|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ลีซู,สื่อประเพณี,ภาคเหนือ |
Author |
ประเสริฐ ชัยพิกุสิต, ทวิช จตุวรพฤกษ์ |
Title |
สื่อประเพณีดั้งเดิมของชาวเขาเผ่าลีซอ |
Document Type |
รายงานการวิจัย |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ลีซู,
|
Language and Linguistic Affiliations |
จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
42 |
Year |
2531 |
Source |
สถาบันวิจัยชาวเขา กรมประชาสงเคราะห์ กระทรวงมหาดไทย |
Abstract |
สื่อประเพณีดั้งเดิมของชาวเขาเผ่าลีซอ เป็นเรื่องราวของการสื่อสารหรือการถ่ายทอดข่าวสารในชีวิตประจำวัน โดยรูปแบบตามประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาจากบรรพบุรุษ เนื้อหากล่าวถึงวิธีการและรูปแบบการสื่อในเรื่องความเชื่อ การเกษตร สุขภาพอนามัย บุคคลที่มีอำนาจในการสื่อสาร นิทาน ดนตรี และเพลงของลีซอ การสื่อสารโดยทั่วไปใช้การพูดจา ยกเว้นดนตรีและเพลง ส่วนการสื่อระหว่างบุคคลและระหว่างกลุ่มคนมีพิธีกรรมตามประเพณีเป็นองค์ประกอบหลักในการสื่อสาร การสื่อสารแบบดั้งเดิมตามประเพณีของลีซอยังคงใช้กันอยู่ในชีวิตประจำวัน หากมีการใช้สื่อใหม่ๆ เข้าไปพัฒนาโดยใช้วิธีการและรูปแบบการสื่อสารที่เหมาะสมสอดคล้องกับสื่อดั้งเดิมของชาวเขา จะทำให้เกิดประโยชน์ต่องานพัฒนาในระดับหมู่บ้าน (หน้า (3)) |
|
Focus |
วิธีการและรูปแบบการสื่อในเรื่องความเชื่อ การเกษตร สุขภาพอนามัย และ บุคคลที่มีอำนาจในการสื่อสาร นิทาน ดนตรี และเพลงของลีซอ (หน้า (3) ) |
|
Ethnic Group in the Focus |
ศึกษาหมู่บ้านชาวเขาเผ่าลีซอ 4 หมู่บ้าน คือ 1) หมู่บ้านปางแปก อำเภอปาย 2) หมู่บ้านหนองตอง กิ่งอำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน 3) หมู่บ้านหนองแขม อำเภอเชียงดาว และ 4) หมู่บ้านต้นลุง (ปางไม้แดง) อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ (หน้า (4) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
|
Economy |
ชาวเขาเผ่าลีซอปลูกข้าวและข้าวโพดเป็นพืชหลัก ซึ่งในอดีตมีการปลูกฝิ่นกันมาก และยังคงมีการปลูกอยู่บ้างในบางท้องที่ที่อยู่ห่างไกลเส้นทางคมนาคม ปัจจุบัน หันมาปลูกพืชส่งเสริมแทน เช่น ถั่วแดง กาแฟ ชา มันฝรั่ง มะเขือเทศ และขิง ข้าวปลูกไว้สำหรับบริโภคในครัวเรือน หากปีใดได้ผลผลิตมาก ก็อาจขายเมื่อมีคนมาซื้อ ข้าวโพดปลูกไว้สำหรับเลี้ยงสัตว์และสำหรับขาย พืชชนิดอื่น เช่น กาแฟ ชา ถั่วแดง มันฝรั่ง มะเขือเทศ ขิง ปลูกไว้เพื่อขายเช่นเดียวกัน (หน้า 14) ชาวเขาเผ่าลีซอใช้แรงงานในครอบครัวทำการผลิต ตลอดจนการแลกเปลี่ยนแรงงาน การจ้างแรงงานและการลงแขก ลักษณะงานในไร่เริ่มจากแผ้วถางหญ้าหรือเก็บกิ่งไม้ใบไม้ ที่เผาไหม้ไม่หมดมากองรวมกันเพื่อเผาไฟอีกครั้ง แล้วจึงขุดดินเตรียมไว้สำหรับเพาะปลูกพืช ก่อนเก็บเกี่ยวจะต้องมีการถางหญ้าพรวนดิน ในช่วงเก็บเกี่ยวข้าว ข้าวโพด และตีข้าวในไร่ โดยปกติจะใช้ แรงงานจากครอบครัวเป็นหลัก แต่จะมีการขอให้ญาติหรือเพื่อนบ้านมาช่วยงานเพื่อให้งานเสร็จเร็วขึ้น การแลกเปลี่ยนแรงงาน หากญาติคนใดไปช่วยงานให้กับใครเป็นเวลากี่วัน เมื่อถึงเวลาที่ญาติมีงานในไร่ ก็จะติดต่อบอกกล่าวแก่ผู้ที่ตนเคยไปช่วยงานให้มาทำงานให้ตนตามจำนวนวันที่เคยช่วยทำงานแลกเปลี่ยน แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นงานชนิดเดียวกันก็ได้ การลงแขก ลักษณะงานในไร่ที่ใช้วิธีลงแขกโดยมากจะเป็นงานบุกเบิกป่า แห่งใหม่ มีการตัดโค่นต้นไม้และแผ้วถางป่า งานลงแขกอีกประเภทหนึ่งที่กระทำกันทุกปีคือการปลูกข้าว เนื่องจากงานดังกล่าวจำเป็นต้องใช้แรงงานมากและต้องทำงานเสร็จให้ทันเวลา การลงแขก เจ้าของบ้านจะติดต่อบอกกล่าวญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านในหมู่บ้าน เพื่อขอความช่วยเหลือให้มาทำงาน ผู้ที่ได้รับการติดต่อจัดเตรียมเครื่องมือและอุปกรณ์ของตนไปด้วย เจ้าของบ้านจะจัดเตรียมอาหารเครื่องดื่มสำหรับรับประทานอาหารกลางวัน การลงแขก เป็นการระดมแรงงานในหมู่บ้านที่เจ้าของบ้านไม่ต้องทำงานชดใช้แรงงานคืน อย่างไรก็ตาม ตามธรรมเนียมแล้ว ผู้ใดเคยช่วยงานคนอื่นไว้ เมื่อถึงเวลาตนมีงาน ผู้ที่เคยรับการช่วยเหลือก็จะมาทำงานให้เป็นการตอบแทน แต่ทั้งนี้ หากไม่มีเวลาว่างหรือไม่อยู่ ก็ไม่จำเป็นต้องไปช่วย (หน้า 10 -12) |
|
Social Organization |
พิธีการแต่งงาน จะมีขึ้นหลังจากที่ชายหนุ่มหญิงสาวได้อยู่กินร่วมกันแล้ว ก่อนการทำพิธีแต่งงาน จะมีการตกลงกันเรื่องค่าตัว เรื่องที่อยู่อาศัย ขั้นตอนของพิธีแต่งงาน จะมีการทำพิธีเซ่นไหว้ผีประจำหมู่บ้าน (อาปาหมุฮี) ผีบรรพบุรุษภายในบ้านของทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง และมีการกินเลี้ยงฉลองงานแต่งงาน หลังจากนั้น จึงกำหนดวันพิธีแต่งงาน ซึ่งอาจกำหนดหลังจากอยู่กินมาด้วยกันเป็นเวลา 1-2 ปีแล้วก็ได้ การทำพิธีแต่งงาน จะทำกันที่บ้านของบิดามารดาฝ่ายหญิง ซึ่งต้องขอให้ญาติทีเป็นผู้ชายเป็นสื่อกลางไปบอกข่าวเชิญญาติพี่น้อง และเพื่อนบ้านในหมู่บ้านมาร่วมพิธี (หน้า 3) |
|
Belief System |
ชาวเขาเผ่าลีซอจะนับถือผี มีการบูชาผีที่ตั้งหิ้งไว้ข้างฝาด้านในตรงกับประตูบ้าน และศาลผีประจำหมู่บ้านซึ่งปลูกสร้างไว้เป็นเพลิงหมาแหงนมีหิ้งบูชาผี และถ้วยชาจีนตั้งอยู่ ในวันศีล (15 วัน ต่อ 1 ครั้ง) หมอเมืองจะต้องเปลี่ยนน้ำในถ้วย ทำความสะอาดศาลและเซ่นไหว้บูชาผีด้วย การนับถือผีของลีซอเป็นการนับถือผีบรรพบุรุษเป็นสำคัญ จะมีถ้วยชาจีนตั้งอยู่บนหิ้งบูชา แต่ละครัวเรือนจะมีถ้วยไม่เท่ากัน ในวันศีลแต่ละครั้ง ชาวบ้านจะหยุดงานในไร่และทำพิธีบูชาผีในบ้านเรือน นอกจากการนับถือผีบรรพบุรุษแล้ว ยังนับถือฝีฟ้า ผีประจำหมู่บ้าน ผีภูเขา ผีน้ำ ผีทางเดิน ผีดิน มีการทำพิธีปัดเป่าผีร้ายเช่นผีตายโหง ผีป่าไม่ให้มาทำอันตรายต่อชีวิตของคน และสัตว์เลี้ยง (หน้า 1-2) พิธีกรรมการตั้งชื่อเด็ก เมื่อมีเด็กเกิดในครอบครัวใด บิดาของเด็กจะต้องบอกผีประจำหมู่บ้านให้ทราบ และต้องทำพิธีตั้งชื่อภายใน 7 วัน จะมีการเชิญญาติและเพื่อนบ้านมาพร้อมกันในวันทำพิธี เสร็จแล้วจะมีการกินเลี้ยงร่วมกัน โดยสมาชิกในครอบครัวจะหยุดงานในวันที่ทำพิธี (หน้า 2) พิธีปีใหม่ ตรงกับวันตรุษจีน ในช่วงปลายเดือนมกราคมหรือเดือนกุมภาพันธ์ จะมีการเชิญผู้อาวุโสมาตกลงกำหนดวันร่วมกัน พิธี ปีใหม่จะมีอย่างน้อย 2 วัน วันแรกเป็นวันส่งท้ายปีเก่า เป็นวันทำข้าวปุก "เปี่ยปาปา" ทำขนมหลังจากทานอาหารเช้าแล้ว มีการเริ่มเต้นรำที่หน้าบ้านหมอเมืองแล้วจึงเคลื่อนย้ายวงไปตามบ้าน วันที่ 2 เป็นวันต้อนรับปีใหม่ ก็จะมีการเต้นรำหน้าบ้านทุกหลังคาเรือนอีกเช่นกัน (หน้า 4-5) การตาย หากมีการตายเกิดขึ้นบุตรชายจะใช้ผ้าขาวคาดที่หน้าผาก คนในครอบครัวจะต้องบอกให้สมาชิกในหมู่บ้านทราบ ทุกบ้านจะมีการจุดธูปปักไว้ที่หน้าบ้าน 2 ดอกเพื่อให้ทราบว่ามีการตายเกิดขึ้น เมื่อทราบแล้วจะต้องหยุดงานทันที เพื่อไปช่วยงานศพจนกว่าจะมีการนำศพไปฝังแล้วจึงทำงานต่อได้ (หน้า 6-7) นอกจากนี้ ยังมีพิธีกินข้าวโพดใหม่ ซึ่งจะต้องหยุดงานในไร่และไม่ไปค้างคืนที่อื่น พิธีกินข้าวใหม่ ซึ่งจะกระทำในช่วงที่ผลผลิตแก่จัดสามารถรับประทานได้ และมีการเลี้ยงบูชาผีด้วย (หน้า 7-10) |
|
Education and Socialization |
|
Health and Medicine |
ชาวเขาเผ่าลีซอมีความเชื่อว่า ความเจ็บป่วยเกิดจากผีเป็นผู้กระทำ จึงต้องทำพิธีสื่อสารแสดงให้ผีหายโกรธหรือออกไปจากตัวผู้ป่วย มีพิธีกรรมรักษาความเจ็บป่วยที่ไม่ทราบสาเหตุ หรือพิธีเรียกขวัญ เรียกว่า "ชอฮาคัว" เช่น เป็นไข้ ปวดหัว ปวดท้องอย่างรุนแรง อ่อนเพลียไม่มีแรง กินข้าวไม่ได้ นอนไม่หลับ หรือมีอาการทางจิต เช่น พูดเพ้อเจ้อ ตาเหม่อลอย หรือมีอาการชักกระตุก ลีซอมีความเชื่อว่า เป็นอาการถูกผีกระทำ จึงต้องทำพิธีเรียกขวัญ ต้องทำพิธีโดยหมอผีหรือผู้อาวุโสผู้ชายที่บ้านของผู้ป่วย ผู้อาวุโสชายจะทำพิธีสวดหน้าหิ้งบูชาผีในบ้าน มีการฆ่าไก่เพื่อใช้ในพิธีกรรม เมื่อสวดเสร็จแล้ว จะให้เส้นด้ายผูกข้อมือผู้ป่วยและสมาชิกในบ้านด้วย หากผียินดีหรือพอใจแล้วจะออกไปจากร่างผู้ป่วยทำให้ผู้ป่วยหายจากโรคภัยได้ (หน้า 15-16) การทำบุญต่ออายุ เป็นพิธีกรรมสำหรับผู้ป่วยสูงอายุ ลีซอมีความเชื่อว่าคนชราที่เจ็บป่วยอาจเสียชีวิตเพราะความชรา หากได้ทำบุญต่ออายุนำโลงศพมาไว้ จะเป็นเคล็ดให้คนชราที่กำลังป่วยหายจากโรคได้ โดยบุตรหลานหรือญาติพี่น้องจะเป็นผู้จัดพิธีให้ เพื่อให้ผู้ป่วยหายจากโรคภัยไข้เจ็บและมีอายุยืนยาวต่อไป เริ่มจากบุตรหลานจะบอกกล่าวให้ญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านทราบ และขอให้ผู้ชายช่วยกันหาไม้ชนิดหนึ่งมาทำโลงศพ ซึ่งเป็นไม้ชนิดที่ลีซอนิยมนำมาทำเป็นโลงศพ และแบกหามกลับมาที่บ้านผู้ป่วย จะมีผู้อาวุโสทำพิธีเซ่นไหว้ผีบรรพบุรุษด้วยเนื้อหมู ไก่ ข้าว สุรา น้ำชา พร้อมธูปเทียนบูชาผี มีการสวดให้พรและผูกข้อมือผู้ป่วย หลังจากนั้นจึงร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน (หน้า 16-17) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
เพลงลีซอ "โก่กั๊ว" เป็นเพลงที่จดจำสืบทอดกันมา มีลักษณะเป็นการตอบโต้กันระหว่างฝ่ายชายและฝ่ายหญิง เนื้อหาของเพลงที่ร้องแต่ละครั้งจึงไม่ซ้ำกัน การร้องเพลงตอบโต้กันจะมี 2 แบบ คือ 1. การร้องเพลงตอบโต้กันระหว่างชายหนุ่มกับหญิงสาว เป็นการเกี้ยวพาราสีกันเนื้อหา จะกล่าวถึงชีวิตความเป็นอยู่ของคนที่เปล่าเปลี่ยวหัวใจไร้คู่ รูปร่างหน้าตาก็ไม่หล่อ เมื่อมาพบหญิงงาม ได้แต่ชมด้วยวาจาเท่านั้น หวังจะอยู่กินเป็นไปไม่ได้ ฝ่ายหญิงจะร้องตอบโต้ว่า รูปร่างหน้าตาไม่ใช่สิ่งสำคัญ สำคัญอยู่ที่จิตใจ ถ้าเป็นคนขยันขันแข็ง เอาการเอางาน แต่ถ้าจะให้ฝ่ายหญิงจริงจังกับคำพูดหวานๆ ก็ยังไม่แน่ใจ 2. และการร้องเพลงตอบโต้กันระหว่างฝ่ายชายผู้อาวุโสกับฝ่ายหญิงผู้อาวุโส เป็นการร้องเพลงเพื่อความสนุกสนานผ่อนคลายอารมณ์เท่านั้น การร้องเพลงอาจเป็นการร้องเดี่ยวคือชายเดี่ยวหญิงเดี่ยว อาจมีลูกคู่ประสานพร้อมกัน ร้องกันในบริเวณที่เปิดเผยรวมอยู่กันเป็นกลุ่ม เนื้อหาของเพลงเกี่ยวข้องกับการทำมาหากินในอดีต ชีวิตที่มีความเป็นอยู่สุขสบาย ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปมาก ยากลำบากมากขึ้น หรือเรื่องการย้ายที่อยู่ การทำบุญสร้างศาลาตามประเพณี จะมีคำร้องเป็นคำถาม หากอีกฝ่ายร้องตอบไม่ได้ หรือตอบไม่ตรงประเด็นถือว่าเป็นฝ่ายแพ้ การร้องเพลงมีข้อห้ามคือห้ามผู้ที่เป็นญาติพี่น้องที่อยู่ในแซ่สกุลเดียวกันมาร้องเพลงอยู่กันคนละกลุ่ม หรือญาติพี่น้องที่ไม่ได้อยู่แซ่สกุลเดียวกันแต่มีลำดับญาติเป็นผู้สืบสันดานของตนก็จะร้องเพลงกันคนละกลุ่มไม่ได้ ข้อห้ามอีกประการหนึ่งคือห้ามจับเนื้อต้องตัวกัน (หน้า 33-38) ชาวเขาเผ่าลีซอนิยมเล่นเครื่องดนตรี 3 ชนิดคือ ซึง แคนน้ำเต้า เรียกว่า "ปะลิฝุลุ" ทำจากผลน้ำเต้ากับไม้ไผ่ มี 2 ชนิดคือแคนสั้นกับแคนยาว และขลุ่ย เรียกว่า "หญิหลึ" เด็กผู้ชายเมื่อเติบโตเข้าสู่วัยรุ่นจะเริ่มหัดดีดซึง ส่วนแคนกับขลุ่ย จะเริ่มหัดเป่าเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว การเล่นดนตรีจะเล่นตามประเพณีปีใหม่ และวันแต่งงานซึ่งเป็นงานสนุกสนานรื่นเริงเท่านั้น เนื่องจากโอกาสดังกล่าวจะมีการเต้นรำ จึงต้องมีดนตรีประกอบ มีการเต้นรำกันเป็นกลุ่มทั้งชายหญิง (หน้า 30-33) |
|
Folklore |
เผ่าลีซอมีนิทานเล่าสืบต่อกันมาหลายเรื่อง ตั้งแต่เรื่องการกำเนิดและการแพร่ขยายเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ เรื่องการนับถือผี ข้อห้ามบางอย่างตามประเพณี เรื่องการที่ลีซอไม่มีดินแดนของตัวเอง เรื่องความขยันอดทน การเล่นการพนัน การดื่มสุรา การตำข้าว ภาษาที่ใช้ตัวหนังสือ แซ่สกุลลีซอ ความเชื่อโชคลางเกี่ยวกับวันดี วันไม่ดี ภาษิตที่แสดงถึงชีวิตความเป็นอยู่ คติสอนใจให้ทำความดี นิทานลีซอแบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือนิทานตำนาน เกี่ยวกับประวัติความเป็นมา และนิทานที่มีคติสอนใจ สอนศีลธรรม การเล่านิทานจะถ่ายทอดสืบต่อกันไปพร้อมกับจิบน้ำชา ดื่มสุรา หรือบุหรี่ กินหมากพลู ทั้งผู้เล่าและผู้ฟัง อาจจะนั่งรอบเตาไฟในบ้าน หรือจับกลุ่มนั่งคุยกันข้างบ้าน นิทานลีซอไม่ได้มีการบันทึกเป็นตัวหนังสือ ใช้วิธีจดจำแล้วเล่าสืบต่อกันมา ปัจจุบันนี้ มีผู้รู้ที่สามารถเล่านิทานได้มีจำนวนไม่มากนัก (หน้า 28-30) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
|