ความเชื่อ และศาสนา
ประชาชนในพื้นที่นับถือศาสนาพุทธ และนับถือผี โดยมีวัด สี่แห่ง ได้แก่ วัดกลางบ้านดอน, วัดยางสว่างอารมณ์, วัดยางไทยเจริญผล, วัดดอนไฟไหม้ และสำนักสงฆ์บ้านหัวทำนบ และมีศาลเจ้าอีกหกแห่ง (หน้า 27 )จากการศึกษาระบุว่า พิธีกรรมของไทยทรงดำแบ่งเป็นสองคือ พิธีกรรมทางศาสนาพุทธ กับพิธีกรรมตามความเชื่อเดิมของไทยทรงดำ เช่นการเซ่นไหว้ผี การไหว้บรรพบุรุษ นอกจากนี้ในบางประเพณียังมีความใกล้เคียงกับประเพณีของจีน ผู้เขียนบอกว่าการปฏิบัติตามประเพณีของชาวไทยทรงดำส่วนหนึ่งได้แสดงถึงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ ปู่ย่าตายายที่ล่วงลับ ดังนั้นจึงทำให้เกิดความสามัคคีในสังคมไทยทรงดำ เนื่องจากการจัดระเบียบทางสังคมระดับครอบครัวใช้ระบบเครือญาติ โดยผ่านสัญลักษณ์ร่วมคือการนับถือผี นอกจากนี้ยังใช้ความเชื่อเรื่องผีเป็นสิ่งควบคุมการประพฤติปฏิบัติของสังคมไทยทรงดำให้อยู่อย่างสงบสุข (หน้า 28)
นอกจากนี้ชาวไทยทรงดำยังนำความเชื่อตามหลักศาสนาพุทธมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน เช่นการทำบุญตักบาตร เนื่องจากในอดีตไทยทรงดำจะนับถือผีเพียงอย่างเดียว แต่ปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนโดยทำพิธีทางศาสนาพุทธด้วย เช่นการนิมนต์พระมาสวดเพื่อความเป็นศิริมงคลในพิธีแต่งงาน (หน้า 67) มีการบวชพระในกลุ่มชาวไทยทรงดำ ซึ่งแต่ก่อนไม่มี (หน้า 68)ความเชื่อและการปฏิบัติทางความเชื่อจะมีความข้องเกี่ยวกับการดำรงชีวิต เช่น หากมีคนในครอบครัวเสียชีวิต ไทยทรงดำในหมู่บ้านจะหยุดงานมาช่วยงานศพ รวมทั้งคนที่นับถือผีเรือนและคนในตระกูลเดียวกัน นามสกุลเดียวกันก็จะมาช่วยงาน นอกจากนี้จะไม่ให้จัดงานแต่งงานหรือพิธีเสนเรือน หากพิธีเอาผีขึ้นเรือนยังไม่เสร็จลุล่วง (หน้า 69)
นอกจากนี้ไทยทรงดำยังเชื่อว่าการเคารพผีเรือนและผีเจ้าพ่อประจำหมู่บ้านจะช่วยให้คนในหมู่บ้านมีความร่มเย็นเป็นสุข ทำมาค้าขายเจริญก้าวหน้า เลี้ยงสัตว์และเพาะปลูกให้ผลผลิตดี ดังนั้นไทยทรงดำจึงให้ความเคร่งครัดในการทำพิธีไหว้ผีเรือนและสร้างศาลเจ้าพ่อประจำหมู่บ้านเพื่อเคารพบูชา คนไทยทรงดำมีความสนิทสนมในกลุ่มเครือญาติพี่น้องในตระกูลเดียวกัน ตัวอย่างที่เห็นได้เช่น คนที่อยู่บ้านใกล้เคียงกันจะใช้นามสกุลเหมือนกัน ดังนั้นเมื่อมีงานพิธีเสนเรือนคนที่อยู่ในตระกูลเดียวกันหรือนับถือผีเดียวกันจึงต้องเดินทางมาเข้าร่วมพิธี (หน้า 70) ด้วยความเป็นอยู่ที่นับถือผีเหมือนกัน มีตระกูลเหมือนกัน จึงทำให้ไทยทรงดำช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ทั้งในชีวิตประจำวันและเมื่อมีงานประเพณีสำคัญ เช่น งานบวช แต่งงาน งานศพ และพิธีเสนเรือน เป็นต้น (หน้า 71)
ชาวไทยทรงดำเชื่อว่ากลุ่มชาติพันธุ์ของตนสืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษ สองตระกูล ได้แก่ ตระกูลผีผู้ท้าว ซึ่งเป็นเชื้อสายชั้นเจ้านาย ทำหน้าที่เป็นชนชั้นปกครอง กับผีผู้น้อยซึ่งเป็นเชื้อสายของชนชั้นสามัญ การเซ่นไหว้ผีจะทำ “กะล้อห่อง” ไว้ในบ้าน เพื่อเป็นที่เซ่นไหว้ผีบรรพบุรุษ และในการประกอบพิธีไทยทรงดำนั้นเชื่อว่า ผีผู้ท้าวมีศักดิ์สูงกว่าผีผู้น้อย แต่ในชีวิตประจำวันทั้งสองตระกูลสามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างเท่าเทียมกัน (หน้า 20,61) ส่วนผีอื่นๆ ที่นับถือได้แก่ ผีฟ้า หรือผีแถน ซึ่งเป็นเทวดาที่อยู่บนฟ้า ทำหน้าที่ดูแล ผีบ้าน ผีเรือน ผีประจำหมู่บ้าน เพื่อดูแลเมือง หรือหมู่บ้านให้เกิดความสันติสุข ส่วนผีป่า ผีเจ้าเขาก็ให้ทำหน้าที่ดูแลป่าไม้ และทรัพยากรธรรมชาติ (หน้า 21) ส่วนความเชื่ออื่นๆของไทยทรงดำมีดังนี้
ผีเรือน หรือผีเฮือนคือผีปู่ ย่า และพ่อแม่ที่ตายไปแล้วรวมทั้งดวงวิญญาณของญาติพี่น้องในครอบครัว เมื่อเสียชีวิตไปแล้วลูกหลานจะทำพิธีเพื่อเชิญดวงวิญญาณให้มาอยู่ที่กะล้อห่อง ซึ่งไทยทรงดำเชื่อกันว่าคนนั้นตายเพียงร่างกายแต่ขวัญของคนจะยังอยู่ตลอดไป เมื่อพ่อแม่เสียชีวิตลูกหลานจะทำพิธีเพื่อเชิญดวงวิญญาณมาปกปักรักษาลูกหลานในครอบครัวให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุข ส่วนการทำพิธีเซ่นไหว้ผีเรือนนั้นจะทำทุกๆ สามปี (หน้า 60)
การเสนเรือน คือพิธีที่ไทยทรงดำจัดเพื่อเซ่นไหว้บรรพบุรุษที่ล่วงลับ ดังนั้นจึงทำพิธีเสนเรือนเพื่ออัญเชิญดวงวิญญาณของ ปู่ ย่า ตา ยายให้ขึ้นมาอยู่บนเรือน ที่ไทยทรงดำ สร้างให้อยู่เรียกว่า “กะล้อห่อง” ซึ่งในห้องดังกล่าวจะปราศจากเถ้ากระดูกที่สื่อว่าเป็นผีตนใด จะมีเพียงแก้วกับถ้วยชามที่ใส่อาหารโยจะเซ่นไหว้ในทุก 10 วัน และตรงฝาบ้านเรือนจะทำเป็นช่องขนาดเท่ากับไข่เป็ด เพื่อเป็นช่องให้หมอเสนทิ้งเศษอาหารที่เซ่นไหว้ผีเรือนเรียบร้อยแล้วลงใต้ถุน (หน้า 61) การทำพิธีจะทำเป็นประจำหรือจะทำสองถึงสามปีจะทำพิธีก็ไม่เป็นไร การทำพิธีจะทำเดือนใดก็ได้ ยกเว้นเดือนห้า เพราะถือว่าเป็นเดือนที่มีความแห้งแล้งขาดความอุดมสมบูรณ์ กับเดือนเก้าถึงเดือนสิบเชื่อว่าเป็นช่วงที่ผีเรือนไปเฝ้าเทวดา การทำพิธีเสนเรือนเมื่อถึงเวลาที่ต้องทำหากลูกหลานไม่ใส่ใจหรือสนใจในการทำพิธีก็จะทำให้คนในครอบครัวและตระกูลนั้นได้รับความเดือดร้อนต่างๆ นานา (หน้า 61)
ส่วนคนที่มีตระกูลหรือนามสกุลเหมือนกัน ไทยทรงดำเรียกว่า “สิ่ง” หมายถึงนามสกุลของตระกูลดังกล่าว ส่วนการเสนเรือนจะเป็นสองอย่างได้แก่ พิธีเสนเรือนผู้น้อยหรือคนที่อยู่ในตระกูลโดยทั่วไปกับพิธีเสนเรือนผู้ท้าว หรือคนที่สืบเชื้อสายมาจากเชื้อสายเจ้าในอดีต (หน้า 61) สำหรับการเสนเรือนนั้นจะมีผู้นำการทำพิธีเรียกว่า “หมอเสน” ซึ่งจะเป็นผู้นำในการทำพิธีเสนเรือน ซึ่งการทำพิธีนี้คนไทยทรงดำให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งเพราะคิดว่าผีเรือนซึ่งเป็นผีบรรพบุรุษ ผีปู่ย่า ตายาย พ่อแม่จะทอดทิ้งไม่ได้อย่างเด็ดขาด หากเดินทางไปทำงานที่ต่างจังหวัดก็ต้องเดินทางกลับมาร่วมพิธี ซึ่งไทยทรงดำให้ความสำคัญกับผีบรรพบุรุษ สังเกตจากแต่ละบ้านจะสร้างกะล้อห่อง ไว้เป็นที่อยู่ของผีเรือนที่เป็นผีบรรพบุรุษที่สามารถให้คุณให้โทษกับพวกเขาที่อยู่ในตระกูลนั้นๆ(หน้า 62)
ผีประจำหมู่บ้าน คือผีที่ทำหน้าที่ดูแลคนในหมู่บ้านให้อยู่เย็นเป็นสุข โดยหมู่บ้านของไทยทรงดำจะทำศาลที่อยู่ให้ผีประจำหมู่บ้าน หรือศาลเจ้าพ่อประจำหมู่บ้าน มีการทำพิธีเซ่นไหว้จะทำปีละครั้ง ช่วงเดือนแปด เดือนเก้า โดยจะมอบหมายให้ตัวแทนผู้ทำพิธีซึ่งเรียกว่า “เจ้าจ้ำ” (หน้า 60) นำการเซ่นไหว้เจ้าพ่อ เพื่อบอกกล่าวดวงวิญญาณเจ้าพ่อหรือผีประจำหมู่บ้าน ให้มาคุ้มครองดูแลคนในหมู่บ้านให้มีความเป็นอยู่ที่ดีไม่เดือดร้อนเจ็บไข้ได้ป่วย (หน้า 61)
ขวัญ ไทยทรงดำเชื่อว่าเมื่อทุกคนเกิดมาจะมีขวัญติดตัวมาด้วย ถ้าหากขวัญออกจากร่างกายก็จะทำให้เจ็บป่วยหรือตาย หากไม่สบายก็จะทำพิธีเรียกขวัญ หรือเสนขวัญ เพื่อให้ขวัญกลับมาเข้าร่างกายหายจากการเจ็บป่วย (หน้า 21) สำหรับการเรียกขวัญไทยทรงดำเรียกว่า พิธีแปลงขวัญ โดยจะให้หมอแปลง เป็นผู้ทำพิธีเรียกขวัญกลับเข้าสู่ร่างกายหากคนๆ นั้นเจ็บไข้ได้ป่วยบ่อยๆ (หน้า 62) นอกจากนี้ไทยทรงดำยังเชื่อว่า เมื่อมีคนเสียชีวิต วิญญาณของบุคลนั้นจะไปเฝ้าแถนที่อาศัยอยู่บนสวรรค์ สำหรับความเชื่อเรื่องขวัญแบ่งเป็นสามกลุ่มดังนี้ หลังจากเสียชีวิตขวัญส่วนที่หนึ่งซึ่งเรียกว่า “ขวัญกก”จะเดินทางไปสวรรค์เพื่อเฝ้าแถนกับญาติพี่น้องที่เสียชีวิตก่อนแล้ว ส่วนที่สองคือ “ขวัญหัว”จะเป็นผีเรือนคอยดูแลลูกหลานให้มีความสุข และกลุ่มที่สามเรียกว่า “ปลายขวัญ หรือ “เงา” ขวัญกลุ่มนี้จะไปอยู่ป่าช้าหรือกระจัดกระจายอยู่ตามสถานที่ต่างๆ (หน้า 64)
ส่วนพิธีกรรมอื่นๆ ของไทยทรงดำมีดังต่อไปนี้
พิธีขึ้นบ้านใหม่ เมื่อไทยทรงดำสร้างบ้านเสร็จเรียบร้อย ก่อนขึ้นไปอยู่ต้องทำพิธีขึ้นบ้านใหม่ โดยต้องดูฤกษ์ยามตามความเหมาะสม หมอที่ทำพิธีจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สวมใส่ในชีวิตประจำวันแต่สะพายดาบ ถือย่ามแดงใส่เครื่องมือเช่น สิ่ว ค้อน ที่ใช้ตอกเสาห้อง “กะล้อห่อง” พิธีส่วนใหญ่เริ่มเวลาประมาณ 17.00 น. เป็นต้นไป (หน้า 63)
พิธีเสนแก้เคราะห์บ้าน พิธีนี้จะทำเมื่อมีคนในบ้านเสียชีวิต โดยจะมอบหมายให้แม่มดทำพิธีเสนกวัดกว้าย เพื่อความเป็นศิริมงคล การทำพิธีไม่นิยมทำหลังจากที่มีคนในบ้านเสียชีวิต ไม่ถึงสามปี เพราะเชื่อว่าจะทำให้คนที่อยู่อาศัยในบ้าดังกล่าวอายุสั้นนั่นเอง (หน้า 64)