|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
มุสลิม ความเชื่อ นิทานชาวบ้าน สงขลา |
Author |
จำรัส พรุเพชรแก้ว |
Title |
ศึกษานิทานชาวบ้านของชาวไทยมุสลิมในอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
มลายู ออแฆนายู มลายูมุสลิม ไทยมุสลิม,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ไม่ระบุ |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
141 |
Year |
2545 |
Source |
หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยบูรพา |
Abstract |
งานชิ้นนี้เกี่ยวกับการศึกษาจริยธรรมที่ปรากฏในนิทานชาวบ้านของไทยมุสลิมใน อ.จะนะ จ.สงขลา ได้สะท้อนให้เห็นวิถีชีวิต ทางด้านจริยธรรมของชาวบ้านทั้งสำหรับต่อตนเอง ได้แก่ ความรอบรู้ ความอดทน ความมีจิตสำนึก ความมีเหตุผล และความอุตสาหะ และจริยธรรมสำหรับปฏิบัติต่อผู้อื่น ได้แก่ ความซื่อสัตย์ ความมีมนุษยสัมพันธ์ ความเสียสละ ความรับผิดชอบ โดยนิทาน 116 เรื่องที่ได้รวบรวมนั้นถูกจัดแบ่งตามประเภท ดังนี้ นิทานอธิบาย (รวม 3 ประเภทย่อย 60 เรื่อง ได้แก่ นิทานภูมินาม นิทานเกี่ยวกับธรรมชาติ และนิทานเค้าเรื่องจริง) และนิทานประโลมโลก (รวม 2 ประเภทย่อย 77 เรื่อง ได้แก่ นิทานเกี่ยวกับส่งเหนือธรรมชาติ และนิทานเลียนแบบวิถีชีวิต) นอกจากนั้นนิทานต่างๆ ยังเกี่ยวข้องกับประเด็นต่างๆ ทั้งในด้านสังคม ด้านเศรษฐกิจ ด้านการศึกษา ด้านการประกอบอาชีพ ด้านการปกครอง ด้านประเพณี และด้านการคมนาคม ซึ่งในทุกประเด็นดังกล่าวต่างสะท้อนออกมาในนิทานที่ถือว่าสอดคล้องกับวิถีชีวิตของไทยมุสลิมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งนิทานเหล่านี้ยังเป็นเครื่องมือในการกำหนดและควบคุมพฤติกรรมของชาวบ้าน ผ่านการเล่าและปลูกฝังตั้งแต่เด็ก เพื่อให้เด็กได้รู้หน้าที่ของตนเอง และรู้จักกฎระเบียบในการอยู่ร่วมกันของสังคม |
|
Focus |
ศึกษานิทานชาวบ้านของไทยมุสลิมใน อ.จะนะ จ.สงขลา เกี่ยวกับเนื้อหาของนิทานชาวบ้านที่คนในท้องถิ่นแต่งขึ้น แล้วเล่าสืบต่อกันมา และเกี่ยวกับจริยธรรมที่สอดแทรกในเนื้อหาของนิทาน โดยเนื้อหาของนิทานนั้นแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ นิทานอธิบายถึงภูมินาม นิทานเกี่ยวกับธรรมชาติและนิทานเค้าเรื่องจริง อีกประเภทคือ นิทานประโลมโลก ได้แก่ นิทานเกี่ยวกับสิ่งเหนือธรรมชาติ และนิทานเลียนแบบวิถีชีวิต |
|
Ethnic Group in the Focus |
มุสลิม ที่อาศัยอยู่ในอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
ผู้วิจัยไม่ได้กล่าวถึงช่วงเวลาของการศึกษา มีเพียงแต่ลงบันทึกวันสัมภาษณ์ คือ วันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2543 (หน้า 5 เชิงอรรถ) |
|
History of the Group and Community |
จะนะเป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดสงขลา ในอดีตนั้นเป็นเมืองหน้าด่านของเมืองสงขลาทางด้านภาคใต้ ต้องสู้รบกับหัวเมืองมลายูตลอดมา จึงต้องมีการย้ายที่ตั้งตัวเมืองอยู่เสมอเพื่อความเหมาะสมทางด้านชัยภูมิ และบางครั้งถูกข้าศึกเผาเมือง เช่น ในคราวเกิดกบฏไทรบุรี ในปี พ.ศ. 2381 เป็นต้น และจะนะยังเป็นเมืองโบราณคู่กับเมืองเทพาเดิมตัวเมืองตั้งอยู่ที่บ้านวังโต้ ต.นาทวี ต่อมาได้มีการทำสงครามกับชาติมลายู จึงถูกชิงเมืองชัยสมรภูมิของจะนะ เนื่องจากบ้านวังโต้ไม่เหมาะในการตั้งรับข้าศึก จึงได้ย้ายมาตั้งที่บ้านป่าละไม (ต.ขุนตัดหวาย) เมืองจะนะที่ตั้งอยู่ที่บ้านป่าละไมก็ตั้งอยู่ได้ไม่นานก็มาตั้งที่บ้านในเมือง (ต.คลองเปียะ) ต่อมา พ.ศ.2439 ได้โปรดเกล้าฯ ให้ยกเมืองจะนะ เมืองเทพาขึ้นกับเมืองสงขลาจนถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ได้จัดตั้งมณฑลเทศาภิบาล จึงยกเมืองจะนะออกจากเมืองสงขลามาตั้งอำเภอ เรียกว่า อำเภอจะนะ จนถึงปัจจุบัน (หน้า 28-29) |
|
Settlement Pattern |
จากที่ อ.จะนะ มีประชากรเข้ามาตั้งถิ่นฐานหลายชั่วอายุคนและต่างก็นับถือศาสนาที่ต่างกัน คือ ไทยพุทธ ไทยมุสลิม และจีนอพยพ และมีประชากรอยู่อย่างหนาแน่นบริเวณใกล้กับแหล่งน้ำ เช่น ชุมชนบ้านสะกอม ซึ่งมีแม่น้ำไหลลงสู่อ่าวไทย ม.7 ต.สะกอม (หน้า 32) |
|
Economy |
การเกษตร - มีพื้นที่ทางการเกษตรรวม 173,482 ไร่ พืชเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ยางพารา ข้าว ผลไม้ยืนต้น การพาณิชย์ - มีสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงขนาดใหญ่จำนวน 2 แห่ง ธนาคารพาณิชย์ 3 แห่ง สหกรณ์ 2 แห่ง แหล่งท่องเที่ยว - ได้แก่ ศูนย์หัตถกรรมตำบลสะกอม คลองสะกอม และคลองนาทับ และหาดชายทะเล ซึ่งยาว 34 กม. ทรัพยากรที่สำคัญ - แร่ดีบุกและวุลแฟรม ที่ ต.ท่าหมอไทร ป่าไม้ พื้นที่ป่าไม้ที่ป่าสงวนแห่งชาติรวม 44,818 ไร่ อุตสาหกรรม -- มีการประกอบอุตสาหกรรมในครัวเรือน เช่น การทำเสื่อกระจูดที่ ต.สะกอม นาทับและตลิ่งชัน รวมทั้งอุตสาหกรรมโรงงาน ได้แก่ โรงงานผลิตยางข้น โรงงานห้องเย็นเก็บอาหารทะเล โรงงานแปรรูปอาหารทะเล โรงงานแปรรูปไม้ยางพารา และโรงงานอุตสาหกรรมรมควันยาง (หน้า 30) |
|
Social Organization |
จากการศึกษานิทานชาวบ้านพบว่า นิทานชาวบ้านเป็นตัวกำหนดและควบคุมพฤติกรรมของคนในสังคม ดังนั้น ในการสั่งสอนจริยธรรมที่สืบทอดกันมา จะต้องเริ่มปลูกฝังกันตั้งแต่แรกเกิด ซึ่งถือเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่สั่งสมมาหลายชั่วอายุคน เรื่องราวของนิทานส่วนใหญ่จะสอดคล้องกับวิถีชีวิตของชาวบ้าน เริ่มตั้งแต่สิ่งง่ายๆ ใกล้ตัวก่อน เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้ถึงหน้าที่ของตนเอง ตลอดจนรู้จักเคารพกฎระเบียบของการอยู่ร่วมกันในสังคมให้มีความสงบสุข ความเจริญรุ่งเรือง โดยจริยธรรมที่สอดแทรกนี้ได้แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ จริยธรรมสำหรับตนเอง ได้แก่ ความรอบรู้ ความอดทนความมีจิตสำนึกในอาชีพ ความมีเหตุผล และความอุตสาหะ อีกประเภทคือ จริยธรรมสำหรับปฏิบัติต่อบุคคลอื่น ได้แก่ ความซื่อสัตย์สุจริตความมีมนุษยสัมพันธ์ ความเสียสละ ความรับผิดชอบ ความยุติธรรม สรุปแล้วจริยธรรมมีคุณค่าในการดำรงชีวิต มีจุดมุ่งหมายในการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างปกติสุข รู้จักสิทธิหน้าที่อันชอบธรรมตามกฎระเบียบที่วางไว้ รู้จักการวางตัว การทำตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม รักษาความเป็นเอกลักษณ์ ประเพณี ตลอดจนค่านิยมที่ปลูกฝังมาควบคู่กับการนำความรู้ที่เป็นวิทยาการใหม่ ๆ มาปรับใช้ให้เกิดความเหมาะสมต่อตนเอง ครอบครัวและสถาบันต่าง ๆ ของสังคม (หน้า 98,115) |
|
Belief System |
ประชาชนส่วนใหญ่มีการนับถือศาสนาพุทธและอิสลาม ดังนั้น ขนบธรรมเนียมของไทยพุทธ เช่น การชักพระ ทำบุญเดือนสิบ ลอยกระทง ส่วนขนบธรรมเนียมของไทยมุสลิม ได้แก่ วันเมาลิด วันฮารีรายอ การทำบุญเพื่อเยี่ยมสุสาน (หน้า 30) นอกจากนี้ไทยมุสลิมยังเชื่อในนิทานเกี่ยวกับสิ่งเหนือธรรมชาติหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์มักเกี่ยวข้องกับผี เทวดา เทพเจ้า เช่น เรื่องผีหลังกวง แก้วสารพัดนึก บัยฟาติห๊ะ เป็นต้น (หน้า 55) |
|
Education and Socialization |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Folklore |
ผู้วิจัยรวบรวมนิทานที่มีอยู่ได้ทั้งหมด 116 เรื่อง โดยแยกเป็น 2 ประเภทใหญ่ คือ 1. นิทานอธิบาย ซึ่งแบ่งย่อยได้อีก 3 ประเภท ได้แก่ - นิทานภูมินาม คือ เรื่องเล่าที่อธิบายความเป็นมาของชื่อสถานที่ ดังเช่นนิทานเรื่องเมืองสงขลา อันเป็นที่มาของเกาะหนู เกาะแมว เขาน้อย และเขาตังกวง หรือเรื่องตำนานเกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย เป็นต้น (หน้า 32-41) - นิทานเกี่ยวกับธรรมชาติ คือ เรื่องราวที่อธิบายเกี่ยวกับสิ่งของในธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ พืชหรือสิ่งเร้นลับ เช่น นิทานเรื่องทำไมจระเข้ถึงไม่มีลิ้นและทำไมกระต่ายมีหางสั้น เรื่องเมขลากับรามสูร เรื่องประวัติผลไม้ทุเรียน และเรื่องทำไมผู้ชายมีลูกกระเดือก เป็นต้น (หน้า 41-51) - นิทานเค้าเรื่องจริง คือ นิทานที่ผู้เล่าเชื่อว่าเป็นเรื่องของบุคคลจริง ๆ หรือเหตุการณ์ทีเกิดขึ้นจริง เช่น เรื่องโจรกลับใจ ครูศรีจัน เงาะป่าหรือซาไก (หน้า 52-55) 2. นิทานประโลมโลก คือ นิทานที่ให้ความเบิกบาน พึงพอใจกับผู้เล่าและผู้ฟัง เนื้อความนิทานมักเป็นเรื่องรักๆใคร่ๆ โดยแยกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ - นิทานเกี่ยวกับสิ่งเหนือธรรมชาติ คือ นิทานที่เชื่อในสิ่งศักดิสิทธิ์ มักเกี่ยวข้องกับผี เทวดา เทพเจ้า เช่น แก้วสารพัดนึก น้ำเต้าทอง ผีเด็ก ผีซิ่นเหียน เป็นต้น (หน้า 55-80) - นิทานเลียนแบบชีวิต คือ เรื่องที่พยายามทำให้เหมือนพฤติกรรมของคนอื่นและเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ในวิถีชีวิตจริงของคนทั่วๆ ไปในอดีต เช่น นกขุนทองพูดได้ เล่นขี้ช้าง โลภมากลภาหาย เป็นต้น (หน้า 80-98) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
มีการติดต่อค้าขายระหว่างคนจีนกับคนเมืองสงขลา จะเห็นตัวอย่างได้จาก นิทานเรื่องเก้าเส้ง ที่มีพ่อค้าชาวจีนเข้ามาติดต่อค้าขายกับชาวเมืองสงขลา ก่อนที่จะฝังเงินเก้าแสนบาทที่ได้จากการขายของทั้งหมด แล้วถูกโจรสลัดปล้นฆ่า หรือเรื่องเมืองสงขลา ที่พ่อค้าชื่อนายขลาไปขายสินค้าที่เมืองจีน ระหว่างสำเภาเรือกลับถูกหนูขโมยแก้ววิเศษ จนเป็นที่มาของชื่อ เกาะหนู เกาะแมว และ เขาน้อย เขาตังกวน ที่มาจากสุนัข 2 ตัวที่เป็นสาเหตุให้หนูกระโดดลงน้ำ (หน้า 34, 38) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
|