|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
มอญ, เพลงรำผี, ปทุมธานี, ภาคกลาง, ประเทศไทย |
Author |
สายสุนีย์ ขาวปลื้ม |
Title |
เพลงรำผีมอญของชาวมอญ จังหวัดปทุมธานี |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
มอญ รมัน รามัญ,
|
Language and Linguistic Affiliations |
- |
Location of
Documents |
สำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, ฐานข้อมูลวารสารอิเล็กทรอนิกส์กลางของประเทศไทย
[เอกสารฉบับเต็ม] |
Total Pages |
131 |
Year |
2543 |
Source |
วิทยานิพนธ์ศิลปกรรมศาสตรมหาบัณฑิต สาขามานุษยดุริยางควิทยา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ |
Abstract |
ปัจจุบันเพลงมอญที่รวบรวมมีต้นกำเนิดมาจากเพลงในพิธีรำผีมอญ ซึ่งเป็นพิธีกรรมความเชื่อของชาวมอญมาแต่โบราณ เพลงมอญดั้งเดิมมีการบรรเลงในพิธีกรรมทางศาสนา ในงานประโคมศพและงานรื่นเริงทั่วไป โดยชาวมอญในจังหวัดปทุมธานี ยังคงให้ความสำคัญต่อประเพณีพิธีรำผี แม้ความเคร่งครัดจะถูกคลี่คลายลงด้วยหลายปัจจัย เป็นเหตุให้การจัดพิธีรำผีในปัจจุบันลดขั้นตอนลง อาจนำไปสู่สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เพลงที่ใช้ในพิธีรำผีหายไป ซึ่งเพลงรำผีที่ยังคงมีใช้อยู่เหลือเพียง 8 เพลง เช่น เพลงเซ่นเหล้า เพลงดาวกระจาย เพลงฟันดาบ โดยบรรเลงสลับกันไปมา ใช้วงปี่พทาย์มอญเครื่อง 5 ระนาดเอกเข้าไปร่วมบรรเลงร่วมกับวงดนตรีมอญดั้งเดิม สำเนียงเพลงและรูปแบบของเพลงจึงเกิดการผสมผสานระหว่างทำนองเพลงเดิมกับทำนองเพลงไทย |
|
Focus |
ศึกษาประวัติความเป็นมาและบทเพลง วิเคราะห์บทรำผีมอญ และรวบรวมเพลงในพิธีรำผี ของรำผีมอญ จังหวัดปทุมธานี ทั้ง 8 เพลง ด้วยการบันทึกแทบเพลงและซีดีทัศน์ แล้วนำมาบันทึกวิเคราะห์เป็นตัวโน้ต หลังจากนั้น จึงนำโน้ตมาวิเคราะห์ |
|
Theoretical Issues |
ข้อเสนอหรือแนวคิด ที่ผู้เขียนใช้ในการศึกษาชิ้นนั้น ทั้งนี้ไม่ได้หมายถึง การทบทวนทฤษฎีตามที่ระบุในงาน แต่เป็นการประมวล และเชื่อมโยงปรากฏการณ์ต่างๆ ในการศึกษา ว่ามีความสัมพันธ์กันอย่างไร |
|
Ethnic Group in the Focus |
|
Study Period (Data Collection) |
ผู้ศึกษาไม่ระบุเวลาในการศึกษาภาคสนาม |
|
History of the Group and Community |
สามโคกมีชื่อปรากฏอยู่ ในพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาอยู่หลายฉบับ ที่กล่าวถึงการอพยพชาวมอญเข้ามาอยู่ที่สามโคก ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เป็นชาวมอญเมืองเมาะตะมะ ได้อพยพครัวเรือนหนีภัยสงคราม โดยพระองค์ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งบ้านเรือนอยู่ ที่บ้านสามโคก นับเป็นครั้งแรกที่ชาวมอญได้เข้ามาตั้งบ้านเรือน (หน้า, 1-2) |
|
Settlement Pattern |
ลักษณะทั่วไปของที่อยู่อาศัย ชาวมอญจะสร้างบ้านใต้ถุนสูง ภายในตัวเรือนจะมีเสาสำคัญ 1 ต้น เรียกว่าเสาเอก เป็นเสาที่คนมอญเชื่อว่าเป็นที่อยู่อาศัยของผีบ้าน ผีเรือน ที่ชาวมอญให้ความเคารพนับถือ บ้านสมัยก่อนจะไม่มีฝาบ้าน มักปลูกไว้โล่ง มีเพียงหลังคากันแดด กันฝน (หน้า, 35) |
|
Social Organization |
เดิมทีคนมอญมักอยู่กันอย่างญาติสนิท รู้จักกันไปทั่วหมู่บ้าน แบ่งกันกินแบ่งกันใช้ รวมถึงช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เมื่อมีการจัดงานใดๆ จะร่วมลงแขกช่วยงานกันเต็มที่ |
|
Belief System |
ขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวมอญมีวัฒนธรรมเป็นแบบฉบับมายาวนาน บางอย่างมีอิทธิพลให้กับชนชาติใกล้เคียง เช่น ประเพณีสงกรานต์ ข้าวแช่ ฯลฯ บางอย่างถือปฏิบัติกันแต่เฉพาะในหมู่ชนมอญ ชาวมอญมีเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้ง ขณะเดียวกันก็นับถือผีบรรพบุรุษกับผีอื่นๆ ที่มีอิทธิฤทธิ์ (หน้า, 35-36) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
การแต่งกายของชาวมอญ ผู้หญิงนิยมไว้ผมมวยและมีโลหะรูทรงตัวยู (U) ติดไว้ที่มวยผ้า ภาษามอญเรียว่า “หน้ายซ๊ก” ใส่ผ้านุ่งสีพื้นๆ ตามชอบใจ เนื้อแขนกระบอกยางครึ่งแขน คอกลม มีผ้าพาดบ่า ส่วนผู้ชาย นุ่งกางเกงคล้ายกางเกงเล เสื้อคอกลมผ่าหน้า ปัจจุบันเครื่องแต่งกายมอญคล้ายกับคนไทยทั่วไป การแต่งกายแบบมอญจะแต่งช่วงเทศกาล หรือมีการจัดพิธีการต้อนรับผู้มาเยือน |
|
Folklore |
เรื่องการนับถือผี คนมอญเชื่อมาแต่พุทธกาล ครั้งนั้นมีเศรษฐีผู้หนึ่งมีภรรยา 2 คน ต่อมาเมียหลวงฆ่าลูกของเมียน้อยตาย เพราะความริษยา ทั้งสองคนเมื่อตายไปแล้วจึงอาฆาตจองเวรกัน แล้วกินลูกของอีกฝ่ายหนึ่งสลับกันไปแต่ละชาติ ในที่สุดฝ่ายหนึ่งไปเกิดเป็นผี อีกฝ่ายหนึ่งไปเกิดเป็นมนุษย์และมีลูกด้วย ฝ่ายผีไล่ตามมนุษย์เพื่อจะกินลูกของมนุษย์ ฝ่ายมนุษย์จึงหนีไปขอพึ่งบุญของพระพุทธองค์ ซึ่งเสด็จประทับอยู่ที่วัดเวฬุวัน พระพุทธองค์ทราบเรื่องจึงเทศนานางผีให้เห็นโทษของการจองเวร นางมนุษย์กับผีจึงได้ระงับการจองเวรต่อกันมา ต่อมานางผีได้ไปอยู่กับนางมนุษย์ได้ช่วยเหลือให้นางมนุษย์ทำนาได้ผลดี มีโชคทรัพย์และสร้างความมั่งคั่งให้เมือง ตำนานนี้จึงเป็นที่มาของการนับถือจนถึงทุกวันนี้ (หน้า, 6-11) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
ดนตรีและนาฏศิลป์นับเป็นอัตลักษณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของคนมอญปทุมธานี ในแง่นาฏศิลป์ คนมอญมีท่ารำมากมาย สันนิษฐานว่าเกิดจากการประดิษฐ์คิดค้นของปราชญ์ด้านการรำได้เค้าเรื่องมาจากรูปปูนปั้นแกะสลักและหลักฐานภาพฝาผนัง การรำที่สำคัญ คือ ทะแยมอญเป็นนาฏศิลป์ที่มีลักษณะคล้ายกับลำตัดของไทยที่มีการขับร้องเพลงเป็นภาษามอญพร้อมกับการร่ายรำส่วนการรำมอญเป็นการรำตามหน้าทับจังหวะตะโพนมอญ โดยปกติแล้วรำมอญได้ทุกโอกาส ทั้งงานมงคลและอวมงคล ขณะที่การรำผีหมายถึง ประเพณีที่เกี่ยวกับความเชื่อของคนมอญมาแต่โบราณกาล ชาวมอญจะนับถือผีปู่ย่าตายาย และผีเรือน ซึ่งชาวมอญเชื่อว่าจะทำให้ชีวิตมีสุขและพบแต่สิ่งดีๆ การรำผีมักประกอบพิธีช่วงเดือน 4-6 เว้นไม่กระทำวันพระ ชาวมอญจะเตรียมงานและตั้งโรงพิธีก่อนกระทำพิธี 1 วัน พร้อมทั้งต้องเตรียมอาหารสำหรับใช้ในพิธี เช่น ข้าวเหนียว หัวหมู ขนมต้ม ข้าวขนมกล้วย แป้งคลุกน้ำตาลทอด กล้วยน้ำว้า และมะพร้าวอ่อน เป็นต้น เพื่อเลี้ยงญาติพี่น้องหรือแขกที่เชิญมา ส่วนวันงานประกอบพิธีจะมีขั้นตอนรายละเอียดที่ซับซ้อน โดยปิดท้ายพิธีด้วยการรวบรวมอาหารและต้นกล้วยที่ชาวบ้านนำมาประกอบพิธีเทรวมกันบรรทุกลงเรือ ซึ่งทำจากต้นกล้วย แล้วนำเรือไปลอยเพื่อปัดสิ่งไม่ดีออกไปจากชีวิต (หน้า, 39-40) |
|
Map/Illustration |
ภาพ
- ภาพแผนภูมิเพลงในวงปี่พาทย์มอญ (หน้า, 5)
- ภาพโรงพิธีใช้รำผี (หน้า, 8)
- ภาพหน้าโรงพิธีปลูกต้นหว้า 1 ต้น และมีกระป๋องน้ำวางหน้าต้นหว้า 3 กระป๋อง (แทนอ่างน้ำ) (หน้า, 9)
- ภาพเครื่องเซ่นไหว้ผี (หน้า, 10)
- ภาพวงปี่พาทย์มอญเครื่อง 5 ตั้งข้างโรงพิธี 1 วง (หน้า, 11)
- ภาพญาติรำมอญแก้บน (หน้า, 12)
- ภาพพิธีแห่ขันหมาก (หน้า, 12)
- ภาพพิธีทุบมะพร้าว (หน้า, 13)
- ภาพพิธีทอดผ้าป่า (หน้า, 13)
- ภาพพยัญชนะมอญ 35 ตัว (หน้า, 37)
- ภาพฆ้องมอญ (หน้า, 38)
- ภาพปี่มอญ (หน้า, 38)
- ภาพตะโพนมอญ (หน้า, 39)
- ภาพแผนภูมิแสดงเพลงที่ใช้ในวงปี่พาทย์สำหรับพิธีรำผีแบบดั้งเดิม (หน้า, 44) |
|
|