|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ซาไก,อัตลักษณ์ชาติพันธุ์,การสื่อสาร,การสื่อสารกับวัฒนธรรม,การปรับตัว,นครนายก,ภาคกลาง,ประเทศไทย,เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ |
Author |
เชิญขวัญ ภุชฌงค์ |
Title |
การสื่อสารของกลุ่มซาไกที่ย้ายถิ่นฐานมาสู่ชุมชนเมืองในการปรับตัวและการแสดงอัตลักษณ์ แห่งชาติพันธุ์ |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
มานิ มานิค โอรังอัสลี อัสลี จาไฮ,
|
Language and Linguistic Affiliations |
- |
Location of
Documents |
-
ฉบับพิมพ์: สำนักงานวิทยบริการ อาคารเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา (อาคารจามจุรี 10) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย Call No. 491072
-
ฉบับอิเล็กทรอนิกส์ : คลังปัญญา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย https://goo.gl/z3Eumv
-
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Call No.HM258 .ช72 2549EB
|
Total Pages |
264 |
Year |
2549 |
Source |
วิทยานิพนธ์ นิเทศศาสตรมหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Abstract |
การศึกษาการสื่อสารของกลุ่มซาไกที่ย้ายถิ่นฐานมาสู่ชุมชนเมือง เกี่ยวกับปัญหา การแก้ไขปัญหา และการแสดงอัตลักษณ์ ดำเนินการเก็บรวมรวบข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง 2 กลุ่ม ในจังหวัดนครนายก ได้แก่ กลุ่มซาไกที่ย้ายถิ่นฐานมาสู่ชุมชนเมือง จำนวน 4 คน และกลุ่มบุคคลที่เป็นคู่สื่อสารต่างวัฒนธรรมของกลุ่มซาไก จำนวน 13 คน ใช้วิธีการสัมภาษณ์และเจาะลึกและการสังเกตการณ์แบบมีส่วนร่วม
ผลการศึกษาพบว่า ปัญหาการสื่อสารขึ้นอยู่กับประสบการณ์และการเรียนรู้ของแต่ละบุคคล ซึ่งแก้ปัญหาได้โดยใช้ความร่วมมือของทั้งครอบครัวชาวซาไก และบุคคลคู่สื่อสาร ผ่านกระบวนการต่าง ๆ ทั้งการทำความเข้าใจวัฒนธรรมร่วมกัน การให้ความรู้หรือการศึกษา การใช้สื่อบุคคล สื่อมวลชน หรือสื่อเฉพาะกิจช่วยในการสื่อสาร การลดปัญหาการมองแบบเหมารวมหรือมีอคติ การเอาใจเขามาใส่ใจเรา และการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับบุคคลคู่สื่อสาร
ส่วนด้านอัตลักษณ์ ซาไกมีการแสดงอัตลักษณ์ที่เป็นปัจเจกผ่านทางวัจนภาษาและอวัจนภาษา โดยเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์และความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล และพบว่าการแสดงความเป็นตัวตนจะแปรผกผันการอัตลักษณ์ที่ตนเองมี กล่าวคือ หากตนเองมีอัตลักษณ์น้อย การแสดงความเป็นตัวตนจะยิ่งมาก เช่น การวาดภาพโดยแทนรูปตนเองให้มีลักษณะผมหยิก หรือ การสัมภาษณ์ออกรายการโทรทัศน์ด้วยความภูมิใจที่สมาชิกในกลุ่มของตนได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง เป็นต้น |
|
Focus |
การศึกษาเกี่ยวกับการสื่อสารของกลุ่มซาไกที่ย้ายถิ่นฐานมาสู่ชุมชนเมือง ทั้งด้านปัญหา กระบวนการแก้ไขปัญหา การปรับตัว และกระบวนการแสดงอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์ โดยศึกษาจากกลุ่มซาไกที่ย้ายถิ่นฐานมาที่จังหวัดนครนายก และกลุ่มบุคคลที่เป็นคู่สื่อสารต่างวัฒนธรรมของกลุ่มซาไก |
|
Theoretical Issues |
แนวคิดเกี่ยวกับกลุ่มชาติพันธุ์ (Ethic Group)
อ้าง อมรา พงศาพิชญ์ (2538) กล่าวถึงชาติพันธุ์ หมายถึง คนที่มีจุดกำเนิดของบรรพบุรุษร่วมกัน มีขนบธรรมเนียมประเพณีและภาษา ตลอดจนความรู้สึกในเผ่าพันธุ์เดียวกัน (น.12) อ้าง Gudykunst และ Kim (1996) กล่าวถึง ลักษณะทางชาติพันธุ์เป็นองค์ประกอบสำคัญของตนเองที่มีผลต่อการสื่อสารกับคนแปลกหน้า (น.14)
แนวคิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์
อ้าง อมรา พงศาพิชญ์ (2538) เกี่ยวกับแนวคิดระบบต่าง ๆ กล่าวถึง แนวคิดระบบรวม หมายถึง ระบบที่ประกอบไปด้วยส่วนย่อยต่าง ๆ และระบบย่อยนั้น ๆ ประสานกัน มีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ในลักษณะที่สมดุลกัน การเปลี่ยนแปลงส่วนอื่น ๆ เกิดขึ้นเพื่อรักษาเสถียรภาพ โดยมองว่าสังคมทั้งระบบเป็นสิ่งสำคัญที่สุด (น.21) ส่วนแนวคิดเรื่องลักษณะชีวภาพหรือสีผิว ได้รับอิทธิพลมาจากประเทศตะวันตกมาตั้งแต่อดีต มุ่งเน้นการวิเคราะห์จากแง่มุมของความสัมพันธ์ระหว่างเชื้อชาติ เกิดเป็นทฤษฎีความขัดแย้งเรื่องอคติ และการเลือกปฏิบัติ (น.23)
แนวคิดการสื่อสารต่างวัฒนธรรม
เน้นการสื่อสารระหว่างบุคคลที่มาจากวัฒนธรรมที่ต่างกัน แบบไม่ผ่านสื่อ เน้นการสื่อสารแบบเห็นหน้า และปฏิสัมพันธ์ต่อกันและกัน (น.26) โดยแบ่งเป็น 4 ระดับ คือ ระดับบุคคล ระดับระหว่างบุคคล ระดับองค์กร และระดับมวลชน (น.26-32)
แนวคิดเกี่ยวกับอุปสรรคและปัญหาการสื่อสารทางวัฒนธรรม
กล่าวถึงสาเหตุของอุปสรรคและปัญหาในการสื่อสารกับบุคคลต่างวัฒนธรรม มี 3 ประการ คือ
1. ด้านความรู้และความคิดเห็น เช่น การใช้ภาษาที่เข้าใจไม่ตรงกัน การใช้ระดับภาษาที่ไม่เหมาะสม ทั้งวัจนภาษาและอวัจนภาษา รวมถึงการขาดความรู้ทางวัฒนธรรม หรือรู้เพียงผิวเผิน
2. ด้านทัศนคติและความรู้สึก ได้แก่ การรับรู้ที่ขาดประสิทธิภาพ เช่น การมองแบบเหมารวม การด่วนสรุป และทัศนคติที่เป็นอุปสรรค เช่น อคติ การใช้วัฒนธรรมของตนเองเป็นศูนย์กลาง
3. ด้านพฤติกรรม เช่น การหลบหลีกความแตกต่าง ความยึดมั่นในความเชื่อเดิม การไม่เคารพวัฒนธรรมที่แตกต่าง (น.32-35) |
|
Ethnic Group in the Focus |
ชาวซาไก เป็นกลุ่มชาติพันธุ์หนึ่งที่มีประเพณีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์แห่งชาติพันธุ์ของตนเอง ทั้งประเพณีการแต่งงาน ประเพณีการเกิด หรือประเพณีการทำศพ (น.3)
สำหรับงานวิจัยนี้ มุ่งศึกษาครอบครัวชาวซาไก ที่อพยพจากถิ่นฐานเดิมในอำเภอธารโต จังหวัดยะลา มาอยู่ในสังคมเมือง ที่กรุงเทพมหานคร และจังหวัดนครนายก โดยศึกษาเฉพาะในเขตพื้นที่จังหวัดนครนายก (น.6, 59) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
กลุ่มชาวซาไกมีภาษาพูดเป็นของตนเอง เป็นภาษาในตระกูลออสโตรเอเชียติก (Austroasiatic) เป็นภาษาตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แบ่งออกได้เป็น 4 กลุ่ม (ไพบูลย์ ดวงจันทร์ 2523) ดังนี้
1. ภาษาแต็นแอ๊น มีถิ่นฐานอยู่บริเวณจังหวัดพัทลุง สตูล
2. ภาษาแตะเด๊ะ มีถิ่นฐานอยู่บริเวณอำเภอรือเสาะ อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส
3. ภาษายะฮายย์มีถิ่นฐานอยู่บริเวณอำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส
4. ภาษากันซิว มีถิ่นฐานอยู่บริเวณจังหวัดยะลา (น.3-4)
กลุ่มชาวซาไกที่ย้ายถิ่นฐานมาที่จังหวัดนครนายก สามารถพูดภาษาซาไก และภาษาไทยถิ่นใต้ได้ (น.65, 66, 68, 69)
ภาษาของชาวซาไกได้รับอิทธิพลจากภาษาของชนชาติใกล้เคียง และมีลักษณะสำคัญคือ
1. มักใช้คำเลียนเสียงธรรมชาติ หรือเสียงของสัตว์นั้น ๆ
2. สังคมซาไกเป็นสังคมเชิงเดี่ยว ไม่มีความซับซ้อน จึงไม่มีคำศัพท์ที่แยกความแตกต่างได้
3. ภาษาของซาไกเป็นภาษาระดับเดียว (น.71) |
|
Study Period (Data Collection) |
ระยะเวลา 69 วัน ตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2549 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 (น.59) |
|
History of the Group and Community |
กลุ่มชาวซาไก มีหลายกลุ่มและหลายชื่อ บางกลุ่มมีการตั้งถิ่นฐานแบบกึ่งเร่ร่อนกึ่งถาวร เป็นชุมชนขนาดเล็กประมาณ 10 ครัวเรือน สำหรับชาวซาไกในอำเภอธารโต จังหวัดยะลา ปัจจุบันเริ่มมีการปลูกข้าวและทำไร่เลื่อนลอยแต่ไม่ยึดเป็นอาชีพหลัก มีการตั้งถิ่นฐานถาวร บางกลุ่มอาจประกอบอาชีพล่าสัตว์ จับปลา และหาของป่า (น.18)
การแต่งกาย สมัยก่อนใช้ใบไม้ เปลือกไม้ หรือตะไคร้น้ำถักเป็นเครื่องนุ่งห่ม นิยมสวมเครื่องประดับ สตรีที่ยังไม่แต่งงานจะใช้หวีเป็นสัญลักษณ์แสดงความบริสุทธิ์ (น.19) |
|
Settlement Pattern |
กลุ่มชาวซาไก มีการตั้งถิ่นฐานแบบกึ่งเร่ร่อนกึ่งถาวร เป็นชุมชนขนาดเล็กประมาณ 10 ครัวเรือน สำหรับชาวซาไกในอำเภอธารโต จังหวัดยะลา ปัจจุบันเริ่มมีการตั้งถิ่นฐานถาวร (น.18) หรือย้ายถิ่นฐานเดิมไปสู่สังคมเมือง (น.3) |
|
Demography |
อัตราการเกิดสูง แปรผันตรงกับอัตราการตายของเด็ก จำนวนประชากรจึงเพิ่มน้อย อีกทั้งได้รับผลกระทบจากการบุกรุกตัดไม้ทำลายป่า ซึ่งเป็นทั้งที่อยู่อาศัยและแหล่งอาหาร จึงจำเป็นต้องพบปะกับกลุ่มคนภายนอกมากยิ่งขึ้น (น.4) |
|
Economy |
ชาวซาไก ปัจจุบันเริ่มมีการปลูกข้าวและทำไร่เลื่อนลอยแต่ไม่ยึดเป็นอาชีพหลัก บางกลุ่มอาจประกอบดั้งเดิม เช่น ล่าสัตว์ จับปลา และหาของป่า (น.18)
ชาวซาไก ไม่สะสมทรัพย์สิน เมื่อได้รับเงินจะนำไปซื้อของจนหมด (น.4) ชาวซาไกได้รับการจ้างงานในราคาถูก (น.73)
ลักษณะทางเศรษฐกิจของชาวซาไกไม่ซับซ้อน ดำรงชีพด้วยการล่าสัตว์และหาของป่า เมื่อรัฐบาลได้เข้ามาช่วยเหลือ จึงเริ่มประกอบอาชีพทำสวนยาง แต่สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย จึงประกอบอาชีพรับจ้างถางป่า ทำสวน หรือหาสมุนไพรป่า (น.73) |
|
Social Organization |
ลักษณะครอบครัวชาวซาไก เป็นครอบครัวแบบจุดเริ่มต้น ไม่พบปู่ย่าเนื่องจากชาวซาไกมีอายุสั้น และคู่แต่งงานใหม่จะแยกไปสร้างครอบครัวใหม่ (น.19) |
|
Political Organization |
ชาวซาไกจากจังหวัดยะลา รวมกลุ่มอาศัยอยู่ในอำเภอบันนังสตา ธารโต และเบตง จนกรมประชาสงเคราะห์ กระทรวงมหาดไทย ได้เข้ามาบริหารจัดการ และจัดระเบียบ ตั้งเป็นนิคมสร้างตนเองธารโต ในปี พ.ศ. 2506 โดยชักชวนชาวซาไกประมาณ 60 คน มาอยู่ในหมู่บ้าน มีพื้นที่ 300 ไร่ และพยายามจัดระเบียบครั้งที่สอง ในปี พ.ศ. 2516 โดยรวบรวมชาวซาไกจากอำเภอเบตง และอำเภอบันนังสตา จำนวน 52 คน แล้วเปลี่ยนชื่อจากหมู่บ้านแหร เป็นหมู่บ้านซาไก อีกทั้งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้พระราชทานนามสกุล ศรีธารโต ให้ชาวซาไก เมื่อปี พ.ศ. 2518 และรัฐบาลได้อนุมัติสัญชาติไทยให้ชาวซาไก เมื่อปี พ.ศ. 2532 (น.5)
ซาไกในพื้นที่ดังกล่าว ปัจจุบันมีการย้ายถิ่นฐานไปสู่สังคมเมือง เนื่องจากสังคมเมืองมีความความสะดวกสบายและไม่อดอยาก (น.5) |
|
Belief System |
ชาวซาไกมีความเชื่อเกี่ยวกับโชคลาง เช่น ต้นไม่ใหญ่มีผีสิงอยู่ หรือ เมื่อมีคนตายจะย้ายบ้านไปจากจุดเดิม เพราะเชื่อว่า คนที่ตายไปแล้วจะมีวิญญาณเหลืออยู่ จะมาหลอกญาติพี่น้อง และทำอันตรายคนที่ไม่ชอบ
ประเพณีการเลือกคู่ครอง ชาวซาไกจะแต่งงานเฉพาะวันสำคัญของปี ประมาณเดือน 5 ของทุกปี เป็นเวลาที่ชาวซาไกแต่ละกลุ่มจะได้พบปะกัน เนื่องจากมีสภาพอากาศเหมาะสม และเป็นช่วงเวลาในการเลือกคู่
ประเพณีการทำศพ ชาวซาไกจะฝังแคร่ไปพร้อมกับศพ มีกระบวนการห่อศพ มีพิธีซังย่อล ซึ่งเชื่อว่าเป็นเครื่องนำทางให้ผู้ตายไปสู่สุขคติ (น.18-19) |
|
Education and Socialization |
ชาวซาไกที่ออกมาใช้ชีวิตในสังคมเมืองเมื่อเป็นผู้ใหญ่แล้ว พบว่ามีปัญหาในการสื่อสารและปรับตัว เนื่องจากมีความเคยชินกับวิถีชีวิตในป่า ส่วนชาวซาไกที่ออกมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก มีความสามารถในการเรียนรู้และปรับตัวได้ดีกว่า เนื่องจากมีความคุ้นชินกับสังคมภายนอก โดยเฉพาะการมีโอกาสได้รับการศึกษาในระบบตามที่รัฐบาลกำหนด สังเกตได้จากการใช้ภาษา (น.75) |
|
Health and Medicine |
ชาวซาไก มีหมอตำแย เป็นผู้ช่วยทำคลอด เรียกว่า โต๊ะดัน หรือ โต๊ะบิดัน (น.18)
ส่วนด้านสุขอนามัย แต่เดิมไม่รู้จักการดูแลทำความสะอาดร่างกาย ไม่ชอบอาบน้ำ หรือนาน ๆ อาบครั้งเพราะเชื่อว่าจะทำให้สัตว์ผิดกลิ่น จนไม่สามารถล่าสัตว์ได้ และเนื่องจากมีที่ตั้งอยู่บริเวณที่มีลำธารน้ำไหลตลอดปี จึงสามารถทำความสะอาดได้โดยไม่จำกัดเวลา (น.74) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
ชาวซาไกไม่นิยมสะสมสิ่งของ มีความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย มีสิ่งของสำหรับใช้ในการดำรงชีวิตเท่าที่จำเป็น เช่น มีด ทำจากอุปกรณ์กรีดยาง นำมาตัดแต่งให้พอใช้การได้ เครื่องครัวเดิมใช้กระบอกไม้ไผ่แทนภาชนะหุงต้ม ใช้ใบไม้แทนจาน ในปัจจุบันใช้เครื่องครัวแบบสังคมเมืองมากขึ้น เช่น หม้อ ชาม แต่มีใช้เท่าที่จำเป็น การเก็บเสื้อผ้าใช้กระสอบทรงแบนสานจากใบเตย ขนาดกว้าง 30 เซนติเมตร สูง 45 เซนติเมตร (น.72) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
กลุ่มซามังซาไก เป็นชาวพื้นเมืองโบราณ สืบทอดเผ่าพันธุ์มาประมาณ 1,500 – 10,000 ปีมาแล้ว (น.2) อาศัยอยู่บริเวณแถบเทือกเขาในแหลมมลายู (น.3)
ลักษณะรูปร่างของชาวซาไก คล้ายกับพวกนิกริโตในแถบทวีปแอฟริกา แต่ความสูงและสีผิวเข้มน้อยกว่า ความสูงเฉลี่ยประมาณ 140 – 150 เซนติเมตร สีผิวค่อนไปทางสีน้ำตาลไหม้ กะโหลกศีรษะกลม ผมหยิกเป็นก้นหอยติดหนังศีรษะ โครงหน้ากลม แบนและกร้าน คิ้วโตหนา นัยน์ตาสีดำกลมโต จมูกแบนกว้าง ฟันซี่สั้นแต่ใหญ่ ปากกว้าง ริมฝีปากหนา ใบหูเล็ก น่องสั้นเรียว ท้องป่อง สะโพกแฟบ นิ้วมือและนิ้วเท้าใหญ่ (น.3)
ลักษณะนิสัยชาวซาไก มีนิสัยร่าเริง ยิ้มง่าย พูดน้อย ตรงไปตรงมา นับถือใครแล้วจะเชื่อฟังอย่างเคร่งครัด นิสัยเฉพาะคือ ดำรงชีวิตตามอัตภาพ ไม่สนใจการสะสมทรัพย์สินเงินทอง ไม่สะสมอาหาร (น.3) |
|
Social Cultural and Identity Change |
เมื่อสังคมเมืองมีอิทธิพลเข้ามาในสังคมชาวซาไก จึงมีพฤติกรรมที่ปรับตัวมากขึ้น เช่น การใช้อุปกรณ์เครื่องครัวแบบสังคมเมืองแทนของเดิม เช่น ใช้หม้อ ชาม แทนการหุงต้มด้วยกระบอกไม้ไผ่ การแต่งกายแบบสังคมเมืองแทนการนุ่งห่มด้วยใบไม้ การดูโทรทัศน์แทนการออกล่าสัตว์หรือเที่ยวในป่า เป็นต้น (น.72) |
|
Critic Issues |
กรณีปัญหาการสื่อสาร การปรับตัว และการแสดงอัตลักษณ์
1. ปัญหาการสื่อสาร เมื่อพิจารณาในภาพรวม พบว่าปัญหาการสื่อสารอยู่ในระดับปัญหาปานกลางถึงระดับปัญหามาก (น.90) และมีปัญหามากเมื่อเป็นชาวซาไกที่เคยอยู่ในวิถีชีวิตแบบเดิม (น.91) โดยมีรายละเอียดดังนี้
- ไม่เข้าใจหรือไม่รู้ภาษาที่ใช้สื่อสาร เนื่องจากความคุ้นเคยในการใช้ชีวิตในสังคมเดิม (น.76) ไม่สามารถแปลความจากภาษาหนึ่งไปสู่อีกภาษาหนึ่งได้อย่างสมบูรณ์ ต้องใช้ภาษาหรือสำเนียงอื่นเป็นภาษาสื่อกลางในการสื่อสาร (น.77)
- ไม่เข้าใจคำหรือสัญลักษณ์ เช่น เรียกโลหะทุกชนิดว่า เหล็ก (ช้อน ทัพพี ตะปู เรียกอย่างเดียวกัน) เห็นคำที่ขึ้นต้นด้วย ก.ไก่ จะอ่านว่า กรุงเทพ หมดทุกคำ (น.78)
- ไม่สามารถเลือกใช้ระดับภาษาที่เหมาะสม เช่น ไม่ทราบว่าการพูดกับผู้ที่มีอาวุโสกว่า จะต้องใช้คำลงท้ายอย่างไร หรือตอบอย่างไร แต่ปัญหานี้จะลดลงเมื่อปรับตัวและใช้เวลาอยู่กับสังคมแบบใหม่มากขึ้น (น.87)
2. ปัญหาการปรับตัว
ในบางกรณี ชาวซาไกปรับตัวทุกครั้งที่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน เช่น ปรับตัวจากสังคมเดิมมาสู่สังคมภาคใต้ และปรับตัวจากสังคมภาคใต้ไปสู่สังคมเมืองภาคกลาง (น.77)
- ความเคยชินกับวิถีชีวิตเดิม เช่น การกินอยู่ จะรับประทานอาหารจนหมด ไม่เก็บเหลือไว้ (น.101) ไม่มีการแบ่งอาหารเป็นมื้อ (น.103)
- ความเคยชินในการเอาตัวรอด เช่น เมื่อทำผิดจะไม่บอกความจริง เกิดการหลีกเลี่ยงการสื่อสาร (น.104)
- ความเคยชินเรื่องสุขอนามัย เช่น ไม่คุ้นเคยกับอุปกรณ์ทำความสะอาด และมักใช้เล่นเพื่อความสนุกสนานมากกว่าเพื่อทำความสะอาด (น.104)
- ขาดความรู้เกี่ยวกับการเพาะปลูก (น.105) เคยชินกับการเล่นโลดโผน (น.106-107)
3. ขาดความรู้ในการสื่อสารตามวัฒนธรรมใหม่ เมื่อพิจารณาภาพรวม พบว่าปัญหาการสื่อสารตามวัฒนธรรมใหม่ ส่วนใหญ่มีปัญหาในระดับปานกลาง (น.95)
- การแสดงมารยาททางสังคม เช่น ไม่เข้าใจการทักทาย ไม่ทราบว่าเมื่อใดควรขอบคุณหรือสวัสดี (น.92)
- ขาดความเข้าใจในประเพณีและวัฒนธรรม เช่น ประเพณีทางศาสนา เนื่องมาจากความแตกต่างทางวัฒนธรรม (น.94)
4. การหลีกเลี่ยงการสื่อสารกับบุคคลต่างวัฒนธรรม เนื่องจากมีรูปร่างที่แตกต่างจากคนอื่นอย่างชัดเจน และมักแสดงอาการ ไม่พอใจที่คนอื่นเห็นว่าตนแตกต่าง (น.96) เป็นต้นเหตุที่ไม่สามารถอยู่ในสังคมได้ เช่น ลาออกจากโรงเรียน (น.98) ซึ่งอาจเกิดจากการไม่ต้องการสื่อสารกับคนที่ไม่ไว้วางใจหรือมองตนเองในแง่ลบ (น.99)
อีกทั้ง ขาดความพยายามปรับตัวให้เข้ากับผู้อื่นได้ เช่น วิธีการใช้เงิน มักใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย หรือใช้จ่ายเกินจริงเพราะความซื่อ ไม่มีการเก็บออม (น.110) ไม่ประกอบอาชีพ เนื่องจากที่อยู่เดิมมีความอุดมสมบูรณ์ในการหาเลี้ยงชีพ ไม่เห็นความจำเป็นและไม่เข้าใจว่าเหตุใดจะต้องประกอบอาชีพ (น.111)
นอกจากนี้ พบว่า มีปัญหากับการมองแบบอคติ และการมองแบบเหมารวม ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับทั้งฝ่ายชาวซาไก และฝ่ายบุคคลที่แวดล้อมชาวซาไก (น.114) เช่น รูปลักษณ์ สีผิว สายตา |
|
Google Map |
https://www.google.com/maps/place/%E0%B8%AD%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%A0%E0%B8%AD+%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%82%E0%B8%95+%E0%B8%A2%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B2/@6.0469259,100.9884366,10z/data=!4m5!3m4!1s0x31b48944eb8c0d35:0x30223bc2c368650!8m2!3d6.0759921!4d101.2977322 |
|
Map/Illustration |
ภาพ
- เข้าใจในวิธีทำการเกษตร (น.135)
- การใช้สื่อสารมวลชน (น.141)
- ความสัมพันธ์ระหว่างซาไกกับบุคคลแวดล้อม (น.150)
- ได้รับการยอมรับ (น.154)
- การแต่งกายเพื่อปกปิดความแตกต่าง (น.162)
- การปกปิดการแสดงอัตลักษณ์ทางรูปร่าง (น.164)
- การใช้สิ่งอำนวยความสะดวก (น.173)
- ชีวิตในโรงเรียน (น.251 - 252)
- ชีวิตที่บ้าน (น.253) |
|
|