|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ลาว, วรรณกรรม, ภาพยนตร์, สื่อ, ไทย, วิถีชีวิต, การเมือง, สงครามเย็น, สงครามอินโดจีน, อาเซียน |
Author |
วิทยา วงศ์จันทา |
Title |
การประกอบสร้าง “ความเป็นลาว” ในวรรณกรรมและสื่อภาพยนตร์ไทยร่วมสมัย |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
-
|
Language and Linguistic Affiliations |
ไม่ระบุ |
Location of
Documents |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หอสมุดกลาง อาคารจามจุรี 10 : วิทยานิพนธ์ Call no. 550771 |
Total Pages |
180 |
Year |
2555 |
Source |
วิทยานิพนธ์อักษรศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาวรรณคดีเปรียบเทียบ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Abstract |
วิทยานิพนธ์เรื่อง การประกอบสร้าง “ความเป็นลาว” ในวรรณกรรมและสื่อภาพยนตร์ไทยร่วมสมัย ศึกษาเพื่อวิเคราะห์ความเป็นลาวและบริบททางสังคมวัฒนธรรมความเป็นลาวที่ประกอบสร้างจากวาทกรรมต่าง ๆ ในวรรณกรรมและสื่อภาพยนตร์ไทยร่วมสมัย โดยศึกษาจากเอกสารวิจัย วรรณกรรม และสื่อภาพยนตร์ไทยร่วมสมัยที่ได้รับการตีพิมพ์และเผยแพร่ในปี พ.ศ. 2544 - 2553 นำเสนอในเชิงพรรณนาวิเคราะห์ ผลการศึกษาพบว่า ภาพแทนความเป็นลาวเกิดจากบริบทขัดแย้งและความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันด้านสังคมและการเมืองในประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นจริงระหว่างไทยกับลาว ซึ่งปรากฏในวรรณกรรมและสื่อภาพยนตร์สามประเด็น ได้แก่ ประเด็นแรก นวนิยายเรื่อง “สาปภูษา” และ “รอยไหม” สะท้อนภาพแทนของตัวตนและเรื่องราวในอดีตของลาว ผ่านสัญลักษณ์คือ ผ้าลาว ผู้หญิงลาวและภูตผี โดยผ้าลาวแสดงถึงภูมิปัญญา วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่รุ่งเรืองในอดีต ผู้หญิงลาวในฐานะเจ้า แสดงถึงการจัดระเบียบสังคมแบบชนชั้น และภูตผีแสดงถึงการรักษาความเชื่อและวิถีชีวิตดั้งเดิมให้คงอยู่ในยุคปัจจุบันที่อิทธิพลภายนอกเข้ามามีบทบาทต่อลาว ประเด็นที่สอง วรรณกรรมเรื่อง “ลูกแม่น้ำโขง” กับ “เพื่อนรักริมโขง” สะท้อนภาพแทนของมิตรภาพ ผ่านสัญลักษณ์ คือ เด็กสามเชื้อชาติที่ได้รับผลกระทบจากลัทธิคอมมิวนิสต์ ทำให้เกิดความขัดแย้งและการแบ่งแยกเชื้อชาติ คือ ไทย ลาวและเวียดนาม เด็กเปรียบเสมือนตัวแทนในการทำลายอคติระหว่างเชื้อชาติ เด็กร่วมกันตั้งคำถามถึงความหมายที่แท้จริงของประเพณีท้องถิ่น การแข่งขันกีฬาและการร้องเพลง ซึ่งได้คำตอบว่าคนในลุ่มแม่น้ำโขงไม่สามารถตัดขาดความสัมพันธ์ต่อกันได้ สอดคล้องกับกระแสอาเซียนที่ต้องการก้าวข้ามความขัดแย้งเพราะจะทำให้ผู้คนอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ประเด็นสุดท้าย สื่อภาพยนตร์และวรรณกรรมร่วมสมัยเรื่อง “ไม่มีคำตอบจากปากเซ” “สะบายดีหลวงพระบาง” และ “เขียนแผ่นดินสุวรรณภูมิลาว” สะท้อนภาพแทนของความสงบ ความสวยงาม ทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ การรักษาขนบธรรมเนียมและการดำเนินชีวิตที่เรียบง่ายสัมพันธ์กับธรรมชาติ ซึ่งเป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาในประเทศลาวเป็นจำนวนมาก ภาพแทนนี้บ่งบอกถึงรากเหง้าและอัตลักษณ์ความเป็นลาวอย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังเป็นสัญลักษณ์โต้ตอบประเทศอื่นที่สูญเสียตัวตนจากการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาตามกระแสโลก
|
|
Focus |
เพื่อวิเคราะห์ความเป็นลาวและบริบททางสังคมวัฒนธรรมความเป็นลาวที่ประกอบสร้างจากวาทกรรมต่าง ๆ ในวรรณกรรมและสื่อภาพยนตร์ไทยร่วมสมัย (หน้า 6) |
|
Theoretical Issues |
ผู้ศึกษานำแนวคิดเรื่องพลังอำนาจของสื่อมาอธิบาย กระบวนการสร้างความเชื่อว่าไทยเหนือกว่าลาวในบริบทของสังคมและการเมืองจากประวัติศาสตร์ เพื่อสร้างจิตสำนึกความเป็นอันหนึ่งเดียวของไทย สื่อได้ทำหน้าที่สำคัญในการโน้มน้าวใจให้คนเชื่อว่าสิ่งที่นำเสนอนั้นเป็นความจริง โดยแบบเรียนของไทยตามหลักสูตรการศึกษา พ.ศ. 2503-2544 นำเสนอความเป็นลาว 3 ลักษณะ ได้แก่ ลาวเป็นเพื่อนบ้านที่ดีของไทย ลาวเป็นประเทศที่ต่ำต้อยกว่าไทย และลาวเป็นตัวปัญหาของไทย ซึ่งได้ปรากฎในวรรณกรรมและสื่อภาพยนตร์ไทยร่วมสมัยอย่างสอดคล้องดังนี้ นวนิยายเรื่องสาปภูษาและรอยไหมสะท้อนถึงลาวในสถานะที่ต่ำต้อยไม่ได้รับการยอมรับ ประพฤติตนเสื่อมเสียสร้างปัญหาแก่ผู้อื่น วรรณกรรมลูกแม่น้ำโขงและเพื่อนรักริมโขงสะท้อนถึงลาวในสถานะของความเป็นเพื่อน ความเท่าเทียม การยอมรับถึงความแตกต่าง และมิตรภาพที่ต่อกัน กวีนิพนธ์เรื่องเขียนแผ่นดินสุวรรณภูมิลาว กับภาพยนตร์สะบายดีหลวงพระบางและไม่มีคำตอบจากปากเซสะท้อนถึงลาวในบริบทของวัฒนธรรมและวิถีชีวิตดั้งเดิมที่สงบเรียบง่ายในยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป และมีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์เผื่อแผ่มายังประเทศเพื่อนบ้านเพื่อแสดงถึงความเป็นมิตรภาพที่ดี (หน้า 7-11)
|
|
Ethnic Group in the Focus |
1.คนลาวจะเลือกใช้ภาษาลาวและปฎิเสธที่จะใช้ภาษาอื่น เมื่ออยู่ในวงสนทนาของคนชาติเดียวกัน เพราะต้องการแสดงตัวตนความเป็นลาวที่ธำรงอัตลักษณ์ของตนเองไม่ให้ถูกครอบงำด้วยวัฒนธรรมอื่น แม้เปิดประเทศรับวัฒนธรรมภายนอกเข้ามาก็ตาม แต่การเลือกใช้ภาษาจะเปลี่ยนแปลงไปเมื่อสนทนากับคนชาติพันธุ์อื่น โดยการเลือกใช้ภาษาฝรั่งเศส ภาษาอังกฤษหรือภาษาไทย นำเสนอตัวตนคนลาวในพื้นที่ทางสังคมว่ามีความรู้ทางด้านตะวันตก เพื่อสร้างความเท่าเทียมและการยอมรับจากผู้สนทนา (หน้า 27-28)
2.การทอผ้าลาวหนึ่งผืนใช้ระยะเวลานานและใส่เรื่องราวลงไปบนผืนผ้า โดยต้องคำนึงว่าผ้าทอจะถูกนำไปใช้เพื่ออะไร ใครที่เป็นผู้สวมใส่ ผ้าทอจึงสามารถบ่งบอกตัวตน ชนชั้นและฐานะของเจ้าของได้ ผ้าทอเป็นรากเหง้าวัฒนธรรมของลาวในช่วงประวัติศาสตร์ยุครุ่งเรือง คนลาวจึงมีการธำรงรักษาตัวตนจากการยึดวิถีปฏิบัติและความเชื่อดั้งเดิมไว้ เช่น ความเชื่อที่ห้ามทอผ้าต่อจากผู้เสียชีวิต แม้ปัจจุบันได้มีความรู้และการสร้างเหตุผลใหม่เข้ามาเปลี่ยนแปลง แต่หากใครเข้ามาล้มล้างความเชื่อดั้งเดิมก็จะถูกต่อต้านเสมอ (หน้า 18-19)
3. ผู้หญิงลาวยังคงรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีจากการรักนวลสงวนตัวและไม่ยอมให้ผู้ชายฉวยโอกาสได้ง่าย ๆ แม้ปัจจุบันผู้หญิงลาวทำงานนอกบ้านและมีโอกาสพบเจอผู้ชายบ่อยครั้งกว่าเดิมก็ตาม (หน้า 172)
|
|
Language and Linguistic Affiliations |
ภาษาลาวมีลักษณะใกล้เคียงกับภาษาอีสานของไทย เมื่อลาวตกอยู่ภายใต้อาณานิคมจึงใช้ภาษาราชการเป็นภาษาฝรั่งเศส (หน้า 40,161) |
|
Study Period (Data Collection) |
การศึกษาจากเอกสารวิจัย วรรณกรรม และสื่อภาพยนตร์ไทยร่วมสมัยที่ได้รับการตีพิมพ์และเผยแพร่ในปี พ.ศ. 2544-2553 โดยนำเสนอในเชิงพรรณาวิเคราะห์ (หน้า 7) |
|
History of the Group and Community |
หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยชัยชนะของสหรัฐอเมริกา ประเทศมหาอำนาจได้ถอนกำลังทหารออกจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศลาวได้รับเอกราชหลังจากฝรั่งเศสพ่ายแพ้สงครามในครั้งนี้ จากนั้นเกิดเป็นความขัดแย้งของสองขั้วความคิดระหว่างสหรัฐอเมริกาที่เป็นเสรีประชาธิปไตย และสหภาพโซเวียตที่เป็นคอมมิวนิสต์ ในลักษณะของสงครามเย็นที่เป็นการต่อสู้ในเชิงการบริหารเศรษฐกิจและการเมือง ทำให้เกิดสงครามอินโดจีนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เริ่มเมื่อ พ.ศ. 2518 โดยขบวนการคอมมิสนิสต์แผ่ขยายอำนาจจากจีน เข้าสู่ประเทศเวียดนาม ลาว และกำลังเข้าสู่ประเทศไทย แต่ไม่สำเร็จเนื่องจากประเทศสหรัฐอเมริกาใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการต่อต้านขบวนการคอมมิวนิสต์จนล่มสลายลงใน พ.ศ. 2523 ถือเป็นการสิ้นสุดของสงครามเย็น จะเห็นได้ว่าภาพแทนความเป็นลาวที่ถูกสร้างขึ้นเพราะไทยและลาวอยู่คนละขั้วความคิด ไทยมีความหวาดระแวงลาวในเรื่องการแผ่ขยายคอมมิวนิสต์ จึงใช้แม่น้ำโขงเป็นสัญลักษณ์ในการแบ่งแยกเชื้อชาติอย่างชัดเจน เมื่อไทยอยู่ฝ่ายที่ชนะและลาวอยู่ฝ่ายที่แพ้ จึงทำให้เกิดมายาคติว่าลาวมีความต้อยต่ำกว่าไทย นอกจากผลกระทบของสงครามเย็นก่อให้เกิดความขัดแย้งทางชาติพันธุ์ ยังเกิดการแข่งขันทางเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงได้มีการสร้างความร่วมมือส่วนภูมิภาคเพื่อรักษาผลประโยชน์ร่วมกันและป้องกันการคุกคามประเทศตะวันตก โดยจัดตั้งสมาคมแห่งประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียนขึ้น การจัดตั้งอาเซียนมีบทบาทสำคัญในการลดความขัดแย้งระหว่างประเทศสมาชิก ภาพแทนในวรรณกรรมและสื่อภาพยนตร์ร่วมสมัยจึงเปลี่ยนแปลงไปในช่วงเวลานี้ กลายเป็นภาพแทนความเป็นลาวที่มีความเท่าเทียมและมิตรภาพอันดีต่อกันกับไทย (หน้า 118-120)
|
|
Settlement Pattern |
ชาวลาวดั้งเดิมนิยมตั้งบ้านเรือนริมฝั่งแม่น้ำโขง (หน้า 160-161) |
|
Economy |
ประเทศลาวมีแหล่งทรัพยากรสำคัญคือแม่น้ำโขง เป็นแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรกรรมและแหล่งอาหารในชีวิตประจำวันของประชาชน ประเทศลาวมีความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้และป่าต้นน้ำมาก จึงมีการสร้างเขื่อนในแม่น้ำโขงเพื่อผลิตเป็นกระแสไฟฟ้าใช้ในประเทศและส่งขายมายังประเทศไทย ทั้งนี้ยังมีความสวยงามของธรรมชาติ สถาปัตยกรรม บ้านเมือง วิถีชีวิต วัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ และได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวอยู่เสมอ (หน้า 161-162)
|
|
Social Organization |
ชาวลาวและชาวไทยมีการรวมกลุ่มในประเพณีงานบุญ เช่น ประเพณีสงกรานต์และงานบุญบั้งไฟ เป็นการทำบุญในฐานะพุทธศาสนิกชนและผู้ที่ใช้ประโยชน์จากแม่น้ำโขงหล่อเลี้ยงชีวิตร่วมกัน แสดงถึงความสามัคคีและการเรียนรู้สังคมวัฒนธรรมซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความเท่าเทียมกันในช่วงสงครามเย็น (หน้า 112-114)
|
|
Political Organization |
ประเทศไทยได้มีการจัดประชุมผู้แทนจาก 5 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์และไทย มีการลงนามในปฏิญญากรุงเทพฯ (The Bangkok Decoration)โดยได้รับการสนับสนุปจากประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อจัดตั้งสมาคมแห่งประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน (Association of Southeast Asia Nations: ASEAN) ต่อมาได้มีสมาชิกเข้าร่วมอีก 5 ประเทศ ได้แก่ บูรไนดารุสซาราม สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม สาธารรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สหภาพพม่า และราชอาณาจักรกัมพูชา รวมสมาชิกทั้งหมด 10 ประเทศ การจัดตั้งอาเซียนเป็นความร่วมมือส่วนภูมิภาคที่มีบทบาทเพื่อลดความขัดแย้งทางเชื้อชาติ ศาสนา การเมือง วัฒนธรรมประวัติศาสตร์ และการแข่งขันทางเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งเป็นผลกระทบมาจากสงครามอินโดจีน ดังนั้นการรวมกลุ่มอาเซียนจะทำให้เกิดความร่วมมือเพื่อส่งเสริมและรักษาผลประโยชน์ด้านต่าง ๆ ร่วมกัน ได้มีการเปิดพื้นที่ให้คลายข้อพิพาทระหว่างประเทศสมาชิกเพื่อให้เกิดความเข้มแข็งและป้องกันการคุกคามจากประเทศตะวันตก อาเซียนจึงเป็นการสร้างสันติภาพเพราะสมาชิกอาเซียนมีความเท่าเทียมกัน ดังนั้นภาพแทนความเป็นลาวที่ปรากฏต่อไทยในลักษณะที่ต่ำต้อยจึงได้เปลี่ยนแปลงมาสู่ความเท่าเทียมและการมีมิตรภาพที่ดีต่อกัน (หน้า 120-124)
|
|
Belief System |
1.คนลาวเป็นพุทธศาสนิกชน มีความเชื่อ แนวทางปฏิบัติตน วัฒนธรรม และประเพณีตามคำสอนของศาสนาพุทธ เช่น การทำบุญ การเสียสละ การทำทาน การรู้จักให้และแบ่งปันสิ่งของหรือโอกาสให้แก่ผู้อื่น การเข้าวัดทำบุญเพื่อความเป็นสิริมงคลของตนเองในประเพณีต่าง ๆ (หน้า 95-112)
2.ความเชื่อเรื่องการทอผ้าของคนลาว หากมีผู้เสียชีวิตระหว่างทอผ้า ให้ถือว่าการทอผ้าสิ้นสุดแค่นั้นแล้วจะนำไปพับเก็บไว้ ห้ามใครทอผ้าผืนนั้นต่อเพราะเชื่อว่าการทอผ้าต่อจากผู้เสียชีวิตจะนำมาซึ่งความโชคร้าย (หน้า 18)
|
|
Education and Socialization |
คนลาวได้รับการศึกษาในระดับเท่าเทียมกับคนไทย มีความสามารถในการเรียนรู้เพื่อฟังและพูดภาษาไทยได้ ซึ่งแตกต่างกับคนไทยที่สามารถฟังภาษาลาวได้แต่พูดไม่ได้ คนลาวได้เปิดรับวัฒนธรรมและศึกษาความรู้สมัยใหม่ตามแบบตะวันตก และสะท้อนบทบาทของผู้หญิงที่มีหน้าที่ถ่ายทอดความรู้ด้านการทอผ้าไหมจากรุ่นสู่รุ่น (หน้า 27-30,64)
|
|
Health and Medicine |
คนลาวมีการข้ามฝั่งมารักษาอาการป่วยที่โรงพยาบาลในประเทศไทย โดยจะข้ามเข้ามาบริเวณจุดผ่อนปรนที่ประเทศไทยอนุญาต (หน้า 1)
|
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
1.พระธาตุศรีสองรัก อำเภอศรีสองรัก จังหวัดเลย จากเหตุการณ์ที่กษัตริย์ลาวคือพระบรมไชยเชษฐาธิราช ได้เสด็จมาช่วยไทยเมื่อครั้งที่ไทยมีการศึกกับพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ จึงได้สร้างพระธาตุศรีสองรักขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ที่แสดงถึงมิตรภาพที่ดีต่อกันระหว่างไทยและลาว (หน้า 135)
2.ศิลปะรำของลาว คือการร้องหมอลำ มีจุดเด่นที่การคิดบทร้องสด โดยจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับนิทานพื้นบ้าน คำสั่งสอนและภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ ในแขวงสุวรรณเขตมี 4 ชนิด ได้แก่ ลำบ้านซอก ลำตังหวาย ลำผู้ไท และลำคอนสวรรค์ ซึ่งอาจพบเห็นการร้องหมอลำในประเทศไทยที่อยู่ตรงข้ามกับแขวงสุวรรรณเขต เช่น จังหวัดกาฬสินธุ์ สกลนคร นครพนมและมุกดาหาร (หน้า 160)
3.อาหารลาวมีรสชาติในแต่ละพื้นที่แตกต่างกันออกไป เช่น หลวงพระบางเป็นอาหารลาวเหนือซึ่งจะมีรสชาติที่นุ่ม จำปาศักดิ์เป็นอาหารลาวใต้ เช่น จะมีรสชาติเผ็ดและจัดจ้าน และเวียงจันทน์มีลักษณะอาหารที่จะผสมระหว่างลาวเหนือและลาวใต้ และสำหรับหลวงพระบางมีประวัติศาสตร์ด้านอาหารมายาวนาน มีการจดบันทึกที่มาที่ไปและการปรุงอาหารเป็นลายลักษณ์อักษร เช่น ปลาแอบ ที่บ่งบอกว่าหลวงพระบางเป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีแหล่งน้ำที่สำคัญต่อการดำรงชีวิต อาหารประเภทปลาจึงมีความโดดเด่นและเป็นความภูมิใจของชาวลาว (หน้า 57-58)
4.ผ้าทอลาวเป็นการทอจากกี่ทอผ้า เช่น ผ้าห่มสะบักที่มีลักษณะเป็นผ้าตาดทองตาตั๊กแตน มีการใช้ไหมที่ทำด้วยทองแล่ง ปักไหมเป็นลายดอกไม้ที่มักบอกเล่าถึงช่วงชีวิตต่าง ๆ ของหญิงสาว ลักษณะผ้าบ่งบอกถึงความเป็นชนชั้นสูงของเจ้าของผ้า สีที่เคลือบด้ายบ่งบอกถึงความพยายามของผู้ทอ และลวดลายสามารถบอกถึงความรู้สึกของผู้ทอ ปัจจุบันผ้าห่มสะบักลักษณะนี้เป็นที่ชื่นชมและมีราคาสูงมากสำหรับคนสมัยใหม่ (หน้า 44-47)
5.ประเพณีของลาวจะเป็นประเพณีที่เกี่ยวกับมนุษย์และธรรมชาติ เช่น ประเพณีบุญบั้งไฟ ที่จัดขึ้นเพื่อเป็นการขอฝนจากพญาแถนบนสวรรค์ของคนริมแม่น้ำโขง โดยจะมีการใช้เครื่องดนตรีหลากหลายชนิดในขบวนแห่เซิ้งบั้งไฟ สามวันแรกชาวบ้านจะมีการเลี้ยงฉลองสุราและร้องรำทำเพลงเพื่อความสนุกสนาน (หน้า 116-117)
|
|
Folklore |
1.นวนิยายรอยไหม บทประพันธ์โดยพงศกร ได้รับการตีพิมพ์เมื่อ พ.ศ. 2550 เรื่องย่อคือ เรรินอาจารย์สาวชาวไทยที่มีความรู้ทางด้านผ้าทอโบราณซึ่งผิดหวังในความรักได้เดินทางไปพักใจหาความสงบที่หลวงพระบาง ประเทศลาว และได้รู้จักกับสุริยวงศ์ เมื่อสุริยวงศ์รู้ว่าเธอสนใจเกี่ยวกับผ้าโบราณจึงพาเธอไปพบกับหม่อมบัวเงินซึ่งเป็นย่าของเขา แต่ได้รับการปฏิบัติที่ไม่ดีจากหม่อมบัวเงินเพราะหม่อมบัวเงินจำได้ว่าเรรินคือเจ้าหญิงมะณีรินกลับชาติมาเกิด โดยอดีตนั้นเจ้าหญิงมะณีรินได้ถูกหม่อมบัวเงินทำร้ายจนเสียชีวิตขณะที่กำลังทอผ้าอยู่ ทำให้ผ้าผืนนั้นไม่มีคนทอต่อตามความเชื่อของคนลาว โดยเรรินต้องการใช้ความรู้ของตนเองทอผ้าผืนนี้ต่อให้เสร็จ โดยมีทั้งการส่งเสริมและการต่อต้านจากภูตผีและตัวละครอื่น ๆ สะท้อนภาพแทนของลาวในเรื่องของการธำรงความเชื่อ วัฒนธรรมและวิถีชีวิตดั้งเดิม เมื่อกระแสสังคมได้เปลี่ยนแปลงไปจนอาจทำลายรากเหง้าเดิมของความเป็นลาว (หน้า 15-65)
2.นวนิยายสาปภูษา บทประพันธ์โดยพงศกร ได้รับการตีพิมพ์เมื่อ พ.ศ. 2550 เรื่องย่อคือ เจ้าสีเกดซึ่งเป็นเจ้านางจากฝั่งลาว ได้เข้ามาอยู่ในประเทศไทยในฐานะเชลยจากสงคราม ได้มีความรักกับชายทัดข้าราชการหนุ่มไทยอนาคตไกล แต่ด้วยความที่เป็นหญิงลาวจึงไม่สามารถแต่งงานยกย่องให้เป็นภรรยาได้ จึงมีสถานะเป็นเพียงเมียน้อยเท่านั้น ทั้งนี้ยังประพฤติตนผิดจากขนบธรรมเนียมจนตั้งท้องและถูกประนามว่าเป็นความอับอายของชาวลาว เจ้าสีเกดจึงใช้คุณไสยให้ชายทัดหลงรักและยกย่องเธอ แต่ก็เป็นที่สงสัยแก่บุคคลทั่วไปว่าชายทัดไม่น่าจะยกย่องเชลยชาวลาวในฐานะภรรยาได้ จนเมื่อถูกจับได้และต้องโทษประหารชีวิต เธอได้ปักผ้าทอเพื่อเป็นการสาปแช่งและถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตของเธอผ่านลายผ้าผืนนั้น สะท้อนภาพแทนความเป็นลาวในลักษณะเจ็บช้ำ ถูกดูถูกเหยียดหยามและอยู่ในสถานะที่ต่ำต้อยกว่าคนไทย ซึ่งคนลาวไม่ได้จำยอมต่อสถานะนี้แต่ก็ไม่มีสิทธิ์ต่อรองอะไรได้ (หน้า15-65)
3.วรรณกรรมเยาวชน 2 เรื่อง คือ ลูกแม่น้ำโขงได้รับการตีพิมพ์เมื่อ พ.ศ. 2544 และเพื่อนรักริมโขงซึ่งเป็นเรื่องราวต่อเนื่องกันได้รับการตีพิมพ์เมื่อ พ.ศ. 2547 เป็นบทประพันธ์โดย เขมชาติที่เขียนขึ้นผ่านประสบการณ์ของตนเองหลังสิ้นสุดสงครามเย็นในช่วงปี พ.ศ. 2518-2522 วรรณกรรมเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชุมชนและโรงเรียนอำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย ดำเนินเรื่องผ่านตัวละครเด็กทั้งสามเชื้อชาติที่ได้รับผลกระทบจากสงครามในครั้งนี้ ได้แก่ เด็กชายปุ้มซึ่งเป็นคนไทย เด็กชายคำหล้าซึ่งเป็นคนลาวอพยพ และเด็กชายจือซึ่งเป็นคนเวียดนามอพยพ นำเสนอความขัดแย้งและความระแวงของคนไทยที่มีต่อคนลาวเพราะกลัวการคุกคามจากระบอบคอมมิวนิสต์ แต่เด็กชายปุ้มเป็นตัวแทนของคนไทยที่ไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้ เพราะคิดว่าทุกคนมีความเท่าเทียม ควรได้รับโอกาสและการยอมรับในสังคม โดยได้นำวิถีชีวิต การละเล่น ดนตรีและกีฬามาถ่ายทอดถึงประเด็นความขัดแย้ง การลบอคติและการสร้างมิตรภาพ ผู้เขียนมองว่าความขัดแย้งในช่วงสงครามเย็นนั้นเกิดจากฝีมือผู้ใหญ่จึงได้นำเด็กที่มีจิตใจบริสุทธิ์มาเป็นสัญลักษณ์ของความหวังในการลบอคติของเชื้อชาติ โดยคนไทยและคนลาวมีเชื้อสายเดียวกัน จนภายหลังถึงนำแม่น้ำโขงมาแบ่งแยกเชื้อชาติ นอกจากนี้ยังเห็นผลกระทบจากสงครามที่นำมาซึ่งความขัดแย้งบาดหมางระหว่างมนุษย์ และไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ก็ต่างสูญเสียเหมือนกันทั้งสิ้น (หน้า 66-139)
4.สบายดีหลวงพระบาง เป็นภาพยนตร์ที่เผยแพร่ในเมื่อ พ.ศ. 2551 เป็นภาพยนตร์ที่เกิดจากความร่วมมือและร่วมลงทุนจากประเทศลาว โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อสร้างสัมพันธไมตรีที่ดีต่อกัน ถือเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของวงการภาพยนตร์ลาว โดยผู้กำกับชาวไทยคือศักดิ์ชาย ดีนาน ผู้กำกับชาวลาวคืออนุสอน สิริศักดา พระเอกชาวไทยคืออนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม รับบทเป็นสอน นางเอกชาวลาวคือ คำลี่ พิลาวง รับบทเป็นน้อย เรื่องย่อคือ สอน มีอาชีพเป็นช่างภาพเมื่อได้รับมอบหมายให้ไปถ่ายรูปที่ประเทศลาว ซึ่งเขาเป็นลูกครึ่งลาวแต่ไม่เคยไปและไม่มีความรู้เกี่ยวกับประเทศลาว เขาจึงจ้างมัคคุเทศน์คือ น้อย ให้นำทาง แต่น้อยเพิ่งมาทำงานใหม่จึงได้พาหลงทาง สอนจึงต้องไปพักกับญาติที่บ้านเกิดของพ่อและได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจึงทำให้เขารู้สึกได้ว่าที่นี่คือบ้านของเขา เขารู้สึกชอบพอกับน้อย แต่ต้องการพิสูจน์ว่าไม่ใช่ความรักแบบฉาบฉวย โดยการสัญญาว่าหนึ่งปีหลังจากนี้ทั้งสองคนจะกลับมาพบกันที่เดิม ได้สะท้อนภาพแทนของลาวผ่านตัวละครสอนที่ได้ค้นพบรากเหง้าเดิมและยอมรับตัวตนของตนเอง และตัวละครน้อยที่บ่งบอกความเป็นผู้หญิงลาวที่รักนวลสงวนตัวและรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีของตนเองอย่างเคร่งครัด ท่ามกลางบรรยากาศของเรื่องที่เป็นเมืองหลวงพระบางเป็นเมืองหลวงที่มีประวัติศาตร์เก่าแก่ แต่ยังคงมีธรรมชาติที่สวยงาม บ้านเมืองเงียบสงบ วิถีชีวิตที่เรียบง่าย และให้ความสำคัญของคุณค่าทางจิตใจมากกว่าเงินทอง ซึ่งวิถีชีวิตเช่นนี้ยากที่จะพบในเมืองหลวงที่อื่น (หน้า 142-151)
5.ไม่มีคำตอบจากปากเซ เป็นภาพยนตร์ที่เผยแพร่ในเมื่อ พ.ศ. 2553 เป็นภาพยนตร์ชุดภาคต่อที่นำเสนอความเป็นลาวโดยผู้กำกับคนเดิม โดยพระเอกคือเรย์ แมคโดนัล รับบทเป็นปอ และนางเอกคือคำลี่ พิลาวง รับบทเป็นสอน ไพวัน เรื่องย่อคือ ปอ เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ที่ล้มเหลวในการสร้างภาพยนตร์และไม่มีบริษัทสนใจจะร่วมลงทุนด้วย โดยปอได้เดินทางไปปากเซเพราะถูกหลอกให้ไปถ่ายภาพงานแต่งงานด้วยจำนวนเงินห้าแสน แต่จำนวนเงินดังกล่าวไม่ใช่บาทแต่เป็นกีบ ปอจะเดินทางกลับประเทศไทยแต่เมื่อรู้จักกับสอน ไพวัน จึงเปลี่ยนใจอยู่ต่อเพื่อสานสัมพันธ์ โดยหนังสั้นในงานแต่งงานที่ปอทำได้รับการชื่นชมจากแขกอย่างมาก ในวันนั้นเขาดื่มเหล้าเมามายจึงได้รับการปฏิเสธจากสอน เนื่องจากเธอไม่ชอบนิสัยหลายอย่างของเขา ปอผิดหวังกลับกรุงเทพฯ เพื่อดิ้นรนทำงานต่อและได้มีโอกาสสร้างหนังให้บริษัทที่เห็นหนังสั้นจากงานแต่งงาน ปอเลือกกลับไปถ่ายหนังที่ปากเซ เขาได้พบกับสอนอีกครั้ง ด้วยหน้าที่การงานที่มั่นคงขึ้น เขาได้รับเชิญจากสอนให้ไปรับประทานอาหารค่ำที่บ้านเธอซึ่งเป็นการเปิดโอกาสในการสานสัมพันธ์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ในการยอมรับคนที่มั่นคงในชีวิตสำหรับผู้หญิงลาว ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้มีการโต้กลับภาพแทนความเป็นไทยจากการที่สะท้อนการดิ้นรนทำงานของคนในกรุงเทพฯเปรียบเทียบกับภาพแทนความเป็นลาววิถีชีวิตชีวิตที่เรียบง่ายของคนลาว เงินจึงไม่สำคัญเท่าคุณค่าทางจิตใจ เพราะสอนยอมรับปอเพราะการเป็นคนที่มีคุณภาพมากกว่ารูปลักษณ์ภายนอก (หน้า 151-156)
6.เขียนแผ่นดินสุวรรณภูมิลาว เป็นกวีนิพนธ์ที่เขียนขึ้นในเมื่อพ.ศ. 2551 โดยผู้ประพันธ์คือเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ เป็นกวีนิพนธ์ที่บรรยายวิถีชีวิตและธรรมชาติที่สมบูรณ์ของประเทศลาวตอนเหนือไปจนถึงลาวตอนใต้ ชี้ให้เห็นถึงจุดร่วมของความเป็นไทยและความเป็นลาว ว่ามีเชื้อสายเดียวกัน มีความเชื่อ สถาปัตยกรรม ศิลปะที่ใกล้เคียงกันมาก โดยจะเห็นภาพแทนความเป็นไทยสมัยก่อนด้วยภาพแทนความเป็นลาวในปัจจุบัน ผู้เขียนได้สื่อถึงการอนุรักษ์ธรรมชาติ การดำเนินชีวิตอย่างสมดุลกับธรรมชาติ ภาพแทนความเป็นลาวที่อุดมสมบูรณ์นี้ยังสามารถสะท้อนกลับให้เห็นปัญหาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจากการพัฒนาตามกระแสโลกของประเทศของไทยอีกด้วย (หน้า 156-162)
|
|
Social Cultural and Identity Change |
1.ชาวลาวมีการรับรู้ภาษาและวัฒนธรรมไทยจากสื่อต่าง ๆ โดยเฉพาะโทรทัศน์และวิทยุที่รับสัญญาณภาพและเสียงจากประเทศไทย จึงได้รู้ความคิดของคนไทยที่มีต่อคนลาวโดยตรง ทำให้มีแนวทางปฏิบัติตนเพื่อหลีกเลี่ยงความบาดหมางใจต่อกัน (หน้า 3,12)
2.คนลาวได้รับวัฒนธรรมตะวันตก เข้ามาปรับใช้ในชีวิตประจำวันโดยไม่ลืมวิถีชีวิตดั้งเดิม เช่น อาหารลาวยังคงรสชาติดั้งเดิม แต่มีการบริหารร้านแบบตะวันตกอาหารลาวจึงได้รับการยอมรับจากนักท่องเที่ยวมากขึ้น (หน้า 12,60)
|
|
Text Analyst |
ธัมมิกา รอดวัตร์ |
Date of Report |
01 ต.ค. 2564 |
TAG |
ลาว, วรรณกรรม, ภาพยนตร์, สื่อ, ไทย, วิถีชีวิต, การเมือง, สงครามเย็น, สงครามอินโดจีน, อาเซียน, |
Translator |
- |
|