|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ปกาเกอะญอ จกอ คานยอ (กะเหรี่ยง),การจัดการทรัพยากร,รัฐ,เชียงราย |
Author |
ศิริชัย พันธุ์เจริญ |
Title |
การปรับตัวของปกากะญอในการจัดการทรัพยากรตามแบบประเพณีภายใต้บริบทกฎหมายของรัฐ |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ปกาเกอะญอ,
|
Language and Linguistic Affiliations |
จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan) |
Location of
Documents |
สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
(เอกสารฉบับเต็ม) |
Total Pages |
92 |
Year |
2546 |
Source |
หลักสูตรปริญญามหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ |
Abstract |
การศึกษาวิจัยนี้มุ่งจะค้นหาคำตอบให้กับกระบวนการปรับตัวในการจัดการทรัพยากรตามแบบประเพณีภายใต้บริบทกฎหมายของรัฐที่มีความเกี่ยวพันกับระบบกรรมสิทธิ์ หรือสิทธิในการใช้ทรัพยากรของชุมชน โดยมีกรอบแนวคิดในการศึกษาและวิเคราะห์ 2 ประการ คือ แนวความคิดในการควบคุมและจัดการทรัพยากรของชุมชนท้องถิ่น และแนวคิดเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์และสิทธิ ผลการศึกษาพบว่า สภาพสังคมจารีตประเพณีและความเชื่อของเผ่าพันธุ์เป็นกลไกขับเคลื่อนวิถีปฏิบัติจากคนรุ่นหนึ่งไปสู่คนอีก รุ่นหนึ่งสืบทอดต่อกันมา สิ่งเหล่านี้เป็นบรรทัดฐานในการควบคุมสังคมของชุมชนให้ดำเนินไปอย่างปกติสุข ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงรอบด้าน ในส่วนของอำนาจรัฐที่พยายามผลักดันสอดแทรกเข้าสู่ชุมชน ชุมชนปกากะญอตอบสนองโดยปรับตัวภายในชุมชน ทั้งทางด้านโครงสร้างชุมชนและพลวัตทางวัฒนธรรม เพื่อให้เกิดการอนุรักษ์และการจัดการอย่างยั่งยืนที่เป็นแนวเดียวกับนโยบายของรัฐ สำหรับระบบกรรมสิทธิ์และสิทธิพบว่า มาตรฐานทางกฎหมายที่ใช้บังคับในปัจจุบันเป็นเพียงการเน้นกรรมสิทธิ์ของรัฐและกรรมสิทธิ์ของเอกชนตามระบบทุนและกระแสโลก มาตรการกฎหมายดังกล่าวทำให้สิทธิของชุมชนที่ถือปฏิบัติสืบทอดมายาวนานถูกลิดรอน ก่อให้เกิดความขัดแย้งและการเผชิญหน้ากัน (หน้า ง-จ) |
|
Focus |
มุ่งค้นหาคำตอบให้กับกระบวนการปรับตัวของปกากะญอในการจัดการทรัพยากรตามแบบประเพณี ภายใต้บริบทกฎหมายของรัฐที่มีความเกี่ยวพันกับระบบกรรมสิทธิ์หรือสิทธิในการใช้ทรัพยากรของชุมชน |
|
Ethnic Group in the Focus |
กลุ่มชาติพันธุ์ที่ศึกษาในงานวิจัยชิ้นนี้คือ กลุ่มปกากะญอ บ้านห้วยหินลาดใน ตำบลบ้านโป่ง อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
น่าจะเป็นช่วง พ.ศ. 2544 - 2545 |
|
History of the Group and Community |
คำว่า "ปกากะญอ" เป็นภาษากะเหรี่ยงสะกอ แปลว่า "คนที่เรียบง่าย" หรือหมายถึง คนที่อิสระเหนือขุนเขา มีชีวิตอยู่กับป่า พึ่งพาธรรมชาติหลายชั่วอายุคน มีวิถีแห่งตน สงบไม่เบียดเบียน โอบอ้อมอารี ไม่เคยรุกรานใคร มีข้อสันนิษฐานต่างๆ ที่กล่าวถึงความเป็นมาของปกากะญอ เช่น บางคนเชื่อว่า ปกากะญอมาจากประเทศจีนช่วง 1,600 - 1,700 ก่อนคริตสศตวรรษ อยู่ในตะวันออกกลางและถูกรุกรานจนต้องถอยร่นไปอยู่ประเทศจีนและตั้งรกรากอยู่ ในปี 733 ก่อน คริตสศตวรรษ ถูกรุกรานอีกจึงถอยลงมาแม่น้ำแยงซีเกียง ในปี พ.ศ. 207 ถูกรุกรานอีกจึงถอยร่นลงมาที่โยนกในราวๆ พ.ศ. 1335 แต่ยังมีข้อสันนิษฐานอีกอย่างว่าปกากะญออาจจะอาศัยอยู่ในอาณาบริเวณนี้มาก่อนเขมรและโยนก คือ ช่วง พ.ศ. 1835-1935 แถบที่ราบลุ่มแม่น้ำสาละวิน แต่มาอยู่หลังละว้าเพราะมักจะพบสุสานและเครื่องถ้วยชามละว้าอยู่ทั่วไป คนไทยเชื่อว่า ปกากะญอเข้ามาอยู่ในไทยหลายช่วงด้วยกัน ประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของปกากะญอได้เริ่มขึ้นในภูมิภาคนี้ตั้งแต่พื้นที่ระหว่างไทยกับพม่ายังไม่ได้แบ่งออกเป็นพรมแดนที่ชัดเจน และขณะนั้นยังเรียกอาณาบริเวณนี้ว่า "ล้านนา" เมื่อราว 600-700 ปีมาแล้ว เมืองสำคัญในหลายเมืองแถบนี้ได้ถูกสร้าง ขึ้นและใช้ชื่อเป็นภาษาปกากะญอ เช่น เมือง "เกอะแม" ที่เพี้ยนมาเป็น "กิแม" แปลว่าเมืองแม่หม้าย ตลอดจน นิทาน กาพย์ กลอน ต่างๆ ได้พรรณาถึงชื่อเมืองและบุคคลสำคัญอยู่เสมอ นั่นคือกลุ่มดั้งเดิมที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นี้มาก่อน ส่วนอีกกลุ่มหนึ่ง ได้อพยพเข้ามาประมาณ 200 กว่าปีมานี้ (หน้า 36) |
|
Demography |
ประชากรในหมู่บ้านห้วยหินลาดในมีจำนวน 20 หลังคาเรือน โดยแยกเป็นชาย 46 คน เป็นหญิง 56 คน รวม 102 คน ส่วนใหญ่เป็นกะเหรี่ยง นับถือศาสนาพุทธผสมความเชื่อเรื่องผี ประชากรส่วนใหญ่ไม่ได้เรียนหนังสือ (หน้า 43) |
|
Economy |
ชุมชนเผ่าปกากะญอบ้านห้วยหินลาดในมีอาชีพหลักคือการทำสวนชาซึ่งปลูกบริเวณริมลำธาร เป็นชาพื้นเมืองและชาพันธุ์ไต้หวัน ปลูกตามธรรมชาติโดยปลูกผสมผสานกับป่าอย่างกลมกลืน ทุกครัวเรือนจะมีสวนชา การเก็บชาจะเก็บในช่วงเดือนเมษายน - พฤษภาคม ให้ผู้รับซื้อที่ตำบลแม่ขะจาน อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย อาชีพรองลงมาคือการทำนา นาดำ นาข้าวไร่ โดยจะทำนาดำแบบชาวพื้นราบและการทำข้าวไร่ ในหมู่บ้านจะมีพื้นที่ใช้ทำนา 58 ไร่ การทำนาในหมู่บ้านจะมีจำนวน 4 ครัวเรือน ประมาณครัวเรือนละ 5-10 ไร่ เป็นพื้นที่เดียวกัน ทำร่วมกัน ครอบครัวอื่นๆ ปลูกข้าวไร่ มีพื้นที่ใช้ทำไร่ 85 ไร่ และนิยมปลูกข้าวที่เป็นพันธุ์เฉพาะของตน พื้นที่ในหมู่บ้านจะไม่ปลูกข้าวโพด แหล่งน้ำเพื่อการเกษตรส่วนใหญ่อาศัยน้ำจากธรรมชาติ น้ำฝน และลำห้วยหินลาด ส่วนแหล่งน้ำเพื่ออุปโภคบริโภคได้จากบ่อน้ำบาดาลสาธารณะจำนวน 2 บ่อ และน้ำจากลำห้วยหินลาดที่ไหลผ่านหมู่บ้าน ชาวบ้านยังมีรายได้เสริมจากการเก็บหาของป่า เช่น การเก็บหน่อไม้ หวาย หมากขม เห็ดต่าง ๆ ชาวบ้านจะมีรายได้จากการ เก็บหน่อไม้ขายเฉลี่ย 15,000 บาท/ปี/ครัวเรือน ทุกหลังคาเรือนใช้ไม้ฟืนในการหุงต้ม ในหมู่บ้านมีสัตว์เลี้ยง ได้แก่ วัว หมู เป็ด และไก่ โดยหมู่บ้านมีวัวจำนวน 20 ตัว ส่วนหมูเลี้ยงกันทุกครัวเรือนจำนวน 3-4 ตัว/ครัวเรือน ส่วนเป็ดและไก่เลี้ยงกันจำนวน 20 ตัวขึ้นไป โดยเลี้ยงไว้ไม่นิยมขาย มีร้านค้าจำนวน 1 แห่ง เป็นร้านค้าขายสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นลักษณะร้านค้ารายย่อย หมู่บ้านมีเครื่องปั่นไฟจำนวน 1 เครื่อง สำหรับปั่นไฟในงานประเพณีของชุมชน (หน้า 45) |
|
Social Organization |
ความสัมพันธ์ของผู้คนในชุมชน สมาชิกทุกคนจะมีความสัมพันธ์อันดี เคารพนับถือซึ่งกันและกันตามอาวุโส สนับสนุนร่วมมือ และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ครอบครัวของชุมชนปกากะญอบ้านห้วยหินลาดในมีลักษณะเป็นครอบครัวเดี่ยว (Nuclear Family) กล่าวคือ ในหลังคาเรือนหนึ่งๆ จะประกอบด้วยบิดา มารดาและบุตร ตามจารีตประเพณีฝ่ายชายเมื่อแต่งงานแล้วจะต้องย้ายไปอยู่ที่บ้านของฝ่ายภรรยา ความเป็นใหญ่ในครัวเรือนจึงเป็นครอบครัวที่ผู้หญิงเป็นใหญ่ (Matrilineal) เป็นระบบเครือญาติที่สืบสายเลือดทางฝ่ายมารดา (หน้า 48) |
|
Political Organization |
สังคมจารีตประเพณีมีการเคารพนับถือผู้อาวุโสทั้งชายและหญิง ถือกันว่า คนเฒ่า คนแก่ เป็นผู้รอบรู้กฎเกณฑ์ของวัฒนธรรมเป็นอย่างดี ดูแลชุมชนให้อยู่อย่างเป็นระเบียบตามจารีตประเพณี โดยมีผู้นำตามประเพณี ฮีโข่ หัวหน้าของหมู่บ้านในการประกอบพิธีกรรมความเชื่อถือสืบทอดมาแต่โบราณ ชุมชนปกากะญอบ้านห้วยหินลาดได้ยกฐานะเป็นหมู่บ้านตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 มีโครงสร้างการปกครองที่กำหนดโดยรัฐ มีผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้นำทางชุมชน บทบาทหน้าที่ของผู้นำชุมชนปกากะญอในฐานะตัวแทนของภาครัฐนำนโยบายด้านการพัฒนาต่างๆ ของภาครัฐมาบริหารการปกครองหมู่บ้าน และทั้งดูแลรับผิดชอบสุขทุกข์ของลูกบ้านในฐานะตัวแทนของประชาชน คือ ผู้เสียสละงานทุกๆ ด้าน การช่วยเหลืองานส่วนรวม และที่สำคัญได้สร้างบรรทัดฐานบทบาทของผู้นำที่มีความมุ่งมั่นและเข้มแข็งในการดูแลรักษาป่า รูปแบบการปกครองของชุมชนปกากะญอบ้านห้วยหินลาดในมีการจัดองค์กรในการบริหารงานในหมู่บ้าน แบ่งออกเป็น 4 ฝ่าย ได้แก่ (1) ฝ่ายการศึกษา (2) ฝ่ายการปกครอง (3) ฝ่ายสวัสดิการ (4) ฝ่ายพัฒนา (หน้า 48-49) |
|
Belief System |
จารีตประเพณีของปกากะญอมีประเพณีและความเชื่อบางอย่างที่เป็นส่วนสำคัญในการอนุรักษ์ป่าไม้ทรัพยากรธรรมชาติ ได้ผ่านขบวนการปรับปรุงเพื่อให้เกิดการผสมผสานระหว่างมนุษย์กับป่าเพื่อที่จะสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข การจะเข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่แต่ละครั้งจำเป็นต้องประกอบพิธีการขอใช้พื้นที่จากเจ้าของพื้นที่ โดยจะใช้เครื่องเซ่นไหว้ ประกอบการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ทุกครั้ง และตั้งแต่การเพาะปลูกเป็นต้นไปจนถึงการเก็บเกี่ยว จะมีพิธีกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ตลอด (หน้า 57) |
|
Education and Socialization |
บ้านห้วยหินลาดในมีโรงเรียน 1 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนบ้านห้วยหินลาดใน โดยได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2530 โดยในอดีตมีเด็กนักเรียนบ้านห้วยไม้เดือ บ้านผาเมียง และบ้านหินลาดนอกมาใช้บริการ เป็นโรงเรียนบ้านกลุ่มวนาเทวี สำนัก งานการประถมศึกษาอำเภอเวียงป่าเป้า เป็นโรงเรียนการศึกษาเพิ่งพัฒนาของหมู่บ้านในเขตชนบท (กศ.พช.) พ.ศ. 2539 ปัจจุบันมีแต่เด็กนักเรียนของบ้านห้วยหินลาดในใช้บริการเพียงหมู่บ้านเดียว โดยมีครูจำนวน 1 คน และมีนักเรียน 18 คน (หน้า 44) |
|
Health and Medicine |
ปกากะญอบ้านห้วยหินลาดในจะเดินทางไปฉีดวัคซีนที่สถานีอนามัยตำบลบ้านโป่ง อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย เด็กที่คลอดส่วนใหญ่จะคลอดในหมู่บ้าน หากเด็กที่คลอดยากก็จะส่งโรงพยาบาลประจำอำเภอ เมื่อเจ็บป่วยเล็กน้อยก็รักษาโดยใช้ ยาสมุนไพรที่เก็บได้จากป่า และไปรับบริการรักษาพยาบาลจากสถานบริการสาธารณสุข เมื่อเจ็บป่วยรุนแรงส่วนมากจะไปรักษาพยาบาลจากโรงพยาบาลของรัฐ (หน้า 46) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
ช่วงระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา มีองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าไปพัฒนาวิถีชุมชน คนอยู่กับป่ามากขึ้น นโยบายและแผนงานถูกวางแผนมาจากข้างนอก ซึ่งไม่สอดคล้องกับความต้องการของชุมชน ถนนสายพร้าว-เวียงป่าเป้าที่ตัดผ่านทางเข้าหมู่บ้านทางทิศเหนือคือตัวแทนกระแสแห่งความเปลี่ยนแปลงที่รุกเข้ามาท้าทาย ชุมชนปกากะญอที่ดำรงชีวิตอยู่อย่างสงบ เรียบง่าย พึ่งตนเองและธำรงเอกลักษณ์ทางประเพณี วัฒนธรรม ความเชื่อ ที่อยู่อาศัยที่เป็นแบบบ้านถาวรเข้ามาปรับเปลี่ยนวิถีการดำรงชีวิตของชุมชน ทำให้ไม่มีการโยกย้ายหมู่บ้าน ได้มีการรวมตัว ของชุมชนเพื่อหาทิศทางที่เหมาะสมในการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของชนเผ่าให้สอดคล้องกับการพัฒนาแบบใหม่ที่เข้าไปใน ชุมชน (หน้า 47) |
|
Other Issues |
งานวิจัยระบุว่าก่อนปี พ.ศ. 2517 การดูแลรักษาป่ามีความเกี่ยวพันกับวัฒนธรรมความเชื่อเรื่องวิญญาณผีเจ้าป่าจ้าวเขา ถ้าคนรักษาป่า ป่าก็จะช่วยรักษาคน การต่อต้านกระแสการเปลี่ยนแปลงจากภายนอก โดยนำข้อปฏิบัติ ข้อห้ามตามความเชื่อ มาเป็น ตัวกำหนดกฎเกณฑ์ที่ชุมชมปกากะญอปฏิบัติสืบต่อกันมา มีการห้ามตัดต้นไม้ประเภทต่อไปนี้ 1. ต้นไม้ที่ถูกเลือกเป็นที่แขวนสายสะดือเด็กเกิดใหม่แต่ละคน 2. ต้นไทรขนาดใหญ่เพราะเชื่อว่ามีเทพสิงสถิตอยู่ 3. ต้นไม้ที่ใช้แบกหามคนตาย 4. ต้นไม้ที่ขึ้นเป็นคู่ใกล้ชิดกัน 5. ต้นไม้ที่ส่วนปลายโน้มติดกับอีกต้นหนึ่ง 6. ไม้ต้นผึ้งที่มีรังผึ้งเกาะอยู่ 7. ต้นไม้ที่มีเถาวัลย์พันเกี่ยว 8. ต้นไม้ที่ขึ้นบนจอมปลวก (หน้า 52) ไร่หมุนเวียนปกากะญอห้วยหินลาดในกับการรักษาสมดุลของธรรมชาติ การทำไร่หมุนเวียนของชุมชนนี้ปรับตัวตามสภาพธรรมชาติและเงื่อนไขภายในชุมชน ปัจจุบันระบบการทำไร่ได้ลดระยะเวลาการหมุนแต่ละรอบลงเหลือประมาณ 5-7 ปี โดยที่ใน 1 รอบระยะเวลา 7 ปี พื้นที่ทำการผลิตในปีนั้น คนปะกากญอเรียกว่า "คึร์" และพื้นที่ปล่อยพักไว้หรือที่เรียกว่า "ไร่ซาก" (ไร่เหล่า) คนปกากะญอจะเรียกว่า "ฉกี่" โดยจะเรียกชื่อตามลักษณะธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละพื้นที่ และลักษณะพื้นที่จะให้คุณค่าและให้ประโยชน์ต่อคน ต่อสัตว์และต่อการรักษาสมดุลทางธรรมชาติของระบบนิเวศบนพื้นที่สูง ลักษณะของป่าบริเวณบ้านห้วยหินลาดในเป็นป่าดงดิบชื้นและป่าผลัดใบ ป่าดิบชื้นชาวบ้านจะเรียกว่า "กะเนอหมื่อ" เป็นพื้นที่ที่ชาวบ้านอนุรักษ์ไว้ มีกฎระเบียบและความเชื่อห้ามตัดต้นไม้และห้ามล่าสัตว์โดยเด็ดขาด ส่วนป่าผลัดใบเป็นป่าเบญจพรรณชื้นชาวบ้านจะเรียกว่า "กระเหน่อเพอ" เป็นพื้นที่ที่ชาวบ้านใช้ยังชีพ คือหาอาหารและไม้ใช้สอยบางชนิด ทั้งนี้ชาวบ้านจะไม่ทำไร่ในป่าดิบชื้นเพราะนอกจากจะเป็นแหล่งต้นน้ำและป่าความเชื่อที่ต้องอนุรักษ์ไว้แล้ว เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีไม้ใหญ่มาก ไม่สามารถถางด้วยมีดไร่ได้ และดินก็มีความชื้นมากเกินไป จะทำให้ข้าวอวบและมีลำต้นสูงเพราะต้องการแสงแดด แต่เมล็ดข้าวจะลีบเล็กเพราะต้นและใบงอกงาม (หน้า 53-56) ประเพณี - ความเชื่อ จารีตประเพณีของปกากะญอมีประเพณีและความเชื่อบางอย่างเป็นส่วนสำคัญในการอนุรักษ์ป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติ ผ่านกระบวนการปรับปรุงผสมผสานระหว่างมนุษย์กับป่าเพื่อให้อยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข เชื่อและจารีตประเพณีที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ที่ทำกินของพวกเขายังเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ การจะเข้าไปใช้ประโยชน์จากพื้นที่จำเป็นต้องประกอบพิธีขอใช้พื้นที่จากเจ้าของพื้นที่ โดยจะใช้เครื่องเซ่นไหว้ประกอบทุกครั้ง และตั้งแต่การเพาะปลูกไปจนถึงเก็บเกี่ยวก็มีพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับ สิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ตลอด ป่าช้าจะเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์เพราะไม่มีใครกล้าเข้าไปทำอะไร เนื่องจากเชื่อว่าถ้าใครเข้าไปทำลายป่า ครอบครัวจะอยู่ไม่เป็นสุข ในป่า "เดปอ" มีความเชื่อว่าถ้าปกากะญอคลอดลูกออกมาจะเอาสายสะดือไปผูกติดกับต้นไม้ต้นใดต้นหนึ่งที่มีผลกินได้หรือสัตว์กินได้และห้ามใครตัดต้นไม้ต้นนั้นเด็ดขาด และป่าเจ้าที่เป็นป่าที่สำคัญที่สุดของชาวบ้านห้วยหินลาดใน เป็นป่าเจ้าที่เจ้าทางของหมู่บ้านโดยทุกคนที่อยู่ในหมู่บ้านนี้จะรู้และไม่เข้าไปตัดต้นไม้ หากใครฝ่าฝืนก็จะถูกปรับเป็นไก่ 1 คู่ และบุคคลนั้นจะไม่มีใครคบหาสมาคมด้วย และยังมีความเชื่อที่ว่าป่าต้นน้ำจริงๆ จะไม่มีการทำไร่ เพราะถ้าน้ำแห้งผีสางนางไม้จะลงโทษให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บ ความเชื่อนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของการอนุรักษ์ป่าได้อีกทางหนึ่ง ชาวบ้านเชื่อว่าป่าช้า (ปกา โล พะโดะ) เป็นศูนย์กลางระหว่างมนุษย์กับเทพ เชื่อว่าต้นไทรเป็นเจ้าที่หลัก มีการนำข้าวของไปไว้ใกล้ๆ ต้นไทรเพื่อมอบให้แก่วิญญาณ ขณะที่ศพจะถูกเผาเป็นเถ้าถ่านในป่าช้า (ตาสว่าโข่) ความสำคัญของป่าช้าคือ เป็นจุดระหว่างวิญญาณกับเทพ วิญญาณของผู้ตายจะมาเกิดที่ป่าช้า ดังนั้น ป่าช้าจึงไม่เคลื่อนย้ายไปไหนแม้จะย้ายหมู่บ้าน สภาพป่าจึงสมบูรณ์ นับว่าเป็นพื้นที่ป่าที่สามารถรักษาแหล่งน้ำและรักษาแหล่งสัตว์ป่าไว้ได้ โดยยึดแนวความคิดต่อความเชื่อเรื่องวัฒนธรรม (หน้า 57) |
|
Map/Illustration |
ตาราง : แสดงตัวเลขเกี่ยวกับชาวเขาในประเทศ (หน้า 34), แสดงจำนวนประชากรแยกตามเพศและอายุ (หน้า 44), แสดงจำนวนนักเรียนโรงเรียนบ้านห้วยหินลาดใน (หน้า 44), แสดงจำนวนยานพาหนะของชุมชนบ้านห้วยหินลาดใน (หน้า 46) แผนที่ : แผนที่มาตราส่วน 1: 50,000 แสดงจุดที่ตั้งหมู่บ้านห้วยหินลาดใน (หน้า 40), แผนที่สังเขปแสดงเขตการปกครองอำเภอเวียงป่าเป้า (หน้า 41), แผนที่สังเขปแสดงหมู่บ้านห้วยหินลาดใน (หน้า 42) แผนภูมิ : แสดงลักษณะไร่หมุนเวียนแต่ละช่วงปี (หน้า 56), แสดงมาตรการและแนวทางแก้ไขที่ดินในพื้นที่ป่าไม้ (หน้า 66) |
|
|