|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
พวน,ประวัติศาสตร์,การอพยพ,บ้านหมี่,ลพบุรี |
Author |
ปรารถนา แซ่อึ้ง |
Title |
'ประวัติการอพยพเคลื่อนย้ายของชาวไทพวนในประเทศไทย' และ 'ลักษณะทั่วไปของชาวไทยพวน ในเขตอำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี' |
Document Type |
บทความ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ไทยพวน ไทพวน คนพวน,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ไท(Tai) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
38 |
Year |
2539 |
Source |
ย่าเล่าให้ฟัง, ภักตร์เพ็ญ ทิพยมนตรี, พิมพ์เนื่องในโอกาสมงคลอายุครบเจ็ดรอบ นายประเสริฐ เรืองสกุล 27 สิงหาคม พ.ศ. 2455, (หน้า 29-62) |
Abstract |
ไทพวนเดิมตั้งถิ่นฐานอยู่ที่เมืองพวนและเมืองเชียงขวางทางตอนเหนือของประเทศลาว ต่อมาถูก "กวาดต้อน" เข้าสู่ประเทศไทยในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และสมัยรัชกาลที่ 3 ไทพวนที่อยู่ในอำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี ส่วนใหญ่สืบเชื้อสายมาจากลาวพวน ซึ่งอพยพมาจากเวียงจันทน์เข้ามาอยู่ตั้งแต่สมัยเจ้าอนุวงศ์เป็นกบฏ ครั้งแรก ไทพวนอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนอยู่ที่ "บ้านเซ่า" จังหวัดลพบุรี และต่อมาในปี พ.ศ. 2482 "บ้านเซ่า" ก็ถูกเปลี่ยนเป็น "อำเภอบ้านหมี่" ไทพวนมีผิวขาวเหลืองและมีรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกับลาวพวกอื่น ๆ มีความขยัน รักสงบ โอบอ้อมอารี และรักพวกพ้อง พูดภาษาตระกูลไต อยู่ร่วมกันเป็นสังคมเครือญาติ นับถือศาสนาพุทธ นิยมแต่งกายด้วยด้วย "ผ้ามัดหมี่" อยู่บ้านเป็นเรือนไม้ใต้ถุนสูง พื้นกระดานเป็นไม่แผ่นใหญ่ ๆ หนาและแข็งแรง ใต้ถุนมีคอกวัว เมื่อขึ้นบันใดไปจะพบชานบ้านที่กว้างขวาง มีเรือนครัวอยู่ด้านในสุด ด้านตรงข้ามเรือนครัวทางขวาของบันไดมีเรือนเล็กหลังหนึ่ง ตัวเรือนใหญ่อยู่ด้านซ้ายมีโถงกว้าง |
|
Focus |
ประวัติการอพยพเคลื่อนย้าย และลักษณะทั่วไป ได้แก่ รูปร่างหน้าตา การแต่งกาย ความเชื่อ ภาษา และ อาชีพ ของไทพวน เขตอำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี |
|
Ethnic Group in the Focus |
พวน เป็นชื่อของชนกลุ่มหนึ่งที่ทางภาคอีสานเรียกว่า "ไทพวน" แต่คนไทยภาคกลางเรียกว่า "ลาวพวน" (หน้า 35) ไทพวนมีรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกับลาวพวกอื่น ๆ แต่ไทพวนจะมีผิวขาวเหลือง มีความขยัน รักสงบ โอบอ้อมอารี และรักพวกพ้อง (หน้า 36) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ไทพวนมีภาษาพูดเป็นของตนเองซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มภาษาตระกูลไต (Tai) ภาษาของพวนจะมีสำเนียงคล้ายภาษาของคนไทยทางภาคอีสาน และคำบางคำก็จะใช้เหมือนกันอีกด้วย เช่น คำว่า บ่ ซึ่งแปลว่า ไม่ หรือ มะหุ่ง ซึ่งแปลว่า มะละกอ เป็นต้น (หน้า 37) |
|
Study Period (Data Collection) |
นับจากปี พ.ศ. 2434 ซึ่งเป็นปีที่เริ่มเล่าประวัติไทพวน ในหน้า 30 และปี พ.ศ. 2482 ซึ่งเป็นปีที่ระบุว่ามีการเปลี่ยนจาก "บ้านเซ่า" เป็น "อำเภอบ้านหมี่" ในหน้า 57 จึงสรุปว่า ช่วงเวลาในการศึกษาอยู่ระหว่าง พ.ศ. 2434 - 2482 |
|
History of the Group and Community |
ไทพวนเดิมตั้งถิ่นฐานอยู่ที่เมืองพวนและเมืองเชียงขวางทางตอนเหนือของประเทศลาว ต่อมาเกิดสงครามระหว่างลาวกับไทยหลายครั้ง จึงถูก "กวาดต้อน" เข้าสู่ประเทศไทยในหลายสมัย เริ่มตั้งแต่สมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชที่ได้ให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก (รัชกาลที่ 1) ยกทัพไปตีเวียงจันทน์ชนะแล้วกวาดต้อนครอบครัวลาวจากเวียงจันทน์ลงตั้งถิ่นฐานในเมืองไทยจำนวนมาก ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 3 สยามยกทัพไปปราบกบฏเจ้าอนุวงศ์ถึง 2 ครั้ง (สมัยสงครามไทย - เวียงจันทน์ครั้งที่ 1 และในสมัยสงครามไทย - เวียงจันทน์ครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นสมัยที่มีการปราบกบฏเจ้าอนุวงศ์ได้สำเร็จ) และแต่ละครั้งได้กวาดต้อนชาวลาวลงมาอีกเป็นจำนวนมาก (หน้า 38 - 50) ไทพวนที่อยู่ในจังหวัดลพบุรี ส่วนใหญ่สืบเชื้อสายมาจากลาวพวน ซึ่งอพยพมาจากเวียงจันทน์เข้ามาอยู่ตั้งแต่สมัยเจ้าอนุวงศ์เป็นกบฏ คนไทยเชื้อสายพวนเหล่านี้ตั้งถิ่นฐานอยู่ในเขตอำเภอเมือง อำเภอโคกสำโรง และอำเภอบ้านหมี่ ซึ่งเป็นอำเภอที่ไทพวน เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่มากที่สุดถึงประมาณ 21 หมู่บ้าน (หน้า 55) อย่างไรก็ตาม ไทพวนอพยพเข้ามาครั้งสุดท้ายในสมัยรัชกาลที่ 5 คราวยกทัพไปปราบฮ่อและส่วนใหญ่ของพวนเข้ามาตั้งถิ่นฐานในจังหวัดลพบุรี (หน้า 49) เดิมทีเดียวเมื่อไทพวนอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนอยู่ที่อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรีเป็นครั้งแรกนั้น ไทพวนเรียกบริเวณนี้ว่า "บ้านเซ่า" เนื่องจากพวนเหล่านี้อพยพมาจาก "บ้านเซ่า" ในเมืองพวน ต่อมาในปี พ.ศ. 2426 ทางราชการได้จัดตั้งที่ว่าการอำเภอขึ้นที่บ้านเซ่าและให้ชื่อว่า "อำเภอสนามแจง" ต่อมาในปี พ.ศ. 2441 ได้มีการเปลี่ยนชื่ออำเภอใหม่เป็น "อำเภอห้วยแก้ว" ต่อมาในปี พ.ศ.2457 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น "อำเภอบ้านเซ่า" และใช้ชื่อนี้มานานถึง 25 ปี จนถึงปี พ.ศ. 2482 มีการปรับปรุงชื่อสถานที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย "บ้านเซ่า" ก็ถูกเปลี่ยนเป็น "อำเภอบ้านหมี่" นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา (หน้า 57) |
|
Settlement Pattern |
บ้านของไทพวน เป็นเรือนไม้ใต้ถุนสูง พื้นกระดานเป็นไม่แผ่นใหญ่ๆ หนาและแข็งแรง ใต้ถุนมีคอกวัว เมื่อขึ้นบันใดไปจะพบชานบ้านที่กว้างขวาง มีเรือนครัวอยู่ด้านในสุด ด้านตรงข้ามเรือนครัวทางขวาของบันไดมีเรือนเล็กหลังหนึ่ง ตัวเรือนใหญ่อยู่ด้านซ้ายมีโถงกว้าง (หน้า 27) |
|
Demography |
งานวิจัยระบุเพียงว่า ประชากรในจังหวัดลพบุรีส่วนใหญ่เป็นคนไทยภาคกลาง แต่มีบางส่วนที่สืบเชื้อสายมาจากลาวพวน ซึ่งอพยพมาจากเวียงจันทน์เข้ามาอยู่ตั้งแต่สมัยเจ้าอนุวงศ์เป็นกบฏ คนไทยเชื้อสายพวนเหล่านี้ตั้งถิ่นฐานอยู่ในเขตอำเภอเมือง อำเภอโคกสำโรงและอำเภอบ้านหมี่ ซึ่งเป็นอำเภอที่ไทพวนเข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่มากที่สุดถึงประมาณ 21 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านหมี่ใหญ่ บ้านหมี่น้อย บ้านกล้วย บ้านทราย บ้านเชียงงา บ้านโพนทอง บ้านบางกะพี้ บ้านหินปัก บ้านคลองไม้เสียบ บ้านละเตย บ้านราษฎร์ธานี บ้านห้วยกรวด บ้านหนองทรายขาว บ้านห้วยแก้ว บ้านมะขามเฒ่า บ้านเนินยาว บ้านกลาง บ้านสว่างอารมณ์ บ้านไผ่ใหญ่ บ้านหนองเมือง และ บ้านเซ่า (หน้า 55) |
|
Economy |
อาชีพหลักของไทพวน คือ การทำนา ปลูกข้าวเจ้า พวนโดยทั่วไปบริโภคข้าวเจ้า แต่มีบางส่วนบริโภคข้าวเหนียว อาชีพรองลงมา คือ การทอผ้า ซึ่งขึ้นชื่อว่าสวยงาม และประณีตมาก (หน้า 37) |
|
Social Organization |
สังคมของไทพวนเป็นสังคมเครือญาติ ปลูกเรือนอยู่ใกล้กัน และมีการช่วยเหลือกันและกัน ทั้งการทำมาหากินและการประกอบประเพณีหรือพิธีกรรมต่าง ๆ ทั้งระหว่างเครือญาติและไทพวนที่อยู่ต่างบ้านต่างเมือง ไทพวนถือว่า แม้จะอยู่ต่างบ้านต่างเมืองก็เป็นสายเลือดเดียวกัน เป็นเสมือนพี่น้องกัน (หน้า 36 - 37) |
|
Belief System |
ไทพวนนับถือศาสนาพุทธและมีวัดเป็นศูนย์กลางแห่งความศรัทธา ปัจจุบัน ยังมีภาพของคนเฒ่าคนแก่นุ่งขาวห่มขาวไปถือศีลที่วัดในวันพระ (หน้า 37) |
|
Education and Socialization |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
ไทพวนมักนิยมแต่งกายด้วยด้วยผ้าที่ทอด้วยมือซึ่งมีลวดลายแบบไทพวน เช่น ลายเปี้ยง (เปี่ยง) ลายตะขอ ลายซุ้มปราสาท เป็นต้น ผ้าดังกล่าวเรียกว่า "ผ้ามัดหมี่" หรือที่คนพวนเรียกว่า "ซิ่นหมี่" เป็นผ้าที่ทอจากฝ้าย (หน้า 36, และ ดูภาพประกอบในหน้า 58 - 61) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
เอกลักษณ์ของไทพวน ได้แก่ มีรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกับลาวพวกอื่น ๆ แต่ไทพวนจะมีผิวขาวเหลือง มีความขยัน รักสงบ โอบอ้อมอารี และรักพวกพ้อง พูดภาษาตระกูลไต อยู่ร่วมกันเป็นสังคมเครือญาติ นับถือศาสนาพุทธ นิยมแต่งกายด้วยด้วยผ้าที่ทอด้วยมือซึ่งมีลวดลายแบบไทพวน เช่น ลายเปี้ยง (เปี่ยง) ลายตะขอ ลายซุ้มปราสาท เป็นต้น ผ้าดังกล่าวเรียกว่า "ผ้ามัดหมี่" ลักษณะบ้านเป็นเรือนไม้ใต้ถุนสูง พื้นกระดานเป็นไม่แผ่นใหญ่ๆ หนาและแข็งแรง ใต้ถุนมีคอกวัว เมื่อขึ้นบันใดไปจะพบชานบ้านที่กว้างขวาง มีเรือนครัวอยู่ด้านในสุด ด้านตรงข้ามเรือนครัวทางขวาของบันไดมีเรือนเล็กหลังหนึ่ง ตัวเรือนใหญ่อยู่ด้านซ้ายมีโถงกว้าง |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
Map/Illustration |
แผนที่ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (หน้า 34),แผนที่อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี (หน้า 56) ภาพการแต่งกลายของเด็กไทพวน (หน้า 58), ภาพการแต่งกลายของหญิงไทพวน (หน้า 59) ภาพการแต่งกลายของหญิงวัยกลางคนไทพวน (หน้า 60) ภาพการแต่งกลายของผู้เฒ่าไทพวน (หน้า 61) |
|
|