|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ม้ง,แนวคิดเรื่องเพศ,การป้องกัน,โรคเอดส์,น่าน |
Author |
ทรงวิทย์ เชื่อมสกุล |
Title |
การศึกษาหาแนวทางเพื่อรณรงค์ให้สตรีรู้จักป้องกันตนเองจากโรคเอดส์ กรณีศึกษาเผ่าแม้ว |
Document Type |
รายงานการวิจัย |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ม้ง,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ม้ง-เมี่ยน |
Location of
Documents |
สถาบันวิจัยชาวเขา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ |
Total Pages |
23 |
Year |
2541 |
Source |
สถาบันวิจัยชาวเขา กรมประชาสงเคราะห์ กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม |
Abstract |
ม้งเป็นกลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมความเชื่อของชนเผ่าเป็นกรอบของวิถีชีวิตที่สามารถโยงใยสังคมไว้ด้วยกัน ม้งเชื่อว่าผีบรรพบุรุษเป็นผู้ที่สามารถรู้เห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ ดังนั้นจึงต้องมีการเซ่นไหว้ผีบรรพบุรุษก่อนที่จะทำการนั้นๆก่อนเสมอ เช่นการแต่งงาน เป็นต้น
วัฒนธรรมเป็นเครื่องกำหนดระบบอำนาจของชายและหญิงในชุมชน โดยให้ความสำคัญต่อเพศชายมากกว่า เพศหญิงจะมีคุณค่าก็ต่อเมื่อมีสามีและลูกชายเท่านั้น วัฒนธรรมการมีภรรยาได้หลายคนหรือการมีเพศสัมพันธ์กับหญิงที่ไม่ใช่ภรรยายังสามารถทำได้โดยไม่ผิดต่อวัฒนธรรมของชนเผ่า หนุ่มสาวที่มีความพึงพอใจต่อกันสามารถมีเพศสัมพันธ์ก่อนสมรสได้ จะเห็นว่าม้งมีการแต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อยประมาณ 13-15 ปี ส่วนหญิงสาวที่ท้องก่อนแต่งงานจะต้องพิสูจน์หาพ่อของลูกให้ได้ถ้าไม่เช่นนั้น จะถูกสังคมประนามและแสดงความรังเกียจ สถานภาพของผู้หญิงจึงด้อยกว่าและมีอำนาจในการต่อรองกับผู้ชายน้อยมาก
ท่ามกลางสังคมบริโภคนิยม ที่มีการติดต่อระหว่างหมู่บ้านและสังคมภายนอก มีส่วนผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชุมชนขึ้น เช่น การศึกษามีส่วนทำให้คนหนุ่มสาวออกจากชุมชน และทอดทิ้งวัฒนธรรมของตนเอง จึงมีโอกาสเสี่ยงสูงมากต่อการชักจูงไปเป็นหญิงบริการทางเพศ เนื่องจากการได้รับการฝึกฝนที่ไม่ดีพอ
ดังนั้นวัฒนธรรมทางเพศของม้งจึงมีความเสี่ยงต่อการได้รับเชื้อ HIV แม้ว่าในรายงานยังไม่พบผู้ติดเชื้อก็ตามแต่ม้งควรได้รับความรู้ความเข้าใจต่อโรคเอดส์ เพื่อหาทางออกร่วมกัน โดยการให้ความสำคัญต่อวัฒนธรรมและการมีส่วนร่วมของชุมชน |
|
Focus |
ศึกษาวัฒนธรรมและแนวคิดเรื่องเพศของม้ง เพื่อหาแนวทางรณรงค์ให้สตรีป้องกันโรคเอดส์ |
|
Theoretical Issues |
จารีตประเพณี วัฒนธรรมทางเพศของม้งในหมู่บ้านปางเปยเอื้อต่อการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ เช่น ชายหนุ่มหญิงสาวที่มีความพึงพอใจต่อกันสามารถมีเพศสัมพันธ์กันก่อนแต่งงานได้ รวมถึงอำนาจการต่อรองของฝ่ายหญิงที่มีน้อยทำให้เกิดการเอาเปรียบทางเช่นเพศเช่น ฝ่ายชายสามารถมีเพศสัมพันธ์กับหญิงอื่นได้เรื่อยๆ หรือสามารถมีภรรยาได้หลายคน เป็นต้น (หน้า 8,22) ตามวัฒนธรรมของชาวเขาเผ่าม้ง การมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงานถือเป็นสิ่งปกติ สามารถทำได้ในกรอบของวัฒนธรรมชนเผ่าที่มีอยู่แม้ว่าในหมู่บ้านยังไม่มีผู้ใดมีอาการสัมพันธ์กับเอดส์ แต่ชาวบ้านทุกคนก็ตื่นตระหนกตกใจ และมีคำถามเกี่ยวกับโรคนี้มากมาย โดยเฉพาะเมื่อทราบว่าโรคนี้สามารถติดต่อได้โดยทางเพศสัมพันธ์ (หน้า 22) |
|
Ethnic Group in the Focus |
ม้ง (ผู้เขียนใช้คำว่า "เผ่าแม้ว" ) หมู่บ้านปางเปยเป็นหมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้งขาว ในจังหวัดน่าน (หน้า 5) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ไม่ได้ระบุชัดเจน แต่ในรายงานระบุเพียงว่า มีอาสาสมัครสาธารณสุขของหมู่บ้านได้นำเอาสื่อเทปเสียงเกี่ยวกับโรคเอดส์ที่สถาบันวิจัยชาวเขา ไปแจกจ่ายตามศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขาจังหวัดต่างๆ เปิดเสียงตามสาย ของหอกระจายข่าวในหมู่บ้านให้ชาวบ้านได้ฟังอยู่บ่อยครั้ง และมีข้อสังเกตคือ หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้งขาว แต่ปรากฎว่าสื่อเทปเสียงที่ศูนย์ฯ ชาวเขาส่งไปให้นั้น เป็นภาษาม้งน้ำเงิน (ซึ่งสถาบันวิจัยชาวเขา ผลิตสื่อทั้งภาษาม้งขาว และภาษาม้งน้ำเงิน) (หน้า 23) |
|
Study Period (Data Collection) |
ตุลาคม พ.ศ 2539 - กันยายน พ.ศ 2540 |
|
History of the Group and Community |
|
Demography |
หมู่บ้านปางเปย มีจำนวนหลังคาเรือนทั้งหมด 106 หลังคาเรือน ,117 ครอบครัว
มีประชากรทั้งหมด 689 คน เป็นชาย 354 คน เป็นหญิง 335 คน (หน้า 5) |
|
Economy |
ชาวบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพทำไร่ โดยปลูกข้าวและข้าวโพดเป็นหลัก รองลงมาคือทำสวนส้มเขียวหวาน นอกจากนี้ยังมีการหาของป่าขาย จำพวกหน่อไม้ นำผึ้ง เป็นต้น ส่วนผู้ชายในวัยแรงงานก็ไปทำงานเป็นยามที่กรุงเทพ และทำงานในโรงงานต่างๆ เช่นโรงงานเหล็ก หญิงสาวไปทำงานเป็นลูกจ้างในร้านอาหารในตัวเมือง จังหวัดน่าน รายได้เฉลี่ยของชาวบ้านในหมู่บ้านประมาณ 4,000 บาท/ครอบครัว/ปี (หน้า 6) |
|
Social Organization |
ในการศึกษาระบุเพียงว่าในหมู่บ้านมีหน่วยงานทางราชการหรือองค์กรเอกชนอื่น ๆ รวม 3 หน่วยงานด้วยกันคือ
1. โรงเรียนประจำหมู่บ้าน สังกัดสำนักงานประถมศึกษาอำเภอ จัดการศึกษาตั้งแต่ชั้นอนุบาล- ประถมศึกษาปีที่ 6
2. สำนักงานเขตพัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขา
3. โบสถ์คริสต์
ตามจารีตประเพณีวัฒนธรรมของม้ง ชาวเขาเผ่าม้งในหมู่บ้านที่ยังนับถือวิญญาณบรรพบุรุษ หรือลัทธิบูชาบรรพบุรุษ (Ancestor) ซึ่งม้งเป็นกลุ่มคนที่สืบเชื้อสายทางบิดาลูกชายจะเป็นผู้สืบวงศ์สกุลและเลี้ยงดูพ่อแม่เมื่อแก่ชรา ส่วนลูกผู้หญิงเมื่อแต่งงานแล้วก็ต้องไปอยู่กับสามีที่บ้านของสามี ในหมู่บ้านนี้ชายหนุ่มและหญิงสาวสามารถเกี้ยวพาราสีและหากมีความพึงพอใจต่อกันก็สามารถมีเพศสัมพันธ์กันก่อนแต่งงานได้ และนำไปสู่การแต่งงานซึ่งหมายถึงฝ่ายชายจะได้แรงงานเพิ่มจากการแต่งงาน และการมีลูกมากถือว่ายิ่งมากยิ่งดีโดยเฉพาะลูกผู้ชายเพราะจะได้สืบต่อวงศ์สกุล นอกจากนี้แซ่สกุลใดที่จำนวนมากในชุมชนก็จะเป็นแซ่สกุลที่มีอำนาจอิทธิพลเหนือกว่า ดังนั้น จึงพบว่าแซ่สกุลที่มีคนจำนวนน้อยมักจะถูกข่มเหงรังแกจากแซ่สกุลใหญ่
ส่วนสถานภาพของสตรีหลังแต่งานแล้ว ถือว่าเป็นสมบัติของสามีและครอบครัวของฝ่ายสามี ฝ่ายหญิงต้องต้องมานับถือผีบรรพบุรุษและถือแซ่สกุลของฝ่ายสามี ม้งในหลายแซ่สกุลสามารถมีภรรยาได้หลายคนด้วยเหตุผล เช่น ภรรยาคนแรกไม่สามารถมีลูกสำหรับสืบวงศ์สกุล หรือภรรยาเป็นคนเกียจคร้าน ประพฤติตัวไม่ดี เป็นต้น ในขณะที่บางแซ่สกุลก็ไม่นิยมมีภรรยาหลายคน เนื่องจากความเชื่อว่าบรรพบุรุษที่เคยมีภรรยาหลายคนจะไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตหรือต้องมีอันเป็นไปก่อนระยะเวลาอันควร ในกรณีที่สามีเสียชีวิต ภรรยาก็ยังเป็นสมบัติของครอบครัวฝ่ายชายและสามารถแต่งงานกับพี่ชายหรือน้องชายของสามีได้ หากจะแต่งงานกับชายอื่นผู้ชายคนนั้นจะต้องเสียค่าสินสอดให้แก่ครอบครัวของฝ่ายสามีเดิม แต่ส่วนใหญ่พบว่า พ่อแม่ญาติพี่น้องของสามีก็จะให้น้องชายหรือพี่ชายรับเป็นภรรยาเพื่อป้องกันหลาน ๆ ประสบกับปัญหา
วัฒนธรรมของม้งได้ให้ความสำคัญแก่ผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ผู้หญิงจะมีความสำคัญก็ต่อเมื่อมีสามีและลูกแล้วเท่านั้น และต้องยอมรับสภาพที่เป็นอยู่หากได้สามีที่ไม่ดี หากต้องหย่ากับสามีก็จะกลายเป็นคนที่ไม่มีคุณค่าในสังคม และจะถูกประนามจากชุมชน ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้น้อยมากที่จะมีโอกาสแต่งงานใหม่และได้สามีที่ดีกว่าเดิม ดังนั้นอำนาจการต่อรองของฝ่ายหญิงจึงมีน้อยมากในสังคมชนเผ่าม้ง (หน้า 8, 13-14, 16, 18-20) |
|
Political Organization |
แซ่สกุลใดที่จำนวนมากในชุมชนก็จะเป็นแซ่สกุลที่มีอำนาจอิทธิพลเหนือกว่า ดังนั้นจึงพบว่าแซ่สกุลที่มีคนจำนวนน้อยมักจะถูกข่มเหงรังแกจากแซ่สกุลใหญ่ (หน้า 7) |
|
Belief System |
ชาวเขาเผ่าม้งในหมู่บ้านนี้ส่วนใหญ่ยังนับถือวิญญาณบรรพบุรุษหรือลัทธิบูชาบรรพบุรุษ แต่มีครอบครัวที่หันไปนับถือศาสนาคริสต์แล้วจำนวน 9 หลังคาเรือน นอกจากนี้ ยังมีความเชื่อเรื่องฤกษ์ยาม เช่น เมื่อชายหนุ่มหญิงสาวที่มีความพึงพอใจต่อกันและจัดพิธีแต่งงานขึ้น โดยฝ่ายชายที่เป็นผู้สู่ขอต้องดูฤกษ์ยามและทำพิธีบอกกล่าวให้ผีบรรพบุรุษรับรู้ หากในระหว่างสู่ขอนั้นเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ดีตามความเชื่อ เช่น มีงูเลื้อยตัดหน้าระหว่างเดินทางไปสู่ขอหรือมีคนตายในหมู่บ้าน เป็นต้น จะต้องล้มเลิกพิธีสู่ขอนั้นเสีย เพราะเชื่อกันว่าบรรพบุรุษไม่เห็นดีด้วยกับการแต่งงานที่จะมีขึ้น ม้งเชื่อว่าผีบรรพบุรุษเป็นผู้ที่สามารถรู้เห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ ดังนั้นจึงต้องมีการเซ่นไหว้ผีบรรพบุรุษก่อนที่จะทำกิจกรรมต่างๆ ก่อนเสมอ เช่น การทำพิธีลอดไก่(หลึค้า) เพื่อเป็นการบอกให้บรรพบุรุษรับทราบและยอมรับสมาชิกใหม่ หญิงสาวที่ทำพิธีลอดไก่ถือว่าได้เปลี่ยนจากการนับถือบรรพบุรุษของตนมานับถือผีบรรพบุรุษของฝ่ายชายแล้ว และจะเปลี่ยนกลับไม่ได้ถึงแม้ว่าจะไม่เต็มใจก็ตาม (หน้า 6, 9-11) |
|
Education and Socialization |
ในการศึกษาระบุเพียงว่ามีโรงเรียนประจำหมู่บ้านสังกัดสำนักงานการประถมศึกษาอำเภอ จัดการศึกษาตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงประถมศึกษาปีที่ 6 และหญิงสาวม้งที่ได้เข้าไปทำงานในตัวเมืองจังหวัดน่านก็สามารถพูดภาษาไทยได้ค่อนข้างดีและจบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ทั้งสิ้น การศึกษาจึงมีส่วนในการดึงคนออกจากชุมชน ทำให้ทอดทิ้งวัฒนธรรมที่ดีของชุมชน และเมื่อมาทำงานก็ไม่อาจมีอาชีพที่ดี เพราะไม่มีการฝึกฝน และอาจไม่สามารถเลี้ยงดูตัวเองได้ในสังคมบริโภคนิยม ผู้หญิงจึงมีโอกาสเสี่ยงสูงมากต่อการชักจูงไปเป็นหญิงบริการทางเพศ (หน้า 7,16) |
|
Health and Medicine |
ในหมู่บ้านมีชาวบ้านที่เป็นอาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) มีกองทุนยาหมู่บ้าน 1 แห่ง และสำนักงานสาธารณสุขอำเภอก็ได้เข้ามาให้ความรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์
ส่วนในชุมชน หมอผีจะเป็นผู้คอยให้ความช่วยเหลือในการรักษาผู้ป่วยเบื้องต้น โดยการทำพิธีกรรมและสมุนไพรรักษา ซึ่งแบ่งหมอผีเป็น 2 ประเภทคือ หมอผีเข้าทรงและ หมอผีเรียน (หมอผีที่สนใจทำพิธีกรรมรักษาคนป่วยโดยเรียนจากหมอผีครูอีกทอดหนึ่ง) (หน้า 6, 22) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
แม้ว่าม้งจะยังคงยึดมั่นในวัฒนธรรมเดิมเป็นส่วนใหญ่แต่ก็มีการติดต่อสื่อสารระหว่างภายนอกมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เช่น มีหญิงสาวม้งเข้าไปทำงานเป็นพนักงานบริการร้านอาหาร ในตัวเมืองจังหวัดน่าน สำหรับปัจจุบันแล้วสามีไม่ได้เป็นผู้นำเพียงคนเดียวในครอบครัวอีกต่อไป ปัจจุบันผู้ชายมีภรรยาหลายคนมากกว่าในอดีต และผู้หญิงเริ่มมีการคบชู้มากขึ้น สถานภาพและเงินทองที่หามาได้ของลูกและลูกสะใภ้รวมถึงการตัดสินในทุกกรณีไม่ได้ขึ้นต่อพ่อแม่เหมือนในอดีต
การเกี้ยวพาราสีมีได้ทั้งกลางวันและกลางคืนโดยไม่มีความเกรงใจต่อพ่อแม่ญาติพี่น้องของฝ่ายหญิง การมีเพศสัมพันธ์มีได้ทั้งในบ้านและนอกบ้าน เนื่องจากความเจริญทางด้านวัตถุเข้าไปทำให้หนุ่มสาวไม่เชื่อฟังคำสั่งสอนของพ่อแม่ตามวัฒนธรรมม้งอีกต่อไป เช่น การมีเพศสัมพันธ์โดยพ่อแม่ไม่สามารถตักเตือนสั่งสอนลูกหลานได้เหมือนแต่ก่อน การหาคู่ครองหรือแต่งงาน เมื่อลูกโตขึ้นจะเป็นคนหาคู่ครองเอง การคุมกำเนิดหนุ่มสาวมีการคุมกำเนิดมากขึ้น มีการใช้ถุงยางอนามัยในกลุ่มวัยรุ่น และการใช้เม็ดยาคุมกำเนิดในกลุ่มผู้หญิง รวมถึงการเที่ยวสำส่อนของผู้ชายทั้งในหมู่บ้านและนอกหมู่บ้าน (หน้า 16, 19-21) |
|
|