|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
มอญ อาหารพื้นบ้าน ภูมิปัญญา กรุงเทพมหานคร ภาคกลาง ประเทศไทย |
Author |
จำนงค์ ตรีนุมิตร |
Title |
การถ่ายทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นทางวัฒนธรรมด้านอาหารพื้นบ้านของชุมชนบางกระดี่ |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
- |
Ethnic Identity |
มอญ รมัน รามัญ,
|
Language and Linguistic Affiliations |
- |
Location of
Documents |
ห้องสมุดมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา |
Total Pages |
125 |
Year |
2553 |
Source |
มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา |
Abstract |
ความนิยมในการบริโภคอาหารพื้นบ้านที่ใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นชุมชนบ้านบางกระดี่มาปรุงแต่งอาหารมี 3 ประเภท คือ อาหารคาว ได้แก่ แกงกระเจี๊ยบ แกงผักปรง แกงลูกโยน แกงใบมะขาม แกงเรียงผักปลัง ยำชะคราม น้ำพริกป่า น้ำพริกมะขาม ปลาร้ามอญ อาหารหวาน คือ ขนมลูกจากย่าง ขนมสายบัว ขนมดอกโสน ลูกจากฯกะทิ เครื่องดื่มสมุนไพร คือ น้ำกระเจี๊ยบ น้ำใบเตย องค์ความรู้ภูมิปํญญาท้องถิ่นด้านอาหารพื้นบ้านตนมอญบางกระดี่สะท้อนเห็นถึงวิถีชาวบ้านในการเรียนรู้จากธรรมชาติที่สามารถนำวัตถุดิบจากแหล่งธรรมชาติมาดัดแปลงทำอาหารจนเกิดเป็นอัตลักษณ์ และมีรูปแบบการถ่ายทอดสู่คนรุ่นต่อไปในพื้น?ด้วยการจัดทำสิ่งพิมพ์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เพื่อถ่ายทอดสู่เยาวชนในพื้นที่ผ่านกระบวนการอบรมเชิงปฏิบัติการ ส่งผลทำให้เกิดความรู้ความเข้าใจยิ่งขึ้น |
|
Focus |
ศึกษาความนิยมในการบริโภคอาหารพื้นบ้านและองค์ความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านอาหารพื้นบ้านที่ใช้วัตถุดิบหลักในท้องถิ่นของชุมชนบางกระดี่ |
|
Theoretical Issues |
ผู้ศึกษาได้พัฒนากรอบแนวคิด TRENDS Model เพื่อใช้เป็นแนวทางสังเคราะห์และวิเคราะห์ความรู้เกี่ยวกับอาหารพื้นบ้านของคนในชุมชนบางกระดี่สู่เยาวชนในพื้นที่ โดยการศึกษาแนวคิดที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งรวบรวมข้อมูลท้องถิ่น ทดสอบหรือทดลองหาความถูกต้อง ก่อนนำมาพัฒนาให้เหมาะสม จนนำมาสู่การถ่ายทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านอาหารสู่กลุ่มเยาวชน |
|
Ethnic Group in the Focus |
|
Study Period (Data Collection) |
ทำงานภาคสนาม ปี พ.ศ. 2551-2553 |
|
History of the Group and Community |
การตั้งถิ่นฐานของชุมชนบางกระดี่ ไม่มีหลักฐานที่ปรากฏชัดเป็นลายลักาณ์อักษร สันนิษฐานว่าส่วนใหญ่แพร่กระจายมาจากชุมชนมอญสมุทรสาคร ในราวรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสิทร์ เนื่องจากที่ตั้งถิ่นฐานเดิมเป็นชุมชนขนาดใหญ่และแออัด จึงขยายพื้นที่ทำกินยังถิ่นฐานใหม่ที่มีความอุดมสมบูรณ์กว่าที่บางกระดี่ ชุมชนมอญบางกระดี่จึงเป็นชุมชนที่เกิดจากพื้นฐานคนมอญละแวกฝั่งธนบุรี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร เพื่อมาตั้งถิ่นฐานทำกิน ทั้งเหตุผลพื้นที่เดิมจำกัดและการทำการค้าระหว่างชุมชน (หน้า, 1; 9-14) |
|
Settlement Pattern |
ชุมชนมอญบางกระดี่เกิดจากการขยายตัวที่มีความจำเป็นต้องหาพื้นที่ใหม่ในการทำมาหากินของชุมชนมอญที่อยู่บริเวณใกล้อ่าวไทย กลุ่มคนมอญจากพื้นที่อื่นที่เดินทางเข้ามา คือ มอญบ้านแพ้วสมุทรสาคร และมอญปากลัด จังหวัดสมุทรปราการ ประกอบกับพื้นที่บริเวณแสมดำเป็นป่าชายเลนและป่าที่อุดมสมบูรณ์และเหมาะที่จะตั้งถิ่นถิ่น จึงพัฒนาเป็นชุมชนจนกระทั่งปัจจุบัน (หน้า, 10-11) |
|
Demography |
ชุมชนมอญบางกระดี่หมู่ที่ 2, 8, และ 9 มีจำนวนประชากรราว 5,965 คน 1,722 ครัวเรือน (หน้า, 10) |
|
Economy |
เดิมคนมอญทำอาชีพเย็บจาก ตัดฟืน และเผาถ่าน ปัจจุบันพื้นที่ส่วนใหญ่ถูกขายให้นายทุนทำงานโรงอุตสาหกรรม นอกจากนี้ยังมีการประกอบอาชีพอื่น เช่น รับราชการ ลูกจ้าง ปลูกบ้านให้เช่า ทำบ่อปลา และเลี้ยงสัตว์น้ำ (หน้า, 10-11) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
ให้รายละเอียดเกี่ยวกับอัตลักษณ์ชาติพันธุ์ ความสัมพันธ์ระหว่างชาติพันธุ์ การธำรงชาติพันธุ์ พลวัตและการเปลี่ยนแปลงทางชาติพันธุ์ |
|
Social Cultural and Identity Change |
การถ่ายทอดองค์ความรู้เรื่องอาหารผ่านการปฏิบัติการณ์อย่างมีส่วนร่วม โดยจัดกิจกรรมร่วมให้กลุ่มคนดังกล่าว เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่ทำให้ภูมิปัญญาด้านอาหารของมอญบางกระดี่เกิดการสืบทอด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิสก์และสิ่งพิมพ์ |
|
Map/Illustration |
ภาพ
ภาพกรอบแนวคิดการวิจัยการถ่ายทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นทางวัฒนธรรมด้านอาหารพื้นบ้านของชุมชนบางกระดี (หน้า, 7)
ภาพรูปแบบการถ่ายทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านอาหารพื้นบ้านของชุมชนบางกระดี่สู่เยาวชน (หน้า, 111)
ตาราง
ตารางประเภทอาหารพื้นบ้านที่นิยมบริโภค 15 อันดับแรก (หน้า, 72)
ตารางสรุปผลการศึกษาอาหารพื้นบ้านที่นิยมบริโภคจากการศึกษาเบื้องต้น (หน้า, 79)
ตารางองค์ความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านอาหารพื้นบ้านที่นิยมบริโภคที่ใช้วัตถุดิบจากการสัมภาษณ์เจาะลึก (หน้า, 81)
ตารางสรุปองค์ความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านอาหารพื้นบ้านที่นิยมบริโภคที่ใช้ใช้วัตถุดิบจากการสัมภาษณ์เจาะลึก (หน้า, 96) |
|
|