|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ปกาเกอญอ,ม้ง, เมี่ยน, ลาหู่ ,ลีซู ,อาข่า,พุทธศาสนา |
Author |
บัณฑิต บุญศรี |
Title |
ธรรมจาริกกับการสร้างจิตสำนึกความเป็นไทยของชาวเขา |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
อ่าข่า, ลีซู, ลาหู่ ลาหู่ ละหู่ ลาฮู, อิ้วเมี่ยน เมี่ยน, ม้ง, ปกาเกอะญอ,
|
Language and Linguistic Affiliations |
- |
Location of
Documents |
|
Total Pages |
203 หน้า |
Year |
2549 |
Source |
วิทยานิพนธ์ ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (สาขาพุทธศาสนศึกษา) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ |
Abstract |
งานศึกษาชิ้นนี้มีเพื่อศึกษาวิธีการดำเนินงานของโครงการพระธรรมจาริก โดยโครงการนั้นทำเพื่อเผยแพร่พุทธศาสนาพร้อมๆกับการปลูกฝังจิตสำนึกความเป็นไทยลงไปแก่ชาวเขาด้วย โดยเน้นศึกษาในโครงการพระธรรมจาริกในจังหวัดเขตภาคเหนือ
จากการศึกษาพบว่า วิธีการนำพระธรรมจาริกที่นำหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนาไปประกาศเผยแผ่และอบรมแนะนำชาวเขาที่อาศัยอยู่ตามตะเข็บชายแดนทางภาคเหนือของไทย ผ่านกิจกรรมต่างๆ ได้แก่ จัดตั้งโรงเรียนสอนวิชาศีลธรรมวันอาทิตย์แก่เด็กชาวเขา จัดงานประเพณีต่างๆ ในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา และวันสำคัญแห่งชาติ ให้การสงเคราะห์อนุเคราะห์เกื้อกูลด้านปัจจัยการดำเนินชีวิตและสาธารณสุขแก่ชาวเขาผู้ยากไร้ จัดตั้งสถานศึกษา อบรมอาชีพ เช่น ตั้งโรงเรียนสตรีชาวเขาที่วัดวิเวกวนาราม การบรรพชาอุปสมบทหมู่ประจำปี และให้ได้รับการศึกษาทั้งสายสามัญและปริยัติธรรม เพื่อสร้างธรรมทายาท เป็นต้น
กระบวนการเหล่านี้เป็นกระบวนการที่ทำให้ชาวเขาประพฤติตนเป็นพลเมืองดีและเป็นพุทธศาสนิกชนที่รู้จักบุญคุณแผ่นดินไทยที่อาศัยอยู่ใต้พระบรมโพธิสมภาร พระธรรมจาริกถือว่าส่วนสำคัญยิ่งในการสร้างความเป็นไทยแก่ชาวเขา ดำเนินควบคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของรัฐบาล |
|
Theoretical Issues |
ผู้เขียนได้ศึกษาว่าการเผยแพร่ศาสนาของโครงการธรรมจาริกนั้น สำเร็จ หรือ มีปัญหา ในการสร้างจิตสำนึกความเป็นไทยแก่ชาวเขาอย่างไร โดยผู้เขียนให้นิยามจิตสำนึกความเป็นไทยว่าเป็น ความรู้สึก สำนึก ว่าเป็นคนไทยซึ่งรักและหวงแหนแผ่นดินเกิด ประกอบอาชีพสุจริต กตัญญูต่อแผ่นดิน ยอมเสียสละ เลือดเนื้อเพื่อปกป้อง อธิปไตยของชาติไทย และอนุรักษ์ขนบธรรมเนียมในท้องถิ่นและวัฒนธรรมไทย |
|
Ethnic Group in the Focus |
ปกาเกอญอ ม้ง เมี่ยน ลาหู่ ลีซู อาข่า |
|
Study Period (Data Collection) |
เก็บข้อมูลภาคสนามด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึก ในช่วงปี พ.ศ.2548-2549 |
|
History of the Group and Community |
ชาวเขา ที่ระบุในงานศึกษาหมายถึงกลุ่มชาติพันธุ์ทั้ง9เผ่า ได้แก่ กะเหรี่ยง แม้ว มูเซอ ลีซอ อีก้อ ลัวะ ขมุ ถิ่น ซึ่งอพยพมาในไทยในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองใน พ.ศ.2488 |
|
Demography |
ข้อมูลของชาวเขาเผ่าต่างในไทยที่เข้าพิธีบรรพชาและอุปสมบทตามโครงการธรรมจาริกปี 2508-2549 ซึ่งมีจำนวนพระภิกษุทั้งหมด 1,464 คน สามเณร 6,118 คน รวม 7,582 คน
ข้อมูลชาวเขาที่อาศัยในตะเข็บชายแดนและพื้นที่ราบที่กระจายตัวใน 20 จังหวัดสำรวจในปี 2545 จำนวน 3,881หมู่บ้าน มีประชากรรวมทั้งหมด 1,203,149 คน
ซึ่งแบ่งเป็น9เผ่าชาติพันธุ์ คือ เผ่ากะเหรี่ยง จำนวน 438,131คน มูเซอ 102,876คน ลีซอ 38,299 คน อีก้อ 68,653คน แม้ว 153,955 คน เย้า 45,571 คน ลัวะ 22,260คน ถิ่น 42,657 คน ขมุ 10,573คน |
|
Economy |
ชาวเขาส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเป็นเกษตรกรรมโดยปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์เป็นหลัก กะเหรี่ยงและ ลัวะ จะมีการทำนาดำ และ ปลูกพืช หมุนเวียน ในขณะที่ชนเผ่าอื่นๆนั้นทำการเกษตรโดยทำไร่เลื่อนลอย ลีซอ เป็นชาติพันธุ์ที่มีการทำอาชีพค้าขายจนได้ชื่อว่า พ่อค้าแห่งขุนเขา |
|
Social Organization |
กะเหรี่ยงมีโครงสร้างครอบครัวแบบเดี่ยว ผัวเดียวเมียเดียว สืบทอดสกุลทางฝ่ายหญิงเป็นหลัก มูเซอมีโครงสร้างครอบครัวเดี่ยว เช่นกัน แต่ไม่เคร่งครัดเรื่องการสืบทอดสกุลมากนัก อีก้อ มีโครงสร้างครอบครัวแบบขยาย ผู้ชายมีอำนาจในครอบครัวมาก ฝ่ายชายมีภรรยาได้หลายคน แม้ว และ เย้า ก็มีโครงสร้างครอบครัวคล้ายกับอีก้อแต่มีระบบสืบสกุลแบบแซ่ของคนจีน ส่วน ลัวะ มีโครงสร้างครอบครัวแบบเดี่ยว และ สืบสกุลทางฝ่ายชาย แต่ไม่เคร่งครัดมากนัก ส่วน ขมุ และ ถิ่น มีรูปแบบการใช้ชีวิตที่เหมือนคนไทย แต่แยกออกได้ด้วยภาษาพูดและประเพณีบางอย่าง |
|
Political Organization |
ในงานศึกษาให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ชุมชนบนพื้นราบ และ ชุมชนบนเขา มีความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึง สาธารณูปโภค และ สวัสดิการของรัฐ เช่น การคมนาคม ไฟฟ้า และปัญหาในการประสานงานกันระหว่างเจ้าหน้าที่ชุมชนในชนบทกับชุมชนในบนพื้นที่สูงจึงต้องอาศัยพระสงฆ์เป็นตัวเชื่อมต่อ |
|
Belief System |
กลุ่มชาติพันธุ์ในงานศึกษาทั้ง 6 กลุ่มนั้น มีความเชื่อในเรื่อง ผี สาง นางไม้ ซึ่งแตกต่างกันออกไปและบางส่วนเป็นอุปสรรคต่อการเผยแพร่พุทธศาสนาของโครงการพระธรรมจาริก |
|
Health and Medicine |
เนื่องจากชาวเขายังพูด อ่าน เขียน ภาษาไทยได้ไม่ชัดเจนจึงเป็นอุปสรรคสำคัญอย่างมากต่อโครงการธรรมจาริก ที่จะไปเผยแพร่ศาสนา ปลูกฝังจิตสำนึกความเป็นคนไทย รวมถึงการสร้างโรงเรียนและการให้การศึกษาในด้านต่างๆ |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
หมู่บ้านที่โครงการธรรมจาริกเข้าไปทำโครงการหลายๆ ส่วนมีการยอมรับและนับถือพุทธศาสนาถึงกับหลายหมู่บ้านมีการส่งบุตรหลานเข้ารับการบรรพชาและอุปสมบท และมีโรงเรียนจากโครงการธรรมจาริกเข้าไปตั้งในหมู่บ้านซึ่งคอยอบรมพุทธศาสนาให้แก่เยาวชนชาวเขา |
|
|