์วิทยาในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช" เอกสารประกอบการประชุมทางวิชาการเนื่องในงานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ วิทยาลัยครูเทพสตรี (หน้า 8-35) |
Abstract |
มอญบ้านบางขันหมาก จังหวัดลพบุรีมีมอญอาศัยอยู่ประมาณ 5,600 คน ปัจจุบันยังมีประเพณีและวัฒนธรรมบางประการที่ต่างจากชุมชนคนไทย โดยเฉพาะภาษาพูด ความเชื่อในเรื่องวิญญาณบรรพบุรุษและประเพณีเกี่ยวกับการทำมาหากิน ในส่วนของการแต่งกาย ที่อยู่อาศัย ปัจจุบันมีลักษณะไม่ต่างจากคนไทยในชนบท การเข้ามาอาศัยที่บ้านบางขันหมากของมอญ เข้าใจว่าอพยพมาจากชุมชนมอญอื่นในภาคกลางโดยมีแม่น้ำเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกทำเลที่ตั้งหมู่บ้าน |
|
Focus |
ศึกษาการอพยพและการตั้งถิ่นฐานของมอญบ้านบางขันหมาก จังหวัดลพบุรี |
|
Ethnic Group in the Focus |
|
Language and Linguistic Affiliations |
โดยมากมอญบ้านบางขันหมากเขียนและอ่านภาษามอญไม่ได้ คนมอญรุ่นเก่าพูดภาษาไทยไม่ชัด คนที่พูดภาษาไทยชัดมักจะเน้นเสียง "ร" ชัดมากเป็นพิเศษ (หน้า 16-17) |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
ชุมชนมอญบ้านบางขันหมากอพยพจากดินแดนมอญเข้าสู่ประเทศไทยเพราะหนีภัยสงครามกับพม่าหรือทนความทารุณโหดร้ายของพม่าไม่ได้ โดยมากอพยพมาจากจังหวัดใกล้เคียงบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา สิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดคือ อาจอพยพมาจากทางใต้คือ บ้านบางระกำและบ้านโพธิ์ข้าวผอก (หน้า 9) |
|
Settlement Pattern |
มอญนิยมตั้งถิ่นฐานใกล้แม่น้ำ เลือกทำเลใกล้เมือง (หน้า 14) |
|
Demography |
ชุมชนมอญบ้านบางขันหมาก มีมอญทั้งสิ้น 5,565 คน 984 ครัวเรือน (หน้า 13) |
|
Economy |
บ้านบางขันหมากเป็นการผลิตเพื่อขายหรือแลกเปลี่ยน ผลิตข้าวเพื่อกิน ส่วนที่เหลือเก็บไว้ขายและแลกเปลี่ยน มีการนำข้าวเปลือกแลกเปลี่ยนกับสินค้าที่ต้องการซึ่งโดยมากเป็นผลผลิตที่หาได้ยากในชุมชน ในเรื่องของการค้าขายภายในหมู่บ้านจะไม่มีระบบการค้าใดถาวร แต่มอญที่ปทุมธานีไม่ชอบทำนา ชอบค้าขายและรับจ้างขนสินค้าลงเรือ เป็นต้น (หน้า 16-17) นอกจากทำเกษตรแล้วยังมีการเลี้ยงสัตว์ ทำงานจักสาน งานไม้ ทำอิฐ ปั้นหม้อ และทอผ้า เป็นต้น |
|
Social Organization |
สถานภาพระหว่างเพศหญิงและชายไม่มีความต่างไปจากสังคมไทย ผู้ชายเป็นผู้นำของครอบครัว ทำงานในส่วนที่หนักของ ครอบครัวและตัดสินใจในเรื่องอนาคตของลูกๆ เฉพาะผู้หญิงสูงอายุที่มีคุณธรรมเท่านั้นที่ได้รับการยอมรับจากสังคมมอญมากเป็นพิเศษ (หน้า 15) |
|
Political Organization |
ตำบลบางขันหมากมีทั้งหมด 11 หมู่บ้าน ซึ่งโดยมากเป็นมอญ มีกำนันและผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็นมอญด้วยกัน (หน้า 12,15) |
|
Belief System |
ในอดดีต
- การทำอิฐมอญผู้ทำจะต้องทำการบอกเล่าเรียกว่า "การไหว้แม่ย่านางอิฐ" เพราะเมื่อนำดินและแกลบที่มีข้าวติดมาเผาต้องขออภัยพระแม่ธรณีและพระแม่โพสพ ด้วยวิธีไหว้เซ่นสังเวย (หน้า 19)
- เมื่อข้าวตั้งท้องจะต้องนำขนมไปที่นาเพื่อบวงสรวงเทวดา เมื่อข้าวออกรวงจะต้องนำแป้งและกระจกปักชะลอมไว้กลางนาสำหรับพระแม่โพสพ โดยให้ชาวนาผู้หญิงเป็นผู้ถวาย เมื่อเกี่ยวข้าวเรียบร้อยแล้วจะรับขวัญแม่โพสพโดยการนำรวงข้าวจัดเป็นรูปคล้ายโคมห้อยแล้วปักไว้บนกองข้าวในยุ้งฉาง (หน้า 21)
- ธงที่ติดกับเสาหงส์ ปลายธงอาจเห็นเส้นผมผู้หญิงผูกติดอยู่โดยมุ่งหวังให้กวาดพื้นจักรวาล (หน้า 25)
เหตุที่ต้องหันเรือนทางทิศเหนือเพราะถือว่าหากผู้ใดตายในบ้านจะต้องนำศพลงบ้านทางทิศนั้น (แต่เมื่อเวลานอน มอญจะหันศีรษะไปทางทิศใต้และทิศตะวันออก) คนมอญบ้านบางขันหมากนับถือพุทธศาสนาควบคู่กับความเชื่อเรื่องผี ไม่มีผู้ใดนับถือศาสนาอื่นผีที่สำคัญได้แก่ ผีประจำตระกูลหรือผีโรงและผีเรือน อยู่ที่เสาเอก (หน้า 25-26)
พิธีสังเวยด้วยอาหารและการรำ สำหรับผีโรง มอญจะนัดเลี้ยงกันในหมู่สมาชิกของตระกูลทุกเดือน 6 ของปี แต่อาจนัดในโอกาสอื่นได้อีกหากรู้สึกว่ามีความเดือดร้อนเจ็บไข้ในตระกูล เมื่อมีศพมอญตายต้องหันศีรษะของศพไปทางทิศเหนือหรือทิศตะวันตก คนตายจะต้องใส่เสื้อต่างกับคนเป็นโดยกลับกระดุมเสื้อไว้ด้านหลัง และจะวางศพขวางตะวันเวลาเผาและเมรุเผาศพจะต้องวางทางทิศดังกล่าวเช่นกัน (หน้า 26-27) |
|
Education and Socialization |
เดิมมีการสอนให้อ่าน เขียนภาษามอญที่วัดโพธิ์ระหัตและวัดอัมพวันมีพระเป็นผู้สอน สังคมมอญเฉพาะผู้ชายเท่านั้นที่ได้รับการสนับสนุนให้อ่านเขียนภาษามอญ (หน้า18) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
การแต่งกาย ในอดีตผู้หญิงมอญนุ่งโจงกระเบนแต่คนมอญนุ่งผ้าถุง สีเขียว สีแดงและสีเขียวเป็นสีที่ใช้มากที่สุดโดยมีผ้าสีแดงติดเป็นขอบด้านบน ใส่เสื้อคอป่านคอกลม กระดุมผ่าหน้า แขนสามส่วนและพาดผ้าสไบ แต่ไม่พบข้อมูลว่าผู้ชายมอญแต่งกายแตกต่างจากผู้ชายไทยกล่าวคือ จะนุ่งโจงกระเบน ใส่เสื้อผ่าอกหรือใส่กางเกงขาก๊วยหรือใส่เสื้อผ้าป่านคอกลม มอญโดยมากนิยมประดับตกแต่งร่างกายด้วยโลหะทองคำและเงิน (หน้า 28)
เครื่องจักสานของมอญบ้านบางขันหมากต่างกับของคนไทย ตรงที่เครื่องจักสานของมอญจะแข็งแรงและมีความละเอียดสวยงามกว่า (หน้า 18) โรงเตาที่ใช้เผาอิฐนิยมมุงหลังคาด้วยแฝก จาก หรือ หญ้าคา ไม่นิยมมุงสังกะสีเพราะควันไฟทำให้ผุเร็วเป็นการเปลืองค่าใช้จ่าย (หน้า 20) วิธีทำปูนโบราณคือเอาปูนขาวแช่น้ำรวมกับเปลือกต้นประดู่และหนังวัว จะได้ปูนประสานและปูนฉาบที่เหนียว เจดีย์ทรงมอญ พม่า รูปทรงคล้ายลอมฟาง (หน้า 24) เรือนของมอญบ้านบางขันหมากมีลักษณะเช่นเดียวกับบ้านคนไทย แต่เดิมทุกเรือนจะหันหน้าไปทางทิศเหนือ หลังคามุงด้วยจาก แฝก สังกะสี ไม่มีมอญบ้านใดสร้างบ้านด้วยอิฐก่อปูน (หน้า 25) |
|
Folklore |
เครื่องดนตรีมอญเหมือนของไทย มีระนาด ซออู้ ซออี้ บางครั้งก็มีตะเข้ แต่ไม่มีเพลงเรือ เพลงฉ่อยและลิเกเหมือนของไทยแต่มีการฟ้อนรำทะเยมอญ รำผี ส่วนการละเล่นในชุมชนได้แก่ การเล่นลูกช่วง การเล่นสะบ้า (หน้า 28-29) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
ในอดีตมอญบ้านบางขันหมากมีเรื่องกระทบกระทั่งกับคนไทย โดยเฉพาะการล้อเรียนจากคนไทยว่า "มอญขวาง" โดยคนไทยเรียกโดยให้มีความหมายว่า ขวางโลก เกะกะซึ่งคนมอญไม่ชอบ (หน้า 30) |
|
Social Cultural and Identity Change |
สมัยก่อนชาวนาไม่เคยซื้อข้าวกิน แต่สมัยนี้ชาวนาผลิตข้าวเปลือก เมื่อได้เงินจึงนำไปซื้อข้าวสาร (หน้า 16)
การกลืนวัฒนธรรมมอญเป็นผลกระทบจากนโยบายหลายประการของประเทศ (หน้า 30) |
|
|