|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ลาหู่,โครงการเวียงป่า,วิถีการผลิต,การเปลี่ยนแปลง,เชียงใหม่ |
Author |
Peter Baldwin, Cavit Tig |
Title |
A Community Forestry Program for Sam Li Village, Phrao District, Chiang Mai Province, Thailand |
Document Type |
บทความ |
Original Language of Text |
ภาษาอังกฤษ |
Ethnic Identity |
ลาหู่ ลาหู่ ละหู่ ลาฮู,
|
Language and Linguistic Affiliations |
จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
27 |
Year |
2532 |
Source |
Faculty of Forestry Kasetsart University, Bangkok, Thailand. |
Abstract |
การทำไร่หมุนเวียนเป็นปัญหาหลักที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งเกิดจากกลุ่มคนชาติพันธุ์ต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่บนพื้นที่สูงมีวิถีชีวิตในการทำไร่แบบหมุนเวียนมาช้านาน การเพิ่มพื้นที่ในการทำไร่ และการบุกรุกป่ามีมากขึ้น หมู่บ้านแม่บุญหลวงเป็นอีกหนึ่งหมู่บ้านที่อยู่ในโครงการ "Wieng Pha" เพื่อการพัฒนาบนพื้นที่สูง โครงการในพระราชดำริ พยายามที่จะให้ชาวบ้านตั้งถิ่นฐานเป็นหลักแหล่งและเปลี่ยนแปลงการเพาะปลูก เป็นการปลูกพืชเศรษฐกิจและผลไม้เมืองหนาวแทนการทำไร่หมุนเวียนและการปลูกฝิ่น อย่างไรก็ตาม ยังพบปัญหาในหลายด้านที่ต้องแก้ไขไม่ว่าจะเป็นการให้ความรู้ความเข้าใจในด้านเทคโนโลยีการเกษตร การปรับปรุงคุณภาพชีวิต การศึกษาของคนในหมู่บ้านให้ดีขึ้น โครงการ "Wieng Pha" จึงเป็นไปเพื่อพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมให้ดีขึ้นในทุก ๆ ด้าน (หน้า vi) |
|
Focus |
ศึกษาแนวทางการดำเนินงานและวัตถุประสงค์ของโครงการเวียงป่าเพื่อพัฒนาพื้นที่สูง เพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพชีวิต ระบบเศรษฐกิจ และสังคมที่ดีขึ้นของหมู่บ้านแม่บุญหลวง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ |
|
Ethnic Group in the Focus |
ลาหู่แดง (Lahu Nyi) หมู่บ้านแม่บุญหลวง อ. พร้าว จ.เชียงใหม่ |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
หมู่บ้านแม่บุญหลวงเป็นหมู่บ้านของลาหู่แดง (Lahu Nyi) สร้างขึ้นเมื่อประมาณ 50 ปีที่ผ่านมา โดยพวกเขาอพยพมาจาก อำเภอพร้าว จังหวัด เชียงใหม่ เนื่องจากต้องการหาพื้นที่ใหม่สำหรับปลูกฝิ่นและที่เดิมมีโรคระบาด เช่น มาเลเรีย ไทรอยด์ และโรคร้ายอื่น ๆ ในปี 1983 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมหมู่บ้านและได้มีพระราชดำรัสให้ตั้งถิ่นฐานถาวรไม่ควรจะทำไร่หมุนเวียนแต่เปลี่ยนเป็นปลูกพืชเศรษฐกิจแทน เช่น ผลไม้เมืองหนาว เป็นต้น และพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ในการสร้างวัดภายในหมู่บ้าน (หน้า 6) |
|
Settlement Pattern |
ลาหู่แดงอาศัยอยู่บนพื้นที่สูงและดำรงวิถีชีวิตด้วยการทำไร่หมุนเวียน และการปลูกฝิ่น (หน้า 5-6) |
|
Demography |
เมื่อย้ายมาอยู่ที่บ้านแม่บุญหลวงมีจำนวน 30 ครอบครัว และขยายเป็น 83 ครอบครัวในปี 1984 และต่อมา 26 ครอบครัวได้ย้ายออกมาอยู่ตั้งหมู่บ้านใหม่ในบริเวณใกล้กันเรียกว่า แม่บุญหลวงใหม่ ปัจจุบันมี 56 ครอบครัวอาศัยอยู่ในแม่บุญหลวงเก่า จำนวนประชากร ในปี 1989 มี 444 คน ชาย 215 คน และหญิง 229 คน อัตราการเพิ่มของจำนวนประชากร 2% ต่อปี (หน้า 6) |
|
Economy |
การทำเกษตรกรรมเป็นอาชีพหลักของคนในหมู่บ้าน โดยปัจจุบันพืชที่ปลูกมีหลายชนิด เช่น ข้าว เผือก ข้าวโพด งา พริก เป็นต้น ในการทำไร่หมูนเวียนจะใช้พื้นที่ในการเพาะปลูก 3 ปี และทิ้งพื้นที่ให้อุดมสมบูรณ์ราว 5 ปี และไปใช้พื้นที่ใหม่ก่อนที่จะกลับ มาใช้พื้นที่เก่าอีกครั้ง แรงงานที่ใช้ในการผลิตเป็นแรงงานในครอบครัวและมีการแลกเปลี่ยนแรงงานกันในช่วงฤดูเพาะปลูกและเก็บเกี่ยว รวมถึงมีการจ้างแรงงานโดยค่าจ้างจะอยู่ที่ 35-40 บาทต่อวัน พื้นที่ทำกินโดยเฉลี่ย 15 ไร่ต่อครอบครัว ผลผลิตโดยประมาณ ขิง 1,000 กิโลกรัมต่อำร่ เผือก 300 กิโลกรัมต่อไร่ ข้าว 35 กิโลกรัมต่อไร่ ข้าวโพด 500 กิโลกรัมต่อไร่ งา 300 กิโลกรัมต่อไร่ นอกจากนี้ชาวบ้านมีการเลี้ยงสัตว์เพื่อขายและเป็นอาหารในครัวเรือน สัตว์ที่เลี้ยง เช่น ม้า ลา ควาย หมู เป็ด และ ไก่ และมีการจับปลาในแม่น้ำเพื่อนำมาประกอบอาหาร การพัฒนาเพื่อปลูกพืชผลในโครงการพระราชดำริมี 4 ครอบครัวที่เริ่มต้นเข้าร่วมโดยปลูกผลไม้เมืองหนาวนานาชนิด เช่น แอ๊ปเปิ้ล แอปริคอท พลัม มะนาว พลีช ฯลฯ โดยผู้เข้าร่วมจะต้องลงทุนเป็นเงินจำนวน 15,000 บาทต่อครอบครัว เพื่อจัดเตรียมพื้นที่ ระบบส่งน้ำ และเครื่องมือต่าง ๆ และจะได้ผลกำไรเมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิต โดยอาจจะได้มากถึง 5,400 บาท/ปี จากแอปริคอท (Apricot) 1 ต้น (หน้า 9-13) การประกอบอาชีพอื่น ๆ เช่น การเป็นลูกจ้างในโรงการพระราชดำริ เปิดร้านขายของชำภายในหมู่บ้าน เป็นพ่อค้าคนกลางในการซื้อสินค้าทางการเกษตรและ แรทำโรงงานสีข้าว เป็นต้น (หน้า 16) |
|
Political Organization |
ผู้นำหมู่บ้านจะได้รับเลือกจากคนในหมู่บ้านและผู้นำจะเลือกผู้ช่วยได้อีก 4 คน พวกเขาถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่ประจำท้องถิ่นของรัฐ ทำงานประสานระหว่างชุมชนและรัฐ โดยผู้นำจะดูแลหมู่บ้านแม่บุญหลวงใหม่และให้ผู้ช่วย 1 คนไปเป็นผู้นำหมู่บ้านแม่บุญหลวงเก่า โดยผู้นำและผู้ช่วยจะพบปะกันเดือนละครั้งหรือเรียกประชุมเมื่อมีเหตุการณ์ที่ต้องการความช่วยเหลือต่อกัน ผู้นำหมู่บ้านดูแลให้ทุกคนทำงานด้วยกันได้ ป้องกันผลผลิตทางการเกษตร และแลกเปลี่ยนแรงงานในช่วงของการเก็บเกี่ยว ป้องกันผู้ร้ายบุกรุกหมู่บ้าน จัดให้มีความร่วมมือในเทศกาลต่าง ๆ ของหมู่บ้าน และส่งเสริมให้เด็ก ๆ ในหมู่บ้านได้รับการศึกษาในโรงเรียน (หน้า 6-7) |
|
Belief System |
ในอดีตผู้คนนับถือความเชื่อแบบดั้งเดิม แม่มด หมอผี ปัจจุบันที่บ้านแม่บุญหลวงเก่ามี 33 ครอบครัวนับถือศาสนาพุทธ และ 23 ครอบครัวนับถือศาสนาคริสต์ โดยมีโบสถ์คริสต์อยู่ที่บ้านแม่บุญหลวงใหม่ (หน้า 6-7) |
|
Education and Socialization |
โรงเรียนสร้างขึ้นในปี 1989 โดยอยู่ในการดูแลของกระทรวงศึกษาธิการ โรงเรียนมีทั้งหมด 6 ห้อง อาจารย์ 5 คน และนักเรียน 70 คน เกิดสอนตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 - ประถมปีที่ 6 โรงเรียนประสบความสำเร็จในการสอน 50% เนื่องจากเด็กบางส่วนยังคงต้องหยุดเรียนและไปช่วยงานในไร่หรือดูแลน้อง เด็กกลุ่มนี้ไม่สามารถอ่านและเขียนภาษาไทยได้ (หน้า 7-8) |
|
Health and Medicine |
มีอนามัยประจำหมู่บ้านซึ่งมีเจ้าหน้าที่จากอำเภอมาตรวจเยี่ยมเพียง ปีละ 1-2 ครั้ง และทั้งหมู่บ้านแม่บุญหลวงเก่า และแม่บุญหลวงใหม่เข้าโครงการรับความรู้ในเรื่องของการวางแผนครอบครัว และยังมีการอบรมเกี่ยวกับด้านสาธารณสุขให้กับผู้หญิงที่จะทำหน้าที่ดูแลและช่วยทำคลอดให้กับคนในหมู่บ้าน โดยรับการอบรมจากโรงพยาบาลประจำอำเภอพร้าว แต่ถ้าหากมีการเจ็บป่วยหนักจะนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล (หน้า 8) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
Other Issues |
โครงการ "Wieng Pha" เพื่อพัฒนาพื้นที่สูง มีวัตถุประสงค์ เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของชาวพื้นที่สูง โดยมีกิจกรรมด้านต่าง ๆ ดังนี้ - ด้านป่าไม้ 1. ป้องกันการใช้พื้นที่ป่าจากการอพยพ เผาป่า และจากไฟป่า 2. ควบคุมการใช้พื้นที่และจัดตั้งอุทยานแห่งชาติ - ด้านเกษตรกรรม 1. เพิ่มผลผลิตทางการเกษตรและความหลากหลายในการปลูกพืชพรรณต่างๆ 2. เปลี่ยนแปลงการทำไร่หมุนเวียนและการปลูกฝิ่น เป็นการปลูกพืชเศรษฐกิจและหาตลาดสินค้าให้รวมถึงให้ความรู้ด้านการเกษตรกับคนในหมู่บ้านและสร้างผู้นำทางด้านการเกษตรในหมู่บ้าน เพื่อปรับปรุงรูปแบบการผลิต และสอนให้รู้จักการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ - ด้านการสาธารณสุข ส่งเสริมให้ความรู้การคุมกำเนิด การเลิกฝิ่น และการให้ความรู้พื้นฐานทางด้านสาธารณสุข และจัดให้มีผู้นำด้านสาธารณสุขภายในหมู่บ้าน - ด้านการศึกษา ส่งเสริมการเรียนรู้ของคนในชุมชนเพื่อให้คนทั่วไปได้รับความรู้เพิ่มมากขึ้น และให้เด็กเข้าเรียนในโรงเรียน นอกจากนี้ส่งเสริมให้มีการสร้างถนนให้มีความสะดวกในการเดินทางมาขึ้น และมีน้ำเพียงพอต่อการทำเกษตรกรรม (หน้า 16-18) |
|
|