|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ออแรนายู มลายูมุสลิม มุสลิมมลายู,มาเลย์,ลักษณะสังคม,การเมือง,มุสลิม,ภาคใต้ |
Author |
สุรพงษ์ โสธนะเสถียร |
Title |
คุณลักษณะทางสังคมของชาวไทยมุสลิม และการสนองตอบต่อรัฐบาล |
Document Type |
รายงานการวิจัย |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
มลายู ออแฆนายู มลายูมุสลิม ไทยมุสลิม,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ออสโตรเนเชี่ยน |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
196 |
Year |
2531 |
Source |
โครงการสังคมศาสตร์ภาคใต้ และ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ |
Abstract |
รากฐานปัญหาที่สำคัญของไทยมุสลิมชายแดนภาคใต้ คือ ความหวาดหวั่นในการสูญเสียความบริสุทธิ์ของศาสนา อันเนื่องมาจากปัจจัยแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อชุมชนมุสลิม ซึ่งทำให้เกิดกระบวนการในการป้องกันตนเอง เพื่อพิทักษ์ความบริสุทธิ์ของศาสนา ความศรัทธาและความเคร่งครัดต่อวิถีชีวิตในแบบวัฒนธรรมอิสลาม ดังนั้น การยอมรับโครงการพัฒนาต่าง ๆ ต้องไม่กระทบกระเทือนต่อการปฏิบัติในแนวทางของศาสนาอิสลามจนทำลายความเป็นมุสลิมที่ดี ในเรื่องการรับและการถ่ายทอดค่านิยมที่ทันสมัย หรือนโยบายของรัฐบาล จะสะดวกมากขึ้นเมื่อไม่ได้เกี่ยวข้องกับศาสนาอิสลาม แต่ถึงแม้ในบางเรื่องจะขัดต่อหลักการศาสนา ไทยมุสลิมก็ยังคงยอมรับหากอยู่ภายใต้การอธิบายด้วยเหตุผล ในเรื่องของกระบวนการถ่ายทอดคุณลักษณะสังคมที่ทันสมัยนั้น แสดงให้เห็นถึงการเปิดตัวเองและยอมรับความคิดใหม่ๆ จากโลกภายนอก ดังนั้น การตอบสนองต่อนโยบายของรัฐบาลของมุสลิมจึงไม่มีอุปสรรคในการดำเนินการ เนื่องจากฝ่ายสมาชิกสภาตำบลพร้อมที่จะรับนโยบายไปปฏิบัติในทุกเรื่อง หากไม่ขัดต่อศาสนา |
|
Focus |
ศึกษาคุณลักษณะทางสังคม และวัฒนธรรมทางการเมืองของไทยมุสลิมใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตลอดจนการตอบสนองของไทยมุสลิมต่อรัฐ ในด้านนโยบาย และความผูกพันต่อรัฐ เมื่อเทียบกับชาติพันธุ์ สภาพภูมิศาสตร์ ศาสนา และรัฐ |
|
Ethnic Group in the Focus |
|
Language and Linguistic Affiliations |
มุสลิมในจังหวัดนราธิวาส ปัตตานี ยะลา ใช้ภาษามลายูพื้นเมืองเป็นส่วนใหญ่ ในจังหวัดสงขลาใช้ภาษาพื้นเมืองมลายู (ยาวี) ในจำนวนน้อยมาก และส่วนใหญ่ของมุสลิมที่พูดภาษาพื้นเมืองมลายู ก็สามารถเข้าใจภาษาไทย (ภาษาใต้) ส่วนในจังหวัดสตูล มุสลิมส่วนใหญ่ สามารถพูดภาษาไทยได้ ยกเว้นรอบ ๆ อำเภอเมือง (หน้า19, 20) |
|
Study Period (Data Collection) |
เริ่มทำการวิจัยตั้งแต่ เดือนเมษายน ถึง เดือนพฤษภาคม พ.ศ.2530 (หน้า 17) |
|
History of the Group and Community |
|
Economy |
ไทยมุสลิม ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก อาชีพอื่น ๆ เช่น การรับจ้าง, การรับราชการ, และการค้าขายมีประปรายเท่านั้นเมื่อเทียบกับอาชีพเกษตรกรรม ส่วนรายได้นั้น ยังนับได้ว่าอยู่ในระดับต่ำ เช่นเดียวกับคนไทยในภูมิภาคอื่น ๆ ของประเทศ แต่ผู้ที่อยู่ในฐานะร่ำรวยอาจมีจำนวนน้อยกว่าเมื่อเทียบกับท้องที่ในภูมิภาคอื่น ๆ รายได้เฉลี่ยของผู้นำไทยมุสลิมตามจังหวัดชายแดนภาคใต้ประมาณ 2,200 บาทต่อเดือน โดยประมาณ แม้ในท้องที่ที่ได้ไปสำรวจจะอยู่ในย่านที่ไม่ค่อยเจริญ แต่ก็ยังมีความแตกต่างทางด้านรายได้ค่อนข้างสูง คนที่มีฐานะยากจนมีเงินใช้เดือนละ 40 บาท จนถึงมีรายได้เกินเลข 5 หลัก นับว่ารายได้ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับรายได้โดยเฉลี่ยของท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม จำนวนคนที่ยากจนและร่ำรวยเกินปกติไม่ได้มีปริมาณมากจนผิดปกติ (หน้า 22, 23) |
|
Social Organization |
ไทยมุสลิมในเขตชายแดนภาคใต้ สนับสนุนให้บุตรหลานแยกครัวเรือนออกไปเมื่อแต่งงาน (หน้า 77) |
|
Political Organization |
นโยบายของรัฐบาล ไม่ว่าในเรื่องความปลอดภัยของชุมชน, การพัฒนาท้องที่, ความมั่นคงแห่งชาติ, การใช้ชื่อเป็นภาษาไทย, การมีส่วนร่วมในโครงการ กสช. และการรับชมรายการโทรทัศน์จากประเทศมาเลเซีย แล้วจะพบเสมอว่านโยบายที่เกี่ยวข้องกับศาสนา ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม รัฐบาลมักประสบปัญหาในด้านความร่วมมือ และการสนับสนุนนโยบายจากชนกลุ่มน้อยส่วนนี้แต่ถ้าเป็นนโยบายอื่นๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับศาสนาแล้ว เช่น นโยบายความปลอดภัย, การพัฒนาท้องที่ และการมีส่วนร่วมในโครงการ กสช. เป็นต้น นโยบายเหล่านี้ก็มักจะได้รับความสนับสนุน และเห็นคล้อยตามจากคนไทยในชายแดนภาคใต้ได้ง่ายเสมอ (หน้า 56) |
|
Belief System |
โดยพื้นฐานของศาสนาอิสลาม มีส่วนทำให้มุสลิมเคร่งครัดต่อศาสนา นอกจากนี้มุสลิมเกือบทั้งหมด ไม่คลั่งไคล้ในไสยศาสตร์ แม้ว่าจะนิยมดูฤกษ์ยามประกอบงานมงคล ในปัจจุบันวัฒนธรรมสื่อสารมวลชน ยังมีอิทธิพลต่อการลดระดับความเคร่งครัดทางศาสนาลง โดยเฉพาะในด้านการผูกยึดความดีไว้กับศูนย์กลางศาสนา เช่น มัสยิด (หน้า 27) |
|
Education and Socialization |
ครอบครัวมุสลิมจะไม่ให้ความมีอิสระในการตัดสินใจโดยลำพังต่อบุตร-หลาน ที่ยังอยู่ในวัยเด็ก โดยยึดถือขนบธรรมเนียมประเพณีตามแบบอย่างมุสลิม ใช้หลักของศรัทธามากกว่าหลักของเหตุผลในการสั่งสอน แต่เมื่อบุตร-หลานอยู่ในวัยที่พึ่งตนเองได้แล้ว พ่อแม่มักจะพยายามไม่เข้าไปผูกพันกับบุตร-หลาน ถึงแม้จะห่วงใยต่ออนาคตของบุตร-หลานบ้างก็ตาม แต่อย่างไรก็ตาม มุสลิมส่วนใหญ่มีโลกทัศน์ที่ยอมรับ การอบรมกล่อมเกลาสังคมจากโรงเรียนสามัญ ของกระทรวงศึกษาธิการ มากกว่าจากแหล่งศาสนาอย่างเดียว เนื่องจากเชื่อว่าจะทำให้มีโอกาสเข้ารับราชการโดยเฉพาะ ทหารและตำรวจได้ตามความประสงค์ของพ่อแม่ (หน้า 37, 38) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
ในเรื่องการแต่งกาย วัฒนธรรมอิสลามบัญญัติเรื่องการแต่งตัว โดยให้ปิดบังในส่วนที่ไม่ควรเปิดเผย และปกปิดให้มิดชิดมากยิ่งขึ้น ในกรณีที่เป็นสตรี สำหรับการยอมรับการแต่งกายแบบคนไทยทั่วไปหรืออย่างสากลนั้น สตรีมุสลิมอาจมีอุปสรรคที่ไม่สอดคล้องกับวัฒนธรรมอิสลาม ส่วนเพศชายซึ่งเป็นผู้นำชุมชนเกือบทั้งหมด ไม่ค่อยยอมรับการแต่งกายอย่างสากล โดยยังคงเคร่งครัดการแต่งกายตามแบบอย่างของชาวมาเลเซียมากกว่า (หน้า 30) |
|
Folklore |
ในเรื่องของความสุรุ่ยสุร่ายในการกิน ดื่ม และการแต่งกายในวัฒนธรรมอิสลามระบุไว้ว่า พระศาสดาโมฮัมมัดไม่ทรงเห็นด้วยกับความเป็นอยู่ที่โอ่อ่าเกินไป ทรงชี้ให้เห็นว่า มนุษย์ต้องการมากมายอย่างไม่รู้จักพอ ควรอุปโภคบริโภคเพียงเพื่อให้ชีวิตอยู่รอดได้ ไม่ใช่เพื่อการแสวงหาความสุขสบายเกินพอ (หน้า 32) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
ไทยมุสลิมในภาคใต้ มีความผูกพันกับประเทศมาเลเซียค่อนข้างสูง ทั้งนี้ อาจเป็นเพราะประวัติศาสตร์ ศาสนา วัฒนธรรม และภาษา อย่างไรก็ตาม ระดับความผูกพันต่อการเป็นคนไทย และความรู้สึกเป็นคนในท้องที่ที่อาศัย ค่อนข้างจะอยู่ในอันดับที่คงที่ โดยเบื้องหลังของจิตใจยังคงตระหนักถึงความเป็นไทย การใช้ถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมบางประการ จากหน่วยงานของรัฐบาล ด้วยการขีดคั่นความเป็นคนไทยของไทยมุสลิมด้วยภาษาและศาสนา อาจเป็นความรู้สึกลึก ๆ ที่ทำให้พวกเขาปฏิเสธความเป็นไทย ทั้ง ๆ ที่พวกเขาก็อาจมีความรู้สึกชาตินิยมแบบคนไทยทั่วไปเช่นกัน (หน้า 47) |
|
Social Cultural and Identity Change |
ในปัจจุบันเริ่มมีการยอมรับความสามารถของสตรีว่าไม่แพ้บุรุษ ในเรื่องของการวางแผนครอบครัว มุสลิมเกือบครึ่งหนึ่งเริ่มเห็นด้วยกับการวางแผนคุมกำเนิด ถึงแม้จะขัดกับหลักวัฒนธรรมอิสลาม เนื่องจากไม่สามารถเลี้ยงบุตรจำนวนมากได้ ถึงแม้วัฒนธรรมอิสลามมีแนวโน้มเคร่งครัดในเรื่องวิถีชีวิต แต่ในกรณีที่เกี่ยวเนื่องกับองค์ประกอบทางเศรษฐกิจ จะมีผลทำให้ความเคร่งครัดต่อศาสนาลดลง ซึ่งเกี่ยวข้องกับความอยู่รอดโดยธรรมชาติของมนุษย์ และถึงแม้มุสลิมจะถูกมองว่าดำเนินวิถีชีวิตในแบบอย่างอนุรักษ์นิยม ไม่เปิดโอกาสในเรื่องการแข่งขัน แต่ปัจจุบันมุสลิมรุ่นใหม่เริ่มมีค่านิยมแบบประชาธิปไตย โดยเห็นว่าการแข่งขันหรือความขัดแย้งทางความคิดเป็นสิ่งที่จำเป็น ซึ่งเป็นไปได้ว่าแนวคิดดังกล่าวนี้ ถูกสอดแทรกจากสื่อมวลชน (หน้า 29, 31, 34, 45) |
|
Other Issues |
ในเรื่องการตอบสนองต่อรัฐในด้านนโยบายและความผูกพัน จะเห็นได้ว่าไทยมุสลิมชายแดนภาคใต้จะมีลักษณะในการตอบสนองต่อรัฐแตกต่างกันไป โดยส่วนใหญ่ของผู้นำมัสยิด (ศาสนจักร) จะไม่ยอมรับนโยบายของรัฐบาล ในขณะที่ผู้นำสภาตำบล(อาณาจักร) พร้อมจะยอมรับนโยบายของรัฐบาลได้เสมอ สำหรับการตอบสนองในด้านความผูกพันต่อสังกัด หรือสถาบันต่างๆ จะสามารถกำหนดเงื่อนไขจากภูมิหลังและทัศนะทางการปกครองได้บางส่วน โดยปราศจากแบบแผน หรือทิศทางที่แน่นอน (หน้า 165, 166) |
|
|