|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ม้ง,กฎหมาย,จารีตประเพณี,ข่มขืน,ชำเรา,ภาคเหนือ |
Author |
Robert Cooper |
Title |
Rape: Perceptions and Processes of Hmong Customary Law |
Document Type |
บทความ |
Original Language of Text |
ภาษาอังกฤษ |
Ethnic Identity |
ม้ง,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ม้ง-เมี่ยน |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
17 |
Year |
2547 |
Source |
Hmong/Miao in Asia edited by Nicolas Tapp, Jean Michaud, p.421-437. |
Abstract |
บทความนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับการมองการบังคับขืนใจทางเพศในสังคมม้ง ที่กระทำผ่านกระบวนการแก้ไขสถานการณ์ความขัดแย้งโดยใช้กฎหมายจารีตประเพณี ผู้เขียนสรุปว่า กฎหมายจารีตประเพณีของม้งจัดการปัญหาการบังคับขืนใจโดยใช้มาตรการป้องกันด้วยการขัดเกลาทางสังคม และโดยการสร้าง/สถาปนาความสัมพันธ์ระหว่างผู้ทำร้ายกับผู้ถูกทำร้ายให้มาสู่รูปแบบที่ยอมรับกันทางสังคม คือ การแต่งงาน แต่ถ้าไม่สามารถสร้างความสัมพันธ์นี้ได้ ผู้ถูกทำร้ายหรือผู้เสียหายก็จะได้รับค่าชดเชย และผู้ทำร้ายหรือทำผิดจะถูกลงโทษและถูกต่อต้านทางสังคม และบางครั้งอาจจะถูกเนรเทศ/กีดกันออกไป ซึ่งเป็นการขับออกจากการมีส่วนร่วมในสังคม ขณะเดียวกันก็เป็นการส่งเสริมบรรทัดฐานและค่านิยมร่วมกันในการป้องกันการทำผิด (น.421) |
|
Focus |
ความคิดและจารีตประเพณีของม้งในการจัดการเกี่ยวกับการกระทำรุนแรงหรือล่วงละเมิดทางเพศ |
|
Ethnic Group in the Focus |
ม้งอพยพในค่ายผู้อพยพที่เชียงคำ ภาคเหนือของไทย (น.421) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
ต้นปี ค.ศ.1993 (พ.ศ.2536) (น.421) |
|
History of the Group and Community |
|
Social Organization |
ครอบครัว ม้งสืบสายตระกูลข้างบิดา (patrilineal) ตั้งถิ่นฐานแบบปิตุภูมิ (patrivirilocal) บุตรที่เกิดมาเป็นคนในตระกูลบิดา และการไหว้บรรพบุรุษเป็นการสืบสานความต่อเนื่องในการสืบสายตระกูลฝ่ายบิดา ครัวเรือนม้งจะประกอบด้วยหัวหน้าครัวเรือน บุตรชาย ภรรยาของบุตรชายและหลาน ๆ และอาจจะมีลูกเลี้ยงผู้หญิงซึ่งไม่ใช่ม้ง (non-Hmong) เด็กเหล่านี้ถูกเลี้ยงดูแบบม้งและได้รับการยอมรับเป็นสมาชิกของครอบครัว (น.423) การแต่งงาน สมาชิกต่างตระกูลเท่านั้นที่แต่งงานกันได้ หลังแต่งงานแล้ว ภรรยายังคงใช้ชื่อตระกูลเดิมของตน แต่จะอยู่ในอาณัติของบรรพบุรุษของสามี (น.423) ในสังคมม้ง ผู้หญิงมีอิสระที่จะเลือกคู่ได้ และผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงานมีอิสระในกิจกรรมทางเพศกับคู่รักภายในขอบเขต แต่ต้องไม่มีเพศสัมพันธ์กับคนในสายเลือดเดียวกัน (incest taboo) อิสระภาพดังกล่าวมีตั้งแต่เริ่มมีระดู (menstruation) และสิ้นสุดเมื่อแต่งงานหรือหมั้นหมาย ผู้หญิงที่มีคู่รักหลายคนและไม่แสดงความสนใจการแต่งงานจะถูกสังคมรังเกียจ ในการเกี้ยวพาราสี ผู้ชายจะเป็นฝ่ายเริ่มต้น ผู้หญิงจะเป็นฝ่ายตอบรับ โดยจะแสดงความลังเลใจก่อน ซึ่งเป็นรูปแบบที่คาดว่าผู้หญิงจะกระทำ และก่อนที่จะเกี้ยวพาราสีผู้ชายจะต้องสืบให้แน่ใจว่าฝ่ายหญิงเป็นคนต่างตระกูลกับตน เพื่อจะได้ไม่ละเมิดข้อห้ามการแต่งงานในตระกูลเดียวกัน เพราะการมีเพศสัมพันธ์กับคนในตระกูลเดียวกัน เป็นอันตรายร้ายแรงที่แก้ไขไม่ได้ (น.424) การลักพา ในสังคมม้ง การลักพาเจ้าสาวเป็นรูปแบบหนึ่งของการแต่งงานที่ยอมรับกัน ภาษาม้งเขียว (Green Hmong) เรียกว่า nquag quas pu (ku kua puj) และม้งขาว (White Hmong) เรียกว่า zij poj niam (zi poj nia) ซึ่งหมายถึง ฉุดผู้หญิง คำทั้งสองในภาษาม้งเขียวและม้งขาวมีความหมายไม่เท่ากับคำ kidnap ในภาษาอังกฤษ เพราะการลักพาในประเพณีม้งเป็นทั้งการลักพาจริงและการแกล้งลักพาเพื่อให้มีการแต่งงานเกิดขึ้น เมื่อผู้ชายลักพาผู้หญิงไปไว้ที่บ้านพ่อแม่ของตนแล้ว ก็จะชวนให้พ่อแม่ของตนไปบ้านพ่อแม่ผู้หญิงเพื่อขอแต่งงาน การปฏิบัติแบบนี้เป็นการกระทำที่ถูกต้องตามประเพณี (kev cai) แต่ถ้าหลังจากลักพาแล้ว ฝ่ายชายไม่ไปสู่ขอผู้หญิง จะถือว่าผู้ชายทำผิดประเพณี (yuam cai) และในสายตาพ่อแม่ของฝ่ายหญิง อาจจะมองการกระทำนี้ว่าเป็นเป็นการข่มขืน (rape) (น.428-429) การหย่า ม้งมีการหย่าน้อยมากเมื่อเทียบกับสังคมอื่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในกรณีที่ผู้หญิงม้งถูกสามีทำร้าย ผู้หญิงสามารถขอหย่าขาด และแต่งงานใหม่หลังจากนั้นได้ แต่จะไม่ได้รับอนุญาตให้นำบุตรไปอยู่ด้วยกับครอบครัวใหม่ที่ต่างตระกูลจากสามีเดิม ซึ่งผู้เขียนเห็นว่าความเกรงกลัวที่จะสูญเสียบุตรอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงม้งไม่ค่อยหย่าก็ได้ (น.424) |
|
Political Organization |
กฎหมายจารีตประเพณี ม้งไม่มีกฎหมายลายลักษณ์อักษร ม้งทุกคนรับรู้กฎหมายข้อห้ามในฐานะที่เป็น kev cai (gay chai) หมายถึง จารีตประเพณี และ yuam cai / txaum cai (yua chai / sau chai) อันหมายถึงฝ่าฝืนจารีตประเพณี ซึ่งคำ yuam / txaum แปลว่า ทำผิด ฝ่าฝืน ความคิดที่ต่างกันของสองคำนี้มีความหมายผูกติดกับจริยธรรม การกระทำใด ๆ ภายในจารีตประเพณี (kev cai) เป็นสิ่งดีและได้รับการยอมรับ ส่วนการกระทำใดๆ ที่ขัดกับประเพณี (yuam cai) เป็นสิ่งไม่ดีและไม่ได้รับการยอมรับ สำหรับกรณีการใช้ความรุนแรงในการมีเพศสัมพันธ์ในสังคมม้งจะเป็น kev cai หรือ yuam cai นั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์ (น.426) ม้งมีคำ 3 คำ ที่ใช้จำแนกการกระทำความผิด (น.426) ได้แก่ 1. kev ua phem (gay ua pay) หมายถึง การทำสิ่งที่ชั่วร้าย ไม่ดี ในกรณีนี้ผู้ได้รับความเสียหายมีสิทธิเรียกร้องค่าชดเชยจากผู้ทำผิด ทั้งนี้การพิจารณาข้อพิพาทจะดำเนินการที่บ้านผู้นำหมู่บ้าน (tus hau zos (tu hao zo)) แต่ถ้าผู้นำมีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีพิพาทด้วย การพิจารณาก็จะกระทำที่บ้านของผู้อาวุโสที่เป็นที่นับถือ (laus neeg (lao neng)) 2. kev ua tsi raws kev cai (gay ua ji reh gay cai) หมายถึง การกระทำที่ไม่ถูกแบบแผนประเพณี 3. tsi zoo (is ji zong) หมายถึง การทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องเหมาะสมซึ่งต้องอาสัยการขัดเกลาอบรมบ่มนิสัยโดยครอบครัวและตระกูลร่วมกัน ถ้าการขัดเกลาล้มเหลว ทุกคนต้องรับผิดชอบและรับคำตำหนิร่วมกัน (น.426) |
|
Education and Socialization |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
Other Issues |
ความหมายของ "rape" : ในภาษาม้งไม่มีคำที่มีความหมายเท่าเทียมกับคำว่า "rape" ในภาษาอังกฤษ จะเห็นได้จากการที่ม้งยืมคำว่า "ข่มขืน" จากภาษาไทยไปใช้ ม้งจะต้องใช้คำหลายคำเพื่ออธิบาย เช่น การใช้กำลังบังคับให้มีเพศสัมพันธ์ และถ้าต้องการให้ชัดเจนก็จะต้องเพิ่มคำที่แสดงว่าขัดกับประเพณีม้ง คำในภาษาม้งที่พอจะใกล้เคียงกับ "rape" ได้แก่ mos poj niam (mo po nia) หมายถึง การใช้กำลังบังคับผู้หญิง หรือคำที่พอจะอนุโลมความหมายได้ก็ เช่น xuas dub (sua do) ซึ่งหมายถึง การแตะต้องกันในความมืด (groping in the dark) (น.425) การนิยามความหมายของ "rape" หรือ "ข่มขืน" ในภาษาไทย ในภาษาม้งต่างจากระบบกฎหมายไทยและตะวันตก ในภาษาอังกฤษ คำว่า "rape" บ่งบอกถึงการกระทำผิดกฎหมาย แต่สำหรับม้งแล้วหมายถึง ความไม่พอใจ การลงโทษ และการใช้กำลังทางเพศสัมพันธ์ที่ขัดกับจารีตประเพณี แต่ถ้าไม่ขัดกับจารีตประเพณี ก็ไม่ถือว่าเป็น "rape" (น.426) ลักษณะการบังคับขืนใจ : การลักพาเด็กสาวที่ยังไม่ถึงวัยเจริญพันธุ์ ถือเป็นการทำผิดประเพณี แม้ว่าจะประกาศความตั้งใจที่จะแต่งงานด้วยก็ตาม ในกรณีนี้ ผู้ทำผิดจะเสี่ยงต่อการถูกลงโทษที่หนักมาก แต่ในการลักพาทั่วไป ทั้งผู้หญิงและผู้ชายจะไม่ถูกตำหนิ แม้ผู้หญิงจะถูกบังคับก็ตาม การแต่งงานจะเกิดขึ้นตามมาถ้าพ่อแม่ของฝ่ายหญิงไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ แต่ถ้าผู้หญิงปฏิเสธการแต่งงาน ผู้หญิงก็จะถูกมองว่าเป็นฝ่ายผิด การอ้างว่าถูกบังคับขืนใจจะไม่ได้รับความเชื่อถือ การปฏิเสธการแต่งงานและกล่าวหาฝ่ายชายจะเสี่ยงต่อการถูกลงโทษทางสังคม ผู้หญิงจะนำความอับอายมาสู่ครอบครัวและตระกูล และจะหาคู่แต่งงานได้ยาก (น.429) การลักพาเป็นการยืนยันความปรารถนาของผู้ชายที่จะแต่งงานกับผู้หญิงและบอกพ่อแม่ของผู้หญิง ซึ่งบางครั้งก็รวมทั้งครอบครัวตนเองด้วยว่า ตนเต็มใจที่จะรับผิดชอบดูแลผู้หญิง ม้งจึงไม่ได้มองว่าการลักพาเป็นการขืนใจ (น.429) ผู้เขียนเห็นว่าการแยกการลักพาจริงกับการแกล้งลักพาทำได้ยาก การแกล้งลักพาเป็นวิธีใกล้เคียงการลักพากันหนี (elopement) การแกล้งลักพาอาจจะเกิดขึ้นในกรณีที่ผู้ชายไม่สามารถจัดหาค่าตัวเจ้าสาว หรือพ่อแม่ไม่เห็นด้วยกับการเลือกของตน หรือพ่อแม่ผู้หญิงมองหาเจ้าบ่าวคนอื่นให้ลูกสาว และการลักพาไม่ว่าจะเป็นการแกล้งลักพาหรือลักพาจริง จะไม่ถูกมองว่าทำผิดประเพณี ตราบใดที่ฝ่ายชายยังคงตั้งใจให้มีการแต่งงาน ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่ถือว่ามีการบังคับขืนใจเกิดขึ้น (น.430) การบังคับขืนใจผู้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานหรือหมั้นหมายถือเป็นการข่มขืนและผู้ชายทำผิดประเพณี การพิสูจน์การกระทำเป็นไปไม่ได้ถ้าไม่มีพยานหรือผู้ชายรับสารภาพเอง คำปฏิเสธของผู้ชายและการอ้างว่าผู้หญิงยินยอมจะได้รับการเชื่อถือมากกว่า แต่เนื่องจาก ทั้งผู้ถูกขืนใจและผู้ขืนใจต่างก็ได้รับความอับอายหรือมีมลทินเหมือนกัน การพิจารณาการทำความผิดจึงเกี่ยวข้องกับครอบครัวของคู่กรณีและผู้อาวุโสในตระกูล มีชื่อเสียงของทุกคนเป็นเดิมพัน การลงโทษผู้ชายที่ทำผิดจะรีรอจนกระทั่งแน่ใจว่า การแต่งงานไม่อาจจะเกิดขึ้นได้ ถ้าผู้หญิงยอมรับการแต่งงาน ก็คาดว่าผู้ชายจะตกลง แต่ถ้าทั้งสองคนลังเลใจ ครอบครัวของทั้งสองฝ่ายก็จะพยายามชักจูงใจให้ตกลงแต่งงาน เมื่อมีการแต่งงานเกิดขึ้น ความคิดแบบการลักพาก็เข้ามาแทนที่การขืนใจ และการทำผิดประเพณีก็เปลี่ยนมาเป็นทำตามประเพณี แต่ถ้าผู้หญิงยืนกรานปฏิเสธการแต่งงาน ผู้ชายก็จะต้องจ่ายค่าปรับให้กับฝ่ายหญิง (น.430) สำหรับการขืนใจภรรยาของตนเอง ประเพณีม้งไม่ถือว่าทำผิดประเพณี (น.431) ขณะที่การขืนใจภรรยาคนอื่นถือเป็นการทำผิดประเพณีร้ายแรงที่สุด สามีของผู้หญิงที่ถูกขืนใจถูกมองว่าเป็นเหยื่อเคราะห์ร้ายเท่ากับภรรยาของเขา ผู้ทำผิดจะถูกปรับจ่ายชดเชยให้แก่สามีของผู้หญิง และสามีและญาติ ๆ ของเขาก็มีสิทธิเฆี่ยนตีผู้ทำผิด แต่จะไม่ฆ่า (น.431-432) ในกรณีที่การขืนใจกระทำโดยผู้ชายมากกว่าหนึ่งคน และทั้งหมดเป็นม้ง การแก้ไขก็จะดำเนินตามประเพณีม้ง ผู้หญิงจะถูกชักชวนให้เลือกผู้ชายคนหนึ่งในจำนวนทั้งหมดเป็นสามีและจัดการแต่งงานทันที ถ้าผู้หญิงยอมรับวิธีการนี้ แต่ผู้ชายปฏิเสธ ผู้ทำผิดทั้งหมดต้องร่วมกันรับผิดจ่ายค่าชดเชย (น.434) การลงโทษการบังคับขืนใจ : เมื่อเกิดการบังคับขืนใจ ผู้ชายมักจะยอมรับการกระทำแต่ก็จะมีข้ออ้างที่เป็นเหตุสมควรให้ได้รับการลดหย่อนโทษ ซึ่งข้ออ้างที่ใช้กันมากที่สุดคือ คิดว่าผู้หญิงยินยอม ในขณะที่การอ้างว่าเมาหรือใช้ยาจะไม่ได้รับการลดหย่อนโทษ และการอ้างว่า ผู้หญิงกระทำตามคำชักชวนก็ไม่ยอมรับเป็นข้อพิสูจน์อ้างเช่นกัน (น.427) ถ้าเป็นกรณีระหว่างหนุ่มสาวที่ยังไม่แต่งงาน และปรากฏว่าฝ่ายหญิงท้อง ฝ่ายชายจะต้องจ่ายเงินค่าขดเชย 4,000 บาท (100 เหรียญสหรัฐ) ให้แก่ฝ่ายหญิงและครอบครัว และในอนาคตฝ่ายชายไม่ต้องรับผิดชอบต่อเด็กที่เกิด แต่ต่อมาถ้าทั้งคู่แต่งงานกัน ฝ่ายชายก็ถูกคาดหวังให้จ่ายสินสอดเจ้าสาวเต็มจำนวน การจัดงานแต่งงานและจ่ายค่าสินสอดเจ้าสาวจะถือว่าเป็นการล้างมลทินที่เกิดขึ้น (น.427) สิทธิในค่าชดเชยสำหรับการท้องโดยไม่ตั้งใจจะเกี่ยวข้องกับ "การผิดสัญญา" (breach of promise) แม้ว่าจะไม่ได้ให้สัญญาก็ตาม ฝ่ายชายอาจจะไม่ได้ทำผิดสัญญาของตน แต่ทว่าเขาได้ทำผิดประเพณี (yaum cai) ดังนั้น เพื่อรักษาประเพณี ฝ่ายชายควรจะแต่งงานกับฝ่ายหญิง อย่างไรก็ดี ไม่มีใครบังคับให้ผู้ชายทำเช่นนั้น ความอับอาย/มลทิน จะติดตัวฝ่ายหญิงมากกว่าฝ่ายชาย (น.427) การลงโทษที่แท้จริงสำหรับผู้ทำผิดในสังคมม้ง คือ การถูกสังคมรังเกียจหรือคว่ำบาตร ซึ่งคนในครอบครัวและคนในตระกูลก็จะได้รับผลกระทบด้วย แต่ระดับน้อยกว่าตัวผู้กระทำผิด ขอบเขตการถูกคว่ำบาตรทางสังคมจะขึ้นอยู่กับความร้ายแรงของการกระทำ ถ้าการกระทำนั้นร้ายแรงมาก เขาก็จะถูกผู้คนเมินหนี แม้แต่ญาติในตระกูลที่อยู่ห่างไกล ก็ไม่เต็มใจที่จะให้ที่พักและอาหาร ทั้งๆ ที่ตามประเพณีม้ง คนในตระกูลเดียวไม่สามารถจะปฏิเสธการขอความช่วยเหลือจากคนในตระกูลได้ การลงโทษเช่นนี้จึงเกี่ยวข้องกับสมาชิกทุกคนในชุมชนและขยายไปยังม้งในที่อื่นๆ การลงโทษแบบนี้จึงรุนแรงยิ่งกว่าการจ่ายค่าปรับหรือค่าชดเชย (น.428) |
|
|