|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ปกาเกอะญอ จกอ คานยอ (กะเหรี่ยง),การสร้างอัตลักษณ์,ปฏิสัมพันธ์,นักท่องเที่ยว,เชียงใหม่ |
Author |
Morag Mckerron |
Title |
Neo-Tribes and Traditional Tribes: Identity Construction and Interaction of Tourists and Highland People in Village in Northern Thailand |
Document Type |
บทความ |
Original Language of Text |
ภาษาอังกฤษ |
Ethnic Identity |
ปกาเกอะญอ,
|
Language and Linguistic Affiliations |
จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan) |
Location of
Documents |
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
(เอกสารฉบับเต็ม) |
Total Pages |
18 |
Year |
2546 |
Source |
Presented at dic.dlib.indiana.edu/archive/00001139/00/Morag_McKerron.pdf |
Abstract |
มีเนื้อหาครอบคลุมเกี่ยวกับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่นิยมเดินป่า เพื่อไปดูชาวเขา โดยศึกษาปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันของนักท่องเที่ยวและกะเหรี่ยงสกอว์ ในขณะที่ชาวเขาต้องปรับตัวกับสภาพเเวดล้อมทางสังคม แต่นักท่องเที่ยวก็คาดหวังที่จะเห็นวิถีชีวิตดั้งเดิม ความเป็นประวัติศาสตร์ ดังนั้น จึงกลายเป็นการเติมความต้องการของทั้งสองฝ่าย คือ ชาวเขาก็จะได้รายได้จากการท่องเที่ยว ส่วนนักท่องเที่ยวก็อยากจะเห็นวิถีชีวิตของพวกเขา ซึ่งเป็นการได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย (หน้า 17-18) |
|
Focus |
ศึกษาการสร้างอัตลักษณ์ในการปฏิสัมพันธ์คน 2 กลุ่ม ระหว่างนักท่องเที่ยวและคนบนพื้นที่สูงที่มีต่อกัน (หน้า 1) |
|
Theoretical Issues |
ผู้เขียนได้กล่าวเกี่ยวกับ Neo-Tribe ว่า เป็นนักท่องเที่ยวที่แสวงหาสิ่งที่ไม่มีในบ้านของพวกเขา โดยต้องการเห็นโลกที่เป็นจริง เพราะเคยแต่ควบคุมสิ่งแวดล้อมของตัวเอง และต้องการเรียนรู้ความแตกต่าง การพัฒนาไปพร้อมกัน ส่วน Traditional Tribe คือชาวเขาที่อาศัยอยู่ทางภาคเหนือของประเทศไทยและพม่า ซึ่งไม่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง จนกระทั่งศตวรรษที่ 19 มีมิชชันนารีและพวกล่าอาณานิคมได้เข้ามา คนเหล่านี้จึงได้รู้ว่าชาวเขามีภาษาต่างกันและมีการปกครองกันเอง และมีวัฒนธรรมของตนเอง (หน้า 1-3) โครงสร้างของคนสองกลุ่มคือ ชาวเขาและนักท่องเที่ยว ชาวเขาสามารถปรับตัวให้เข้ากับนักท่องเที่ยวได้ เพราะชาวเขาต้องการได้รับผลประโยชน์จากการท่องเที่ยว แม้จะมีช่องว่างระหว่างกัน แต่ก็ยอมรับกันได้ทั้งสองฝ่าย (หน้า 17) |
|
Ethnic Group in the Focus |
ผู้เขียนได้ใช้คำว่า เผ่าใหม่ (Neo-Tribe) ในการเรียกนักท่องเที่ยว และเรียกคนบนพื้นที่สูงว่า เผ่าดั้งเดิม (Traditional Tribe) (หน้า 1) โดยกำหนดความหมายของเผ่าพันธุ์ใหม่ว่า เป็นนักท่องเที่ยวในสังคมสมัยใหม่ที่อาศัยอยู่ในเมือง และต้องการแสวงหาอารมณ์และความรู้สึกที่ขาดไป ดังนั้น ในช่วงวันหยุด คนกลุ่มนี้ก็จะออกไปตามชุมชนเพื่อหาความท้าทาย (หน้า 1-2) สำหรับความหมายของเผ่าดั้งเดิม คือ กลุ่มคนกลุ่มที่มีสัญลักษณ์ วัฒนธรรม และขนบธรรมเนียมดั้งเดิมสืบทอดมานาน (หน้า 2-3) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ไม่ได้ระบุชัดเจน แต่กล่าวถึงภาษาที่เผ่าใหม่ ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวใช้ คือภาษาอังกฤษทั้งเป็นภาษาแม่เเละเป็นภาษาที่สอง (หน้า 3) และหมู่บ้านที่นักวิจัยทำการศึกษาเป็นหมู่บ้านกระเหรี่ยงสกอว์ในอุทยาน แห่งชาติห้วยน้ำดัง (Huay Nam Dang) จ.เชียงใหม่ ซึ่งในปัจจุบันผู้คนที่นี่มีบัตรประชาชนไทย และเด็ก ๆ ก็ได้เข้าเรียนโรงเรียนรัฐบาล ฝึกหัดอ่านและเขียนภาษาไทย หัวหน้าหมู่บ้านก็ใช้ภาษาไทยเป็นหลัก (หน้า 6-7) |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
กิจกรรมการเดินป่า เริ่มเเรกนั้นเริ่มขึ้นที่ประเทศเนปาล และเริ่มได้รับความนิยมทางตอนเหนือของประเทศไทยมากว่า 20 ปีแล้ว นอกจากการเดินป่า ก็จะมีกิจกรรมขี่ช้าง หรือล่องแพตามแม่น้ำ โดยจะจัดให้มีการพักแรมในหมู่บ้านบนเขา ประวัติศาสตร์การท่องเที่ยวในอดีตมีจุดประสงค์เพื่อการค้า การเผยแผ่ศาสนา และการล่าอาณานิคมของชาวยุโรป โดยคำว่า 'Tourist' แรกเริ่มถูกใช้โดย Thomas Cook ในปี ค.ศ.1841 ซึ่งเป็นผู้จัดทัวร์ออกไปดูคนงานในพื้นที่ต่าง ๆ ในประเทศไทยนั้น นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเพื่อกิจกรรมเดินป่าโดยมาเป็นชาวคอเคเซี่ยน ( Caucasian) อาจเป็นไปได้ว่านักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยี่ยมชมคนยุคเเรก (primitive people) ในปัจจุบันเป็นผลมาจากยุคไล่ล่าอาณานิคมมาก่อน (หน้า 3-4) ผู้เขียนได้กล่าวถึงประวัติศาสตร์กะเหรี่ยงว่า คนเหล่านี้มีการติดต่อกับชุมชนอื่นไม่ว่าจะเป็นคนบนพื้นที่สูงด้วยกันหรือคนบนพื้นที่ต่ำ จุดประสงค์ของกะเหรี่ยงคือ การค้าและการแต่งงานกันภายในกลุ่ม ซึ่งในงานวิจัยชิ้นนี้ผู้เขียนกล่าวถึงกะเหรี่ยงสกอว์ หมู่บ้านแม่สา ซึ่งในช่วง 40 ปีที่ผ่านมานั้นรัฐบาลพยายามที่จะเข้าไปควบคุมชาวบ้านไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัยหรือที่ทำกิน กะเหรี่ยงสกอว์ในหมู่บ้านนี้มีบัตรประชาชนไทย ได้รับสัญชาติไทยถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งกลายมามีอิทธิพลต่อวิถีชีวิตของกะเหรี่ยงสกอว์ นอกจากนี้ ศาสนาคริสต์ก็ทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตดั้งเดิม และการท่องเที่ยวที่เข้ามาเมื่อ 20 ปีที่แล้ว กลายมาเป็นรายได้หลักของชาวบ้าน (หน้า 5-6) |
|
Settlement Pattern |
ผู้เขียนไม่ได้ระบุชัดเจน กล่าวถึงเพียงบ้านเรือนของชาวเขาว่าเป็นบ้านกระท่อมไม้ไผ่ หรือบ้านไม้ที่ขาดเครื่องใช้ไฟฟ้า และเตียงนอน (หน้า 15) |
|
Demography |
ข้อมูลนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวประเทศไทยในปี ค.ศ. 2001 มีมากกว่า 10 ล้านคน ปัจจุบันมีประมาณ 100,000 คนต่อปี คนเหล่านี้เข้ามาเพื่อกิจกรรมเดินป่า และมีหมู่บ้านชาวเขาเพียง 3,500 หมู่บ้าน โดยมีคน 750,000 คนที่อาศัยอยู่บนพื้นที่สูง ในหมู่บ้านที่ผู้เขียนได้ทำการศึกษาในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว จะมีนักท่องเที่ยวหลายกลุ่ม และช่วงไม่ใช่ฤดูกาลท่องเที่ยว จะมีนักท่องเที่ยวประมาณ 3,000 คน โดยทั้งหมู่บ้านเเห่งนี้มีประชากรรวมเเล้ว 42 คน (หน้า 4) |
|
Economy |
ผู้เขียนไม่ได้ระบุชัดเจน แต่รายได้หลักคือรายได้จากจากการท่องเที่ยว และรายได้เหล่านี้จะนำมาช่วยเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร (หน้า 6) |
|
Social Organization |
โครงสร้างทางสังคมของกลุ่มนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเป็นในรูปเเบบการพบปะกันตามสถานที่ต่าง ๆ เป็นไปในแบบเเลกเปลี่ยนความคิดเห็นและสนทนากัน อาจเดินทางร่วมกัน (หน้า 3) ส่วนกะเหรี่ยวสกอว์จะอยู่อาศัยกันเป็นครอบครัวเดี่ยวคือมี พ่อ เเม่ ลูก (หน้า 9) |
|
Belief System |
กะเหรี่ยงบ้านเเม่สา นับถือศาสนาคริสต์นิกายคาธอลิค เมื่อ 20 ปีมาเเล้ว มีมิชชันนารีเข้ามาเผยแผ่ศาสนานิกายนี้ และทั้งหมู่บ้านก็ยอมรับ ตั้งแต่นั้นก็มีมิชชันนารีนิกายคาธอลิคเข้ามาเยี่ยม จนกระทั่งในปี ค.ศ.2000 ทั้งหมู่บ้านก็ได้เข้าไปจังหวัดเชียงใหม่เพื่อทำพิธีทางศาสนา (หน้า 6) |
|
Education and Socialization |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
ไม่ได้ระบุชัดเจน แต่กล่าวถึงชุดยาวสีขาวที่หญิงกะเหรี่ยงที่ยังไม่แต่งงานจะสวมใส่ (หน้า 7) |
|
Folklore |
กะเหรี่ยงมีทำนองเพลงในภาษากะเหรี่ยงเรียกว่า 'tah' ซึ่งทำนองเพลงนี้จะกล่าวถึงข้อคิดและข้อควรปฏิบัติของกะเหรี่ยง ซึ่งในบทความมีตัวอย่างของทำนองเพลงสำหรับผู้หญิงไว้ว่า หญิงกะเหรี่ยงต้องดูแลผม เพราะผมคือของมีค่า อย่าตัด (หน้า 7) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
ไม่มีข้อมูลชัดเจนเรื่องชาติพันธุ์ จากการสัมภาษณ์นักท่องเที่ยวหลายคน ต่างได้กล่าวว่าชาวเขามีวัฒนธรรมประเพณีที่สืบทอดกันมาเป็นเวลานาน ชาวเขาจะให้ความสำคัญกับครอบครัวของตัวเองมาก ขณะที่ชาวตะวันตกไม่ยึดติดกับครอบครัว ชาวเขามีชีวิตความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย และนักท่องเที่ยวสามารถปรับตัวให้เข้ากับสังคมชาวเขาได้ |
|
Social Cultural and Identity Change |
แม้ว่ากะเหรี่ยงสกอว์จะต้องติดต่อกับกลุ่มชาวเขากลุ่มอื่นทั้ง ชาวไทยบนที่ต่ำหรือเจ้าหน้าที่รัฐบาล นักท่องเที่ยว และมิชชันนารี แต่พวกเขาก็ยังคงรักษาชุมชนของตนไว้ และยังรักษาขนบธรรมเนียมประเพณี ทั้งยังปฏิบัติตาม โดยมีสิ่งแวดล้อมทางสังคมที่ทำให้กะเหรี่ยงสกอว์ต้องเลือกรับและปรับตัว (หน้า 7) |
|
Other Issues |
ผู้เขียนได้กล่าวเรื่องการเดินป่า จะมีมัคคุเทศก์ ผู้ชำนาญพื้นที่นำกลุ่มนักท่องเที่ยวเข้าป่า มัคคุเทศก์เป็นทั้งผู้นำเที่ยว ซื้ออาหาร ทำหน้าที่ต่าง ๆ รวมถึงดูแลความปลอดภัยตลอดการเดินทาง ซึ่งมัคคุเทศก์ต้องมีใบอนุญาต ต้องรู้เรื่องความเป็นอยู่ และวัฒนธรรมของทั้ง 2 ฝ่าย การเดินป่าเป็นการท่องเที่ยวแบบผจญภัย คือ การขี่ช้างล่องแพ เดินป่า และอาศัยอยู่ร่วมกับชาวเขา เพื่อให้ชาวเขามีรายได้ (หน้า 7-13) |
|
|