|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ม้ง,ระบบนิเวศน์ชุมชน,ความสัมพันธ์ทางสังคม,การเปลี่ยนแปลง,น่าน |
Author |
วิญญู อินน้อย |
Title |
ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศน์ชุมชนที่มีต่อความสัมพันธ์ทางสังคมของชนเผ่าม้ง : กรณีศึกษาบ้านดอยติ้ว ตำบลศรีภูมิ อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ม้ง,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ม้ง-เมี่ยน |
Location of
Documents |
สำนักหอสมุดมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ |
Total Pages |
112 |
Year |
2545 |
Source |
หลักสูตรปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการจัดการมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ |
Abstract |
ศึกษาผลกระทบการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศน์ชุมชนที่มีต่อความสัมพันธ์ทางสังคมของชนเผ่าม้ง : กรณีศึกษาบ้านดอยติ้ว ตำบลศรีภูมิ อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน พบว่า มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม การตามอารยธรรมตะวันตก การติดต่อสื่อสาร การเน้นบริโภคนิยม ทำให้เกิดการปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศ วิถีชีวิต และความเป็นอยู่ในชุมชนม้งบ้านดอยติ้ว จากเดิมที่มีการผลิตแบบพอเพียง อาศัยพึ่งพากัน มีจารีตประเพณีวัฒนธรรมเป็นของตัวเองมาสู่การผลิตเพื่อขายและตอบสนองบริโภคนิยม และรับเอาวัฒนธรรมเมืองมาใช้แทนวัฒนธรรมดั้งเดิม ในอีกทางหนึ่งม้งบ้านดอยติ้วมีชีวิตที่สะดวกสบายมากขึ้นจากสาธารณูปโภคไฟฟ้า ประปา โทรทัศน์ และการติดต่อสื่อสารกับโลกภายนอก |
|
Focus |
ศึกษาพื้นฐานทางวัฒนธรรม ความเชื่อและการจัดการระบบนิเวศน์ชุมชน พัฒนาการทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศน์ชุมชน ระบบความสัมพันธ์ทางสังคมและชีวิตความเป็นอยู่ของม้ง |
|
Theoretical Issues |
ผู้เขียนใช้กรอบแนวคิดการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง จากนโยบายการพัฒนาประเทศที่เปลี่ยนจากเกษตรกรรมไปสู่อุตสาหกรรม การขยายตัวทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้เกิดการเอาทรัพยากรมาใช้อย่างมากมาย ระบบนิเวศน์และความสมดุลทางธรรมชาติมีการเปลี่ยนแปลง ธรรมชาติเริ่มเสื่อมโทรมลง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ทางสังคม และวัฒนธรรม ซึ่งต้องปรับตัวตามสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป (หน้า 14-15) สภาพนิเวศของบ้านดอยติ้วได้เปลี่ยนแปลงอันเนื่องมาจาก ม้งในหมู่บ้านและคนนอกได้ใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นแบบไร้กฎเกณฑ์ ทำไร่เลื่อนลอย เก็บของป่าและล่าสัตว์ ทำให้ป่าถูกทำลายลงเป็นจำนวนมาก (หน้า 89) ทางรัฐบาลก็ขยายอำนาจการปกครองเข้ามา ส่งผลกระทบต่อชีวิตและวัฒนธรรมของม้งที่บ้านดอยติ้วในแง่ของเศรษฐกิจ เมื่อชาวบ้านได้ผลผลิตไม่พอเพียง และต้องปรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เช่น เลี้ยงหมูแบบปล่อยไปทั่วอย่างแต่ก่อนไม่ได้ ต้องขังเอาไว้ในคอกและเอาอาหารมาเลี้ยงให้ ซึ่งต้องลงทุนสูงกว่า หรือปลูกลิ้นจี่และเลี้ยงวัวแทน หรือไม่ก็ต้องไปเป็นแรงงานในถิ่นอื่น ส่วนการสร้างบ้านก็ต้องหาวัสดุอื่น เช่นสังกะสีและอิฐบล็อกแทนไม้และไม้ไผ่ซึ่งเคยมีอยู่ในท้องถิ่นแต่กำลังหมดไป แม้แต่เสื้อผ้าก็ไม่อาจผลิตเองได้ ต้องซื้อจากตลาด (หน้า 93) แต่ในอีกด้านหนึ่ง บทบาทของผู้หญิงซึ่งเคยอยู่ต่ำต้อยกว่าผู้ชายก็มีบทบาทมากขึ้นจากการศึกษาจากรัฐ (หน้า 96) |
|
Ethnic Group in the Focus |
|
Language and Linguistic Affiliations |
บ้านม้งดอยติ้วจัดอยู่ในตระกูลจีนธิ-เบต (Sino-Tibetan Stock) มีภาษาพูดแต่ไม่มีภาษาเขียนเป็นของตนเอง ภาษาม้งอยู่ในตระกูล ม้ง-เมี่ยน หรือรู้จักกันในชื่อตระกูลภาษาเย้า ภาษาม้งที่พูดกันในหมู่บ้านดอยติ้วคือ ภาษาม้งเด๊อว (Hmong Daw) หรือภาษาม้งขาว บางส่วนพูดภาษาไทยภาคเหนือและภาษาไทยกลาง (หน้า 44) |
|
Study Period (Data Collection) |
ทำการศึกษา 2 ระยะคือ (หน้า 9) 1) ระยะแรก เริ่มตั้งแต่ตั้งหมู่บ้านดอยติ้ว ปี พ.ศ. 2506 จนมีการตัดถนนลาดยางเข้าสู่หมู่บ้านปี พ.ศ. 2527 2) ระยะที่สอง หลังปี พ.ศ. 2527 มีถนนลาดยาง ระบบไฟฟ้า และประปา จนถึงปัจจุบัน |
|
History of the Group and Community |
ม้ง แปลว่า "อิสรชน" ในอดีตอาศัยอยู่ในประเทศจีน มีอาณาจักรและกษัตริย์ ต่อมาราชวงศ์แมนจูมีนโยบายปราบม้งจึงอพยพลงสู่ทางใต้บริเวณลุ่มน้ำแดง มณฑลตังเกี๋ย เกิดสู้รบกับชาวญวนอีกจึงหนีกระจายอยู่ตามภูเขาสูงบริเวณแคว้นสิบสองจุไทยและสิบสองปันนา ม้ง บางกลุ่มอพยพไปอยู่บริเวณทุ่งไหหินในลาวและเดียนเบียนฟูในเวียดนาม ในปี พ.ศ. 2400 ได้อพยพเข้าสู่ประเทศไทย 3 จุดใหญ่ 1) แนวเมืองหนองคาย ห้วยทราย เชียงของเป็นจุดเริ่มแรกและมีจำนวนมาก 2) แนวสายบุรี-ปัว ทางทิศใต้ลงไป และ 3) แนวภูเขาหนองคาย-เลย ใกล้เวียงจันทร์เป็นจุดที่เข้ามาน้อยที่สุด ม้งกลุ่มแรกเดินทางไปตามแนวชายแดนพม่า แล้วมุ่งลงทางใต้สู่เชียงใหม่และแม่ฮ่องสอน กลุ่มที่สองเดินลงทางใต้ตามแนวพรมแดนประเทศลาวเข้าสู่เขตอำเภอทุ่งช้าง อำเภอปัว จังวัดน่าน แพร่และบ้านเข็กน้อยในจังหวัดเพชรบูรณ์ การสำรวจสำมะโนประชากรปี พ.ศ. 2526 มีหมู่บ้านม้ง 245 หมู่บ้าน ประชากรประมาณ 58,000 คน (หน้า 43) เริ่มตั้งถิ่นฐานที่ดอยติ้วครั้งแรก ปี พ.ศ. 2506 ประมาณ 50 ครอบครัว ประชากรประมาณ 200 กว่าคน โดยการนำของพ่อประสิทธิ์ อนัญญาวงศ์ จากนั้นมีการอพยพเข้ามาจากที่ต่างกันดังนี้ จากภูแว อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน จากบ่อหยวก อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน จากขุนน้ำว้า อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน จากนาแล ประเทศลาว จากน้ำตวง อำเภอแม่จริม จังหวัดน่าน จากเชียงฮุ้ง ประเทศลาว จากน้ำรี น้ำจ้าง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน |
|
Settlement Pattern |
ม้งมักตั้งหมู่บ้านระหว่าง 3,000-5,000 ฟุตจากระดับน้ำทะเล หมู่บ้านมักตั้งเป็นรูปเกือกม้า ทุกเรือนหันหน้าออกจากภูเขา และจะไม่สร้างบ้านซ้อนกันเพราะจะขวางประตูทางเข้าออกของผีเหย้า หมู่บ้านประกอบด้วยกลุ่มเรือนหลายหย่อมแต่ละหย่อมมี 7-8 หลังคาเรือน มีเรือนใหญ่ของคนสำคัญอยู่ตรงกลาง ตัวบ้านไม่นิยมทำรั้วบ้าน ปลูกเป็นโรงคลุมดินที่ทุบจนแน่น ยกพื้นสูงเฉพาะที่นอน ฝาบ้านใช้ไม้ฟากตั้งเรียงกัน หลังคามุงด้วยใบคาหรือใบก๊อ ภายในบ้านเตาไฟตั้งอยู่บนพื้นดินตรงกลางสำหรับผิงไฟและทำอาหาร ปัจจุบันรูปแบบบ้านเปลี่ยนแปลงไป โครงสร้างเหมือนบ้านคนไทยพื้นราบมากขึ้น (หน้า 45) |
|
Demography |
มีประชากรทั้งหมด 1,171 คน แยกเป็น ชาย 666 คน หญิง 555 คน |
|
Economy |
ม้งดอยติ้ว ทำเกษตรกรรมทั้งการเลี้ยงสัตว์และการทำไร่เลื่อนลอย ต้องโค่นไม้ทั้งหมดแล้วปล่อยทิ้งไว้ 1-2 เดือนจึงเผาให้โล่เตียน แล้วจึงปลูกในช่วงฤดูฝน พืชที่นิยมปลูกได้แก่ ข้าว ข้าวโพด ขิง ลิ้นจี่ สัตว์ที่นิยมเลี้ยงได่แก่ หมู ไก่ ม้า และโค นอกจากนี้ ยังมีการเย็บปักถักร้อยจำหน่ายกับนักท่องเที่ยวด้วย (หน้า 46) |
|
Social Organization |
ระบบวงศ์ตระกูลมีอิทธิพลต่อการจัดระเบียบกลุ่มสังคม และเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมม้ง เป็นเครื่องมือเชื่อมโยงพฤติกรรมต่างๆ ทางสังคม การเมืองและเศรษฐกิจ โครงสร้างวงศ์ตระกูลของม้ง นับถือและสืบวงศ์ตระกูลญาติฝ่ายผู้ชาย ลูกชายจะมาเป็นสมาชิกของตระกูล (แซ่) ของบิดา ลูกสาวจะเป็นสมาชิกของตระกูลของพ่อ จนถึงเวลาแต่งงานจึงกลายเป็นสมาชิกของตระกูลสามี แต่ละกลุ่มตระกูลจะมีการเลือกผู้นำเป็นตัวแทนไกล่เกลี่ย เมื่อเกิดกรณีพิพาท หลักเกณฑ์การเลือกผู้นำเผ่า จะคัดเลือกจากผู้ที่มีความรู้ความสามารถ และเป็นกลาง (หน้า 52) งานพิธีแต่งงาน เมื่อชายหญิงตกลงกันว่าจะใช้ชีวิตร่วมกัน ฝ่ายชายจะพาฝ่ายหญิงมาอยู่ด้วยกันก่อน วันรุ่งขึ้นจะส่งตัวแทนไปเจรจากับพ่อแม่ของฝ่ายหญิงให้รับรู้ว่าลูกสาวหายไปนั้น ได้ไปแต่งงานอยู่กินกับชายหนุ่มแล้ว จึงจะตกลงกันเรื่องสินสอดและวันแต่ง หากพร้อมจะเริ่มภายใน 3 วัน ระหว่างนั้นฝ่ายชายจะทำพิธีทางบ้านและสู่ขวัญ เมื่อถึงวันที่ 3 จะยกขบวนขันหมากไปบ้านของฝ่ายหญิง โดยจะต้องเข้าทางประตูหลังบ้าน และเสียเงินบริสุทธิ์ให้จำนวนหนึ่งเป็นค่าสินสอด เมื่อเสร็จพิธีแล้ว ฝ่ายชายสามารถเข้าออกได้ทุกประตู (หน้า 78) |
|
Political Organization |
ในแต่ละวงศ์ตระกูล จะมีผู้นำอาวุโส มีความรู้ความสามารถ เป็นกลางและเสียสละ โดยมีหน้าที่รับมอบอำนาจจากผู้ใหญ่บ้านให้ปกครองดูแลลูกหลานของตนเอง คอยปกป้องผลประโยชน์ของตระกูล และช่วยไกล่เกลี่ยการทะเลาะกันระหว่างคนในตระกูล หากไม่สำเร็จจะเป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่บ้าน (หน้า 55) |
|
Belief System |
ม้งบ้านดอยติ้ว มีความเชื่อผูกพันกับเรื่องผี เชื่อว่าทุกส่วนในโลกมีสิ่งเร้นลับแอบแฝง การไปล่วงละเมิดโดยไม่บอกกล่าวชีวิตจะพบกับภัยพิบัติ แม้แต่ในบ้านเรือนจะมีผีบ้านผีเรือนคอยปกปักรักษาคนในบ้าน ให้พ้นภัยจากบรรดาผีที่บันดาลโรคภัยไข้เจ็บและความตาย ผีเหย้ายังคุ้มครองขวัญของพืชพันธุ์ สัตว์เลี้ยง เงินทอง ให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข ประตูผี มีความสำคัญมาก เพราะม้งเชื่อว่าเมื่อตายลง วิญญาณของเขาจะต้องขออนุญาตประตูผีเพื่อลาจากบ้านไปสู่ปรโลก จึงต้องมีการเซ่นไหว้ด้วยไก่ตัวผู้ เอาขนไก่จุ่มเลือดไปติดไว้กับระดาษขาว (หน้า 45) งานเทศกาลปีใหม่ อยู่ในช่วงปลายเดือนธันวาคม ตรงกับวันแรม 15 ค่ำ เป็นช่วงสิ้นเดือนสุดท้ายของปีเก่า งานจะเริ่มตอนเย็นก่อนวันขึ้นปีใหม่ โดยทุกคนจะมารวมตัวกันที่บ้านของผู้อาวุโสของตระกูล ผู้อาวุโสจะอวยพรให้คนเข้าร่วมพิธีอยู่เย็นเป็นสุข โดยใช้ไก่มาวนรอบหัวผู้เข้าร่วม จากนั้นจึงฆ่าไก่ เอาเลือดมารวมรอบหัวอีกครั้ง เป็นการเอาสิ่งชั่วร้ายออกไปจากชีวิต เสร็จพิธีแล้วจึงโยนไก่ทิ้งไป หลังจากนั้นแต่ละบ้านจะเอาไก่และไข่ไก่ไว้ที่ประตูบ้านเพื่อเรียกขวัญของคนในบ้านและขวัญของพืชพันธุ์ผลผลิต เสร็จพิธีเอาไก่ไปฆ่า นำเอากระดูกมาเสี่ยงทาย ในวันขึ้นปีใหม่ แต่ละบ้านจะรีบตื่นแต่เช้าไปให้อาหารสัตว์ละตักน้ำ เพราะเชื่อว่าใครตื่นขึ้นมาทำงานก่อนครอบครัวจะพบแต่ความสุข ในช่วงเทศการปีใหม่เป็นโอกาสของคนหนุ่มสาว ได้พบปะพูดคุยสร้างความสัมพันธ์กันด้วย (หน้า 78) |
|
Education and Socialization |
|
Health and Medicine |
ม้งบ้านดอยติ้ว มีการสืบทอดวิธีปฏิบัติบูชาเพื่อรักษาโรคภัยต่างๆ ทั้งรักษาโดยสมุนไพร และไสยศาสตร์ เช่น พิธีผูกข้อมือคนไข้ด้วยสานสิญจน์ ฝ้าย หรือใยกัญชง หากไม่ดีขึ้นก็คล้องด้วยกำไรคอ ข้อมือ หรือข้อเท้า ทำด้วยโลหะ (หน้า 46) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
ในอดีต ม้งจะแต่งกาย โดยบ่งบอกถึงอัตลักษณ์ของตนเอง ผู้หญิงนุ่งกระโปรงอัดกลีบรอบตัว ยาวแค่เข่า ใช้ผ้าใยกัญชงหรือผ้าฝ้ายทอมือ เขียนลวดลายบาติคอันเป็นเอกลักษณ์ของม้ง ใส่เสื้อแขนยาวสีน้ำเงินหรือดำผ่าอกกลาง มีผ้าผูกเอวสีดำ ซึ่งพันรัดอย่างแน่นหนาหลายรอบ สวมที่รัดน่องสีดำ รวบผมตึงขึ้นผูกรวบไว้บนกลางกระหม่อม และเกล้าเป็นมวยใหญ่ สวมผ้าโพกศีรษะหรือหมวก ผู้ชาย สวมกางเกงสีดำหรือน้ำเงิน เป้าหย่อนลงมาเกือบถึงปลายขา เสื้อสีดำแขนยาวผ่าอกนิยมใช้ผ้ากำมะหยี่หรือผ้าฝ้าย สาบป้ายติดกระดุมเงินที่คอ และสาบอกที่ทับอยู่ด้านนอกอกซ้าย ตกแต่งด้วยลายปักที่สวยงาม ผ้าคาดเอวสีดำ ปักลวดลายที่ปลายทั้งสองด้านซึ่งทุกคนต้องใส่ แม้จะอยู่ที่บ้านหรือมีงานประเพณี (หน้า 74) ชุดเครื่องแต่งกายของม้งใช้เวลาในการจัดเตรียมมากและมีราคาแพง ตกชุดละ 5,000-10,000 บาท จึงมีการประยุกต์เอาชุดของวัฒนธรรมอื่นมาผสมผสาน ม้งในปัจจุบันนิยมแต่งกายแบบสากล และทรงผมที่เป็นแบบสากลมากขึ้น ด้วยเหตุผลความคล่องตัว สวยงาม ราคาถูก หาซื้อง่าย รวมถึง การปิดบังอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์ โดยเฉพาะวัยรุ่นมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับการแต่งกายมากที่สุด ชุดประจำเผ่าม้งจะใส่ในงานพิธีที่สำคัญเท่านั้น (หน้า 75) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
ในอดีต ความผูกพันทางสายเลือดและเพื่อนร่วมชุมชนมีความเอื้ออาทรอยู่ในระดับสูง การประกอบประเพณีพิธีกรรมของชุมชนแต่ละครั้ง จะมีคนเข้าร่วมจำนวนมาก ต่างให้ความร่วมมือในการพัฒนาชุมชน แต่ปัจจุบันประชากรมีจำนวนมากขึ้น มีการพบปะค้าขายกับคนต่างวัฒนธรรม ต้องทำงานหนักมากขึ้น เพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบครัว ทำให้มีเวลาสนทนาแลกเปลี่ยนระหว่างกันลดน้อยลง ปฏิสัมพันธ์ภายนกลุ่มห่างเหิน ส่งผลต่อความผูกพันระบบเครือญาติลดลง เด็กก้าวร้าวไม่เชื่อฝังผู้ใหญ่ ความเชื่อเกี่ยวกับผีและสิ่งศักดิ์สิทธ์ลดลง ภูมิปัญญาดั้งเดิมเช่นการใช้สมุนไพรรักษาโรคก็ลดความสำคัญลง การรับรู้ข่าวสารทั้งวิทยุ โทรทัศน์ และระบบการศึกษาทำให้เปิดความคิดของประชาชนเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น สตรีของชนเผ่าม้งเริ่มมีบทบาททางสังคมมากขึ้น (หน้า 58) |
|
Map/Illustration |
ตารางข้อมูลแสดงชนเผ่าในพื้นที่สูงของประเทศไทยจำแนกตามเผ่า ในปี 2538 (5) ตารางความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมสนทนากลุ่มและผู้ให้สัมภาษณ์ เกี่ยวกับภาวะทางด้านเศรษฐกิจ กับชีวิตความเป็นอยู่และวิถีชีวิตในปัจจุบัน (50) ตารางความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมสนทนากลุ่มและผู้ให้สัมภาษณ์ เกี่ยวกับสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล ในส่วนบทบาทหน้าที่ในการดูแลสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ (55) ตารางความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมสนทนากลุ่มและผู้ให้สัมภาษณ์ เกี่ยวกับ การลดลงของทรัยากรป่าไม้ กับชีวิตความเป็นอยู่และวิถีชีวิตในปัจจุบัน (60) ตารางความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมสนทนากลุ่มและผู้ให้สัมภาษณ์ เกี่ยวกับ การลดลงของทรัยากรสัตว์ป่า กับชีวิตความเป็นอยู่และวิถีชีวิตในปัจจุบัน (61) ตารางความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมสนทนากลุ่มและผู้ให้สัมภาษณ์ เกี่ยวกับ การใฃ้ที่ดินหลังจากที่ดินเสื่อมสภาพ และกั้นเขตระหว่างเขตพื้นที่ทำกินออกจากพื้นที่ป่า กับชีวิตความเป็นอยู่และวิถีชีวิตในปัจจุบัน (63) ตารางความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมสนทนากลุ่มและผู้ให้สัมภาษณ์ เกี่ยวกับ ทรัพยากรน้ำที่ใช้สำหรับบริโภค และการเกษตรกรรม (65) ตารางความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมสนทนากลุ่มและผู้ให้สัมภาษณ์ เกี่ยวกับที่อยู่อาศัยของชนเผ่าม้ง (66) ตารางความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมสนทนากลุ่มและผู้ให้สัมภาษณ์ เกี่ยวกับการตัดถนนเข้าสู่ชุมชน กับชีวิตความเป็นอยู่และวิถีชีวิตในปัจจุบัน (61) ตารางความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมสนทนากลุ่มและผู้ให้สัมภาษณ์ เกี่ยวกับระบบไฟฟ้าเข้าสู่ชุมชน กับชีวิตความเป็นอยู่และวิถีชีวิตในปัจจุบัน (70) ตารางความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมสนทนากลุ่มและผู้ให้สัมภาษณ์ เกี่ยวกับระบบประปาเข้าสู่ชุมชน กับชีวิตความเป็นอยู่และวิถีชีวิตในปัจจุบัน (72) ตารางความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมสนทนากลุ่มและผู้ให้สัมภาษณ์ เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงภาษาม้งในปัจจุบัน (73) ตารางความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมสนทนากลุ่มและผู้ให้สัมภาษณ์ เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงการแต่งกายของม้งใน ปัจจุบัน (75) ตารางความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมสนทนากลุ่มและผู้ให้สัมภาษณ์ เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงประเพณีเทศกาลปี ใหม่ของม้งในปัจจุบัน (77) ตารางความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมสนทนากลุ่มและผู้ให้สัมภาษณ์ เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงประเพณีการแต่งงาน ของม้งในปัจจุบัน (79) ตารางความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมสนทนากลุ่มและผู้ให้สัมภาษณ์ เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงความเชื่อ/ศาสนา (80) ตารางความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมสนทนากลุ่มและผู้ให้สัมภาษณ์ เกี่ยวกับความร่วมมือของประชาชนในปัจจุบัน (82) ตารางความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมสนทนากลุ่มและผู้ให้สัมภาษณ์ เกี่ยวกับการอพยพแรงงาน กับชีวิตความเป็น อยู่และวิถีชีวิตในปัจจุบัน (83) ตารางความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมสนทนากลุ่มและผู้ให้สัมภาษณ์ เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศวิทยา ชุมชนกับความสัมพันธ์ชีวิตความเป็นอยู่และวิถีชีวิตในปัจจุบัน (85) ตารางความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมสนทนากลุ่มและผู้ให้สัมภาษณ์ เกี่ยวกับบทบาทสตรีม้งในปัจจุบัน (86) แผนภูมิกรอบแนวคิดในการศึกษา (14) แผนภูมิโครงสร้างการบริหารงานภายในหมู่บ้านดอยติ้ว อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน (54) แผนภูมิประชากรบ้านดอยติ้ว อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน (56) |
|
|