|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
มุสลิม,ระบบประชาสังคม,ชุมชนบ้านครัว,กรุงเทพมหานคร |
Author |
Chaiwat Satha-Anand |
Title |
Defending Community, Strengthening Civil Society : A Muslim Minority's Contribution to Thai Civil Society |
Document Type |
บทความ |
Original Language of Text |
ภาษาอังกฤษ |
Ethnic Identity |
มลายู ออแฆนายู มลายูมุสลิม ไทยมุสลิม,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ไม่ระบุ |
Location of
Documents |
หอสมุดปรีดีพนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ |
Total Pages |
13 |
Year |
2544 |
Source |
Islam and Civil Society in Southeast Asia, by Nakamura Mitsuo, Sharon Siddque, Omar Farouk Bajunid, Institute of Southeast Asian Studies. |
Abstract |
โครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาลที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจะประสบความสำเร็จได้ยากหากขาดการสนับสนุนจากประชาชน การต่อสู้ของชุมชนบ้านครัวเป็นการเน้นย้ำว่าสังคมไทยไม่ใช่สังคมเดี่ยว ชมกลุ่มน้อยก็มีสิทธิ์มีเสียงในสังคมเช่นเดียวกัน โครงการพัฒนาใดที่ไม่ได้รับความเห็นชอบจากคนในสังคมก็จำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบ นอกจากนี้ การยืนหยัดต่อสู้ของคนในชุมชนมากว่าสิบปีก็เป็นการยืนยันว่า civil society ในสังคมไทยมีความเข้มแข็งขึ้น (หน้า 100-101) |
|
Focus |
มุสลิม และระบบประชาสังคมของชุมชนบ้านครัว |
|
Theoretical Issues |
ตามทฤษฎีของ Ernest Gellner นั้นสังคมมุสลิมไม่สามารถจะเป็น "civil society" ได้ Gellner ให้คำนิยาม civil society ว่าเป็นสถาบันอิสระจากรัฐ (non-government institutions) ที่หลากหลาย ที่มีอำนาจในการถ่วงดุลย์อำนาจรัฐที่จะครอบงำหรือริดรอน อำนาจของสังคมที่เหลือ ดังนั้น การดำรงอยู่ของ "civil society" ก็ย่อมขัดกับการเผด็จการทางการเมือง เพราะ "civil society" มีรากฐานอยู่ในการแยกการปกครองออกจากชีวิต เศรษฐกิจ และสังคม (หน้า 92) แต่ผู้เขียนมีความคิดที่แย้งกับทฤษฎีของ Gellner และคิดว่า สังคมมุสลิมที่เป็นชนกลุ่มน้อยในสังคมที่มิใช่มุสลิมอย่างสังคมไทยสามารถช่วยทำให้ "civil society" ที่เข้มแข็งขึ้นได้ด้วยลักษณะเฉพาะทางประวัติศาสตร์ (หน้า 92) โดยได้ยกชุมชนบ้านครัวในกรุงเทพฯ มาเป็นตัวอย่างในการโต้แย้ง ผู้เขียนได้เล่าถึงภูมิหลังของชุมชนพร้อมทั้งปัญหาที่เกิดขึ้นกับชุมชน โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือจะมีการเวนคืนที่ดินในบริเวณชุมชนบ้านครัวเพื่อสร้างเป็นทางลงทางด่วนขั้นที่สอง แต่ชาวบ้านในชุมชนไม่ยอมรับการเวนคืน เนื่องจากเห็นว่าโครงการทางด่วนนี้ ไม่ได้ช่วยลดความแออัดของการจราจรได้จริง อีกทั้งชุมชนนี้ก็เป็นชุมชนมุสลิมที่มี ประวัติศาสตร์มายาวนาน แม้ว่ามัสยิดหรือสุเหร่าจะไม่ถูกรื้อลง แต่ศาสนสถานที่ร้างผู้คนก็ไม่มีความหมายมากเท่าที่ควร ชาวบ้านจึงได้ต่อสู้โดยสันติวิธีต่าง ๆ มากว่า 10 ปีแล้ว เช่น การส่งจดหมายประท้วงไปยังประเทศมุสลิมต่าง ๆ หรือการรวมตัวกันชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล เป็นต้น ซึ่งก็ทำให้โครงการก่อสร้างทางด่วนนั้นชะงักมากว่า 10 ปีแล้วเช่นกัน ซึ่งก็อาจถือได้ว่าเป็นความสำเร็จในระดับหนึ่ง และการต่อสู้นี้ได้รับการยกย่องจากสื่อโดยทั่วไป (หน้า 96-98) ผู้เขียนเห็นว่าความขัดแย้งไม่ได้มีเพียงด้านลบเสมอไป จากตัวอย่างข้างต้น ความขัดแย้งทำให้มุสลิมซึ่งชนกลุ่มน้อยเชื่อมโยงเข้ากับสังคมส่วนใหญ่ได้ ซึ่งจะส่งผลทำให้ civil society เข้มแข็งขึ้นได้ในที่สุด การเคลื่อนไหวของชุมชนบ้านครัวทำให้รัฐต้องหันมารับฟังประชามติมากขึ้น เพราะประชาชนนั่นเองที่อาจตกเป็นเหยื่อของการพัฒนา และรัฐอาจไม่เป็นฝ่ายถูกเสมอไป (หน้า 99-101) |
|
Ethnic Group in the Focus |
ชุมชนบ้านครัวซึ่งเป็นชุมชนมุสลิมเล็ก ๆ ชุมชนหนึ่งในกรุงเทพฯ |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
พื้นที่บริเวณที่เป็นชุมชนบ้านครัวในปัจจุบันนั้นได้รับพระราชทานมาจากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ เพื่อเป็นรางวัลที่มุสลิมกัมพูชาในสมัยนั้นอาสาเข้าร่วมรบขับไล่พม่าในสงครามเก้าทัพเมื่อกว่า 200 ปีมาแล้ว และตกทอดมาจนถึงปัจจุบัน ชุมชนบ้านครัวจึงถือเป็นชุมชนของวีรบุรุษที่ยอมพลีชีพ เพื่อแผ่นดินสยามและพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (หน้า 96-97) |
|
Education and Socialization |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
โครงการการก่อสร้างผิวการจราจรหรือโครงการใหญ่ ๆ ที่รัฐบาลจะ "สร้างความเจริญ" ให้กับเมืองจะต้องส่งผลกระทบกับผู้คนในสังคมอย่างน้อยกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ซึ่งในที่นี้ คนกลุ่มที่ได้รับผลกระทบก็คือชุมชนบ้านครัว และเมื่อชุมชนดังกล่าวไม่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นเพราะจะทำให้ชุมชนของตนที่อยู่กันมานับร้อยปีต้องสูญหายไป จึงได้ยืนหยัดต่อสู้ด้วยสันติวิธีต่างๆ รวมทั้งการประท้วงเพื่อให้ชุมชนของตนยังดำรงอยู่ต่อไป (หน้า 95-99) |
|
|