ภาพ ลักษณะคนยอง เมืองลำพูน เป็นคนที่มีรูปร่างดี ส่วนใหญ่ไม่อ้วน มีผิวเนียน และหน้าตายิ้มแย้ม (หน้า 2) ภาพถ่ายทางอากาศจาก googleearth.com แสดงบริเวณ สบยอง ประเทศเมียนมาร์ (หน้า 3)สบยองภาพที่คณะสำรวจชาวฝรั่งเศส Francis Garneierเขียนเมื่อ พ.ศ. 2410(หน้า 4, 5) บ้านเวียงยอง ที่เจ้าฟ้าหลวงยองได้อพยพมาตั้งบ้านเรือน (หน้า 12) เมืองยอง เมื่อพ.ศ. 2536ในช่วงประเพณีปอยหลวง (หน้า 20)จากซ้าย :พระยากาวิละ เจ้าอุปราชธรรมลังกา และเจ้าบุรีรัตน์คำฟั่น (หน้า 22)วัดฉางข้าวน้อย อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน สร้างขึ้น 23ปี หลังการอพยพเมืองยองสู่ลำพูน โดยมีผู้นำชุมชนมากมายช่วยกันสร้างตามแบบแผนวัดที่เมืองยอง (หน้า 24)
แอ่งที่ราบป่าซาง เทือกเขาข้างหน้านั้นคือดอยสุเทพ (หน้า 25) บุคคลนั่งขวามือคือเจ้าหนานหมื่น วงศ์สาม สกุลเจ้าเมืองยอง, กูบรรจุอัฐิเจ้าเชื้อสายยอง วัดหัวขัว (หน้า 26) ต้นมะม่วงที่ชาวยองเพาะไว้ระหว่างทาง อายุกว่า 200ปี ที่บ้านประตูป่า, แม่น้ำกวงช่วงไหลผ่านสบทา (หน้า 27) เสาอินทขีลที่ป่าซาง (หน้า 28) พระธาตุจอมยองจำลองที่วัดฉางข้าวน้อยเหนือ โดยพระครูเวฬุวันพิทักษ์ (หน้า 29) หนานปัญญา ไชยวรรณ(ยืน)เชื้อสายผู้นำไทเขินจากเชียงตุง ที่มาอยู่ลำพูนตรงที่ราบน้ำแม่ทา (หน้า 32) การแต่งกายของชาวยองในวันอนุรักษ์วัฒนธรรมของชาวยอง อำเภอป่าซางเมื่อปี 2547(หน้า 34) วัดป่าซางงาม วัดประจำองค์พระยากาวิละ (หน้า 35)
วิหารวัดบ้านล้อง (หน้า 36) วิหารวัดหนองหอย, เจดีย์ฉางข้าวน้อยเหนือ สร้างเลียนแบบพระธาตุจอมยองที่เมืองยอง (หน้า 37) วิหารวัดฉางข้าวน้อยใต้ (หน้า 38) หน้าบันไม้แกะของหอไตรวัดกองงานฝีมือสล่าชาวไทยอง (หน้า 39)พระสงฆ์วัดแม่แรงกำลังช่วยกันหุ้มหน้ากลองหลวง (หน้า 40) เจดีย์วัดต้นผึ้ง (หน้า 41) เจดีย์วัดหนองเงือก (หน้า 43) วิหารวัดดอนหลวง (หน้า 44) วิหารวัดป่าบุก (หน้า 45) หอไตรกลางน้ำวัดสันกำแพง (หน้า 51) หอไตรวัดห้วยน้ำดิบ (หน้า 54) เจดีย์วัดสารภีชัย บ้านร่องช้าง (หน้า 55) เจดีย์วัดนางเกิ้ง บ้านร่องห้า (หน้า 56) อุโบสถวัดหนองสมณะ (หน้า 57)เจดีย์วัดโป่งรู (หน้า 58) ลายเส้นเรือนชาวยองที่เมืองยอง (หน้า 62)
การออกแบบหลังคาจั่วแบบมะนิลาซ้อนสันหลังคาเชื่อมต่อกันบ้านนายชุม จอมขันเงิน ตำบลมะกอก, กระบะที่ล้างเท้า คุ้มเจ้ายอดเรือน (หน้า 63) ซ้าย- หลังคาคุ้มบันไดทางขึ้น บ้านนายวัง ใจจิตร ตำบลมะกอก, กลาง- ฮ่อมจกบ้านนายมา ธิยะ ตำบลทุ่งหัวช้าง, ขวา- ใต้ถุนเรือน บ้านนายวัง ใจจิตร ตำบลมะกอก (หน้า 64) ทำยันต์บ้านยองนายไพรินทร์ ปาคำ ตำบลท่ากาน, ต๊อมน้ำ บ้านนายสิงห์คำ ปินตาวนา ตำบลประตูป่า (หน้า 65) สองภาพบนเป็นลวดลายฉลุไม้บ้านนายวัง ใจจิตร ตำบลมะกอก ส่วนภาพล่างมาจากบ้านนายชุม จอมขันเงินตำบลมะกอก สะระไนปั้นปูนและระเบียงหล่อปูนบ้านนายวัง ใจจิตร ตำบลมะกอก (หน้า 66) บ้านนายสิงห์คำ ปินตาวนา ตำบลประตูป่า, โครงหลังคาและบ้านนายจัน นันทพรหม ตำบลเมืองง่า (หน้า 67)
แม่พิมพ์กระเบื้องซีเมนต์ นายวัง ใจจิตร ตำบลมะกอก (หน้า 68) เรือนพ่อจูภิญโญคำ ตำบลมะกอก อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน ,เติ๋น (หน้า 69) ด้านหน้าห้องนอน, ฮ้านน้ำที่ทำยื่นไปข้างนอก, ห้องครัว (หน้า 70) บันไดบ้าน, ประตูและหน้าต่าง (หน้า 71) เรือนพ่อชุม จอมขันเงิน ตำบลมะกอก อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน (หน้า 72)ด้านหลังหลองข้าว, บันไดและหัวบันได, สะระไนเหนือจั่วบ้าน (หน้า 73) ลายฉลุช่วงโถงบันได (หน้า 74) เรือนแม่บัวลา ใจจิตร เลขที่ 48 หมู่ที่ 4ตำบลมะกอก อำเภอป่าซางจังหวัดลำพูน (หน้า 75) เติ๋นที่สามารถใช้งานได้หลายรูปแบบ (หน้า 76) ห้องนอนของแม่บัวลาและห้องพัก (หน้า 77)
หลองข้าวติดตัวบ้าน, ประตูเชื่อมหลองข้าว, ฮ้านน้ำ, ห้องครัว, ระเบียงเชื่อมเรือน, (หน้า 78)สองภาพบนเป็นบันได และเชิงชายด้านหน้าและหลังเรือน ส่วนภาพล่างเป็นหลังคาทรงจั่ว และการประดับด้วยสะระไนเหนือจั่ว (หน้า 79) บ่อน้ำหน้าเรือน ล้อมรอบด้วยต้นดีปลี (หน้า 80) หลองข้าว, ชานเรือน, ไม้ฉลุเหนือบันไดด้านหน้า ภาพขวาติดอยู่ด้านข้าง (หน้า 82) เรือนพ่อศักดิ์ กันทะยวง (หน้า 83)ห้องครัวที่มีลักษณะโล่ง ระบายอากาศและกลิ่นได้ดี, หน้าต่างลูกกรงสายบัว และกรอบลายฉลุระบายอากาศ, ไม้ฉลุลายตรงโถงบันได, หอผีของบ้าน (หน้า 84) เรือนนางปี้ โชตินันท์ (หน้า 85) บันไดขึ้นเรือน ทำราวจับแบบเรียบง่าย มีบังแดดฉลุลายตรงโถงบันได และจั่วที่มีแผงปูนหล่อสวยงาม, ต๊อมน้ำโบราณ (หน้า 86)
ภาพปูนปั้นที่วัดบ้านเหล่าพระเจ้าตาเขียว เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของวัด (หน้า 91) เนินดินที่มีซากกองปกคลุมด้วยหญ้า สันนิษฐานว่าเป็นซากวัดร้างก่อนการสร้างวัดใหม่บนที่เดิมซึ่งอยู่ในเขตของวัดท่าก่อม่วง (หน้า 92) เจดีย์แบบพม่าในเขตบ้านสบทายังไม่มีการบูรณะ (หน้า 92) กู่บรรจุอิฐครูบา (หน้า 93) ภาพจารึกที่มีการจำลองขึ้นใหม่ โดยใช้ข้อมูลจากเดิมที่มีการจารึกไว้ เมื่อ จ.ศ. 1156 (พ.ศ. 2337) ปัจจุบันตั้งอยู่ในวิหารพระนอน วัดพระนอนม่อนช้าง ตำบลมะกอก อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน (หน้า 93) ภาพเขียนตามคำบอกเล่าประวัติของครูบาชัยยะวงศาลพัฒนา ซึ่งอุปสมบท โดยมีครูบา พรหมจักร วัดพระพุทธบาทตากผ้า เป็นพระอุปัชฌาย์ ภาพนี้อยู่บนผนังกำแพงแก้ว วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน (หน้า 94)
ภาพเปรียบเทียบรูปแบบพระธาตุดอยสุเทพ(ซ้าย) และพระธาตุจอมยอง(ขวา) (หน้า 98)พระธาตุหริภุญไชย ต้นแบบหนึ่งของเจดีย์ของชาวยอง, วัดพระบาทตากผ้า, วัดป่าซางงาม, วัดช้างค้ำ, วัดพระนอนม่อนช้าง, เจดีย์ทรงกลมฐานย่อเก็จสวยงามมาก วัดหนองเงือก (หน้า 99) เจดีย์วัดตีนดอย เจดีย์วัดนางเกิ้ง และเจดีย์วัดบ้านเหล่าพระเจ้าตาเขียว จังหวัดลำพูน ตามลำดับ จัดเป็นเจดีย์ที่มีรูปแบบที่ผสมผสานระหว่างองค์ประกอบของเจดีย์หลายแบบ ซึ่งเป็นลักษณะของงานช่างพื้นบ้านที่มีอิสระในการสร้าง และกำหนดรูปแบบ (หน้า 100) เจดีย์วัดกอม่วง, เจดีย์วัดสันกำแพง, เจดีย์วัดสะปุ๋งน้อย, เจดีย์วัดดอนหลวง, เจดีย์วัดป่าตาล, เจดีย์วัดฉางข้าวน้อยใต้ อีกแบบหนึ่ง (หน้า 101) วิหารไม้วัดฉางข้าวน้อยเหนือ ภาพการบูรณะลวดลายไม้แกะตกแต่งหน้าบันโดยการทาสีน้ำมันสีแดง(ขวาบน) หน้าบันก่อนการบูรณะ (ซ้าย) และโครงสร้างม้าต่างไหม (ขวาล่าง) (หน้า 103)
วิหารพระนอน(ด้านหลัง) วัดพระนอนม่อนช้าง จังหวัดลำพูน มีอุโบสถอยู่ด้านทิศเหนือ ภาพถ่ายจากทิศตะวันตกเฉียงเหนือ (หน้า 104) วิหารวัดหนองเจดีย์ สร้างตามแบบของครูบาเขื่อนคำ (หน้า 104)วิหารวัดท่ากอม่วง โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก (หน้า 104) วิหารทรงปราสาทวัดฉางข้าวน้อยใต้, ซุ้มโขงด้านหลังพระประธาน วัดฉางข้าวน้อยใต้ (หน้า 105) ลวดลายหน้าบันวิหารวัดฉางข้าวน้อยใต้ (หน้า 106) วิหารวัดป่าซางงาม ภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปบนฐานชุกชีที่มีความสูงซึ่งก่อทับซุ้มโขงที่ประดิษฐานพระพุทธรูปเดิมไว้ภายใน มีส่วนบนของซุ้มโขงที่โผล่ออกมาเป็นชั้นบัวถลาขนาดใหญ่ และยอดปราสาท โดยด้านล่างของฐานชุกชีเป็นประตูเพื่อเปิดเข้าไปนมัสการพระพุทธรูปภายในซุ้มโขงไต้ (หน้า 106)
อุโบสถวัดพระนอนม่อนช้าง ด้านหลัง และด้านทิศเหนือ ตั้งอยู่ด้านทิศเหนือของวิหารพระนอน หรือตั้งอยู่ด้านหลังองค์พระนอน ลักษณะเป็นอาคารทรงโรง หลังคาซ้อนสองชั้น เครื่องบนประดับตกแต่งด้วยช่อฟ้ารวยระกามีลักษณะเป็นตัวเหงา และสันหลังคา ประดับปราสาทเฟื้อง (หน้า 107) ด้านในอุโบสถวัดพระนอนม่อนช้าง มีลักษณะเป็นโถง ไม่มีเสาร่วมในเนื่องจากอาคารขนาดเล็ก จึงใช้คานไม้ขนาดใหญ่พาดผนัง และใช้เสาตุ๊กตาถ่ายน้ำหนักจากหลังคาลงสู่คาน และผนังตามลำดับ ส่วนภาพใหญ่ และสองภาพขวาเป็นการตกแต่งหน้าบันด้วยสะตายจิน (หน้า 108) ภาพบนคืออุโบสถวัดตีนดอย ภาพกลางเป็นอุโบสถวัดช้างค้ำ ลำพูน ส่วนภาพล่างคืออุโบสถวัดป่าเหียงที่มีลายหน้าบันสวยงามมาก (หน้า 109) อุโบสถวัดสันกำแพง มีการจารึกด้านข้างพระประธานในอุโบสถระบุปีที่บูรณะปฏิสังขรณ์ใน พ.ศ. 2493 อุทิศถวาย พ.ศ. 2494(หน้า 110) อุโบสถวัดบ้านไร่ (หน้า 110) อุโบสถวัดหนองโจง บูรณะโดยครูบาเขื่อนคำเมื่อปี 2520โดยยังคงผนังศิลาแลงไว้ (หน้า 110)
อุโบสถวัดหนองเจดีย์ บูรณะโดยครูบาพรหมา, อุโบสถวัดนางเกิ้ง พ.ศ. 2518 อุโบสถวัดกอม่วง พ.ศ. 2521, อุโบสถวัดฉางข้าวน้อยใต้, อุโบสถวัดบ้านเหล่า พ.ศ. 2525-2531, อุโบสถวัดแม่แรง พ.ศ. 2527-2529, อุโบสถวัดบ้านหวาย พ.ศ. 2525 (หน้า 111) หอไตรวัดสันกำแพง, หอไตรวัดป่าเหียง สร้าง พ.ศ. 2438 บูรณะ พ.ศ. 2530,หอไตรวัดแม่แรง, หอไตรวัดป่าซางงาม, หอไตรวัดน้ำดิบ, หอไตรวัดฉางข้าวน้อยใต้ (หน้า 112) หอไตรวัดหนองหอย ใช้วงกบและคานไม้ในการสร้างช่องแสง ทำให้บานประตู และหน้าต่างเป็นบานสี่เหลี่ยม แต่งด้วย แต่ชั้นล่างประดับตกแต่งด้วยวงโค้งด้านบน (หน้า 113) หอไตรวัดดอนตอง (หน้า 113) บนซ้าย ไซดักกบ บ้านบวกค้าง เชียงใหม่ บนขวา สุ่มก่อง หรือสุ่มซี่ สันกำแพง เชียงใหม่ กลางซ้าย ตุ้มเอยี่ยน สันกำแพงเชียงใหม่ กลางขวา สุ่มไก่ หรือ ก๋วยไก่เมืองยอง ล่าง ไซบ่าหลอด (หน้า 114)
ตูบอย่างร่างเรือน หรือเรือนเครื่องเมืองยอง (หน้า 116) พื้นฟากเมืองยอง (หน้า 117) รั้วตาแสง, รั้วสะลาบ (หน้า 118) สาดตองขาว แม่ค้านำขอมาขายที่ตลาดเช้าเมืองยอง (หน้า 119) สาดตองขาวเชียงใหม่, สาดผิว ใช้ปูพื้นเชียงใหม่ (หน้า 119) ไซหัวหมู สันกำแพง เชียงใหม่ (หน้า 120) ไซหัวหมูใหญ่ (หน้า 121) ไซบ่าหลอด (หน้า 121) ไซบั้ง (หน้า 121) หลืบ, ไซโต้ง หรือหลืบใหญ่ (หน้า 122) ไซดักกบหรือแอบดักกบ (หน้า 123) ตุ้มเอยี่ยน หรือตุ้มดักปลาไหล (หน้า 123) สุ่มก่อง หรือสุ่มซี่ (หน้า 124) สุ่มไก่หรือโขง (หน้า 125) หมงหรือข้องดักปลา เชียงใหม่ (หน้า 125) ข้องขนาดใหญ่ เมืองยอง (หน้า 126) ข้องเขียด หรือป่อมเขียด, แซะ (หน้า 126) ตุ้มไก่ ก๋วยไก๋ หรือก๋วยหมู , แอ็บข้าว (หน้า 127) อุ๊กข้าวใบลานหรือใบตาล (หน้า 128) ด้ง-ตาทึบ เทิง- ตาห่าง (หน้า 128) เสวียนเก็บข้าวเปลือกที่เมืองยอง นิยมตั้งไว้ชิดเรือน โดยต่อชายคาคลุมกันแดดและฝน, ก๋วยตาห่างแบบก๋วยกล้า (หน้า 129)
ก๋วยผัก ด้านซ้าย และก๋วยกล้า ด้านขวา (หน้า 130) ก๋วยจุกหรือก๋วยขี้ปุ๋ม (หน้า 130) ก๋วยตีนช้าง (หน้า 130) ปุ้งกี๋ (หน้า 131) ปุ้งกี๋ใช้ตักดิน (หน้า 131) ซ้าลอม (หน้า 131) ส้อหล้อ, วี, ต๋าง (หน้า 132) บุงไทยอง เชียงใหม่ (หน้า 133) บุงตีบ เมืองยอง (หน้า 133) ซ้าหวดบ้านบวกค้าง, ซ้าหวดและไหไม้ (หน้า 134) น้ำถุ้ง (หน้า 135) กุบ, ตาแหลวหรือเฉลว (หน้า 136) รั้วราชวัตร (หน้า 137) รูปแบบผ้าทอผ้าปักของไทยอง มีการเลือกใช้สีทั้งสีที่ใช้ส่วนตัว และสีสันเพื่อแสดงออกทางสังคม เป็นสิ่งแสดงถึงรสนิยมทางศิลปะของพวกเขา (หน้า 138) ที่นอน หรือสะลี ไทยอง หน้าสะลีเป็นผ้าทอลายขิต กุ๊นขอบดำ (หน้า 139) ผ้าหลบเมืองยอง โครงสร้างผ้าหลบ ผ้าสองชิ้นนำมาเย็บต่อกันตามความยาว (หน้า 140) ผ้าหลบหรือผ้าปูที่นอน ทอด้วยฝ้ายย้อมสี ใช้เทคนิคขิด ให้เกิดลวดลายต่างๆ คือบนซ้าย ลายนกเกาะสิงห์ บนขวา ลายนกหัสดีลิงค์ กลางซ้าย ลายม้า กลางขวา ลายขอไล่ ล่างซ้ายลายดอกจัน และล่างขวา ลายช้างต่างปราสาท (หน้า 141)
ผ้าห่มดำและแดงลายงูลอย สลับลายดอกหน่วย, ผ้ากั้งเมืองยอง (หน้า 142)หมอนหก, หมอนวงเดือน, หมอนผา, (หน้า 143) หมอนวงเดือน หมอนปล่อง หมอนผา และอาสนะถวายเป็นพุทธบูชา (หน้า 143) ผ้าเช็ดเมืองยอง (หน้า 144) (หน้า 144)
แผนที่ ที่อาณาเขตที่ตั้งวัดสำคัญ และตำแหน่งของไม้สะหลีคำของเมืองยอง (หน้า 7) ตั้งเมืองยองอยู่ทางทิศตะวันออกของประเทศเมียนมาร์ (หน้า 17) อินโดจีนสมัยรัตนโกสินทร์ (หน้า 19)
แผนภูมิ โครงสร้างการปกครองเมืองลำพูน พ.ศ. 2354(หน้า 23)
แผนผัง ผังเรือพ่อชุม จอมขันเงิน (หน้า 74) เรือนและผังเรือนพ่อไร มายาง (หน้า 81) ผังเรือน (หน้า 86) ผังวัดพระธาตุหริภุญไชย, วัดป่าซางงาม, วัดท่าตุ้ม, วัดกอข่า, วัดป่าเหียง, วัดป่าสีเสียด (หน้า 97) |