|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ม้ง,การแต่งงาน,การเปลี่ยนแปลง,ภาคเหนือ |
Author |
Peter Kunstadler |
Title |
Hmong Marriage Patterns in Thailand in Relation to Social Change |
Document Type |
บทความ |
Original Language of Text |
ภาษาอังกฤษ |
Ethnic Identity |
ม้ง,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ม้ง-เมี่ยน |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
45 |
Year |
2547 |
Source |
Hmong/miao in Asia edited by Nicolas Tapp, Jean Michaud, Christian Culas, and Gar Yia Lee สำนักพิมพ์ Silkworm Books.pp.375-420. |
Abstract |
ผู้เขียนศึกษาพฤติกรรมการแต่งงานและทัศนคติการแต่งงานแบบต่าง ๆ ของม้งในจังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน น่าน เพชรบูรณ์และตาก โดยใช้การอธิบายเชิงปริมาณ (a quantitative description) เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพเศรษฐกิจและสังคมอย่างรวดเร็วส่งผลต่อแบบแผนการแต่งงานแบบดั้งเดิมของม้ง ผู้เขียนจึงเห็นว่าความแตกต่างของพฤติกรรมการแต่งงานและทัศนคติต่อการแต่งงานแบบต่างๆน่าจะสัมพันธ์กับความแตกต่างในการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมและความแตกต่างทางเศรษฐกิจสังคมภายในสังคมม้ง (น.375) ผู้เขียนพบว่าแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งอิทธิพลทางวัฒนธรรม แต่ม้งก็ยังคงรักษาแบบแผนการแต่งงานดั้งเดิมของตนอยู่ (น.394) |
|
Focus |
แบบแผนการแต่งงานของม้งที่สัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงทางสังคม |
|
Theoretical Issues |
ผู้วิจัยมีสมมุติฐานต่าง ๆ ว่า แบบแผนการแต่งงานของม้งจะเปลี่ยนไปมีลักษณะ "สมัยใหม่" มากขึ้น หากชุมชนม้งมีการติดต่อกับสังคมไทยมากขึ้น และลักษณะทางเศรษฐกิจของท้องถิ่นที่อาศัยมีความทันสมัยมากขึ้น จากการศึกษาผู้วิจัยพบหลักฐานทั้งที่สนับสนุนและไม่สนับสนุนสมมุติฐานดังกล่าว ซึ่งพอจะสรุปได้ดังนี้ 1) อายุการแต่งงาน ก. ความสัมพันธ์กับระยะทางการไปถึงตลาด ถึงแม้ว่าชุมชนม้งจะมีการติดต่อกับสังคมไทยมากขึ้น โดยดูจากตัวชี้ซึ่งเป็นระยะทางการเดินทางจากชุมชนไปยังตลาด แต่อายุการแต่งงานครั้งแรกของหญิงและชายก็นับนับว่าแทบไม่เปลี่ยนแปลง เพราะเป็นการแต่งงานที่อายุยังน้อย ข. ความสัมพันธ์กับระดับการศึกษา ส่วนระดับการศึกษาส่งผลต่อการแต่งงานของผู้ชายที่จะแต่งเมื่ออายุมากขึ้น แต่ไม่ส่งผลในกรณีของผู้หญิง เพราะผู้หญิงถูกจำกัดในการเข้าถึงระบบการศึกษา ค. ความสัมพันธ์กับเศรษฐกิจสมัยใหม่ ผู้วิจัยสันนิษฐานว่า การเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขทางเศรษฐกิจไ ม่มีผลกระทบต่ออายุการแต่งงาน อาจเป็นเพราะว่าระบบการจ่ายสินสอดของม้งสามารถทำได้ในระยะยาว ช่วยให้ผู้ชายม้งสามารถแต่งงานได้เมื่ออายุยังน้อยและยังไม่ต้องมีฐานะดีนัก 2) การขออนุญาตแต่งงานและการพาหนี ผู้วิจัยพบว่า ม้งมีทัศนะที่นิยมขออนุญาตแต่งงานในสัดส่วนสูงกว่าการพาหนีในชุมชนที่อยู่ใกล้ตลาด แต่เงื่อนไขสำคัญในการอธิบายการเปลี่ยนแปลงทัศนคตินี้ คือ คุณลักษณะของผู้ตอบคำถามในเรื่องศาสนาและการศึกษามากกว่าลักษณะของชุมชน 3) ระยะเวลาของการคุ้นเคยกันก่อนแต่งงาน ผู้วิจัยคาดว่าในชุมชนที่ใกล้ตลาดน่าจะมีคู่สมรสที่รู้จักกันในระยะสั้น ๆ น้อยกว่า แต่ผลการศึกษาไม่เป็นไปตามที่คาด 4) การแต่งงานแบบภรรยาหลายคน (polygynous marriage) มีอัตราเพิ่มสูงขึ้นเมื่อไม่กี่ปี แม้ว่า จะตระหนักกันทั่วไปว่าการมีภรรยาหลายคนผิดกฎหมายในประเทศไทย และในหมู่ม้งที่นับถือคริสต์ก็ยังคงมีการแต่งงานแบบนี้อยู่ในอัตราเดียวกันกับคนที่ไม่ได้นับถือคริสต์ ถึงแม้ว่าความเชื่อของคริสต์จะถือว่าการมีภรรยาหลายคนเป็นบาปก็ตาม ผลอันนี้ตรงกันข้ามกับสมมุติฐานที่ว่า ศาสนาคริสต์เป็นดัชนีของการผสมผสานทางวัฒนธรรม (acculturation) (น.395) แต่ในกลุ่มคนที่อยู่ใกล้ตลาดจะมีการแต่งงานแบบภรรยาหลายคนน้อยกว่าคนที่อยู่ห่างไกล ซึ่งสอดคล้องกับสมมุติฐาน ขณะเดียวกัน การแต่งงานแบบนี้ก็มีความถี่น้อยกว่าในกลุ่มผู้ชายที่มีการศึกษาเมื่อเทียบกับคนที่ไม่มีการศึกษา ซึ่งก็เป็นตามสมมุติฐานว่า ผู้ชายที่คุ้นเคยกับบรรทัดฐานทางวัฒนธรรมไทยจะแต่งงานแบบภรรยาหลายคนน้อยกว่า (น.396) 5) การตั้งถิ่นฐานหลังแต่งงานแบบปิตุภูมิ ม้งยังคงตั้งถิ่นฐานข้างฝ่ายชาย (patrilocal) แม้ว่าสังคมไทยจะตั้งถิ่นฐานข้างฝ่ายหญิง(matrilocal) หรือแยกเป็นอิสระ (neolocal) ซึ่งตรงข้ามกับสมมุติฐาน (น.396) |
|
Ethnic Group in the Focus |
ม้งในภาคเหนือ 5 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน น่าน เพชรบูรณ์ และตาก (น.380) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
ระหว่างปี ค.ศ. 1987 - 1988 เก็บข้อมูลระดับชุมชน ระหว่างปี ค.ศ. 1987 - 1989 เก็บข้อมูลระดับครัวเรือน และในปี ค.ศ. 1991 และ ค.ศ. 1993 เก็บข้อมูลทัศนคติการแต่งงาน (น.380) |
|
History of the Group and Community |
|
Demography |
ไม่ได้กล่าวถึงรายละเอียดเกี่ยวกับลักษณะประชากร หากกล่าวถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพเงื่อนไขทางเศรษฐกิจและสังคมว่า ทำให้ม้งปรับตัวทางด้านประชากร ได้แก่ การยอมรับความจำเป็นในการจำกัดขนาดครอบครัว การใช้วิธีการวางแผนครอบครัวสมัยใหม่ การลดลงอย่างรวดเร็วของอัตราการเจริญพันธุ์ระหว่างปี ค.ศ.1982-1987 การตระหนักประสิทธิภาพการดูแลสุขภาพสมัยใหม่ และการลดลงอย่างรวดเร็วของอัตราการตายในเด็กและทารก การเข้าโรงเรียนแพร่หลายเพิ่มขึ้นทั้งเด็กหญิงและเด็กชายอันเนื่องจากการขาดแคลนที่ดินและเด็ก ๆ ต้องการการศึกษาเพื่อหาเลี้ยงชีพ การยอมรับเครื่องจักรและเคมีทางการเกษตรเพื่อประหยัดแรงงานซึ่งลดความต้องการแรงงานในครัวเรือน (น.378) |
|
Economy |
ไม่ได้กล่าวถึงรายละเอียดเกี่ยวกับลักษณะเศรษฐกิจของม้ง หากกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างการแต่งงานกับเศรษฐกิจว่า ประเพณีการแต่งงานของม้งถูกรวมเข้าไปในแบบแผนเศรษฐกิจ เนื่องจากว่าครัวเรือนแบบขยายเป็นหน่วยเศรษฐกิจพื้นฐาน ดังนั้นพ่อแม่ของเจ้าบ่าวจึงมองเจ้าสาวของลูกชายเป็นแหล่งแรงงานในครัวเรือน (น.376) และกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจในช่วงกลางทศวรรษ 1960 - กลางทศวรรษ 1980 ได้แก่ การสูญเสียที่ทำกินที่ได้มาเปล่า ๆ อันเป็นผลมาจากการควบคุมการใช้ที่ดินในป่าของรัฐบาล ปัญหาการปลูกฝิ่นเป็นพืชหลักทางเศรษฐกิจซึ่งต้องใช้แรงงานมาก การนำเทคโนโลยีทางการเกษตรเข้ามาใช้เพื่อประหยัดแรงงานรวมทั้งการใช้รถแทรคเตอร์และยากำจัดวัชพืช (น.377-378) |
|
Social Organization |
แบบแผนการแต่งงาน ตามประเพณีม้ง ทุกคนควรแต่งงานเพื่อให้กำเนิดบุตรสำหรับเป็นแรงงานในเศรษฐกิจครัวเรือนและสำหรับสืบสายตระกูล ม้งแต่งงานออกนอกตระกูลบิดา หลังการแต่งงานจะตั้งถิ่นฐานข้างตระกูลฝ่ายชาย ผู้ชายจะถูกกดดันให้แต่งงานเมื่ออายุยังน้อยเนื่องจากพ่อแม่มองบุตรชายและครอบครัวของบุตรชายในฐานะเป็นตัวช่วยทางเศรษฐกิจ และมีหน้าที่ทางสังคมในการสืบสายตระกูลเพื่อไหว้บรรพบุรุษ (น.376) ม้งมีการแต่งงานแบบภรรยาหลายคน ซึ่งผู้วิจัยกล่าวว่าแรงจูงใจของการมีภรรยาหลายคนเนื่องมาจากต้องการมีจำนวนบุตรมากขึ้น หรือต้องการบุตรชาย หรือเพื่อเพิ่มแรงงานในครัวเรือน หรือต้องการผู้หญิงคนอื่น โดยทั่วไป ผู้ชายจะปฏิบัติต่อภรรยาทุกคนและบุตรทุกคนเท่าเทียมกัน (น.382-383) การแต่งงานเป็นความเกี่ยวพันกันทั้งหมดของครอบครัวทั้งสอง การกระทำใดของสมาชิกในครอบครัวทั้งสองฝ่ายย่อมกระทบต่อชื่อเสียงของสมาชิกคนอื่น ๆ ทั้งหมด การแต่งงานจึงถูกมองว่า เป็นเวลาที่ครอบครัวทั้งสองจะต้องตกลงในเรื่องหนี้สินและข้อขัดแย้งต่าง ๆ ให้เรียบร้อย และรู้ว่าไม่มีประวัติการเป็นโรคเรื้อน พ่อแม่เจ้าบ่าวจะเจรจากับครอบครัวเจ้าสาวตกลงค่าสินสอดที่ต้องจ่ายให้แก่พ่อแม่เจ้าสาวเป็นค่าเลี้ยงดูเจ้าสาวและการสูญเสียแรงงานในครัวเรือน ในกรณีที่พ่อแม่ฝ่ายหญิงเรียกค่าสินสอดสูงมาก ฝ่ายชายก็อาจจะใช้วิธีการลักพาเจ้าสาวหรือแอบพากันหนีก็ได้ เพราะการค้างคืนกับฝ่ายชายแม้เพียงหนึ่งคืนก็ทำให้ผู้หญิงต้องแต่งงานกับฝ่ายชาย นอกจากนั้นพ่อแม่ก็มีแรงกดดันทางสังคมเกี่ยวกับลูกสาว ถ้าลูกสาวไม่แต่งงาน ลูกสาวก็จะถูกว่านินทาว่าเป็นคนไม่ดีและพ่อแม่ก็จะโดนตำนิ (น.376-377) |
|
Education and Socialization |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
(ดูใน Theoretical Issues) |
|
|