|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
คนอีสาน,ความเป็นอยู่,ประเทศไทย |
Author |
ถนอม กิตติขจร |
Title |
การไปเยือนภาคอีสานของข้าพเจ้า |
Document Type |
ร่างรายงานผลการวิจัย |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
-
|
Language and Linguistic Affiliations |
- |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
58 |
Year |
2501 |
Source |
แผนกปาฐกถาและโต้วาทีสโมสร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ |
Abstract |
การเดินทางเยือนภาคอีสาน ของนายกรัฐมนตรีถนอม กิตติขจร และคณะที่ประกอบด้วยตัวแทนจากกระทรวง ทบวงกรมต่างๆ ได้เดินทางไปเยี่ยมประชาชนในภาคอีสาน ทุกจังหวัด เพื่อรับฟังปัญหา และช่วยเหลือประชาชน การแก้ปัญหาเฉพาะ นายกฯ จะสั่งกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นหรือฝากกับตัวแทน ที่เกี่ยวกับปัญหาดังกล่าวให้ช่วยแก้ปัญหา แต่ข้อร้องเรียนหรือความช่วยเหลือที่ต้องใช้ขั้นตอนในการพิจารณามาก ก็จะนำมาเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป จุดหมายของการเดินทางของนายกฯ และคณะก็เพื่อต้องการดูปัญหาของประชาชนด้วยตัวเอง เพื่อขจัดความยากจน และ พัฒนาความเป็นอยู่ การศึกษา สุขภาพอนามัย ของประชาชนชาวอีสาน ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น |
|
Focus |
เดินทางไปเยี่ยมเยียน เพื่อรับฟังปัญหาเพื่อหาทางช่วยเหลือ ชาวอีสาน เพื่อช่วยให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ขจัดความยากจน เพื่อลดจำนวนการอพยพของชาวอีสาน ที่ไปทำงานในต่างถิ่น (หน้า 58) |
|
Ethnic Group in the Focus |
ประชาชนในภาคอีสานของประเทศไทย |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ อ.เดชอุดม กระทั่งถึง จ.ศรีสะเกษ จ.สุรินทร์ และ จ.บุรีรัมย์ โดยมากจะพูดภาษาเขมรเป็นภาษาถิ่น ชาวบ้านจะพูดไทยไม่ค่อยได้ เวลาที่ พลเอกถนอม คุยกับชาวบ้าน จะใช้ล่ามสื่อสาร (หน้า 33, 39) |
|
Study Period (Data Collection) |
เดินทางดูแล ทุกข์ สุข ของประชาชน ในจังหวัดต่างๆ ในภาคอีสาน ระหว่าง วันที่ 4 ถึง 21 กุมภาพันธ์ 2501 |
|
History of the Group and Community |
|
Economy |
ป่าไม้ สองข้างทางระหว่างทาง จ.นครราชสีมา ไป จ.ชัยภูมิ ต้นไม้ถูกตัดเยอะ เพราะมีโรงเลื่อยเข้ามาตั้งในพื้นที่ จึงได้ตัดต้นไม้ที่เจริญเติบโตยังไม่เต็มที่ที่จะนำไปแปรรูป (หน้า 6) การผลิต : ภาคอีสานในหลายจังหวัดปลูกปอกันมาก นายกฯ จึงมีความตั้งใจจะสร้างโรงงานทอกระสอบ ที่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น เพราะเป็นศูนย์กลางการเดินทาง ซึ่งจากที่นายกฯ พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญเรื่องปอ ก็ทราบว่า ปอที่ปลูกในอีสาน สามารถทำกระสอบได้ไม่ต่ำกว่าปีละ 20-30 ล้านกระสอบ นอกจากทำกระสอบแล้ว ยังมีปอเหลืออีกเป็นจำนวนมาก (หน้า 51-52) - จังหวัดชัยภูมิ ปลูกข้าวได้ผล 90% และทำไร่ปอ เมื่อได้ผลผลิตก็จะนำไปขายในกรุงเทพฯ หรือโรงงานในจังหวัดนครราชสีมา โดยมีปอที่เหลือเพียง 1 ใน 5 ส่วน ที่เหลือใน จ.ชัยภูมิ - จังหวัดนครราชสีม อ.บัวใหญ่ ทำนาไม่ค่อยได้ผล บางตำบลได้ผลไม่ถึง 20% แต่ปลูกปอเยอะ และมีปอเหลือเพราะขายไม่ได้หลายแสนกิโลกรัม เนื่องจากมีราคาต่ำและพ่อค้าต่างด้าวที่รับซื้อให้ราคาต่ำ โดยรับซื้อในราคากิโลกรัมละ 70 สตางค์ ถึง 1.50 บาท นายกรัฐมนตรีจึงแก้ปัญหาโดยให้บริษัทปอไทย รับซื้อปอในราคากิโลกรัมละ 1.50 บาท (หน้า 6-8) - จ.ขอนแก่น อ.พล และ อ.บ้านไผ่ ทำนาไม่ได้ผลเพราะฝนแล้ง และน้ำบาดาลก็ใช้ไม่ได้ เพราะดินมีเกลือมาก อ.ชุมแพ ปลูกข้าวได้ผลประมาณ 50% แต่พื้นที่ปลูกข้าวไม่มาก ส่วนการปลูกพืชผัก เช่น พริก ฝ้ายและพืชไร่อื่น ๆ ปลูกเจริญเติบโตได้ผลผลิตเป็นที่น่าพอใจ สำหรับอาชีพเสริม ชาวบ้านจะไปตัดใบลานในดงลานมาขายที่กรุงเทพฯ (หน้า 10) - จ.เลย อ.เชียงคาน ตั้งอยู่ติดแม่น้ำโขง ทำนาได้ผลผลิตมากกว่า 50% ส่วนพืชผัก เช่น พริก ฝ้ายก็เจริญเติบโตให้ผลผลิตดี โดยในแต่ละปีปลูกฝ้ายขายได้ปีละ 2-3 ล้านบาท (หน้า 12-12,52) แร่ บ้านผาแบ่น ต.บุฮม อ.เชียงคาน จะมีภูเขาที่มีแร่เหล็กและทองคำ โดยบริษัทไทยแลนด์สตีลได้ขออนุญาตเพื่อขุดแร่ในบริเวณพื้นที่แห่งนั้น (หน้า 13) - จ.อุดรธานี เมื่อก่อนนี้ชาวบ้าน ในอ.กุมภวาปี ปลูกอ้อยกันมาก กระทั่งมีโรงงานอุตสาหกรรมเข้าไปตั้ง และรับซื้ออ้อยในราคาปลูก ชาวบ้านจึงปลูกอ้อยกันน้อยลง จ.อุดรธานี ปลูกข้าวได้ 25% จึงมีข้าวไม่พอกิน ชาวบ้านจะปลูกอ้อย ถั่ว แตงโม เพื่อเป็นรายได้เลี้ยงครอบครัว (หน้า 14,52) - จ.หนองคาย อ.ท่าบ่อ ทำนาได้ผลดี นอกจากนี้ก็ปลูกยาสูบ พืชไร่และผักสวนครัว อ.เมือง ชาวบ้านจะปลูกพืชไร่ ยาสูบเวอร์จิเนีย และเลี้ยงไหม (หน้า 16-17) - จ.กาฬสินธุ์ อ.กมลาไสย ทำนาปลูกข้าว ได้ 25% แต่อยู่ใกล้ลำน้ำปาว จึงปลูกพืชไร่ได้ (หน้า 25-26) - จ.มหาสารคาม ปลูกแตงโมเยอะและมีรสหวานน่ารับประทาน แต่มีปัญหาเรื่องการคมนาคม ถนนไม่ดีจึงไม่สามารถส่งไปขายไกล ๆ ได้ (หน้า 26) - จ.ร้อยเอ็ด ปลูกปอ ฝ้าย และแตงโมได้มาก แต่ปลูกข้าวไม่ค่อยได้ผล (หน้า 26) - จ.อุบลราชธานี อ.ยโสธร ปลูกข้าวได้มากกว่า 25% ศูนย์การแพร่พันธุ์สัตว์ จะเลี้ยงหมู วัวพันธุ์ ไก่พันธุ์ เพื่อขายให้ชาวบ้านไปทำพันธุ์ โดยเป็นการสนับสนุนของ นายประสงค์ อิสสระภักดี ผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อส่งเสริมให้ชาวบ้านมีรายได้ อ.พิบูลมังสาหาร ทำนาได้ผลดีกว่าทุกอำเภอในจังหวัดอุบลฯ โดยปลูกข้าวได้มากกว่า 75% นอกจากนี้ชาวบ้านยังปลูกอ้อย และมีโรงงานน้ำตาลหลายโรงในพื้นที่ อ.เดชอุดมทำนาได้ประมาณ 25% จะปลูกพืชไร่ได้ผลผลิตดี อาทิเช่น ฝ้าย ถั่ว ละหุ่ง อ้อย เป็นต้น (หน้า 29,33) - จ.ศรีสะเกษ อ.เมืองปลูกข้าวได้น้อยได้ผลเพียง 20-25% แต่จะปลูกกระเทียมหัวใหญ่ได้ผลผลิตมาก (หน้า 37) - จ.สุรินทร์ อ.ศรีขรภูมิ กิ่งอำเภอสำโรงทาบ แห้งแล้ว ฝนน้อย แม้มีพื้นที่นามากแต่ปลูกข้าวไม่ได้ (หน้า 37) - จ.บุรีรัมย์ อ่างเก็บน้ำห้วยตลาด ตั้งห่างจาก อ.เมือง บุรีรัมย์ 13 กิโลเมตร อ่างแห่งนี้เก็บน้ำได้ 19 ล้านคิวบิคเมตร พื้นที่ติดบริเวณอ่างเก็บน้ำปลูกข้าวได้ 100% พื้นที่ปลูกข้าวในอำเภอต่าง ๆ ในบุรีรัมย์ก็ใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำแห่งนี้ (หน้า 41) เกลือ : จ.หนองคาย บ้านท่าสะอาด อ.บึงกาฬ ชาวบ้าน 80 ครัวเรือน ทำเกลือสินเธาว์ขาย โดยผลิตได้เฉลี่ยหลายแสนกิโลกรัมต่อปี วิธีทำจะขุดบ่อลึกประมาณ 6 เมตร จากนั้นจะมีน้ำเค็มซึมออกมา ชาวบ้านจะนำน้ำไปต้มแล้วกลั่นเป้นเกลือสินเธาว์ นำไปขาย (หน้า 22) เหล้าเถื่อน : จ.นครราชสีมา อ.บัวใหญ่ ทำเหล้าเถื่อนกันมาก จึงมีคนร้องเรียนว่า กรมสรรพสามิตกลั่นแกล้ง เช่น ซื้อเหล้าเถื่อนมาทำยาแค่หนึ่งขวดก็ถูกเจ้าหน้าที่จับ (หน้า 8-9) เครื่องปั้นดินเผา : จ.นครราชสีมา ก่อนถึง อ.เมือง 20 กิโลเมตร จะเป็นที่โรงปั้นดินเผา แต่เผาได้ครั้งละไม่มาก เพราะเผาด้วยเตาจอมปลวก ไม่มีเครื่องเผาขนาดใหญ่เนื่องจากมีราคาแพง (หน้า 45) ไหม : ชาวบ้านเขต อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมาจะทอผ้าไหมสร้างรายได้จุนเจือครอบครัว แต่ไหมที่ใช้จะเป็นไหมญี่ปุ่น ที่ซื้อจากร้านค้า อัตราเฉลี่ยการทอผ้า ในแต่ละวันจะทอได้ครึ่งเมตร เฉลี่ยได้ค่าแรงวันละ 8-10 บาท นอกจากนี้ ยังมีชาวบ้านใน จ.สุรินทร์ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ และหนองคายที่นิยมเลี้ยงไหม แต่ยังมีจำนวนไม่เพียงพอที่จะป้อนเข้าโรงงาน (หน้า 45,52) ตีเหล็ก : จ.นครราชสีมา ชาวบ้านในพื้นที่บ้านแสนเมือง บ้านหนองบัว ต.บ้านโพธิ์ บ้านพัฒนาท้องถิ่น บ้านมะค่า บ้านลองตอง ชาวบ้านจะตีเหล็ก หลังจากว่างเว้นจากการทำนา โดยจะตีมีด และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากเหล็กทุกประเภทเอาไว้จำหน่าย (หน้า 46) การแลกเปลี่ยน : จ.หนองคาย บ้านศรีเชียงใหม่ อ.ท่าบ่อ พื้นที่นี้ตั้งอยู่ตรงข้าม กรุงเวียงจันทรน์ เมืองหลวงของลาว ในหมู่บ้านศรีเชียงใหม่เป็นที่แลกเปลี่ยนสินค้าที่สำคัญแห่งหนึ่งระหว่างไทย กับ ลาว ดังนี้ รัฐบาลจึงมีนโยบายที่จะยกให้บ้านศรีเชียงใหม่เป็นอำเภอต่อไป (หน้า 16) จ.ศรีสะเกษ ชาวบ้านใน อ.กันทรลักษณ์ ปลูกถั่วลิสงอัตราเฉลี่ย 5-6 แสนกิโลกรัมต่อปี แต่ขายไม่ค่อยได้ เพราะไม่มีตลาดรับซื้อ ประกอบกับชาวบ้านเป็นหนี้พ่อค้าต่างชาติชาวจีน เมื่อเพาะปลูกแล้วก็จะเสียดอกเบี้ยมาก พ่อค้าจะได้เกิน 90% แต่ชาวบ้านจะมีรายได้เพียง 10% เท่านั้น (หน้า 33,35) จ.นครราชสีมา สหกรณ์ขายข้าวนครราชสีมาจำกัดสินใช้ เป็นสหกรณ์ที่มีธุรกิจรุ่งเรืองมีกำไรหลายแสนบาท ซึ่งพลเอกถนอม กิตติขจร กล่าวว่า การมีสหกรณ์จะสามารถช่วยเหลือพ่อค้าข้าว และเกษตรกรได้เป็นอย่างดีในวันข้าหน้า (หน้า 48,53) |
|
Political Organization |
การเดินทางเยี่ยมประชาชนในภาคอีสาน ของคณะนายกรัฐมนตรีถนอม กิตติขจร ได้ใช้การสั่งงานโดยตรงแก่ผู้รับผิดชอบของกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ที่ร่วมคณะไปด้วย เช่นการรับฟังเรื่องราวร้องทุกข์จากชาวบ้าน หากเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา พิจารณามาก ก็จะยื่นเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีในภายหลัง สำหรับการสั่งงาน โดยตรงเช่น นายกฯมอบหมายอธิบดีกรมทางเร่ง สร้างทาง สายบุรีรัมย์ ไป อ.สตึก เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านไปการขจัดความยากจน และทำให้อำนวยความสะดวกในการขนส่ง พืชไร่ไปจำหน่ายได้อย่างสะดวก (หน้า 7, 8,13,14, 41, 43, 45) ระบอบประชาธิปไตย : เมื่อคราวไปเยี่ยม โครงการชลประทานทุ่งสัมฤทธิ์ พิมาย มีประชาชนมารอพบเป็นจำนวนมาก และ ในกลุ่มนั้นมีอดีต ส.ส.มาร้องเรียนต่อนายกฯว่าอยากให้ยุติโครงการ เพราะชาวบ้านทำนาไม่ได้ นายกฯ จึงถามความสมัครใจ ของชาวบ้านเพื่อต้องการให้ออกเสียงตามระบอบประชาธิปไตยว่า ต้องการให้ทำโครงการต่อให้หรือให้ยุติโครงการ แต่ก็ไม่มี ผู้ใดคัดค้านแต่ประการใด ดังนั้น นายกฯจึงตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง ซึ่งประกอบด้วย ผวจ.นครราชสีมา เจ้าพนักงานข้าว ส.ส. และตัวแทนของผู้เดือดร้อน เพื่อติดตามข้อมูลของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างชลประทาน (หน้า 46, 48) |
|
Belief System |
พิธีบายศรีสู่ขวัญ ประเพณีบายศรีสู่ขวัญ เป็นความเชื่อของชาวอีสาน ที่ทำพิธีอวยชัยให้พรแก่ผู้มาเยี่ยมเยียน และ ทำด้วยความสมัครใจ โดยผู้อาวุโสจะเป็นผู้นำพิธี อาทิเช่น ผู้เฒ่าผู้แก่ ชาวกาฬสินธุ์ และชาวบ้านดอนสำราญ อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลฯ ได้ทำพิธีบายศรีสู่ขวัญ ให้แก่ พลเอกถนอม กิตติขจร ที่เดินทางไปเยี่ยมเยียนประชาชนใน จ.กาฬสินธุ์ และ จ.อื่นๆ ในภาคอีสาน (หน้า 24, ดูรูป หน้า 34) |
|
Education and Socialization |
การศึกษาในอีสาน ประชาชนได้รับการศึกษาเกือบ 50 %จากจำนวนประชากรทั้งหมด ซึ่งนับว่าประชาชนสนใจด้านการศึกษา จังหวัดที่มีการจัดการศึกษาที่ดี คือ - จ.สกลนคร และจังหวัดที่มีปัญหาเรื่องการศึกษามากที่สุด คือ จ.ศรีสะเกษ จ.สุรินทร์ และ จ.บุรีรัมย์ อาคารเรียนไม่มีความสะดวกสบาย ส่วนใหญ่จะมุงแฝก และไม่มีฝากั้น บางพื้นที่ครูมีน้อย อัตราการศึกษาของชาวอีสานนั้นมีมาก สังเกตได้จากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งซึ่งมีเป็นจำนวนมาก (หน้า 53, 54) - จ.เลย ที่บ้านผาแบ่น ต.บุฮม อ.เชียงคาน การทำงานขยายด้านการศึกษา ไม่ค่อยได้ผล เพราะพื้นที่ อยู่ห่างไกลความเจริญ (หน้า 13) - จ.สกลนคร ประชาชนในจังหวัด สนใจเรื่องการศึกษา โดยจะบริจาคเงินเพื่อสร้างโรงเรียนในแต่ละปีล้านกว่าบาท ดังนั้น ในจังหวัดทุกตำบล และอำเภอต่างๆ จะมีลักษณะอาคารเรียนและทาสี คล้ายคลึงกัน เพราะชาวบ้านช่วยกันทำ การสร้างอาคารเรียนถ้ารัฐบาลให้งบประมาณก่อสร้างมา ชาวบ้านก็จะออกเงินช่วยมาจำนวนหนึ่ง โรงเรียนประชาบาลของจังหวัดสกลนครจึงดีกว่าโรงเรียนในจังหวัดอื่นๆในอีสาน (หน้า 19) จ.อุบลราชธานี อำเภอต่างๆ จะได้รับการสนับสนุนด้านการศึกษา จากศูนย์การศึกษาผู้ใหญ่จังหวัดอุบลราชธานี (ศ.อ.ศ.อ.) หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า Thailand Unesco Fundamental Education Centre (TUFEC) ซึ่งทางกลุ่มนี้จะส่งครูไปให้ความรู้กับประชาชน ในแต่ละอำเภอ ในจังหวัด (หน้า 29 ดูรูปหน้า 31) - จ.สุรินทร์ โรงเรียนเกษตรสุรินทร์ สร้างตั้งแต่นายญาติ ไหวดี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีถนอม กิตติขจร เป็นครูใหญ่ มีเนื้อที่ 2 พันไร่ โดยจะใช้พื้นที่ปลูกมะพร้าว ปลูกข้าว ปลูกผัก และเลี้ยงไหม และเลี้ยงปลา โดยนายธรรมนูญ สิงคะเสลิต อาจารย์ใหญ่ ครู และ นักเรียน ช่วยกันทำงาน อาทิ สร้างทำนบ กั้นน้ำ ทำประตูระบายน้ำ เป็นต้น โดยไม่ต้องใช้งบประมาณจากรัฐบาล โดยได้ปลูกมะพร้าวไปแล้วจำนวน 1,574 ต้น หากต้นมะพร้าวเติบโต คาดว่า จะได้ผลผลิตเป็นจำนวนมาก โรงเรียนนี้เป็นที่น่าท่องเที่ยวของจังหวัด (หน้า 39) |
|
Health and Medicine |
ประชาชนในภาคอีสานส่วนใหญ่จะเป็นโรคผิวหนัง เพราะไม่ค่อย อาบน้ำ และเป็นโรคลำไส้ เพราะกินอาหาร รสจัด เช่น เค็ม และเผ็ด ชอบกินอาหารดิบ ๆ เช่น ปลาดิบ จึงทำให้เป็นโรคพยาธิกันเยอะ (หน้า 54) มาลาเรีย เมื่อก่อนนี้ ดงพยาเย็น มีเชื้อมาลาเรีย เป็นจำนวนมาก จนกระทั่งถนนมิตรภาพตัดผ่านมีประชาชนอพยพเข้าไป ทำฟาร์ม เพาะปลูก และเลี้ยงสัตว์ อยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งแต่ก่อนก็เป็นที่หวั่นเกรงกันว่า การทำถนนจะทำให้มาลาเรียมากขึ้น แต่ก็ไม่เป็นอย่างที่หวั่นเกรงกัน (หน้า 5, 6) โรงพยาบาล - จ.ร้อยเอ็ด โรงพยาบาลประจำจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นโรงพยาบาลใหญ่และมีเครื่องมือการแพทย์เพียบพร้อม ประกอบกับ นายแพทย์ สิงคาลวณิช ผู้อำนวยการโรงพยาบาล เป็นชาวชลบุรี มาอยู่ประจำที่ร้อยเอ็ด 17 ปี เอาใจใส่ผู้ป่วยดีประชาชนจึงรักใคร่น้ำใจ ชาวบ้านนับถือและเรียกว่า พ่อ ผู้ป่วยชอบมารักษาที่โรงพยาบาลนี้ (หน้า 29) - จ.นครราชสีมา เป็นโรงพยาบาลที่มีความพร้อม ทั้งอาคารพยาบาล มีเตียงผู้ป่วย 200 เตียง และกำลังจะสร้างอาคารเพิ่มเติมในบางส่วน และจะเปิดเป็นโรงเรียนพยาบาล ผู้ช่วยพยาบาล ผดุงครรภ์ และเจ้าหน้าที่อนามัยเพื่อเป็นสถานที่ผลิตบุคคลากร ช่วยเหลือชาวอีสาน และจะได้ให้นักเรียนเข้ามาศึกษา โดยไม่ต้องเข้าไปเรียนที่ กทม. (หน้า 49) - จ.อุบลราชธานี หน่วยอนามัยพิเศษบ้านดอนสำราญ ต.กุดชมภู อ.พิบูลมังสาหาร เจ้าหน้าที่อนามัยอำเภอ จะเป็นหัวหน้าและให้คำปรึกษาด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่สะอาด กับชาวบ้าน (หน้า 30, 33) - จ.บุรีรัมย์ ที่ ต.ร่อนทอง อ.สตึก นางผดุงครรภ์ อบรมหมอตำแย ว่า หญิงที่คลอดลูกแล้วต้องกินวิตามิน บี โดยนำรำข้าวกับกล้วยน้ำว้ามาคลุกเข้าด้วยกัน แล้วนึ่งรับประทาน ซึ่งกรณีนี้ หนังสือพิมพ์ได้ลงข่าวว่า มีคนอดอยากกินรำข้าวแทนข้าวแล้วตาย ซึ่งจากที่นายกฯ สอบถามจากชาวบ้าน ต.ร่อนทองก็บอกว่า คนที่ตายนั้น ป่วยเพราะคลอดลูกมาเป็นปีแล้ว จึงตายในที่สุด ไม่ใช่ตายเพราะไม่มีข้าวกิน เหมือนที่เป็นข่าว (หน้า 41, 43 รูปหน้า 42) พัฒนากรให้ความรู้ชาวบ้าน จ.นครราชสีมา ในเขต อ.พิมายจะมีพัฒนากร เป็นผู้ให้ความรู้ด้านความเป็นอยู่และงานอาชีพ เช่น ทำโต๊ะ และเก้าอี้จากไม้ไผ่ และการดูแลสุขภาพอนามัยกับชาวบ้าน พัฒนากรจะมี 6 สาขา เวลาทำงานจะไปทำอย่างพร้อมเพรียงกัน (หน้า 46) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
เขาพระวิหาร ทางขึ้นเป็นบันไดพระยานาค ตัวปราสาทสร้างจากหินแข็ง โดยใช้ระยะเวลาก่อสร้างในช่วงการปกครองของกษัตริย์ขอม ยาวนานถึง 5 รัชกาล (หน้า 35) |
|
Folklore |
คำเปรียบเทียบ ภาคอีสาน มีฉายาหลากหลาย อาทิ อีสานแบ่งแยก อีสานแล้ง อีสานสะอื้น อีสานอพยพ อีสานอดอยาก (หน้า 1) ผาเสวย ตั้งอยู่เขตจังหวัด สกลนคร กับกาฬสินธุ์ มีทัศนียภาพที่งดงาม ผาแห่งนี้มีชื่อมาจากที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จผ่าน และทรงหยุดเสวยพระกระยาหารกลางวัน บริเวณนี้ ก็เลยมีชื่อเรียกว่า "ผาเสด็จ" (หน้า 22) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
- ความสัมพันธ์ ไทย กับ ลาว : ชาวบ้านที่อยู่ในเขต อ.ท่าลี่ จ.เลย กับประชาชนลาวที่อยู่ฝั่งประเทศลาว ซึ่งมีแม่น้ำเหืองกั้น จะอยู่ด้วยกันอย่างรักใคร่สนิทสนิม ไม่มีเรื่องบาดหมางวิวาทแก่กัน เพราะส่วนใหญ่คนทั้งสองฝั่งแม่น้ำเหือง จะเป็นญาติพี่น้องกัน ที่ด่านช่องเม็ก จ.อุบลราชธานี เจ้าหน้าที่ของไทยและลาวมีความสนิทสนมปรองดองกัน ตรงด่านจะมีตำรวจตระเวณชายแดนของไทยไปประจำการ ส่วนฝ่ายลาวก็จะมีตำรวจและเจ้าหน้าศุลกากร มาประจำการเช่นเดียวกัน (หน้า 13, 30 รูปด่านช่องเม็ก หน้า 32) - ความสัมพันธ์ ไทย กับ ญวน : ชาวบ้าน อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ได้รับความเดือดร้อน เพราะว่า ญวนอพยพ หลายหมื่นคน เข้ามาอยู่ในอำเภอและแย่งงานทำ เช่น หาบน้ำมันก๊าซเร่ขายตามบ้าน คนในพื้นที่จึงต้องเสียโอกาสในการทำงานหลายอย่างไปเพราะว่า ญวน ขยันขันแข็งในการทำงานและไม่เลือกงาน (หน้า 16) - ความสัมพันธ์ ไทย กับ เขมร : กำลังมีปัญหากรณีเขาพระวิหาร ซึ่งทางเขมรได้เรียกร้องเพื่อขอเขาพระวิหารคืน ซึ่งจากที่นายกรัฐมนตรีไปดูพื้นที่ เห็นว่าเขาพระวิหารไม่น่าจะเป็นของเขมร เพราะเขาพระวิหารอยู่บนหน้าผาสูง และไม่มีทางขึ้นจากกัมพูชา เพราะอยู่ใต้ผาสูง ทั้งนี้นายกฯ ได้ให้ความคิดเห็นว่า เป็นความผิดพลาดของกรรมการฝ่ายไทย จนทำให้เป็นผู้ที่เสียเปรียบที่ไม่ไปดูการทำแผนที่ ปล่อยให้ชาติตะวันตกเป็นผู้ทำแผนที่ แต่ฝ่ายไทยไม่ต้องการสร้างความขัดแย้งขึ้นอีก จึงขอตั้งคณะกรรมการขึ้นพิจารณาร่วมกันว่า เขาพระวิหาร เป็นของไทย หรือ กัมพูชา (หน้า 35, 37 รูปหน้า 38) ความแตกต่างเรื่องอุปนิสัย : นายกฯ สังเกตว่า คนในแต่ละพื้นที่จะมีลักษณะนิสัยใจคอแตกต่างกัน เช่น ชาวบ้านที่อยู่บริเวณช่องจอม และบ้านด่าน อ.สังขละ จ.สุรินทร์ จะเคยชินกับการเป็นผู้รับเพราะเคยได้รับของแจก ของฟรีมาเยอะ เช่น จากนักศึกษา และกลุ่มอื่นๆ ที่เคยมาแจกของ เมื่อคณะของนายกฯ มาถึงชาวบ้านก็จะมารอรับของแจกแลถามว่า จะเอาอะไรมาให้ นายกฯ จึงบอกว่าไม่มี มีแต่มาฟังเรื่องร้องทุกข์ ทั้งนี้นายกฯ มองว่าคนที่นี่ แตกต่างจากชาวบ้าน บ้านบักดอก ต.ทุ่งมณ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ที่อาศัยกำลังแรงกายของตนเองพัฒนาชุมชนโดยไม่เคยขอความช่วยเหลือจากภาครัฐ แม้ว่าจะอยู่จังหวัดเดียวกันแต่คนก็มีบุคลิกลักษณะแตกต่างกัน (หน้า 41) ความมีอคติ นายกฯ บอกว่าการที่คนชอบว่า คนอีสานเกียจคร้านนั้น ไม่เป็นความจริง แต่เป็นเพราะว่า ชาวอีสานมักน้อย ทำงานพอเลี้ยงชีวิต ทำงานให้พอเลี้ยงครอบครัวเท่านั้น (หน้า 46) การกดขี่จากนายทุน นายทุนจะเอาเปรียบคนยากจน เช่น คนที่ทำนาไม่ได้ ในช่วงหน้าแล้ง นายทุนก็จะออกค่ารถ ให้ก่อน 100 บาท เมื่อชาวบ้านเข้ามา ขอทานในกรุงเทพฯ เมื่อได้เงินแล้วกลับไปใช้หนี้ต้องจ่ายคืนแก่นายทุน 200 บาท นอกจากนี้ยังมีผู้ที่ยากจนเป็นจำนวนมากที่ต้องมาเป็นขอทาน (หน้า 56) |
|
Social Cultural and Identity Change |
ประชาชน จาก จ.บุรีรัมย์ จ.ศรีสะเกษ จ.สุรินทร์ และ จ.นครราชสีมา โยกย้ายบ้านเรือน เพราะผลผลิตข้าวไม่ดี หากินลำบาก จึงมาอยู่ จ.ชัยภูมิ เพราะทำมาหากินง่าย ในช่วงหน้าแล้งชาวบ้านในพื้นที่ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และสุรินทร์ จำนวนหนึ่งที่ว่างงาน ได้อพยพเข้ามาขอทานใน กทม.เพื่อนำเงินไปเลี้ยงดูคนในครอบครัว (หน้า 7, 56) |
|
Other Issues |
การพัฒนาด้านสาธารูปโภค - ถนนมิตรภาพ (Friendship Highway) สร้างโดยกระทรวงคมนาคมและได้รับความร่วมมือจาก คณะกรรมการเศรษฐกิจและวิชาการ (ก.ศ.ว.) กับคณะกรรมการบริหารวิเทศกิจแห่งสหรัฐอเมริกา (USOM) มีความยาว 145 กิโลเมตร กว้าง 12 เมตร โดย 7 เมตรเป็นทางเรียบ ผิวถนน ราดด้วยยางแอสฟัลท์ ฟุตบาททั้ง 2 ด้าน เท่าพื้นถนน สะพานทุกที่เป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ถนนสายนี้จะช่วยทุ่นเวลาเดินทาง ซึ่งก่อนหน้านี้ นั่งรถจาก กทม.ไป จ.นครราชสีมา จะใช้เวลาเดินทางหนึ่งวัน แต่พอสร้างถนนเรียบร้อยแล้ว จะใช้เวลาการเดินทางโดยรถยนต์ ไม่ถึง 5 ชั่วโมง ทั้งนี้ เส้นทางระหว่าง กทม. ถึง จ.นครราชสีมา ถนน มีระยะทาง 404 กิโลเมตร เมื่อสร้างถนนมิตรภาพแล้วเสร็จ ทำให้ร่นระยะทางลงเหลือ 252 กิโลเมตร สหรัฐอเมริกา เป็นประเทศที่ช่วยเหลือด้านงบประมาณ กว่า 360 ล้านบาท รวมทั้งค่าอุปกรณ์ประมาณ 90 ล้านบาท ตามโครงการร่วมมือระหว่าง ไทย กับ สหรัฐ การก่อสร้างใช้ช่างคนไทย 17 คน และคนงานไทยจำนวน 1,000 คน ถนนมิตรภาพ นับว่าเป็นถนนที่สวยโดดเด่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (หน้า 4, 5) - ถนน ในภาคอีสาน ยังมีหลายพื้นที่ที่ยังไม่มีถนนใช้ เช่นพื้นที่ อ.ประโคนชัย อ.ปราสาท อ.สังขละ อ.ขุขันธ์ อ.กันทรลักษณ์ ไป อ.เดชอุดม จ.อุบลฯ ซึ่งในพื้นที่ 3 จังหวัด คือ บุรีรัมย์ สุรินทร์ และศรีสะเกษ ถ้าสร้างถนนก็จะช่วยชาวบ้าน ขนสินค้าเกษตรและสัตว์เลี้ยง ตลอดจนไปโรงพยาบาล และตำรวจเข้าไปดูแลความปลอดภัยของประชาชนได้สะดวก ซึ่งจากการสังเกตของขบวนของนายกฯ พบว่า ถนนจาก จ.นครราชสีมา ไปถึงทางตอนเหนือแม่น้ำมูล ถนนมีสภาพดีการคมนาคมสะดวกสบาย ส่วน ใต้แม่น้ำมูลไม่มีถนนหนทาง อาทิ จาก จ.นครราชสีมา ไป จ.บุรีรัมย์ จ.สุรินทร์ จ.ศรีสะเกษ เข้าตัวเมืองอุบลฯ ยังไม่มีการสร้างถนน (หน้า 51) อ่างเก็บน้ำ : โครงการอ่างเก็บน้ำของชลประทาน มีทั้งหมด 107 อ่าง สร้างเสร็จแล้ว 93 อ่าง กำลังแก้ไข 2 อ่าง และอยู่ระหว่างก่อสร้างอีก 12 อ่าง (หน้า 49, 51) - จ.กาฬสินธุ์ โครงการสร้างอ่างเก็บน้ำลำน้ำปาว ถ้าสร้างเสร็จ จะสามารถเก็บน้ำได้ 200 ล้านคิวบิคเมตร (หน้า 23) - จ.ขอนแก่น โครงการสร้างอ่างเก็บพองหนีบ ซึ่งเตรียมสร้างในบริเวณที่เรียกว่า พองหนีบ เป็นภูเขาชิดกัน ถาสร้างเสร็จ จะเก็บน้ำได้ 100 ล้านคิวบิคเมตร (หน้า 24) ไม้ง่ามหาตาน้ำ ทำจากไม้ อีกด้านเป็นง่ามคล้ายหนังสะติ๊ก นายกฯ ไปเห็นที่ จ.อุบลฯ โดยนักศึกษาลาวซึ่งมาอบรม ที่ ศ.อ.ศ.อ. เป็นผู้สาธิตให้ดู โดยจะจับส่วนที่เป็นง่ามทั้งสองเอาไว้แล้วชี้ ส่วนโคนลงดิน ถ้าเจอตาน้ำไม้ก็จะชี้ลง ซึ่งจากที่ทดลองได้ผลเกือบ 100% (หน้า 46) |
|
Map/Illustration |
แผนที่ (หน้า73,76) - แสดงหมู่บ้านเจดีย์ทอง ต. คลองควาย อ. สามโคก จ. ปทุมธานี - แผนที่จังหวัดปทุมธานี ภาพประกอบ 24 ภาพ (ภาคผนวก 73-114) |
|
|