สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ออแรนายู มลายูมุสลิม มุสลิมมลายู,มุสลิม,สถาปัตยกรรมพื้นบ้าน,ที่พักอาศัย,คติความเชื่อ,ปัตตานี
Author เขต รัตนจรณะ, เต็มดวง เศวตจินดา,ระวีวรรณ ชอุ่มพฤกษ์, กุศล นาคะชาต
Title เรือนไทยมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้
Document Type รายงานการวิจัย Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity มลายู ออแฆนายู มลายูมุสลิม ไทยมุสลิม, Language and Linguistic Affiliations ออสโตรเนเชี่ยน
Location of
Documents
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร Total Pages 143 Year 2537
Source สถาบันศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
Abstract

รายงานวิจัยฉบับนี้ได้ศึกษาถึงวิถีการดำรงชีวิต รูปแบบความเป็นอยู่ของไทยมุสลิม และรวบรวมข้อมูลทางด้านการก่อสร้าง องค์ประกอบด้านสถาปัตยกรรมพื้นบ้านที่เป็นเอกลักษณ์ของเรือนไทย รวมไปถึงการลงมือก่อสร้าง และประเพณีที่เกี่ยวกับการสร้างเรือนไทยของมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยได้มีการศึกษาเฉพาะกรณีที่หมู่บ้านกรือเซะ ตำบลตันหยงลูโละอำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี และพบว่าเรือนไทยมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงคติความเชื่อ ขนบธรรมเนียมประเพณีตลอดจนวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของไทยมุสลิมในพื้นที่ดังกล่าว นอกจากนั้น ด้วยกระแสของการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจสังคม และวัฒนธรรม ส่งผลอย่างสำคัญต่อแบบแผนในการดำเนินชีวิตของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งรวมไปถึงเรือนที่พักอาศัยด้วย ดังจะเห็นได้ว่ามีการรื้อเรือนเดิม และสร้างใหม่ด้วยรูปแบบที่เปลี่ยนแปลงไป (หน้า บทนำ)

Focus

ศึกษาถึงวิถีการดำรงชีวิต รูปแบบความเป็นอยู่ของไทยมุสลิม องค์ประกอบด้านสถาปัตยกรรมพื้นบ้านที่เป็นเอกลักษณ์ และประเพณีที่เกี่ยวกับการสร้างเรือนไทยของมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยทำการศึกษาเฉพาะกรณีที่หมู่บ้านกรือเซะ ตำบลตันหยงลูโละ อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี (หน้า 10)

Theoretical Issues

ไม่มี

Ethnic Group in the Focus

ศึกษาวิจัยเกี่ยวกับมุสลิม และเรือนไทยมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้โดยรวม โดยศึกษาเรือนไทยมุสลิมที่บ้านกรือเซะ ตำบลตันหยงลูโละ อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี เป็นการศึกษาเฉพาะกรณี (หน้า 69)

Language and Linguistic Affiliations

ไม่มีข้อมูล

Study Period (Data Collection)

ศึกษาค้นคว้าและรวบรวมเอกสารข้อมูลที่เกี่ยวข้องด้านประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์และวัฒนธรรมที่เกี่ยวกับชีวิต ความเป็นอยู่ ประเพณีและความเชื่อในการสร้างบ้านเรือนของไทยมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งไม่ได้กำหนดช่วงเวลาชัดเจน จากนั้นปฏิบัติงานวิจัยภาคสนาม โดยเก็บข้อมูลเกี่ยวกับเรือนไทยมุสลิม โดยการถ่ายภาพ วาดผังของตัวเรือน หมู่บ้าน สังเกตชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้าน สัมภาษณ์ โดยใช้แบบสัมภาษณ์ เจ้าของครัวเรือนที่ตกเป็นตัวอย่างในการศึกษา ในช่วงระยะเวลา พ.ศ. 2526-2528 (หน้า 10-11)

History of the Group and Community

ไม่มีข้อมูล

Settlement Pattern

เนื่องจากผู้วิจัยกล่าวถึงสภาพเรือนไทยมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นภาพโดยรวม และยกตัวอย่าง บ้านกรือเซะ ตำบลตันหยงลูโละ เขตอำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี เป็นกรณีศึกษา ดังนั้นจะกล่าวถึงข้อมูลรูปแบบการตั้งถิ่นฐาน และลักษณะการตั้งบ้านเรือนของหมู่บ้านนี้เท่านั้น หมู่บ้านกรือเซะ ตำบลตันหยงลูโละ เขตอำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี ประกอบด้วยหมู่บ้านต่าง ๆ 3 หมู่บ้าน คือ หมู่ที่ 1 และ 2 รวมกันเรียกบ้านตันหยงลูโละ ตั้งอยู่ติดชายฝั่งทะเลด้านทิศเหนือ ส่วนหมู่ที่ 3 คือ บริเวณที่เรียกว่า บ้านกรือเซะ ตั้งอยู่ตรงกันข้ามบ้านตันหยงลูโละ โดยมีถนนเพชรเกษม สายปัตตานี - นราธิวาสกั้นกลาง ที่ตั้งของหมู่บ้านกรือเซะอยู่ประมาณกิโลเมตรที่ 7 ลักษณะการตั้งบ้านเรือนของบ้านกรือเซะ ถ้าเป็นบ้านเรือนที่อยู่ริมถนนเข้าหมู่บ้านมักเป็นเรือนแถวไม้ทั้งชั้นเดียวและสองชั้น มีบ้างที่เป็นเรือนไม้ขนาดใหญ่ บ้านเรือนสองฝั่งถนนในหมู่บ้านนั้น มักเป็นร้านค้า ซึ่งลักษณะการค้าขายจะเป็นร้านขายของชำ ร้านค้าจะใช้ประโยชน์ทั้งในส่วนที่เป็นการค้าขายและเป็นที่อยู่อาศัยด้วย บ้านเรือนจะหนาแน่นเป็นกระจุก ถัดจากริมถนนทั้งสองฟากของหมู่บ้าน และสภาพความเป็นอยู่ของผู้คนสองฝั่งถนนซ้าย-ขวา ในตัวหมู่บ้านกรือเซะนั้นจะมีความแตกต่างกันบ้าง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับฐานะทางเศรษฐกิจของชาวบ้านเป็นสำคัญ (หน้า 71-72)

Demography

บ้านกรือเซะประกอบด้วยบ้านเรือนจำนวนทั้งสิ้น 242 หลังคาเรือน คิดเป็นชาย 957 คน หญิง 980 คน รวมประชากรทั้งสิ้น 1,937 คน ทุกเพศและวัย จำนวนสมาชิกในแต่ละหลังคาเรือนเฉลี่ยเท่ากัน 8 คน (หน้า 72)

Economy

ประชากรส่วนใหญ่มีอาชีพค้าขาย ทั้งในส่วนที่รับซื้อของจากชุมชนภายนอกเข้ามาขาย และเป็นผู้ผลิตเพื่อขายโดยเฉพาะทำขนมชนิดต่าง ๆ ขายส่ง มีมะพร้าวแก้ว รวมทั้งผลิตภัณฑ์จากทะเล เช่น ข้าวเกรียบปลา ลูกชิ้นปลา เป็นต้น เป็นลักษณะอุตสาหกรรมในครัวเรือนใช้แรงงานของสมาชิกในครัวเรือน หรือแม้จะมีการจ้างแรงงานก็ไม่มากนักไม่ถึง 10 คน และส่วนใหญ่ก็เป็นสมาชิกในหมู่บ้าน อาชีพอื่น ๆ ก็มี เช่น ครู ประมง มอเตอร์ไซค์รับจ้างรับคนจากปากทางเข้าไปในหมู่บ้าน รับจ้างทั่วไป สตรีที่สมรสแล้วมักจะอยู่บ้านเป็นแม่บ้าน และประกอบอาชีพค้าขายเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัวด้วย (หน้า 72) ฐานะทางเศรษฐกิจ เป็นปัจจัยหนึ่งที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้างเรือน โดยเฉพาะวัสดุที่ใช้ในการสร้าง ขนาดของเรือน การประดับตกแต่ง คือ ถ้าเจ้าของบ้านเป็นผู้ที่มีฐานะทางเศรษฐกิจต่ำ วัสดุที่ใช้ทำฝามักเป็นไม้ไผ่สาน เรือนมีขนาดเล็ก ไม่มีการประดับตกแต่งมากนัก แต่ถ้าเป็นเรือนคหบดี มักตีฝาด้วยไม้กระดาน เรือนมีขนาดใหญ่ มีการประดับตัวเรือนด้วยไม้แกะสลักหรือปูนปั้นที่จั่ว ยอดจั่ว เชิงชาย เป็นต้น (หน้า 36)

Social Organization

ในบ้านกรือเซะ ชาวบ้านทั้งหมดนับถือศาสนาอิสลาม มีมัสยิดจึงเป็นศูนย์กลางของชุมชน มัสยิดที่บ้านกรือเซะตั้งอยู่ลึกเข้าไปในหมู่บ้าน แต่เนื่องจากเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ มีบ้านเรือนตั้งอยู่หนาแน่น ตลอดสองฝั่งถนนเข้าหมู่บ้าน ดังนั้น เพื่อตอบสนองการทำกิจกรรมทางศาสนา ซึ่งเป็นกิจวัตรของมุสลิมทุกคน ในหมู่บ้านจึงมีสุเหร่าหรือบาลาเซาะฮ์อีก 1 แห่งตั้งอยู่ริมคลองใกล้ๆ สะพานทาง ก่อนที่จะข้ามไปยังเขตตำบลคลองมานิง ทั้งมัสยิดและสุเหร่าต่างก็เป็นสถานที่ที่ใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เช่นเดียวกัน แต่มัสยิดจะเป็นอาคารที่มีขนาดใหญ่และถาวรกว่าถือว่ามีความสำคัญและมีความศักดิ์สิทธิ์มากกว่าสุเหร่า (หน้า 72)

Political Organization

ไม่มีข้อมูล

Belief System

การสร้างเรือนไทยมุสลิมนั้น นอกจากจะสะท้อนให้เห็นถึงสถาปัตยกรรมพื้นบ้านแล้วยังสะท้อนให้เห็นถึงประเพณี ความเชื่อ และวัฒนธรรมอิสลามอีกด้วย กล่าวคือ ทุกบ้านจะต้องกำหนดบริเวณที่ใช้ทำพิธีละหมาด โดยทุกบ้านจะสร้างบ้านหันหน้าบ้านไปทางทิศตะวันออก เนื่องจากมุสลิมต้องทำละหมาด ซึ่งต้องหันหน้าไปสู่นครเมกกะ การเล่นระดับพื้นต่างระดับ เพื่อแบ่งแยกกิจกรรมการอยู่อาศัย ได้แก่ ระเบียงบ้านสำหรับสมาชิกในบ้านที่เป็นผู้ชายใช้รองรับแขก บริเวณที่ประกอบกิจกรรมและ พักผ่อนของสมาชิกที่เป็นสตรีอยู่ด้านในติดกับครัว เป็นต้น บ้านที่สร้างจะให้สะดวกในการแยกส่วนออกจากกัน เพื่อสะดวกในการเคลื่อนย้าย ความเชื่อในการสร้างเรือนที่สำคัญ ๆ คือ สถานที่สร้างเรือน ทิศทางของเรือน การดูฤกษ์ และการยกเสาเอก โดยขนาดของตัวเรือนนั้นขึ้นอยู่กับจำนวนเสา โดยมากนิยมสร้างเสา 6, 9, และ 12 เสา ความสูงของตัวเรือนนั้นจะยกพื้นสูงให้คนลอดได้ (ไม่เกิน 2 เมตร) ส่วนพื้นเรือนมักนิยมตีพื้นลดหลั่นกันตามประเภทของการใช้สอย ในแต่ละบ้านจะมีการกั้นห้องเล็ก ๆ ไว้สำหรับการทำละหมาดด้วย (หน้า 36-39)

Education and Socialization

ไม่มีข้อมูล

Health and Medicine

ไม่มีข้อมูล

Art and Crafts (including Clothing Costume)

การใช้พื้นที่ในชุมชนบ้านกรือเซะสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ระดับ คือ การใช้พื้นที่ของหมู่บ้านหรือชุมชนกรือเซะ และการใช้พื้นที่ในระดับครัวเรือน 1. การใช้พื้นที่ในระดับหมู่บ้านของชุมชนกรือเซะ คือ การมองภาพรวมของการจัดอาณาบริเวณในเขตหมู่ 3 บ้านกรือเซะว่ามีการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ร่วมกันอย่างไร โดยแบ่งพื้นที่ตามการใช้ประโยชน์ ได้แก่ - พื้นที่ที่ใช้ประโยชน์ร่วมกัน เริ่มตั้งแต่ทางเข้าหมู่บ้านที่ทำเป็นที่รอรถประจำทาง และที่รอรถมอเตอร์ไซด์รับจ้าง รับส่งคนจากปากทางเข้าไปในหมู่บ้าน ส่วนเขตแนวคลองทางซ้ายของถนนสายหลักใช้เป็นพื้นที่ทิ้งเศษขยะมูลฝอยต่างๆ - พื้นที่ทางสังคม ได้แก่ บริเวณที่เป็นที่ตั้งของสถานีอนามัยประจำตำบล และศูนย์พัฒนาหมู่บ้าน - พื้นที่ทางศาสนา ได้แก่ มัสยิด สุเหร่าหรือบาลาเซาะฮ์ซึ่งเป็นสถานที่ทางศาสนา - พื้นที่ทางเศรษฐกิจ ได้แก่ ถนนที่ตัดผ่านเข้าไปในหมู่บ้านทั้งสองสาย ที่ใช้เป็นเส้นทางติดต่อกับชุมชนภายนอก หรือเรือนแถวสองฝั่งถนนที่ใช้เป็นร้านค้า 2. การใช้พื้นที่ในระดับครัวเรือน เป็นการมองการใช้พื้นที่ของครัวเรือนหนึ่ง ๆ ทั้งนี้รวมทั้งพื้นที่ทั้งภายในเรือนและบริเวณรอบนอกเรือน ซึ่งเป็นส่วนของเรือนนั้น ๆ ด้วย - ลานดินหรือลานทรายหน้าเรือนและพื้นที่รอบ ๆ เรือน ซึ่งเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ การใช้พื้นที่บริเวณนี้จะแตกต่างตามลักษณะอาชีพ ส่วนมากจะมีโรงไม้ซึ่งก่อสร้างอย่างหยาบ ๆ ส่วนลานกว้างหลังเรือนจะมีการปลูกโรงไม้เช่นกัน จะใช้เป็นที่ค้าขาย นั่งหรือนอนเล่นได้ด้วย - ใต้ถุนเรือน จะใช้เป็นที่ทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ที่เก็บของ ทำขนมส่งขาย เลี้ยงสัตว์ หรือใช้เป็นที่พบปะกัน - ตัวเรือนหลักหรือแม่เรือน ซึ่งใช้เป็นที่อยู่อาศัย - ครัว โดยมากมักอยู่ด้านหลังต่อไปจากตัวเรือนหลัก การใช้พื้นที่เป็นไปอย่างง่าย ๆ จัดวางตำแหน่งของสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ใช้เป็นพื้นที่ในการทำอาหารและรับประทานอาหารด้วย กล่าวโดยรวมแล้ว การใช้พื้นที่ของเรือนไทยมุสลิมมีความแตกต่างกันบ้างตามอาชีพของเจ้าของเรือน เป็นสถาปัตยกรรม พื้นบ้านที่สร้างขึ้น เพื่อเอื้ออำนวยในการอยู่อาศัยประกอบอาชีพ แต่ก็มีลักษณะพิเศษที่ทำให้เห็นชัดเจนว่าเป็นเรือนไทยมุสลิม ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงของตัวเรือน การประดับตกแต่งเรือนด้วยสัญลักษณ์ทางศาสนา ลักษณะเรือนที่โปร่งเหมาะกับสภาพอากาศที่ร้อน โดยสามารถใช้ประโยชน์สูงจากพื้นที่ทั้งหมดให้เหมาะกับวิถีชีวิตและกิจกรรมของตนเองได้ (หน้า 79-89)

Folklore

ไม่มีข้อมูล

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

ไม่มีข้อมูล

Social Cultural and Identity Change

ไม่มีข้อมูล

Critic Issues

ไม่มีข้อมูล

Other Issues

ไม่มี

Text Analyst วศิน เชี่ยวจินดากานต์ Date of Report 07 พ.ย. 2555
TAG ออแรนายู มลายูมุสลิม มุสลิมมลายู, มุสลิม, สถาปัตยกรรมพื้นบ้าน, ที่พักอาศัย, คติความเชื่อ, ปัตตานี, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง