สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject บุคคลสองสัญชาติ, ความมั่นคง, คนมลายูมุสลิมในไทย, คนมลายูมุสลิมในมาเลเซีย, ชายแดนไทย - มาเลเซีย
Author จิราพร งามเลิศศุภร
Title บุคคลสองสัญชาติ: ผลกระทบต่อความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย
Document Type รายงานการวิจัย Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity มลายู ออแฆนายู มลายูมุสลิม ไทยมุสลิม, Language and Linguistic Affiliations -
Location of
Documents
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย
[เอกสารฉบับเต็ม]
Total Pages 129 Year 2551
Source สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย
Abstract

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาว่า บุคคลสองสัญชาติมีผลกระทบต่อความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่ กรอบการศึกษาครอบคลุมตั้งแต่ความเป็นมาของบุคคลสองสัญชาติ ปัจจัยที่เป็นแรงจูงให้มีสองสัญชาติ ข้อมูลจำนวนบุคคลสองสัญชาติและกฎหมายสัญชาติของมาเลเซีย การดำเนินความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาบุคคลสองสัญชาติระหว่างไทยกับมาเลเซีย รวมทั้งแนวทางที่เหมาะสมในการดำเนินการต่อบุคคลสองสัญชาติไทย–มาเลเซีย วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพโดยการวิจัยเอกสารและการสัมภาษณ์เชิงลึกจากบุคคลสองสัญชาติ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและฝ่ายความมั่นคง  ผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยที่ก่อให้เกิดบุคคลสองสัญชาติ ประกอบด้วย (1.) กระบวนการสร้างรัฐชาติสมัยใหม่ที่ทำให้เกิดการขีดเส้นพรมแดนทางภูมิศาสตร์ของรัฐและบัญญัติกฎหมายสัญชาติ เพื่อเป็นเครื่องผูกพันบุคคลกับดินแดนของรัฐ แต่สิ่งเหล่านี้มิอาจสกัดกั้นความใกล้ชิดทางเชื้อชาติและวัฒนธรรมระหว่างชาวมลายูมุสลิมในไทยและมาเลเซียที่มีความสัมพันธ์ทางเครือญาติกัน และยังคงรักษาปฏิสัมพันธ์ข้ามพรมแดนเพื่อไปมาหาสู่ญาติพี่น้องอีกฝั่งตามปกติ  (2.) การเมืองภายใน มาเลเซียมองว่าประเด็นบุคคลสองสัญชาติเกี่ยวข้องกับการสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงภายในของมาเลเซียเอง โดยมาเลเซียต้องการให้สัญชาติแก่ชาวมลายูมุสลิมภาคใต้ที่ได้สัญชาติมาถ่วงดุลและเปิดล้อมคนมาเลเซียเชื้อสายจีนที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ ในรัฐกลันตัง โดยกลุ่มคนมลายูมุสลิมภาคใต้ที่ได้สัญชาติจากมาเลเซียก็ล้วนแต่มีเชื้อสายมาเลเซีย และมีความผูกพันต่อรัฐมาเลเซียมากกว่ารัฐไทย นโยบายการให้สัญชาติแก่คนมลายูมุสลิมในไทยจึงกลายเป็นนโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองในมาเลเซีย (3.) แรงจูงใจทางเศรษฐกิจ เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ชาวมลายูมุสลิมในจังหวัดชายแดนใต้ต้องการสัญชาติมาเลเซียเพื่อที่จะได้สามารถประกอบอาชีพในมาเลเซียได้ ที่ผ่านมารัฐไทยมีความพยายามแก้ไขปัญหาบุคคลสองสัญชาติมาเป็นเวลาสามทศวรรษ และพยายามแสวงหาความร่วมมือกับรัฐบาลมาเลเซีย โดยมีการจัดตั้งกลไกความร่วมมือด้วยกันในหลายระดับ ภายหลังจากการปะทะของสถานการณ์ที่รุนแรงระลอกใหม่ตั้งแต่ปี 2547 รัฐบาลไทยพยายามเชื่อมโยงฐานข้อมูลกับบัตรประชาชนและต้องการกระชับความร่วมมือกับรัฐบาลมาเลเซียมากขึ้น แต่รัฐบาลมาเลเซียไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าที่ควรเนื่องจากเห็นว่าเป็นประเด็นละเอียดอ่อนและมีผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ ผลประโยชน์ทางการเมืองและสิทธิส่วนบุคคล สำหรับผลกระทบของบุคคลสองสัญชาติต่อความมั่นคงของไทยนั้นพบว่า บุคคลสองสัญชาติมีความเกี่ยวข้องกับขบวนการก่อความไม่สงบจริงในอดีต ทว่านับตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบันก็ไม่พบหลักฐานที่เชื่อมโยงระหว่างบุคคลสองสัญชาติกับขบวนการก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้แต่อย่างใด บุคคลสองสัญชาติที่เข้าร่วมในขบวนการก่อความไม่สงบเป็นคนรุ่นเก่า แต่ขบวนการรุ่นใหม่ที่ก่อเหตุในปัจจุบันไม่ได้มีสองสัญชาติ ดังนั้น การถือว่าบุคคลสองสัญชาติเป็นภัยต่อความมั่นคงจึงเป็นสิ่งสร้างทางสังคม (social construction) ที่เพิ่งเกิดขึ้นหลังเหตุการณ์รุนแรงปะทุเมื่อปี 2547

Focus

นับตั้งแต่ปี 2547 ที่เกิดการปะทุของความรุนแรงระลอกใหม่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น บุคคลสองสัญชาติไทย – มาเลเซีย กลายเป็นกลุ่มบุคคลที่ถูกสันนิษฐานจากรัฐไทยและฝ่ายความมั่นคงว่า อาจเป็นภัยต่อความมั่นคง โดยใช้สถานะความเป็นบุคคลสองสัญชาติในการก่อความไม่สงบฝั่งไทยและหลบหนีไปฝั่งมาเลเซีย  งานวิจัยนี้จึงมุ่งแสวงหาคำตอบว่า บุคคลสองสัญชาติมีผลกระทบต่อความมั่นคงในจังหวัดชายแดนใต้หรือไม่  

Theoretical Issues

งานวิจัยนี้ใช้คำจำกัดความ “ บุคคลสองสัญชาติ ” ตามคำจำกัดความโดยมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2542 ซึ่งให้คำจำกัดความบุคคลสองสัญชาติว่าหมายถึง “ผู้เดินทางข้ามพรมแดนไปมา ระหว่างประเทศไทยและมาเลเซีย  โดยเมื่ออยู่ฝั่งไทยก็มีชื่อและนามสกุลอย่างหนึ่ง แต่เมื่ออยู่ฝั่งมาเลเซีย จะมีชื่อและนามสกุลอีกอย่างหนึ่ง” ซึ่งงานวิจัยเรื่องนี้ใช้การวิจัยเชิงคุณภาพ ผ่านเอกสารและการสัมภาษณ์เชิงลึก จากผู้ให้ข้อมูลที่สำคัญของประชาชนสองสัญชาติไทย-มาเลเซีย ในพื้นที่รอยต่อระหว่างประเทศไทย-มาเลเซีย ด้านจังหวัดนราธิวาสและเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหา 

History of the Group and Community

ชาวมลายูมุสลิมในมาเลเซียกับชาวมลายูมุสลิมจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยมีความผูกพันทางเครือญาติ และมีความใกล้ชิดกันทางเชื้อชาติและวัฒนธรรม จึงมีการอพยพย้ายถิ่นไปมาระหว่างคนสองกลุ่มอยู่เสมอ อีกทั้งมีความต้องการที่จะยู่ร่วมประเทศเดียวกัน ดังจะเห็นได้จากเหตุการณ์ในปี พ.ศ.2491  คนไทยเชื้อสายมาเลย์จำนวน 250,000 คนได้ยื่นข้อร้องเรียนต่อสหประชาชาติให้เข้าไปช่วยเจรจาให้มีการแยกปัตตานี ยะลา นราธิวาส ไปเข้ากับสหพันธรัฐมลายาซึ่งเพิ่งตั้งใหม่  หรือเมื่อมีเหตุการณ์ความไม่สงบในฝั่งไทย ชาวไทยมุสลิมเชื้อสายมลายูก็เลือกที่จะอพยพเข้าไปในสหพันธรัฐมลายา (หรือมาเลเซียในปัจจุบัน) เพื่อหาที่อยู่ที่รู้สึกปลอดภัย  ดังนั้น เมื่อเกิดการจัดตั้งรัฐชาติสมัยใหม่ขึ้น ชาวมลายูมุสลิมในฝั่งไทยจึงยื่นขอสัญชาติและทำบัตรประจำตัวประชาชนกับทางรัฐบาลมาเลเซีย จนทำให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวมีสองสัญชาติมาจนถึงปัจจุบัน โดยกลุ่มคนสองสัญชาติที่เป็นกลุ่มตัวอย่างในงานศึกษาล้วนระบุว่า ตนมีเครือญาติพี่น้องที่อยู่ในรัฐกลันตันทั้งสิ้น   (น.18 – 19)

Demography

ข้อมูลจากเอกสารและการสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐ นักการเมืองมาเลเซีย รวมทั้งบุคคลสองสัญชาติ พบว่า  ไม่มีข้อมูลตัวเลขที่เป็นทางการแน่นอนว่า คนสองสัญชาติไทย – มาเลเซีย มีจำนวนเท่าใด มีเพียงตัวเลขการคาดคะเนเท่านั้น เช่น ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีมาเลเซียด้านกิจการที่เกี่ยวข้องกับปัญหาความไม่สงบ จังหวัดชายแดนระบุว่า “ที่มีการบันทึกไว้จำนวน 50,000 คน” นายอำเภอทั้งสามอำเภอที่เป็นกรณีศึกษา ได้แก่ สุไหงโกลก ตากใบ และแว้ง ระบุตรงกันว่า ชาวบ้านที่มีบ้านเรือนริมชายแดนมีบัตรประชาชนมาเลเซียเกือบทั้งหมดแต่ไม่แสดงตัว ในขณะที่บุคคลสองสัญชาติที่เป็นกลุ่มตัวอย่างในการศึกษาเล่าว่า “ในไซต์งานก่อสร้างที่รัฐยะโฮร์ 50 คน ต้องมี 20 เปอร์เซ็นต์ที่มีสองสัญชาติไทย - มาเลเซีย ” (น.29)

Economy

แรงจูงใจทางด้านเศรษฐกิจเป็นปัจจัยที่ทำให้คนมลายูมุสลิมในภาคใต้ต้องการมีสองสัญชาติ เพื่อจะได้สามารถเข้าไปทำมากินในมาเลเซียได้  (น.60) บุคคลสองสัญชาติที่อพยพไปทำมาหากินในมาเลเซียนั้น บางส่วนลงหลักปักฐานที่รัฐกลันตัน  บางส่วนไปทำงานรัฐอื่น ๆ ไปทำงานที่รัฐกลันตัน และรัฐอื่น ๆ ของมาเลเซีย โดยเฉพาะรัฐยะโฮร์ กัวลาลัมเปอร์ รวมถึงประเทศสิงคโปร์ เมื่อหยุดพักก็กลับมาประเทศไทย  บางส่วนยังอยู่ในไทยแต่ยังมีบัตรประชาชนเผื่อไว้ไปประกอบอาชีพหรือรับจ้างในรัฐกลันตังในอนาคต  บางส่วนไม่ไปต่ออายุบัตรประจำตัวประชาชนมาเลเซียอีก เพราะมีอาชีพที่มั่นคงในฝั่งไทยแล้ว หรือบางคนไม่ไปต่ออายุหรือเปลี่ยนบัตรเป็น MyKad เนื่องจากกลัวเพราะรู้ตัวว่าได้บัตรมาโดยมิชอบ ประกอบกับทราบว่าฝ่ายความมั่นคงไทยเฝ้าจับตาดูบุคคลสองสัญชาติจึงเกิดความกลัว หรือบางคนที่ถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงรายงานว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อความไม่สงบก็พยายามดิ้นรนที่จะได้บัตรประชาชนมาเลเซีย เพื่อลี้ภัยและทำมาหากินได้  นอกจากนี้ยังมีกรณีชาวมลายูมุสลิมภาคใต้ที่สำเร็จการศึกษาจบเภสัชกรจากประเทศอินเดีย แต่ไม่ได้รับการรับรองจากประเทศไทย จึงต้องไปทำงานที่มาเลเซียและขอแปลงสัญชาติมาเลเซียในที่สุด (น.16)

Political Organization

รัฐบาลไทยและฝ่ายผู้กำหนดนโยบายความมั่นคงทุกยุคสมัยล้วนมีข้อสมมุติฐานว่า บุคคลสองสัญชาติเป็นภัยต่อความมั่นคงจากการเข้าร่วมในขบวนการก่อความไม่สงบของชาวไทยมุสลิม (Muslim Separatist) ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเชื่อว่า บุคคลสองสัญชาติที่มีบัตรประชาชนทั้งไทยและมาเลเซีย ใช้ประโยชน์จากสถานะพลเมืองมาเลเซียในการหลบหนีขณะซ่อนคดี ใช้รัฐกลันตันของมาเลเซียเป็นพื้นที่ซ่องสุม เคลื่อนไหวในการจัดตั้งขบวนการ วางแผนการต่อสู้  ใช้เป็นพื้นที่หลบซ่อน และฝึกแนวร่วมรุ่นใหม่ เพื่อเข้ามาก่อเหตุในฝั่งไทย โดยที่ไทยไม่สามารถตามไปจับกุมดำเนินคดีได้ เพราะเมื่ออยู่ในฝั่งมาเลเซีย คนเหล่านี้จะใช้ชื่อที่ไม่ตรงกับบัตรประชาชนของไทย (น.48)

Map/Illustration

- บัตรประจําตัวประชาชนผู้มีสัญชาติมาเลเซียที่ใช้ประมาณ พ.ศ.2503 – 2543  หน้า 13
- บัตรประจําตัวประชาชนมาเลเซีย (MyKad) และการกําหนดเลขรหัส เพื่อบ่งชี้ถิ่นกําเนิดของบุคคล  หน้า 14
- แผนภาพแสดงข้อมูลในไมโครชิพในบัตรประจําตัวประชาชนมาเลเซียแบบ Mykad  หน้า 14
- ตัวอย่างบัตรประจําตัวประชาชนสําหรับเด็กแรกเกิดจนอายถุึง 12 ปี (MyKid)  หน้า 15
- สัญลักษณ์ในบัตรประจําตัวประชาชนมาเลเซียของคนสองสัญชาติ  หน้า 30
- แผนภาพเปรียบเทียบเลขแสดงถิ่นกําเนิดผู้ถือบัตรประจําตัวประชาชนมาเลเซีย  หน้า 32

Text Analyst สกุลกร ยาไทย Date of Report 01 ต.ค. 2564
TAG บุคคลสองสัญชาติ, ความมั่นคง, คนมลายูมุสลิมในไทย, คนมลายูมุสลิมในมาเลเซีย, ชายแดนไทย - มาเลเซีย, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง