|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
อาข่า,อีก้อ,การอนรัษ์,โครงการพัฒนา,เชียงราย |
Author |
สนิท วงศ์ประเสริฐ, สารณีย์ ไทยานันท์ |
Title |
ชาวเขากับแถบหญ้ากรณีศึกษาอีก้อ บ้านห้วยป่าเคาะ |
Document Type |
รายงานการวิจัย |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
อ่าข่า,
|
Language and Linguistic Affiliations |
จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan) |
Location of
Documents |
สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ |
Total Pages |
29 |
Year |
2535 |
Source |
สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ |
Abstract |
การวิจัยนี้ผู้เขียนมุ่งเสนอประเด็นปัญหาที่เกิดโครงการพัฒนาโครงการต่าง ๆ โดยมองปัญหาในสามฝ่ายคือ ฝ่ายโครงการพัฒนาฝ่ายเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานและฝ่ายชาวบ้านที่เป็นเป้าหมายการพัฒนา โดยใช้กรณีศึกษาชาวเขาเผ่าอาข่าหรืออีก้อในหมู่บ้านห้วยป่าเคาะ ต.วาวิ อ.แม่สรวย จ. เชียงราย ผู้เขียนพบว่าในการพัฒนาโครงการต่าง ๆ ล้วนจบลงด้วยความล้มเหลว ในส่วนของโครงการแถบหญ้า ที่เริ่มดำเนินการระหว่างปี พ.ศ.2530-2532 เป็นโครงการอนุรักษ์ดินละน้ำ มีการส่งเสริมให้ชาวเขาปลูกพืชหมุนเวียน มีการตั้งรางวัลให้แก่เกษตรกรเป็นเมล็ดพันธุ์พืชและเครื่องมือการเกษตรและเงินสด อีกทั้งยังมีการให้คำมั่นสัญญาว่าชาวบ้านที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับสัญชาติไทย และได้รับสิทธิในที่ดินที่ทำการเพาะปลูก ปรากฏการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับฝ่ายต่าง ๆ ได้แก่ 1. ฝ่ายผู้ริเริ่มโครงการ มีความสนใจเพียงแค่ข้อมูลพื้นฐานละเลยข้อมูลด้านสังคม ตลอดจนปัญหาและความขัดแย้งภายในชุมชน 2. ฝ่ายเจ้าหน้าที่ภาคสนามขาดการปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับชาวบ้าน พยายามเพียงเร่งงานให้เสร็จตามกำหนดเท่านั้น 3. ฝ่ายชาวบ้านที่เป็นกลุ่มเป้าหมายมีการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมอย่างมาก มีการรับค่านิยมใหม่ ๆจากภายนอกมีปัญหาและข้อขัดแย้งต่าง ๆ จากการศึกษาวิจัยดังกล่าวชี้ให้เห็นถึงบทเรียนที่สำคัญแก่โครงการอื่น ๆ ที่จะเกิดขึ้นว่า ควรมีการใส่ใจถึงข้อมูลที่เป็นนามธรรมและควรสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชน เผยแพร่ข้อมูลแก่ชาวบ้าน ศึกษาว่าชุมชนต้องการอะไรจากการพัฒนา พยายามดึงชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อให้โครงการสำเร็จลุล่วงโดยเกิดประโยชน์แก่ชุมชนเป้าหมายอย่างแท้จริง |
|
Focus |
การวิจัยครั้งนี้มุ่งศึกษาในประเด็นผลการพัฒนาจากโครงการ ทั้งผล บวกและผลลบ ที่เกิดขึ้นจากผู้ที่มีส่วนร่วมทั้งสามฝ่าย ได้แก่ ฝ่ายผู้ริเริ่มและสนับสนุนโครงการ ฝ่ายเจ้าหน้าที่สนาม และฝ่ายชาวบ้านที่เป็นกลุ่มเป้าหมายเป็นฝ่ายรับการพัฒนา ในช่วงปี พ.ศ. 2530-2532 (หน้า 1-4, 15-25) |
|
Ethnic Group in the Focus |
กลุ่มชาติพันธุ์อูโล-อาข่า (อีก้อ) บ้านห้วยป่าเคาะ อ. แม่สรวย จ. เชียงราย (หน้า 4) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
ตุลาคม พ.ศ. 2532-2533 (หน้า 5) |
|
History of the Group and Community |
ในปี พ.ศ.2503 มีกลุ่มอูโลอาข่าอพยพเข้ามาจากบ้านห้วยไคร้ อ.แม่สาย จ.เชียงรายมาอยู่ที่หมู่บ้านห้วยป่าเคาะในปัจจุบัน (หน้า 6) |
|
Settlement Pattern |
อาข่าจะตั้งบ้านเรือนใกล้กับป่าและแหล่งน้ำโดยใช้พื้นที่ป่าบางส่วนเป็นสุสาน มีพื้นที่สำหรับเพาะปลูก 15 ตารางกิโลเมตร (หน้า 6) |
|
Demography |
ประชากรกลุ่มอาข่าที่ทำการศึกษามีจำนวน 575 คน รวม 108 หลังคาเรือน (หน้า 7) |
|
Economy |
อาข่าดำรงชีพด้วยการทำการเกษตรกรรม ได้แก่ การปลูกข้าวนอกจากนั้นยังมีการปลูกพืชผักอื่น ๆ อีกได้แก่มะเขือเทศเผือก ฟักทอง เครื่องเทศ แตงโม ข้าวโพด ดอกไม้ มะละกอ อ้อย ถั่ว พืชสมุนไพรและโสม การเลี้ยงสัตว์ในหมู่บ้านดังกล่าวมีสัตว์ราว1,531 ตัว ได้แก่ ม้า ควายวัว แกะ หมู ไก่ เป็ด หมา และนกพิราบ ไว้บริโภค และเพื่อการแลกเปลี่ยน (หน้า 8) รายได้ของอาข่าที่เข้าร่วมโครงการแถบหญ้ามีรายได้จากการผลิตข้าวปศุสัตว์ประมาณ2800-31300บาท (หน้า 9) |
|
Political Organization |
จะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการหมู่บ้าน โดยคณะกรรมการแต่ละคนจะมีผู้ช่วย 2-3 คน (หน้า 7) |
|
Education and Socialization |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
การพัฒนาเส้นทางคมนาคมและการติดต่อสื่อสารทำให้วัฒนธรรมและค่านิยมใหม่ ๆ จากภายนอกแพร่เข้ามาสู้ชนกลุ่มน้อยอย่างง่ายดายและรวดเร็ว (หน้า 22) เยาวชนรุ่นใหม่รับค่านิยมจากภายนอกไม่เชื่อฟังพ่อแม่ ทำให้วัฒนธรรมประเพณีที่สั่งสมมาค่อยๆหายไป (หน้า 11) |
|
Other Issues |
Development ชุมชนที่ศึกษามีปัญหาในเชิงการพัฒนาหลายด้าน เช่น ด้านการปกครอง สุขภาพอนามัย การศึกษา ประเพณี การสื่อสาร การเกษตร ซึ่งพอสรุปได้ดังนี้ การปกครอง ผู้ใหญ่บ้านเรียกประชุมลูกบ้านในเรื่องการพัฒนาน้อยมาก ในด้านสุขภาพอนามัย ร้อยละเจ็ดสิบของชาวบ้านติดฝิ่นและเฮโรอีน และยังมีการขาดน้ำและเกิดโรคระบาดอีกด้วย ด้านการศึกษา ครูขาดงานบ่อย ไม่จริงจังกับการทำงาน เอาเวลาทำงานไปทำธุรกิจส่วนตัวไม่ดูแลสวัสดิการเด็กเท่าที่ควร ด้านประเพณี เยาวชนเริ่มไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่และใส่ใจประเพณีอาข่าน้อยมาก การสื่อสาร เจ้าหน้าที่ประสานงานโครงการน้อยมาก ทำให้ชาวบ้านไม่สนใจและไม่เข้าร่วมโครงการและด้านการเกษตร ชาวบ้านไม่รู้จักปรับปรุงคุณภาพของดิน |
|
|