สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ม้ง,แนวคิดเรื่องเพศ,การป้องกัน,โรคเอดส์,น่าน
Author ทรงวิทย์ เชื่อมสกุล
Title การศึกษาหาแนวทางเพื่อรณรงค์ให้สตรีรู้จักป้องกันตนเองจากโรคเอดส์ กรณีศึกษาเผ่าแม้ว
Document Type รายงานการวิจัย Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity ม้ง, Language and Linguistic Affiliations ม้ง-เมี่ยน
Location of
Documents
สถาบันวิจัยชาวเขา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ Total Pages 23 Year 2541
Source สถาบันวิจัยชาวเขา กรมประชาสงเคราะห์ กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
Abstract

ม้งเป็นกลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมความเชื่อของชนเผ่าเป็นกรอบของวิถีชีวิตที่สามารถโยงใยสังคมไว้ด้วยกัน ม้งเชื่อว่าผีบรรพบุรุษเป็นผู้ที่สามารถรู้เห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ ดังนั้นจึงต้องมีการเซ่นไหว้ผีบรรพบุรุษก่อนที่จะทำการนั้นๆก่อนเสมอ เช่นการแต่งงาน เป็นต้น วัฒนธรรมเป็นเครื่องกำหนดระบบอำนาจของชายและหญิงในชุมชน โดยให้ความสำคัญต่อเพศชายมากกว่า เพศหญิงจะมีคุณค่าก็ต่อเมื่อมีสามีและลูกชายเท่านั้น วัฒนธรรมการมีภรรยาได้หลายคนหรือการมีเพศสัมพันธ์กับหญิงที่ไม่ใช่ภรรยายังสามารถทำได้โดยไม่ผิดต่อวัฒนธรรมของชนเผ่า หนุ่มสาวที่มีความพึงพอใจต่อกันสามารถมีเพศสัมพันธ์ก่อนสมรสได้ จะเห็นว่าม้งมีการแต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อยประมาณ 13-15 ปี ส่วนหญิงสาวที่ท้องก่อนแต่งงานจะต้องพิสูจน์หาพ่อของลูกให้ได้ถ้าไม่เช่นนั้น จะถูกสังคมประนามและแสดงความรังเกียจ สถานภาพของผู้หญิงจึงด้อยกว่าและมีอำนาจในการต่อรองกับผู้ชายน้อยมาก ท่ามกลางสังคมบริโภคนิยม ที่มีการติดต่อระหว่างหมู่บ้านและสังคมภายนอก มีส่วนผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชุมชนขึ้น เช่น การศึกษามีส่วนทำให้คนหนุ่มสาวออกจากชุมชน และทอดทิ้งวัฒนธรรมของตนเอง จึงมีโอกาสเสี่ยงสูงมากต่อการชักจูงไปเป็นหญิงบริการทางเพศ เนื่องจากการได้รับการฝึกฝนที่ไม่ดีพอ ดังนั้นวัฒนธรรมทางเพศของม้งจึงมีความเสี่ยงต่อการได้รับเชื้อ HIV แม้ว่าในรายงานยังไม่พบผู้ติดเชื้อก็ตามแต่ม้งควรได้รับความรู้ความเข้าใจต่อโรคเอดส์ เพื่อหาทางออกร่วมกัน โดยการให้ความสำคัญต่อวัฒนธรรมและการมีส่วนร่วมของชุมชน

Focus

ศึกษาวัฒนธรรมและแนวคิดเรื่องเพศของม้ง เพื่อหาแนวทางรณรงค์ให้สตรีป้องกันโรคเอดส์

Theoretical Issues

จารีตประเพณี วัฒนธรรมทางเพศของม้งในหมู่บ้านปางเปยเอื้อต่อการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ เช่น ชายหนุ่มหญิงสาวที่มีความพึงพอใจต่อกันสามารถมีเพศสัมพันธ์กันก่อนแต่งงานได้ รวมถึงอำนาจการต่อรองของฝ่ายหญิงที่มีน้อยทำให้เกิดการเอาเปรียบทางเช่นเพศเช่น ฝ่ายชายสามารถมีเพศสัมพันธ์กับหญิงอื่นได้เรื่อยๆ หรือสามารถมีภรรยาได้หลายคน เป็นต้น (หน้า 8,22) ตามวัฒนธรรมของชาวเขาเผ่าม้ง การมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงานถือเป็นสิ่งปกติ สามารถทำได้ในกรอบของวัฒนธรรมชนเผ่าที่มีอยู่แม้ว่าในหมู่บ้านยังไม่มีผู้ใดมีอาการสัมพันธ์กับเอดส์ แต่ชาวบ้านทุกคนก็ตื่นตระหนกตกใจ และมีคำถามเกี่ยวกับโรคนี้มากมาย โดยเฉพาะเมื่อทราบว่าโรคนี้สามารถติดต่อได้โดยทางเพศสัมพันธ์ (หน้า 22)

Ethnic Group in the Focus

ม้ง (ผู้เขียนใช้คำว่า "เผ่าแม้ว" ) หมู่บ้านปางเปยเป็นหมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้งขาว ในจังหวัดน่าน (หน้า 5)

Language and Linguistic Affiliations

ไม่ได้ระบุชัดเจน แต่ในรายงานระบุเพียงว่า มีอาสาสมัครสาธารณสุขของหมู่บ้านได้นำเอาสื่อเทปเสียงเกี่ยวกับโรคเอดส์ที่สถาบันวิจัยชาวเขา ไปแจกจ่ายตามศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขาจังหวัดต่างๆ เปิดเสียงตามสาย ของหอกระจายข่าวในหมู่บ้านให้ชาวบ้านได้ฟังอยู่บ่อยครั้ง และมีข้อสังเกตคือ หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้งขาว แต่ปรากฎว่าสื่อเทปเสียงที่ศูนย์ฯ ชาวเขาส่งไปให้นั้น เป็นภาษาม้งน้ำเงิน (ซึ่งสถาบันวิจัยชาวเขา ผลิตสื่อทั้งภาษาม้งขาว และภาษาม้งน้ำเงิน) (หน้า 23)

Study Period (Data Collection)

ตุลาคม พ.ศ 2539 - กันยายน พ.ศ 2540

History of the Group and Community

ไม่มีข้อมูล

Settlement Pattern

ไม่มีข้อมูล

Demography

หมู่บ้านปางเปย มีจำนวนหลังคาเรือนทั้งหมด 106 หลังคาเรือน ,117 ครอบครัว มีประชากรทั้งหมด 689 คน เป็นชาย 354 คน เป็นหญิง 335 คน (หน้า 5)

Economy

ชาวบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพทำไร่ โดยปลูกข้าวและข้าวโพดเป็นหลัก รองลงมาคือทำสวนส้มเขียวหวาน นอกจากนี้ยังมีการหาของป่าขาย จำพวกหน่อไม้ นำผึ้ง เป็นต้น ส่วนผู้ชายในวัยแรงงานก็ไปทำงานเป็นยามที่กรุงเทพ และทำงานในโรงงานต่างๆ เช่นโรงงานเหล็ก หญิงสาวไปทำงานเป็นลูกจ้างในร้านอาหารในตัวเมือง จังหวัดน่าน รายได้เฉลี่ยของชาวบ้านในหมู่บ้านประมาณ 4,000 บาท/ครอบครัว/ปี (หน้า 6)

Social Organization

ในการศึกษาระบุเพียงว่าในหมู่บ้านมีหน่วยงานทางราชการหรือองค์กรเอกชนอื่น ๆ รวม 3 หน่วยงานด้วยกันคือ 1. โรงเรียนประจำหมู่บ้าน สังกัดสำนักงานประถมศึกษาอำเภอ จัดการศึกษาตั้งแต่ชั้นอนุบาล- ประถมศึกษาปีที่ 6 2. สำนักงานเขตพัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขา 3. โบสถ์คริสต์ ตามจารีตประเพณีวัฒนธรรมของม้ง ชาวเขาเผ่าม้งในหมู่บ้านที่ยังนับถือวิญญาณบรรพบุรุษ หรือลัทธิบูชาบรรพบุรุษ (Ancestor) ซึ่งม้งเป็นกลุ่มคนที่สืบเชื้อสายทางบิดาลูกชายจะเป็นผู้สืบวงศ์สกุลและเลี้ยงดูพ่อแม่เมื่อแก่ชรา ส่วนลูกผู้หญิงเมื่อแต่งงานแล้วก็ต้องไปอยู่กับสามีที่บ้านของสามี ในหมู่บ้านนี้ชายหนุ่มและหญิงสาวสามารถเกี้ยวพาราสีและหากมีความพึงพอใจต่อกันก็สามารถมีเพศสัมพันธ์กันก่อนแต่งงานได้ และนำไปสู่การแต่งงานซึ่งหมายถึงฝ่ายชายจะได้แรงงานเพิ่มจากการแต่งงาน และการมีลูกมากถือว่ายิ่งมากยิ่งดีโดยเฉพาะลูกผู้ชายเพราะจะได้สืบต่อวงศ์สกุล นอกจากนี้แซ่สกุลใดที่จำนวนมากในชุมชนก็จะเป็นแซ่สกุลที่มีอำนาจอิทธิพลเหนือกว่า ดังนั้น จึงพบว่าแซ่สกุลที่มีคนจำนวนน้อยมักจะถูกข่มเหงรังแกจากแซ่สกุลใหญ่ ส่วนสถานภาพของสตรีหลังแต่งานแล้ว ถือว่าเป็นสมบัติของสามีและครอบครัวของฝ่ายสามี ฝ่ายหญิงต้องต้องมานับถือผีบรรพบุรุษและถือแซ่สกุลของฝ่ายสามี ม้งในหลายแซ่สกุลสามารถมีภรรยาได้หลายคนด้วยเหตุผล เช่น ภรรยาคนแรกไม่สามารถมีลูกสำหรับสืบวงศ์สกุล หรือภรรยาเป็นคนเกียจคร้าน ประพฤติตัวไม่ดี เป็นต้น ในขณะที่บางแซ่สกุลก็ไม่นิยมมีภรรยาหลายคน เนื่องจากความเชื่อว่าบรรพบุรุษที่เคยมีภรรยาหลายคนจะไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตหรือต้องมีอันเป็นไปก่อนระยะเวลาอันควร ในกรณีที่สามีเสียชีวิต ภรรยาก็ยังเป็นสมบัติของครอบครัวฝ่ายชายและสามารถแต่งงานกับพี่ชายหรือน้องชายของสามีได้ หากจะแต่งงานกับชายอื่นผู้ชายคนนั้นจะต้องเสียค่าสินสอดให้แก่ครอบครัวของฝ่ายสามีเดิม แต่ส่วนใหญ่พบว่า พ่อแม่ญาติพี่น้องของสามีก็จะให้น้องชายหรือพี่ชายรับเป็นภรรยาเพื่อป้องกันหลาน ๆ ประสบกับปัญหา วัฒนธรรมของม้งได้ให้ความสำคัญแก่ผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ผู้หญิงจะมีความสำคัญก็ต่อเมื่อมีสามีและลูกแล้วเท่านั้น และต้องยอมรับสภาพที่เป็นอยู่หากได้สามีที่ไม่ดี หากต้องหย่ากับสามีก็จะกลายเป็นคนที่ไม่มีคุณค่าในสังคม และจะถูกประนามจากชุมชน ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้น้อยมากที่จะมีโอกาสแต่งงานใหม่และได้สามีที่ดีกว่าเดิม ดังนั้นอำนาจการต่อรองของฝ่ายหญิงจึงมีน้อยมากในสังคมชนเผ่าม้ง (หน้า 8, 13-14, 16, 18-20)

Political Organization

แซ่สกุลใดที่จำนวนมากในชุมชนก็จะเป็นแซ่สกุลที่มีอำนาจอิทธิพลเหนือกว่า ดังนั้นจึงพบว่าแซ่สกุลที่มีคนจำนวนน้อยมักจะถูกข่มเหงรังแกจากแซ่สกุลใหญ่ (หน้า 7)

Belief System

ชาวเขาเผ่าม้งในหมู่บ้านนี้ส่วนใหญ่ยังนับถือวิญญาณบรรพบุรุษหรือลัทธิบูชาบรรพบุรุษ แต่มีครอบครัวที่หันไปนับถือศาสนาคริสต์แล้วจำนวน 9 หลังคาเรือน นอกจากนี้ ยังมีความเชื่อเรื่องฤกษ์ยาม เช่น เมื่อชายหนุ่มหญิงสาวที่มีความพึงพอใจต่อกันและจัดพิธีแต่งงานขึ้น โดยฝ่ายชายที่เป็นผู้สู่ขอต้องดูฤกษ์ยามและทำพิธีบอกกล่าวให้ผีบรรพบุรุษรับรู้ หากในระหว่างสู่ขอนั้นเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ดีตามความเชื่อ เช่น มีงูเลื้อยตัดหน้าระหว่างเดินทางไปสู่ขอหรือมีคนตายในหมู่บ้าน เป็นต้น จะต้องล้มเลิกพิธีสู่ขอนั้นเสีย เพราะเชื่อกันว่าบรรพบุรุษไม่เห็นดีด้วยกับการแต่งงานที่จะมีขึ้น ม้งเชื่อว่าผีบรรพบุรุษเป็นผู้ที่สามารถรู้เห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ ดังนั้นจึงต้องมีการเซ่นไหว้ผีบรรพบุรุษก่อนที่จะทำกิจกรรมต่างๆ ก่อนเสมอ เช่น การทำพิธีลอดไก่(หลึค้า) เพื่อเป็นการบอกให้บรรพบุรุษรับทราบและยอมรับสมาชิกใหม่ หญิงสาวที่ทำพิธีลอดไก่ถือว่าได้เปลี่ยนจากการนับถือบรรพบุรุษของตนมานับถือผีบรรพบุรุษของฝ่ายชายแล้ว และจะเปลี่ยนกลับไม่ได้ถึงแม้ว่าจะไม่เต็มใจก็ตาม (หน้า 6, 9-11)

Education and Socialization

ในการศึกษาระบุเพียงว่ามีโรงเรียนประจำหมู่บ้านสังกัดสำนักงานการประถมศึกษาอำเภอ จัดการศึกษาตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงประถมศึกษาปีที่ 6 และหญิงสาวม้งที่ได้เข้าไปทำงานในตัวเมืองจังหวัดน่านก็สามารถพูดภาษาไทยได้ค่อนข้างดีและจบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ทั้งสิ้น การศึกษาจึงมีส่วนในการดึงคนออกจากชุมชน ทำให้ทอดทิ้งวัฒนธรรมที่ดีของชุมชน และเมื่อมาทำงานก็ไม่อาจมีอาชีพที่ดี เพราะไม่มีการฝึกฝน และอาจไม่สามารถเลี้ยงดูตัวเองได้ในสังคมบริโภคนิยม ผู้หญิงจึงมีโอกาสเสี่ยงสูงมากต่อการชักจูงไปเป็นหญิงบริการทางเพศ (หน้า 7,16)

Health and Medicine

ในหมู่บ้านมีชาวบ้านที่เป็นอาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) มีกองทุนยาหมู่บ้าน 1 แห่ง และสำนักงานสาธารณสุขอำเภอก็ได้เข้ามาให้ความรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์ ส่วนในชุมชน หมอผีจะเป็นผู้คอยให้ความช่วยเหลือในการรักษาผู้ป่วยเบื้องต้น โดยการทำพิธีกรรมและสมุนไพรรักษา ซึ่งแบ่งหมอผีเป็น 2 ประเภทคือ หมอผีเข้าทรงและ หมอผีเรียน (หมอผีที่สนใจทำพิธีกรรมรักษาคนป่วยโดยเรียนจากหมอผีครูอีกทอดหนึ่ง) (หน้า 6, 22)

Art and Crafts (including Clothing Costume)

ไม่มีข้อมูล

Folklore

ไม่มีข้อมูล

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

ไม่มีข้อมูล

Social Cultural and Identity Change

แม้ว่าม้งจะยังคงยึดมั่นในวัฒนธรรมเดิมเป็นส่วนใหญ่แต่ก็มีการติดต่อสื่อสารระหว่างภายนอกมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เช่น มีหญิงสาวม้งเข้าไปทำงานเป็นพนักงานบริการร้านอาหาร ในตัวเมืองจังหวัดน่าน สำหรับปัจจุบันแล้วสามีไม่ได้เป็นผู้นำเพียงคนเดียวในครอบครัวอีกต่อไป ปัจจุบันผู้ชายมีภรรยาหลายคนมากกว่าในอดีต และผู้หญิงเริ่มมีการคบชู้มากขึ้น สถานภาพและเงินทองที่หามาได้ของลูกและลูกสะใภ้รวมถึงการตัดสินในทุกกรณีไม่ได้ขึ้นต่อพ่อแม่เหมือนในอดีต การเกี้ยวพาราสีมีได้ทั้งกลางวันและกลางคืนโดยไม่มีความเกรงใจต่อพ่อแม่ญาติพี่น้องของฝ่ายหญิง การมีเพศสัมพันธ์มีได้ทั้งในบ้านและนอกบ้าน เนื่องจากความเจริญทางด้านวัตถุเข้าไปทำให้หนุ่มสาวไม่เชื่อฟังคำสั่งสอนของพ่อแม่ตามวัฒนธรรมม้งอีกต่อไป เช่น การมีเพศสัมพันธ์โดยพ่อแม่ไม่สามารถตักเตือนสั่งสอนลูกหลานได้เหมือนแต่ก่อน การหาคู่ครองหรือแต่งงาน เมื่อลูกโตขึ้นจะเป็นคนหาคู่ครองเอง การคุมกำเนิดหนุ่มสาวมีการคุมกำเนิดมากขึ้น มีการใช้ถุงยางอนามัยในกลุ่มวัยรุ่น และการใช้เม็ดยาคุมกำเนิดในกลุ่มผู้หญิง รวมถึงการเที่ยวสำส่อนของผู้ชายทั้งในหมู่บ้านและนอกหมู่บ้าน (หน้า 16, 19-21)

Critic Issues

ไม่มีข้อมูล

Other Issues

ทัศนคติเกี่ยวกับโสเภณี

Map/Illustration

ไม่มี

Text Analyst จันทิวา ก๋าวงศ์อ้าย Date of Report 23 มิ.ย 2548
TAG ม้ง, แนวคิดเรื่องเพศ, การป้องกัน, โรคเอดส์, น่าน, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง