|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ม้ง,ประชากร,ภาวะเจริญพันธุ์,เชียงใหม่ |
Author |
Peter Kundstadter, Sally L. Kunstadter, Chai Podhisita, Prasit Litnetikul |
Title |
Hmong Demography: An Anthropological Case Study |
Document Type |
บทความ |
Original Language of Text |
ภาษาอังกฤษ |
Ethnic Identity |
ม้ง,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ม้ง-เมี่ยน |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
16 |
Year |
2532 |
Source |
International Population Conference, New Delhi, vol. 3. , International Union for the Scientific Study of Population in Liege, Belgium |
Abstract |
ม้งเป็นกลุ่มที่มีภาวะการเจริญพันธุ์สูง มีการเติบโตของประชากรรวดเร็ว ครัวเรือนมีขนาดใหญ่ โครงสร้างของประชากรส่วนใหญ่มีอายุน้อย และแต่งงานอายุน้อย ทำให้ม้งยังคงรักษาความคิดเกี่ยวกับครัวเรือนแบบขยายไว้ได้ ประเพณีและความเชื่อของม้งส่งเสริมให้มีการเจริญพันธุ์สูง อันได้แก่ ความต้องการบุตรเพื่อเป็นแรงงานในครัวเรือน และความปรารถนาบุตรชายเพื่อเลี้ยงดูยามแก่และสืบทอดพิธีกรรม อย่างไรก็ตาม การรับรู้ข้อกำหนดทรัพยากรที่ดินและสภาวะเศรษฐกิจในเมืองก็ชี้ให้เห็นการเปลี่ยนแปลงทางประชากรของม้ง การวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบแบบควบคุมในทางมานุษยวิทยา (the anthropological approach of controlled comparison) ทำให้จำแนกชุมชนม้งออกเป็นกลุ่มย่อยได้ 3 กลุ่ม สำหรับเปรียบเทียบและแสดงความแตกต่างที่สำคัญในพฤติกรรมประชากร ได้แก่ ระยะทางในการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ ระดับการศึกษาของผู้หญิงโดยทั่วไปต่ำ ผู้หญิงในชุมชนที่กำลังเปลี่ยนแปลงและในชุมชนเมืองต้องการบุตรน้อย แต่งงานช้าขึ้นและหันมาใช้วิธีการวางแผนครอบครัว (น.15) ผู้ศึกษาพบว่า ความชอบบุตรเพศชายซึ่งสัมพันธ์กับเศรษฐกิจครัวเรือนแบบดั้งเดิมและองค์ประกอบของครัวเรือนเริ่มเปลี่ยนไป ชุมชนส่วนมากเด็ก ๆ ยังถูกมองว่าเป็นทรัพย์สินทางสังคมเศรษฐกิจ ขณะที่ชุมชนในเมือง ต้นทุนการเลี้ยงดูบุตรและการรบกวนเวลาทำงานของแม่ในการเลี้ยงดูบุตรเป็นเหตุผลในการจำกัดจำนวนการมีบุตร และขณะเดียวกันชุมชนในชนบท ข้อกำหนดด้านทรัพยากรก็เป็นเหตุผลในการจำกัดขนาดครอบครัวด้วยเช่นกัน ดังนั้น พฤติกรรมและทัศนคติของม้งในด้านตัวแปรประชากร (เช่น การเข้าถึงแหล่งที่ดิน) จึงสัมพันธ์กับโอกาสทางเศรษฐกิจมากกว่าการบ่งชี้ของการพัฒนาเศรษฐกิจสังคม (เช่นการศึกษาของผู้หญิง) (น.15-16) |
|
Focus |
ศึกษาลักษณะวัฒนธรรมม้งที่เกี่ยวเนื่องกับพฤติกรรมทางประชากร ได้แก่ อายุการแต่งงาน ขนาดครอบครัว การวางแผนครอบครัว และตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างความคิดเกี่ยวกับครอบครัว ครัวเรือนกับพฤติกรรมทางประชากร รวมทั้งศึกษาการผันแปรพฤติกรรมทางประชากรที่สัมพันธ์กับความแตกต่างทางเศรษฐกิจในระดับหมู่บ้าน (น.1) |
|
Theoretical Issues |
ในการศึกษานี้ ผู้ศึกษาเห็นว่าความคิดทางวัฒนธรรม (cultural ideals) เป็นตัวกำหนดพฤติกรรมทางประชากร (น.2) โดยความเชื่อและแบบแผนพฤติกรรมในวัฒนธรรมม้ง และระบบเศรษฐกิจดั้งเดิมที่พึ่งพาแรงงานในครัวเรือนส่งเสริมให้ม้งมีภาวะการเจริญพันธุ์ (fertility) สูง (น.3) |
|
Ethnic Group in the Focus |
ม้งในประเทศไทย เน้นข้อมูลที่จังหวัดเชียงใหม่ |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ภาษาม้ง (Hmong) ที่พูดกันในประเทศไทยมี 2 สาขาย่อย คือ Hmong Der (ม้งขาว) และ Hmong Njua (ม้งน้ำเงิน) (น.9) |
|
Study Period (Data Collection) |
สำรวจข้อมูลในช่วงปี ค.ศ.1987-1988 โดยสำรวจข้อมูลเชิงประชากรสังคม(Sociodemograhic survey methods) สามครั้ง ครั้งแรกในปี ค.ศ.1987 สำรวจข้อมูลหมู่บ้านม้งประมาณ 200 แห่งเพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะหมู่บ้าน ในปี ค.ศ.1988 สำรวจข้อมูลระดับครัวเรือนมากกว่า 1,000 ครัวเรือนในชุมชน 23 แห่ง และสำรวจข้อมูลที่เหมือนกันที่ Merced รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยการสุ่มตัวอย่าง 85 ครัวเรือน ในปี ค.ศ.1988 (น.4-5) |
|
History of the Group and Community |
|
Settlement Pattern |
กล่าวถึงคร่าว ๆ ว่า หมู่บ้านม้งบางแห่งที่สำรวจเพิ่งก่อตั้งก่อนการศึกษาสำรวจหนึ่งปี ขณะที่บางแห่งก่อตั้งมานานถึง 50 ปีหรือมากกว่านั้น การย้ายหมู่บ้านมีหลายสาเหตุ บางหมู่บ้านย้ายเพื่อจะได้เข้าถึงที่ดินอันอุดมสมบูรณ์ หรือถนน หรือสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ขณะที่หมู่บ้านบางแห่งต้องย้ายเนื่องด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงปลอดภัยของรัฐบาลหรือเพื่อจำกัดการใช้ที่ดินในป่า (น.6) |
|
Demography |
ในช่วงการสำรวจศึกษานี้ จำนวนประชากรม้งในภาคเหนือของไทยมีประมาณ 85,000 คน ในทางประชากรศาสตร์ ม้งจัดเป็น "คนนอกกลุ่มประชากร" (demographic outliers) ที่มีประชากรอายุน้อยจำนวนมากและภาวะการเจริญพันธุ์สูง โดยประชากรอายุเฉลี่ยประมาณ 13 ปีและอัตราการเจริญพันธุ์ 6.6 (น.5) การแต่งงาน ผู้ศึกษาพบว่า มีผู้ชายจำนวนต่ำกว่า 2% และผู้หญิง 1% ที่อายุ 30 ปีขึ้นไปไม่แต่งงาน ด้วยสาเหตุมาจากสภาพปัญหาทางร่างกายและจิตใจ ได้แก่ หูหนวก เป็นใบ้ ขาพิการ ติดฝิ่น พัฒนาการทางจิตใจช้า และมีผู้ชายเพียงคนเดียวเท่านั้นที่อ้างเหตุผลทางเศรษฐกิจสมัยว่า ยังไม่มีงานมั่นคง อายุโดยเฉลี่ยของผู้หญิงที่แต่งงานครั้งแรกจะต่ำกว่า 17 ปี การแต่งงานใหม่หลังการหย่าร้างหรือเป็นหม้ายเป็นเรื่องปกติ จำนวนบุตรที่ผู้หญิงต้องการโดยเฉลี่ย 5.0 คน ซึ่งสัมพันธ์กับจำนวนบุตรที่ยังมีชีวิตและอายุของผู้หญิง (น.11) ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจเป็นเหตุผลของพ่อแม่ในการต้องการบุตร โดยต้องการบุตรสาวเพื่อความช่วยเหลือปัจจุบัน ขณะที่ต้องการบุตรชายเพื่อความช่วยเหลือในอนาคต (น.12) ขนาดของครอบครัวที่ต้องการและการคุมกำเนิดจะสัมพันธ์กับสถานที่อยู่อาศัย คนที่อยู่ในเมืองจะจำกัดจำนวนบุตรเนื่องจากในเมืองการเลี้ยงดูบุตรมีค่าใช้จ่ายสูง กระทบกับการทำงาน และสวัสดิการของรัฐ (ค่ารักษาพยาบาล เงินสนับสนุนการศึกษา) ในชนบทแม้จะต้องการครอบครัวขนาดใหญ่กว่าและใช้การวางแผนครอบครัวน้อยกว่า แต่ก็มีความแตกต่างระหว่างชุมชน 2 แบบ คือ ผู้หญิงในชุมชนที่กำลังเปลี่ยนแปลงต้องการเด็กจำนวนน้อยกว่าและวางแผนครอบครัวมากกว่าผู้หญิงในชุมชนแบบดั้งเดิม (Traditional community) (น.13-14) |
|
Economy |
แต่เดิมม้งตั้งถิ่นฐานอยู่ในที่ราบต่ำ เพาะปลูกข้าวแบบทดน้ำ (irrigated rice) เมื่อถูกจีนรุกรานขับไล่ออกจากที่ราบตะวันตกเฉียงใต้ ม้งได้อพยพขึ้นไปอยู่บนที่สูงแล้วเปลี่ยนมาเพาะปลูกแบบโค่นเผา (swidden) และเมื่ออพยพเข้ามาอยู่ในประเทศไทย ม้งก็ยังคงแบบแผนการเพาะปลูกแบบโค่นเผาอยู่ โดยมีข้าวและข้าวโพดเป็นพืชหลักสำคัญ มีหมูและไก่เป็นสัตว์เลี้ยงหลัก และปลูกฝิ่นเป็นพืชเศรษฐกิจ (น.8) |
|
Social Organization |
ครอบครัวและระบบตระกูล ม้งสืบทอดการเป็นสมาชิกตระกูล (clan) ผ่านผู้ชาย และผู้ชายมีความสำคัญในการทำพิธีกรรมต่าง ๆ เช่น พิธีแต่งงานและงานศพ ผู้ชายจะแต่งงานพาภรรยาเข้าบ้านและช่วยเลี้ยงดูพ่อแม่ ผู้หญิงจะแต่งงานออกไปอยู่กับฝ่ายสามี พ่อแม่ม้งจึงเห็นว่า หลังแต่งงานลูกสาวไม่มีประโยชน์ ระบบครอบครัวม้งเป็นครอบครัวขยาย สืบทอดสายเลือดและตั้งถิ่นฐานหลังแต่งงานข้างฝ่ายบิดา (the multigenerational patrilineal, patrilocal extended family) ครัวเรือนหนึ่งจะประกอบด้วยพ่อแม่ บุตรชายบุตรสะใภ้และหลาน หลานชายหลานสะใภ้และเหลน และถือเป็นหนึ่งหน่วยการผลิต (น.10) ผู้ศึกษาให้ข้อสังเกตเกี่ยวกับขนาดครอบครัวของ Hmong Der กับ Hmong Njua ว่า ขนาดครัวเรือนของม้งขาว (Hmong Der) จะมีขนาดใหญ่ไม่เท่าม้งน้ำเงิน (Hmong Njua) อาจเป็นเพราะว่าม้งขาว (Hmong Der) อยู่ในชุมชนที่กำลังเปลี่ยนแปลง แต่ม้งน้ำเงิน (Hmong Njua) อยู่ในชุมชนที่เป็นแบบประเพณีดั้งเดิม (น.9) |
|
Education and Socialization |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
ผู้ศึกษาเห็นว่า นโยบายการห้ามปลูกฝิ่นและถางป่าเพื่อเพาะปลูกโดยรัฐบาลก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างแหล่งทรัพยากร (resource base) กับประชากรม้ง ขณะเดียวกันเครือข่ายถนนที่เข้าถึงหมู่บ้านได้นำวิธีการเพาะปลูกสมัยใหม่และพืชเศรษฐกิจชนิดใหม่มาสู่ม้ง รวมทั้งการพัฒนาตลาดสินค้าหัตถกรรมได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในชุมชนม้งด้วยเช่นกัน การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้หมู่บ้านต่างๆ มีเงื่อนไขทางเศรษฐกิจต่างกัน การเข้าถึงตลาดและที่ดินอุดมสมบูรณ์เป็นเงื่อนไขลำดับแรกที่ทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างหมู่บ้าน หมู่บ้านที่ไม่มีที่ดินอุดมสมบูรณ์ เข้าไม่ถึงตลาด ไม่มีการปลูกพืชที่เหมาะสมทดแทนการปลูกฝิ่นจะลดความสามารถในการพึ่งพาตนเองและจะยากจนในวันข้างหน้า ส่วนหมู่บ้านที่เข้าถึงที่ดินและตลาด มีพืชเศรษฐกิจหลากหลายจะปรับตัวได้ในระดับแตกต่างกันไป ผู้ศึกษาจึงได้แบ่งชุมชนม้งออกเป็น 3 แบบ (น.7) ดังนี้ 1.ชุมชนแบบดั้งเดิม (Traditional type) ยังมีลักษณะเศรษฐกิจแบบดั้งเดิม ปลูกข้าว ข้าวโพด และฝิ่น 2.ชุมชนที่กำลังเปลี่ยนผ่าน (Transitional type) ชุมชนกำลังเปลี่ยนจากลักษณะเศรษฐกิจแบบดั้งเดิม เนื่องจากข้อห้ามเกี่ยวกับที่ดิน การห้ามถางป่าและย้ายหมู่บ้าน ชุมชนประเภทนี้จึงหันมาปลูกเศรษฐกิจชนิดใหม่ ๆ เช่น ไม้ผล ผักตามความต้องการของตลาด(market vegetables) 3.ชุมชนในเมือง ชุมชนประเภทนี้อาศัยในเมืองหรือใกล้เมือง หัวหน้าครัวเรือนส่วนใหญ่เป็นพ่อค้า หรือลูกจ้างรัฐบาล (น.7) |
|
|