|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ม้ง, เมี่ยน อิวเมี่ยน , ลีซู ,ลาหู่ ลาฮู,ปกาเกอะญอ จกอ คานยอ กะเหรี่ยง,อาข่า,กลุ่มคนบนที่สูง,การใช้ยาเสพติด,ภาคเหนือ |
Author |
Panadda Bamrung |
Title |
Drug Abuse among Highlanders of Northern Thailand |
Document Type |
บทความ |
Original Language of Text |
ภาษาอังกฤษ |
Ethnic Identity |
อ่าข่า, ลีซู, ลาหู่ ลาหู่ ละหู่ ลาฮู, อิ้วเมี่ยน เมี่ยน, ม้ง, ปกาเกอะญอ,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ม้ง-เมี่ยน |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
8 |
Year |
2540 |
Source |
สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ |
Abstract |
ปัญหายาเสพติดในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นฝิ่น หรือ เฮโรอีนที่เกิดขึ้นในพื้นที่สูงในชุมชนทางภาคเหนือนั้น เป็นปัญหาที่มีความสัมพันธ์กับสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลง ปัญหาที่เกิดมีความหลากหลายและแตกต่างกันไปในแต่ละชุมชน แนวทางในการแก้ไขปัญหาที่จะประสบความสำเร็จได้นั้นจำเป็นต้องสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน มีความสามารถในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและจัดการชุมชน รวมถึงการสร้างความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ ความเป็นตัวตนของชุมชนให้เกิดขึ้น (หน้า 8) |
|
Focus |
ศึกษาการใช้ยาเสพติดและแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในกลุ่มคนบนพื้นที่สูงทางภาคเหนือของไทย โดยศึกษาประวัติความเป็นมาของการปลูกฝิ่นทางภาคเหนือ จากการอพยพเข้ามาของกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ และผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมที่เกิดขึ้นโดยแนวทางการพัฒนาสู่ความเป็นสมัยใหม่ (หน้า 1) |
|
Ethnic Group in the Focus |
กลุ่มคนบนพื้นที่สูงทางภาคเหนือของไทย เช่น ม้ง เย้า กะเหรี่ยง ลีซู ลาหู่ และ อาข่า เป็นต้น |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
|
Settlement Pattern |
รูปแบบการตั้งถิ่นฐานของกลุ่มที่อาศัยอยู่ดั้งเดิม เช่น กะเหรี่ยง จะเลือกพื้นที่ที่เหมาะสมในการทำไร่หมุนเวียน และอพยพในพื้นที่เขตใกล้เคียงกับพื้นที่เดิม สำหรับกลุ่มที่อพยพเข้ามาใหม่จะเลือกตั้งถิ่นฐานในพื้นที่ที่เหมาะสมต่อการปลูกฝิ่นโดยเฉพาะ และมีการปลูกพืชอื่น ๆ เช่น ข้าวโพดอยู่รวมในพื้นที่ปลูกฝิ่นเพื่อใช้เลี้ยงหมู หรือปลูกข้าวบ้างแต่มีจำนวนน้อยกว่ากลุ่มแรก การใช้พื้นที่ปลูกฝิ่นจะใช้ประมาณ 10 ปี เมื่อดินขาดความอุดมสมบูรณ์จะย้ายไปยังพื้นที่อื่นต่อไป (หน้า 1-2) |
|
Demography |
ในปี 1980 ประชากรบนพื้นที่สูงมีประมาณ 200,000 คน ประมาณ 1,000 ครอบครัว ปลูกฝิ่นเป็นหลัก (หน้า 2) |
|
Economy |
พื้นที่ปลูกฝิ่นส่วนใหญ่อยู่ในเขต 3 จังหวัด คือ เชียงใหม่ เชียงรายและแม่ฮ่องสอน 40% ในเชียงรายและแม่ฮ่องสอน 10% ในเชียงใหม่ ในปี 1980 พื้นที่ปลูกฝิ่นมีราย 30,000-50,000 ไร่ ผลผลิตที่ได้ประมาณ 1 กิโลกรัม/ไร่ และจากการสำรวจในปี 1967 การผลิตฝิ่นในพื้นที่ 10,902 hectares ได้ผลผลิตประมาณ 145 ตัน ประวัติความเป็นมาการปลูกฝิ่นในกลุ่มชาติพันธ์ต่าง ๆ บนพื้นที่สูงทางภาคเหนือของไทย มีดังต่อไปนี้ - ม้งและเย้า เป็นกลุ่มที่มีการปลูกฝิ่นมากกว่ากลุ่มอื่น ๆ ฝิ่นถือว่าเป็นพืชเศรษฐกิจของครอบครัว ฝิ่นที่ผลิตได้จะถูกขายและเก็บส่วนหนึ่งไว้ใช้ในครัวเรือน ในหมู่บ้านม้งการใช้ฝิ่นเป็นเรื่องปกติในวิถีชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ฝิ่นในการรักษาอาการเจ็บป่วย การใช้ฝิ่นเพื่อหาความสุข หรือจากการใช้ฝิ่นเพื่อให้เกิดแนวคิดใหม่ ๆ ฝิ่นเป็นเหมือน เหล้า ชา ยาสูบ อย่างไรก็ตาม มีกฎเกณฑ์ภายในสังคมที่ห้ามไม่ให้เด็กใช้สิ่งเหล่านี้จนกว่าจะอายุมากกว่า 10 ปี การปลูกฝิ่นของม้งมีพื้นที่ประมาณ 3.25 hectares ต่อครอบครัว (1 ไร่ = 0.16 hectares) - กะเหรี่ยง มีพื้นฐานเศรษฐกิจอยู่บนการทำไร่หมุนเวียนและการทำนาขั้นบันไดมาก่อน ไม่มีการใช้ฝิ่นก่อนที่จะมีการอพยพเข้ามาในประเทศไทยของกลุ่มม้งและเย้า โดยเริ่มจากการเข้าไปเป็นแรงงานในการทำไร่ฝิ่นและได้มีบางส่วนหันมาปลูกฝิ่น แต่ผลผลิตต่อไร่ไม่ดีนัก - ลีซู ลาหู่ และอาข่า มีรูปแบบเหมือนกับกลุ่มม้งและเย้า แต่บางครอบครัวที่เศรษฐกิจไม่ดีนักก็จะไปทำงานรับจ้างในไร่ฝิ่นเหมือนกับกะเหรี่ยง (หน้า 2-4) เมื่อการปลูกฝิ่นกลายเป็นสิ่งผิดกฎหมายได้มีการจัดโครงการพัฒนาสนับสนุนการปลูกพืชเศรษฐกิจแทนที่การปลูกฝิ่น ทั้งจากภาครัฐและต่างประเทศ ตั้งแต่ปี 1972 เป็นต้นมา พืชที่เพาะปลูก เช่น ดอกไม้เมืองหนาว ถั่วเหลือง มะม่วง ลำไย ฝ้าย กาแฟ ฯลฯ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือความไม่แน่นอนของราคาผลผลิต และตลาดการรับซื้อ รวมถึงการเพาะปลูกต้องใช้ความรู้และเทคโนโลยีซับซ้อน (หน้า 5-6) |
|
Social Organization |
กลุ่มผู้ติดยาได้กลายเป็นปัญหาของชุมชน มีรายงานการขโมยทรัพย์สินของกลุ่มผู้ติดยาบ่อยครั้งขึ้น และปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในกลุ่มพ่อค้ายากับชุมชนที่ต่อต้านยาเสพติด รวมถึงปัญหา HIV ที่เกิดจากการใช้เข็มฉีดยาร่วมกันของผู้เสพยา ปัญหาที่เกิดขึ้นกลายเป็นปัญหาภายในชุมชนที่ต้องอาศัยความร่วมมือและหาแนวทางในการแก้ไข โดยสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับยาเสพติด และสร้างความเข้มแข็งทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมภายในชุมชน และการมีระบบลงโทษและรางวัลนับจับสำหรับผู้แจ้งข่าวสาร (หน้า 7) |
|
Education and Socialization |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
แนวทางในการพัฒนาและการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงนโยบายการปกครองของรัฐไทย การไปสู่ความเป็นสมัยใหม่ มีผลกระทบในด้านลบโดยชุมชนสูญเสียการจัดการทรัพยากรธรรมชาติภายในท้องถิ่น ขาดความเป็นอิสระในการดำเนินวิถีชีวิต และมีผลเกี่ยวข้องกับปัญหายาเสพติดในชุมชนที่ไม่สามารถจัดการให้หมดไปได้ในปัจจุบัน (หน้า 8) |
|
Other Issues |
การผลิตฝิ่นในหมู่บ้านมีการผลิตเพื่อขายและการใช้ในครัวเรือน ในกลุ่มผู้สูงอายุการสูบฝิ่นเป็นเรื่องปกติ เป็นการใช้เพื่อรักษาอาการเจ็บป่วย คลายความปวดเมื่อยและให้ความผ่อนคลายหลังจากการทำงานหนักในไร่ สำหรับผู้ชายที่ยังไม่ได้แต่งงานการสูบฝิ่นไม่ได้รับการนิยมนัก เนื่องจากพวกเขารู้ดีว่าถ้าติดฝิ่น พวกเขาจะไม่สามารถทำงานหาเงินสำหรับเป็นค่าสินสอดเจ้าสาวหรือมีที่ทางในการทำกินของตัวเองได้ แม้ว่าจะมีหมู่บ้านที่ยากจนที่ติดฝิ่นแต่มีไม่มากนักในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา การใช้ยาเสพติดของกลุ่มชนบนพื้นที่สูงแต่ละกลุ่มมีความแตกต่างกันไป ในลาหู่ใช้ผลผลิตฝิ่นในครัวเรือนประมาณ 34% ของผลผลิตที่ได้จากการเก็บเกี่ยว และ 27% ของผลผลิตใช้เป็นค่าจ้างในการทำไร่ฝิ่น ส่วนที่เหลือ 39% จะนำออกจำหน่าย ซึ่งแตกต่างกับกลุ่มม้งที่นำออกขาย 90% ของผลผลิตที่ที่ทำการเก็บเกี่ยว สำหรับการปลูกฝิ่นนั้นกลุ่มม้ง/เย้า ลีซู เป็นกลุ่มที่มีความสามารถในการทำไร่ฝิ่นเป็นอย่างดีได้ผลผลิตสูง รวมถึงเป็นผู้ว่าจ้างชาวพื้นที่สูงกลุ่มอื่น เช่น กะเหรี่ยงเข้ามาทำงานในไร่ฝิ่น และมีรายได้ค่อนข้างมากในการจำหน่าย แต่อย่างไรก็ตามในสังคมของกลุ่มชนที่อาศัยอยู่บนพื้นที่สูงจะมีรูปแบบกฏเกณฑ์ที่กำหนดให้บุคคลใดสามารถสูบฝิ่นได้ผู้ที่ยังอยู่ในวัยเด็ก ไม่ได้รับการอนุญาตให้สูบฝิ่น ดื่มสุรา และสูบยาสูบ เป็นการควบคุมทางสังคมแบบดั้งเดิม (ดูการใช้ยาเสพติด หน้า 2-7) |
|
|