สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject รำมอญ, การสร้างมาตรฐาน, ศิลปะการแสดง, จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดนนทบุรี และจังหวัดปทุมธานี, ภาคกลาง, ประเทศไทย
Author ดุสิตธร งามยิ่ง
Title รำมอญ: การสร้างมาตรฐานการรำเพื่อสืบสานศิลปะการแสดงของชาวไทยรามัญ
Document Type วิทยานิพนธ์ Original Language of Text -
Ethnic Identity มอญ รมัน รามัญ, Language and Linguistic Affiliations -
Location of
Documents
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร 
[เอกสารฉบับเต็ม]
Total Pages 346 Year 2557
Source ดุสิตธร งามยิ่ง. (2557). รำมอญ: การสร้างมาตรฐานการรำเพื่อสืบสานศิลปะการแสดงของชาวไทยรามัญ. วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (วัฒนธรรมศาสตร์) มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
Abstract

          ความเป็นมา สภาพปัจจุบันและปัญหาของการรำมอญ ในด้านกระบวนการรำ ทำนองเพลงและดนตรี การแต่งกาย ผู้แสดง ระยะเวลาในการรำ และพิธีกรรม จารีตมีความคล้ายคลึงกัน และ แตกแตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและความเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมในแต่ละพื้นที่ ความต้องการในการสร้างมาตรฐานการรำ พบว่า มีความต้องการที่คล้ายคลึงกัน ทั้งทางด้านกระบวนการรำ ด้านทำนองเพลง ดนตรี ด้านการแต่งกาย ด้านผู้แสดงด้านระยะเวลาในการรำ และด้านพิธีกรรม จารีต กล่าวคือ ควรจะมีความเป็นแบบแผนดั้งเดิมไม่ควรเปลี่ยนแปลง เพื่อแสดงถึง ความเป็นอัตลักษณ์ของรำมอญ การสร้างมาตรฐานการรำ สรุปได้ว่าด้านกระบวนการรำ มีตัวบ่งชี้ 6 ตัวบ่งชี้ ได้กำหนดคะแนน ในเกณฑ์การปฏิบัติไว้ 170 คะแนนด้านทำนองเพลง ดนตรี มีตัวบ่งชี้ 3 ตัวบ่งชี้ ได้กำหนดคะแนน ในเกณฑ์การปฏิบัติไว้ 195 คะแนน ด้านการแต่งกาย มีตัวบ่งชี้ 1 ตัวบ่งชี้ ได้กำหนดคะแนน ในเกณฑ์การปฏิบัติไว้ 30 คะแนน ด้านผู้แสดงมีตัวบ่งชี้ 6 ตัวบ่งชี้ ได้กำหนดคะแนน ในเกณฑ์การปฏิบัติไว้ 80 คะแนน ด้านระยะเวลาในการรำมีตัวบ่งชี้ 2 ตัวบ่งชี้ ได้กำหนดคะแนน ในเกณฑ์การปฏิบัติไว้ 25 คะแนน ด้านพิธีกรรม จารีต มีตัวบ่งชี้ 3 ตัวบ่งชี้ ได้กำหนดคะแนน ในเกณฑ์การปฏิบัติไว้ 40 คะแนน สำหรับเกณฑ์ในการประเมินจะต้องได้ 80% จึงจะผ่านเกณฑ์ในการประเมิน

Focus

          ศึกษาความเป็นมา สภาพปัจจุบันและปัญหาของการรำมอญ ศึกษาความต้องการในการสร้างมาตรฐานการรำ และการสร้างมาตรฐานการรำเพื่อสืบสานศิลปะการแสดงของชาวไทยรามัญ

Theoretical Issues

          ผู้ศึกษาใช้ระเบียบวิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยอาศัยแนวคิดและทฤษฎีทางสังคมวิทยามานุษยวิทยาและวัฒนธรรม ได้แก่ ทฤษฎีสุนทรียศาสตร์, ทฤษฎีการแพร่กระจายทางวัฒนธรรม และทฤษฎีโครงสร้างหน้าที่นิยม เป็นแนวทางในการศึกษา ศึกษาความเป็นมา สภาพปัจจุบันและปัญหาของการรำมอญของชาวไทยรามัญ ในด้าน 6 ด้าน กระบวนการรำทำนองเพลง ดนตรี การแต่งกาย ผู้แสดง ระยะเวลาในการรำและพิธีกรรม โดยเก็บประเด็นสำคัญในการศึกษาจากเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง การลงพื้นที่หาข้อมูล โดยการสังเกต สัมภาษณ์ ตลอดจนบริบททางสังคมและวัฒนธรรม มาวิเคราะห์ สังเคราะห์ จนค้นพบข้อมูลที่นำไปสู่การสร้างมาตรฐานการรำเพื่อสืบสานศิลปะการแสดงของชาวไทยรามัญ   

Ethnic Group in the Focus

          กลุ่มคนไทยเชื้อสายมอญในจังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดนนทบุรี และจังหวัดปทุมธานี

Study Period (Data Collection)

          งานเอกสารย้อนหลังสมัยอุธยาจนร่วมสมัยกับปัจจุบัน (พ.ศ. 2557) งานภาคสนามราว ปี พ.ศ. 2555-2557 

History of the Group and Community

          คนไทยเรียกพวกมอญว่า "รามัญ" ซึ่งเป็นชนชาติหนึ่งที่อาศัยอยู่ในดินแดนสุวรรณภูมิ ชาวยุโรปและอาหรับเรียกมอญ ว่า "ตะเลง" สันนิษฐานว่าน่าจะเพี้ยนมาจากคำว่า "ตะเลงคอนา" ซึ่งเป็นชื่อรัฐหนึ่งในประเทศอินเดีย ชนชาติมอญได้ตั้งรัฐะครั้งแรกที่เมืองสะเทิม ต่อมาได้สถาปนาเป็นชนชาติมอญที่เมืองหงสาวดี และถูกพม่ารุกรานพ่ายแพ้สูญเสียเมืองหงสาวดีเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2300 ในที่สุด มอญจึงกลายเป็นชนชาติที่ไม่มีประเทศ บางกลุ่มไม่ต้องการอยู่ภายใต้อำนาจของพม่า จึงได้พากันอพยพมาโยกย้ายเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในไทย ตั้งแต่สมัยอยุธยา ในรัชกาลของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็นต้นมา โดยได้ ตั้งบ้านเรือนแถวสามโคก จังหวัดปทุมธานี เกาะเกร็ดจังหวัดนนทบุรีและพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ มอญที่อพยพมาในครั้งนั้น เรียกว่า "มอญเก่า" ต่อมาในรัชกาลของพระเจ้าตากสินมหาราช พ.ศ. 2317 พระยาแจ่ง เจ้าเมืองเมาะลำเลิง ได้อพยพเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ตั้งถิ่นฐานเมืองนนทบุรี เรียกว่า "มอญใหม่" ในต้นกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พ.ศ. 2358 พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ชาวมอญเข้าตั้งภูมิลำเนาอยู่ในเขตเมืองปทุมธานี นนทบุรี นครเขื่อนขันธ์ (พระประแดง) ในรัชกาลของสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ. 2367 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ชาวมอญไปตั้งบ้านเรือนอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา นอกกำแพงเมืองพระนครแถวหน้าวัดชนะสงคราม ชุมชนชาวมอญ ในเกาะเกร็ดได้เคลื่อนย้ายมาตั้งถิ่นฐานตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี โดยการนำของพระยาแจ่ง แม่ทัพมอญ พาครอบครัวมอญกวานอาหม่าน ครอบครัวนักดนตรีและมอญรำมาอยู่ที่แห่งนี้ (หน้า, 3; 12-16)

Settlement Pattern

          สำหรับในการปลูกสร้างบ้านเรือนชาวมอญจะมีความเชื่อว่าจะต้องดูลักษณะสัณฐานดินที่เหมาะ เช่น ที่ดินสัณฐานสี่เหลี่ยม ที่ดินหน้ากว้างเล็ก (สั้น) ด้านยาวยาวมาก ส่วนลักษณะที่ดินที่ราบเรียบ เชื่อว่า ทำให้มียศหรือบันดาศักดิ์สูง ถ้าปลูกสร้างบ้านบนที่ดินและปลูกเรือนเดือนยี่เดือน 4, 6, 9 และ เดือน 12 วันอาทิตย์หรือวันพฤหัสบดี เชื่อว่าจะมีลาภและมีความเจริญรุ่งเรืองปราศจากโรคภัยสูง ถ้าปลูกเรือนเดือนอ้ายถึงเดือน 3 ให้หันหน้าทางทิศตะวันตก (หน้า, 12-16)

Belief System

          ชาวมอญส่วนใหญ่นับถือพระพุทธศาสนาควบคู่กับการถือผีบรรพบุรุษ ผีบ้าน ผีเรือนและอื่นๆชาวมอญมีความเชื่อที่เกี่ยวกับ เรื่องตุ๊กตา โดยห้ามนำตุ๊กตาเข้าบ้านเพราะเชื่อว่ามีผีสิงอยู่ในตุ๊กตามีพิธีรำเข้าทรง ในวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 6 คนมอญมีประเพณี และวัฒนธรรมที่หลายหลาก เริ่มตั้งแต่ประเพณีเกี่ยวกับชีวิต ตั้งแต่แรกเกิดจนกระทั่งสิ้นชีวิต เช่น ประเพณีการโกนผมไฟ ประเพณีการโกนจุก ประเพณีการบวช ประเพณีการทำศพ ประเพณีในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เช่น ประเพณีเข้าพรรษา ประเพณีออกพรรษา ประเพณีเนื่องในเทศกาลต่างๆ เช่น ประเพณีสงกรานต์ โดยมีกิจกรรมวัฒนธรรม วิถีต่างๆ ระหว่างเทศกาลสงกรานต์ ได้แก่ การทำข้าวแช่ จัดพิธีสรงน้ำพระ แห่หางหงส์ ธงตะขาบ ปล่อยนก ปล่อยปลา จัดพิธีทำบุญบ้าน การเล่นสะบ้า การปฏิบัติหลาย ประการของมอญมีความเชื่อและนับถือว่า สามารถป้องกันความอัปมงคล สร้างความสุขให้กับครอบครัว ในประเพณี 12 เดือนของชาวมอญ จะประกอบไปด้วยสิ่งที่เกี่ยวข้องกับทางด้านพระพุทธศาสนา ได้แก่ เดือนจะทำบุญด้วยกาลทาน 5 ประการ เดือนกุมภาพันธ์ ทำบุญด้วยฟืนเพื่อพระภิกษุผิงไฟและถวายผ้าห่มกันหนาว ถวายข้าวยาคู เดือนมีนาคม จัดพิธีสักการะและสมโภชพระเจดีย์เลียะเกิงที่เมืองย่างกุ้ง เดือนเมษายน มีการทำบุญปล่อยนก ปล่อยปลา สรงน้ำพระ คาราวะผู้ใหญ่และแห่นางสงกรานต์และแห่ข้าวแช่ เดือนพฤษภาคม ทำบุญและรดน้ำต้นโพธิ์ รวมถึงปลูกต้นโพธิ์ตามวัดเพื่อระลึกถึงพระพุทธเจ้า เสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน เดือนมิถุนายน นิยมบวชลูกหลาน เดือนกรกฎาคม จัดพิธีหล่อและแห่เทียนพรรษาและถวายผ้าอาบน้ำฝน เดือนสิงหาคม นิยมทำบุญแก่มูลนิธิ เพื่อเก็บดอกผลบำรุงพระศาสนา เดือนกันยายนทำบุญตักบาตรน้ำผึ้ง เดือนตุลาคมทำบุญออกพรรษา ตักบาตรเทโวและตักบาตรดอกไม้และมีการแข่งเรือและรำมอญ เดือนพฤศจิกายน ทำบุญทอดกฐินและทอดผ้าป่า เดือนธันวาคมมอญนิยมทำบุญด้วยผลผลิตของเกษตรกรรมใหม่ เช่น ข้าวใหม่ (ตำข้าวเม่า) และนำผลไม้ต่างๆ ซึ่งออกผลใหม่ถวายพระ (หน้า, 2-3) 

Education and Socialization

          ผู้ศึกษาใช้องค์ความรู้เรื่องการรำมอญเป็นสื่อผ่านการศึกษา 

Art and Crafts (including Clothing Costume)

          รำมอญถือว่าเป็นการรำที่ใช้ประกอบในพิธีการต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง ซึ่งถือว่าเป็นการยกย่อง ในเกรียติกับผู้ที่มาเยือน และรำมอญยังได้ใช้รำให้กับผู้ที่มีฐานะทางสังคมและเป็นที่นับถือ เช่น พระสงฆ์ หลังจากที่ท่านได้มรณะภาพไปแล้ว โดยถือว่าเป็นสิ่งที่เป็นมงคล เพื่ออัญเชิญและเฉลิมฉลองสู่สรวงสวรรค์ แต่ในสภาพปัจจุบันนี้รำมอญได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบและกระบวนการรำ ตลอดจนจารีต ประเพณีที่นำรำมอญไปแสดง วงปี่พาทย์มอญและรำมอญใช้บรรเลงหรือรำเฉพาะงานศพเท่านั้น แต่ในความจริงแล้วสามารถบรรเลงได้ทั้งงานมงคลและงานอวมงคล ปัจจุบันวงปี่พาทย์มอญเหลืออยู่เพียงไม่กี่คณะและลดความนิยมลงเนื่องด้วยกระแสโลกาภิวัตน์ที่เปลี่ยนทิศทางของวัฒนธรรมไทยให้เบ่งบานในรูปแบบตะวันตกมากขึ้นส่งผลให้ปี่พาทย์มอญเปลี่ยนแปลงเช่นกัน (หน้า, 76-82)

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

          ประเด็นด้านการสร้างมาตรฐานการรำเพื่อสืบสานศิลปะการแสดงของชาวไทยรามัญที่ได้จากการวิเคราะห์ สังเคราะห์ ที่ยึดรูปแบบดั้งเดิม ที่มีกรอบมาตรฐานทั้ง 6 ด้าน ได้แก่ ด้านกระบวนการรำ ด้านทำนองเพลง ดนตรี ด้านการแต่งกาย ด้านผู้แสดง ด้านระยะเวลาในการรำ และด้านพิธีกรรม จารีต เพื่อเป็นการกำหนดรูปแบบในการแสดงที่เป็นเอกลักษณ์ของรำมอญในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคกลาง ได้แก่ จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดนนทบุรี และจังหวัดปทุมธานี ที่มีอัตลักษณ์บ่งบอกถึงความงามและภูมิปัญญา ท้องถิ่น หากไม่มีองค์ประกอบดังกล่าว อัตลักษณ์ความเป็นมอญจะไม่สามารถสื่ออกมาได้ (หน้า, 294-330)  

Social Cultural and Identity Change

          การสร้างมาตรฐานการรำเพื่อสืบสานศิลปะการแสดงของชาวไทยรามัญที่ได้จากการ วิเคราะห์ สังเคราะห์ ที่ยึดรูปแบบดั้งเดิม ที่มีกรอบมาตรฐานทั้ง 6 ด้าน ได้แก่ ด้านกระบวนการรำ ด้านทำนองเพลง ดนตรี ด้านการแต่งกาย ด้านผู้แสดงด้านระยะเวลาในการรำ และ ด้านพิธีกรรม จารีต จะทำให้การรำมอญนั้นเกิดอัตลักษณ์ที่เด่นชัดบ่งบอกถึงภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยมีการอนุรักษ์ ไม่ให้เกิดการสูญหาย โดยเห็นเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น (หน้า, 294-330)

Map/Illustration

ภาพ
          ภาพท่ารำ ถะบะชาน (1) (สังเวย) (หน้า, 102)
          ภาพท่ารำ ฮะบายขะนมจีน (ขนมจีนน้ำยา) (หน้า,109)
          ภาท่ารำ อะเรียงเดิง (กลับเมือง) (หน้า, 110)
          ภาพท่ารำ ถะบะชาน (1) (หน้า, 119)
          ภาการแต่งกายรำมอญคณะศิลป์หลวงพ่อสอนวัดศาลเจ้า (หน้า, 181)
          ภาพการแต่งกายรำมอญ ที่ใช้ในงานมงคล (หน้า, 209)
          ภาพการแต่งกายรำมอญ ที่ใช้ในงานอวมงคล (หน้า, 210)

แผนที่
          แผนที่จังหวัดปทุมธานี (หน้า, 43)
          แผนที่อำเภทของจังหวัดปทุมธานี (หน้า,44)
          แผนที่จังหวัดนนทบุรี (หน้า, 45)
          แผนที่จังหวัดสมุทรปราการ (หน้า,50)

ตาราง
          ตารางชื่อเพลงรำมอญและชื่อกระบวนท่ารำมอญ (หน้า, 80)
          ตารางวิเคราะห์ความเป็นมาสภาพปัจจุบันและปัญหาของการรำมอญของชาวไทยรามัญด้านกระบวนการรำ (หน้า, 184)
          ตารางวิเคราะห์ความเป็นมาสภาพปัจจุบันและปัญหาของการรำมอญของชาวไทยรามัญด้านทำนองเพลง ดนตรี เพลงรำมอญ คณะบ้านครูแดง (หน้า, 207)
          ตารางวิเคราะห์ความเป็นมาสภาพปัจจุบันและปัญหาของการรำมอญของชาวไทยรามัญด้านการแต่งกาย (หน้า, 208)
          ตารางวิเคราะห์ความเป็นมาสภาพปัจจุบันและปัญหาของการรำมอญของชาวไทยรามัญด้านผู้แสดง (หน้า, 211)
          ตารางวิเคราะห์ความเป็นมาสภาพปัจจุบันและปัญหาของการรำมอญของชาวไทยรามัญด้านระยะเวลาในการรำ (หน้า, 212)

Text Analyst เอกรินทร์ พึ่งประชา Date of Report 07 มิ.ย 2562
TAG รำมอญ, การสร้างมาตรฐาน, ศิลปะการแสดง, จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดนนทบุรี และจังหวัดปทุมธานี, ภาคกลาง, ประเทศไทย, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง