|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ปกาเกอะญอ จกอ คานยอ (กะเหรี่ยง),การถือผี,พิธีกรรม,เชียงใหม่ |
Author |
Kwanchewan Buadang |
Title |
Practices of Ancestor Spirit Cult among The Sgaw Karen in Mae Cham |
Document Type |
บทความ |
Original Language of Text |
ภาษาอังกฤษ |
Ethnic Identity |
ปกาเกอะญอ,
|
Language and Linguistic Affiliations |
จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
19 |
Year |
2541 |
Source |
สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ |
Abstract |
การนับถือผีบรรพบุรุษ เป็นความเชื่อดั้งเดิมของกะเหรี่ยง ซึ่งมีอิทธิพลและสำคัญต่อวิถีชีวิตประจำวันของพวกเขา ในแต่ละครอบครัวจะต้องทำพิธีกรรมเลี้ยงผีและมีการสืบทอดในสายมารดา การเลิกนับถือความเชื่อดั้งเดิมเกิดขึ้นในช่วงปี ค.ศ.1970-1980 ซึ่งอยู่ในช่วงที่มีกลุ่มผู้ติดฝิ่นเป็นจำนวนมาก ไม่สามารถสร้างสถาบันครอบครัวที่แข็งแรงและอยู่ร่วมกันไปทำให้การสืบทอดความเชื่อดั้งเดิมไม่สามารถกระทำได้ และในระยะเวลาต่อมาความเชื่อแบบดั้งเดิมได้เข้าไปผสมผสานอยู่ในการนับถือศาสนาใหม่ไม่ว่าจะเป็นศาสนาพุทธหรือศาสนาคริสต์ การกระทำพิธีกรรมมีการเปลี่ยนแปลงให้สอดคล้องกับแนวคิดในศาสนาใหม่ที่นับถือ (หน้า 16-18) |
|
Focus |
ศึกษารูปแบบพิธีกรรมความเชื่อผีบรรพบุรุษของกะเหรี่ยงสะกอ แม่แจ่ม และการดำรงอยู่ของความเชื่อดั้งเดิมในรูปแบบใหม่ตามแต่ละวิธีปฎิบัติในศาสนาอื่น ๆ รวมถึงการหันกลับมาสืบทอดความเชื่อดั้งเดิมของกะเหรี่ยงสะกอ (หน้า 1) |
|
Ethnic Group in the Focus |
กะเหรี่ยงสะกอ แม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
กันยายน ค.ศ.1997 - ตุลาคม ค.ศ.1998 |
|
History of the Group and Community |
หมู่บ้านกะเหรี่ยงแห่งนี้มีการปลูกฝิ่น โดยเริ่มต้นจากกลุ่มครอบครัวม้งต่อมาได้มีชาวเมืองภาคเหนือขึ้นมาทำไร่ฝิ่น กะเหรี่ยงได้เข้าไปเป็นแรงงานในพื้นที่ไร่ฝิ่นเหล่านั้น การปลูกฝิ่นได้กลายเป็นสิ่งผิดกฏหมายในปี ค.ศ.1958 เป็นต้นมา การปราบปรามจากรัฐทำให้พื้นที่ปลูกลดน้อยลงจนกระทั่งหมดไปในช่วงปี 1987 และได้มีการเข้ามาของทหารพรรคคอมมิวนิสต์ในช่วงปี 1970 ในหมู่บ้าน มีชาวบ้านบางส่วนเข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่มีปัญหากับรัฐในเรื่องต่าง ๆ เช่น ต้มเหล้าเถื่อน ตัดไม้ ภายหลังการถอยออกของทหารในช่วงปี ค.ศ. 1981 ได้เริ่มมีโครงการพัฒนาของรัฐเข้ามาในพื้นที่หมู่บ้าน เช่น โครงการประปาแม่แจ่ม การสร้างถนน และโครงการอื่น ๆ จากองค์กรต่างประเทศได้เข้ามาในหมู่บ้านเช่นเดียวกัน ( หน้า 2-3) |
|
Demography |
กะเหรี่ยงทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในบริเวณพม่า-ไทย มีจำนวนประมาณ 3-4 ล้านคน สำหรับในประเทศไทยมีกะเหรี่ยงประมาณ 321,000 คน หรือ 46% ของกลุ่มชาติพันธุ์บนพื้นที่สูงในประเทศไทย (การสำรวจประชากรชาวเขาปี 1995) |
|
Economy |
โครงการพัฒนาพื้นที่แม่แจ่ม ในช่วงปี 1981 ได้เกิดการสร้างถนน โรงเรียน ธนาคารข้าว อนามัย การจัดตั้งกลุ่มแม่บ้าน และสนับสนุนการเลิกปลูกฝิ่น การักษาป่ารวมถึงการปลูกพืชเศรษฐกิจ และในปี 1983-1992 องค์กร CARE ได้เข้ามาสนับสนุนการพัฒนาเน้นการปลูกผลไม้ และในปี 1997 องค์กร CARE ได้จัดโครงการชุมชนร่วมอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เช่น การรักษาป่าไม้ และการเพาะปลูกพืชยืนต้น แทนที่การทำไร่หมุนเวียน เพื่อป้องกันการถางป่า นอกจากนี้ ยังมีโครงการภายใต้การสนับสนุนของรัฐอีกมากมายในการพัฒนาพื้นที่ในบริเวณนี้ (หน้า 2) |
|
Social Organization |
ในช่วงสามสิบปีที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อครอบครัวของกะเหรี่ยงเป็นอย่างมากคือ การที่บางครอบครัวย้ายออกจากหมู่บ้านเพื่อไปอยู่ในป่าในโครงการฟื้นฟูป่าของกรมป่าไม้ เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมาได้ย้ายกลับเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านอีกครั้งภายหลังจบโครงการ แต่อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐและกลุ่มชาวบ้านยังคงอยู่ ซึ่งถือได้ว่าเป็นรูปแบบความสัมพันธ์ทางสังคมแบบใหม่ที่เกิดขึ้น ส่งผลให้กะเหรี่ยงกลุ่มนี้มีแนวคิดใหม่ในการนับถือศาสนาที่หลากหลายมากขึ้นหรือไม่ยึดถือแบบปฎิบัติ ในศาสนาใด ๆ (หน้า 3) และในช่วงที่กะเหรี่ยงติดฝิ่นได้มีกะเหรี่ยงจำนวนมากเข้าไปทำไร่ฝิ่นเพื่อแลกกับฝิ่น สามีและภรรยาไม่ได้อยู่ด้วยกัน ต่างแยกกันไปทำงานในไร่ฝิ่นทิ้งให้เด็กไว้ตามลำพัง เกิดความสัมพันธ์กับผู้หญิงหรือผู้ชายอื่น และการแยกทางกันของครอบครัวส่งผลต่อความสัมพันธ์ที่ไม่แน่นอนภายในครอบครัว (หน้า 10-11) |
|
Political Organization |
ในช่วงปี 1970 - 1980 มีกลุ่มทหารคอมมิวนิสต์ไทยเข้ามาในบริเวณหมู่บ้าน กะเหรี่ยงบางคนได้เข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ กลุ่มคนที่เข้าร่วมส่วนใหญ่คือกลุ่มที่มีปัญหากับรัฐ เช่น จากปัญหาการตัดไม้ ต้มเหล้าเถื่อน เป็นต้น (หน้า 2-3) |
|
Belief System |
พิธีกรรมที่สำคัญของกะเหรี่ยงอาจกล่าวได้ว่ามี 2 แบบคือ 1 พิธีเกี่ยวกับ Three ka ja - kaw ka ja และ 2 พิธีเกี่ยวกับการนับถือผีบรรพบุรุษ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการทำ Ta ma khae พิธี Three ka ja -Kaw ka ja เป็นพิธีกรรมดั้งเดิมที่จัดขึ้นโดยผู้นำหมู่บ้าน ( He Kho) ปัจจุบันหมู่บ้านไม่มีผู้นำมานานกว่า 50 ปี แต่พิธียังคงได้รับการสืบทอดอยู่ เช่น พิธี Lua Ta เป็นพิธีบวงสรวงและขอขมาต่อลำห้วย (หน้า 6) การนับถือผีบรรพบุรุษ ในปัจจุบันมีเพียงบางครอบครัวที่ยังนับถือผีบรรพบุรุษ และจัดให้มีสถานที่เซ่นไหว้ผีภายในบ้าน และมีการทำพิธี Ta ma khae เมื่อมีการเจ็บป่วยของคนในครอบครัว การนับถือผีบรรพบุรุษจะมีการสืบทอดในสายมารดา และผู้หญิงดูเหมือนจะมีบทบาทสำคัญในการกระทำพิธีกรรมมากกว่าผู้ชาย (หน้า 7) การรับศาสนาคริสต์ส่วนใหญ่จะเป็นการรับเอาอำนาจของพระเจ้ามาแทนที่ Ta ma khae กะเหรี่ยงสะกอคนแรกในหมู่บ้านที่เปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์ เมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้วกล่าวว่า เขาเปลี่ยนมานับถือคริสต์เนื่องจากภรรยาของเขาป่วยมากและกระทำพิธีเซ่นไหว้ผีแล้วแต่ยังไม่ได้ผล จึงเปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์จนถึงปัจจุบัน สำหรับการนับถือศาสนาพุทธ ในปี 1980 มีกะเหรี่ยงบางกลุ่มติดตามครูบาขาวปี๋ พระสงฆ์ในพุทธศาสนาแบบล้านนา ที่ยังคงมีความเชื่อในเรื่องของผีรวมอยู่ด้วย และได้มีการสร้างวัดในหมู่บ้าน 10 ปีที่ผ่านมา กะเหรี่ยงที่นับถือพุทธได้จัดทำพิธีกรรมทางศาสนาในรูปแบบเดียวกันกับแบบปฏิบัติในการนับถือศาสนาพุทธของชาวภาคเหนือในพื้นที่แม่แจ่ม (หน้า 8) |
|
Education and Socialization |
กลุ่มคนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่เข้ารับการศึกษาแบบใหม่ และไม่ได้ให้ความสำคัญกับศาสนา หรือภูมิปัญญาท้องถิ่นมากนัก แต่ก็ยังมีบางกลุ่มที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับ รูปแบบการมีผู้นำหมู่บ้าน และความเชื่อในแบบดั้งเดิมของชุมชน (หน้า 10) |
|
Health and Medicine |
การเจ็บป่วยอาจเกิดจากการกระทำผิดผี (Ta ma khae) ซึ่งต้องมีการทำพิธีเพื่อเลี้ยงผีเพื่อให้อาการเจ็บป่วยหายไป (หน้า 11) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
มีการรวมตัวกันในการประกอบพิธีบวงสรวงและขอขมาต่อแม่น้ำของกะเหรี่ยงสะกอและชาวภาคเหนือที่ใช้ลำห้วยเดียวกัน โดยผู้เข้าร่วมมีทั้งกลุ่มที่นับถือศาสนาดั้งเดิม ศาสนาพุทธและศาสนาคริสต์ (หน้า 8) ความสัมพันธ์ระหว่างกะเหรี่ยงกับเจ้าหน้าที่รัฐอันเกิดจากการเข้าไปเป็นลูกจ้างในโครงการฟื้นฟูป่าของกรมป่าไม้ ส่งผลให้พวกเขาสร้างความสัมพันธ์ทางสังคมแบบใหม่ขึ้น และมีผลต่อการรับแนวคิดใหม่ทางด้านการนับถือศาสนาของกะเหรี่ยง (หน้า 3) |
|
Social Cultural and Identity Change |
แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงความเชื่อไปจากเดิมไปเป็นการนับถือศาสนาพุทธ หรือ ศาสนาคริสต์ ความเชื่อแบบดั้งเดิมยังคงอยู่ แต่มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบปฏิบัติในการเลี้ยงผีขึ้นผสมผสานเข้ากับการนับถือศาสนาแบบใหม่ ถ้านับถือศานาพุทธการเลี้ยงผีจะทำผ่านการถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์ที่วัด สำหรับในกลุ่มกะเหรี่ยงสะกอที่นับถือศาสนาคริสต์ ในช่วงฤดูการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวก็จะมีการให้เงินบาทหลวงเพื่อขอให้ท่านประกอบพิธีกรรมเพื่อผลผลิตจะไม่เสียหาย เป็นต้น นอกจากนี้ มีบางครอบครัวที่ได้หันกลับมานับถือความเชื่อแบบดั้งเดิมอีกครั้งเมื่อเกิดอาการเจ็บป่วยและรักษาไม่หาย โดยเฉพาะการกลับมาสืบทอด ผีบรรพบุรุษ (Au khae ) (หน้า 11-12) |
|
|