สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ม้ง,การเมืองการปกครอง,การมีส่วนร่วม,ตาก
Author พิทักษ์ สาเขตร์
Title ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการมีส่วนร่วมทางการเมืองของชาวเขาเผ่าม้ง บ้านแม้วใหม่ อำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก
Document Type วิทยานิพนธ์ Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity ม้ง, Language and Linguistic Affiliations ม้ง-เมี่ยน
Location of
Documents
ห้องสมุดคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
(เอกสารฉบับเต็ม)
Total Pages 105 Year 2535
Source หลักสูตรปริญญารัฐศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาการเมืองและการปกครอง บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
Abstract

การศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการมีส่วนร่วมทางการเมืองของชาวเขาเผ่าม้ง บ้านแม้วใหม่ อำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก ซึ่งหมายถึงการไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 22 มีนาคม 2535 โดยวิธีศึกษาเอกสาร การสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่างและการสังเกตการณ์อย่างมีส่วนร่วม พบว่า สภาพชีวิตความเป็นอยู่ส่วนใหญ่มีการศึกษาน้อย แต่คนบางกลุ่มที่มีการศึกษาดีจะมีส่วนช่วยพัฒนาหมู่บ้านได้ ทางด้านการเมืองมีความตื่นตัวค่อนข้างสูง โดยเฉพาะการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 22 มีนาคม 2535 ส่วนปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการมีส่วนร่วมทางการเมืองคือ การรณรงค์ประชาสัมพันธ์ของทางราชการ การโฆษณาหาเสียงของผู้สมัครและพรรคการเมือง การจัดแบ่งหมู่บ้านออกเป็นระบบคุ้ม สื่อมวลชน การเผยแพร่ประชาธิปไตยในทางปฏิบัติ ความเป็นผู้นำ และโครงการเผยแพร่ประชาธิปไตยระดับหมู่บ้าน (หน้า ข-ค)

Focus

ศึกษาสภาพการดำเนินชีวิตของชาวเขาเผ่าม้ง บ้านแม้วใหม่ อำเภอเมืองตาก จังวัดตาก และวิเคราะห์ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการมีส่วนร่วมทางการเมืองของชาวเขาเผ่าม้ง จากกรณีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 22 มีนาคม 2535 โดยวิธีศึกษาเอกสาร การสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่างและการสังเกตการณ์อย่างมีส่วนร่วม

Theoretical Issues

ไม่ได้กล่าวถึงอย่างชัดเจน เพียงแต่กล่าวถึงวิธีวิเคราะห์เอกสาร และวิเคราะห์เชิงพรรณนา โดยอาศัยข้อมูลจากเอกสาร จากการสังเกตและสัมภาษณ์บุคคลจากกลุ่มตัวอย่าง เพื่อพิสูจน์สมมติฐานและตอบวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ (หน้า 5)

Ethnic Group in the Focus

ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับม้งบ้านแม้วใหม่ แต่ได้สรุปภาพรวมจากงานวิจัยว่า ม้งไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าจัดอยู่ในกลุ่มใด บางคนจัดให้อยู่ในกลุ่มธิเบต-พม่า (Tibeto-Burman) บางคนเห็นว่าอยู่ในพวกมอญ-เขมร (Mon-Khmer) บางคนจัดว่าเป็นตระกูลจีนเดิม (Mainchinese) ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของจีน-ธิเบต (Sino-Tibetan) ม้งที่อาศัยอยู่ทางภาคเหนือของประเทศไทย แบ่งเป็นสามกลุ่ม คือม้งดำ (หรือน้ำเงิน) ม้งขาว และม้งกัวมะบา สำหรับม้งดำแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มย่อยคือ ม้งดอก ม้งลาย และม้งดำ โดยแยกจากความแตกต่างทางภาษา เครื่องแต่งกายตลอดจนชื่อที่พวกเขาเรียกตัวเอง (หน้า 43)

Language and Linguistic Affiliations

ยังมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องภาษาของม้ง ผู้เชี่ยวชาญบางคนจัดภาษาม้งอยู่ในตระกูลมอญ-เขมร (ออสโตรเอเชียติค) ไท, ซีนีติค (Sinitic) และอื่น ๆ บางท่านถือว่าภาษาม้ง-เย้าเป็นสาขาหนึ่งของภาษาตระกูลจีน ธิเบต ภาษาม้งเป็นภาษาที่มีเสียงก้อง และเป็นคำโดด ๆ ต่างกับภาษาจีนทั้งคำศัพท์และการออกเสียง แต่มีศัพท์จำนวนมากยืม จาก ภาษาจีน ปัจจุบัน เด็กม้งได้รับการศึกษาภาษาไทยจากโรงเรียนของพวกตำรวจภูธรชายแดนและพวกมิชชันนารี (หน้า 44)

Study Period (Data Collection)

ผู้เขียนใช้เวลาวิจัยดำเนินงาน 8 เดือน (มกราคม 2535-สิงหาคม 2535)

History of the Group and Community

ไม่ได้กล่าวถึงว่ามีความเป็นมาอย่างไร เพียงแต่บอกว่าบ้านแม้วใหม่เริ่มมีการจัดตั้งเป็นชุมชน เมื่อปี 2508 ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย

Settlement Pattern

ไม่ได้ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการตั้งถิ่นฐานของบ้านแม้วใหม่ แต่ได้สรุปจากงานต่าง ๆ ว่า ม้งนิยมตั้งบ้านเรือนอยู่บนยอดสูงสุดของเขา ถ้ายอดเขาเป็นที่ราบพอก็จะอยู่บนยอดเขาทั้งหมู่บ้าน โดยทั่วไปจะอยู่ในระดับความสูง 3,000-5,300 ฟุต ในขณะเดียวกันต้องเป็นที่ที่สามารถหาน้ำได้ง่าย หมู่บ้านจึงมักตั้งอยู่ใกล้แหล่งต้นน้ำหรือหน้าผา ความนิยมตั้งบ้านในที่สูงสุดอาจเป็นเพราะความเคยชินในการจัดหมู่บ้านให้ถูกต้องตามหลักยุทธศาสตร์ในสมัยโบราณ เพื่อให้มองเห็นข้าศึกได้ง่าย และเกิดความยากลำบากต่อการรุกราน อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อการตั้งหมู่บ้านคือ ฝิ่น เพราะฝิ่นสามารถปลูกได้งอกงามตั้งแต่ความสูง 2,500 ฟุตขึ้นไป (หน้า 47) หลักเกณฑ์การตั้งหมู่บ้านม้งมีดังนี้ (หน้า 47-48) 1) ต้องอยู่ในบริเวณสันเขา ตั้งอยู่ระหว่างภูเขา 3-4 ลูก เพื่อจะได้ไม่ห่างจากต้นน้ำลำธาร 2) ภูเขาต่าง ๆ จะต้องกำบังลมพายุได้ 3) ผีป่า "ตูเชงตูชี" จะอยู่ตามยอดเขา หากหมู่บ้านมีภูเขาล้อมรอบทุกด้าน จะได้รับความคุ้มครองจากผีป่า 4) หมู่บ้านจะต้องอยู่ในบริเวณที่ไม่เคยเป็นที่ตั้งหมู่บ้านมาก่อน เพราะหากไม่เหมาะ หมู่บ้านเก่าคงไม่ย้ายออกไป 5) รอบหมู่บ้านจะต้องมีที่ราบเพียงพอ เพื่อทุกคนจะได้มีที่ดินทำกิน 6) ถ้าหัวหน้าหมู่บ้านพบที่เหมาะจะตั้งเป็นหมู่บ้านใกล้หมู่บ้านอื่น ต้องค้นหาเหตุว่า ทำไมผู้มาก่อนจึงไม่เลือกที่แห่งนั้น โดยปกติแล้วจะมีการย้ายหมู่บ้านทุก 10-15 ปี

Demography

บ้านแม้วใหม่มี 65 หลังคาเรือน ประชากรจำนวน 650 คน เป็นผู้ชาย 300 คนเป็นผู้หญิง 350 คน (หน้า 66)

Economy

ม้งบ้านแม้วใหม่ ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทั้งการเพาะปลูก เช่น ข้าวโพด กาแฟ ผัก กระหล่ำ และเลี้ยงสัตว์ เช่น วัว หมู ไก่ และเป็ด นำไปขายในตลาดอำเภอแม่สอด และตลาดในจังหวัดตาก เมื่อเปรียบเทียบฐานะทางเศรษฐกิจกับชาวเขาเผ่าอื่น ถือว่าม้งบ้านแม้วใหม่อยู่ในระดับที่ดีกว่า (หน้า 67)

Social Organization

ไม่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดระเบียบสังคมของม้งที่บ้านแม้วใหม่ แต่สรุปภาพรวมจากงานต่าง ๆ ว่า ระบบวงศ์ตระกูล มีอิทธิพลต่อการจัดระเบียบกลุ่มสังคมและทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมของม้ง มีการนับถือและสืบวงศ์ตระกูลญาติฝ่ายชาย แต่ละตระกูลจะมีพิธีกรรมศาสนาของตัวเอง เมื่อสมาชิกวงศ์ตระกูลมาจากแดนไกล แต่ละฝ่ายจะถามถึงกันว่าบูชาผีบรรพบุรุษคนไหน เพื่อจะกำหนดว่าอยู่ในตระกูลย่อยของวงศ์ตระกูลเดียวกันหรือไม่ ในทางปฏิบัติ กลุ่มที่อยู่ในตระกูลย่อยของวงศ์ตระกูลเดียวกัน เมื่อแยกกันอยู่เป็นเวลานาน อาจมีพิธีกรรมทางศาสนาต่างกันและในที่สุดกลายเป็นตระกูลอื่นไป (หน้า 53-54) ด้านความสัมพันธ์ในครับครัว จะมีผู้ชายที่มีอาวุโสสูงสุดเป็นหัวหน้าครอบครัว สมาชิกคนอื่นจะต้องเชื่อฟัง ในขณะที่บิดามารดายังมีชีวิตอยู่ บุตรชายทุกคนจะต้องอยู่กับบิดามารดาแยกเรือนไปอยู่ต่างหากไม่ได้ เมื่อบุตรชายมีภรรยาจะต้องนำภรรยามาอยู่ด้วย แต่สำหรับบุตรหญิงเมื่อแต่งงานแล้วต้องไปอยู่กับครอบครัวของสามี เมื่อบิดามารดาเสียชีวิตลง ลูก ๆ จึงสามารถแยกเรือนไปอยู่คนละหลัง โดยหลังเดิมนี้มอบให้บุตรชายคนโตครอบครอง การแต่งงาน โดยปกติแล้วผู้ชายจะมีภรรยาคนเดียว ก็สามารถมีคนที่ 2 ได้ มีข้อห้ามไม่ให้แต่งงานกับภรรยาหม้ายของบิดา หรือการแต่งงานระหว่างคนที่ใช้นามสกุลเดียวกันก็ถูกห้าม การแต่งงานกับลูกสาวของพี่สาว หรือน้องสาวของพ่อเป็นสิ่งที่นิยมกัน และการแต่งงานกับลูกสาวของพี่ชายหรือน้องชายของแม่ยังถือว่าถูกต้องตามประเพณี การแต่งงานระหว่าลูกพี่ลูกน้องที่นิยมกันคือลูกสาวของพี่หรือน้องสาวของพ่อ และลูกสาวของพี่หรือน้องชายของแม่ สำหรับผู้ชายม้ง ถือว่าการแต่งงานคือการหาแรงงานมาเพิ่ม หรือช่วยแบ่งเบาภาระการงาน (หน้า 54-55)

Political Organization

ไม่ได้อธิบายเรื่องการเมืองของม้งที่บ้านแม้วใหม่ แต่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเมืองม้งโดยทั่วไปว่า บุคคลที่มีความสำคัญสูงสุดในหมู่บ้านคือ หัวหน้าหมู่บ้าน ในหมู่บ้านประกอบด้วยสมาชิกของวงศ์ตระกูล ผู้อาวุโสของวงศ์ตระกูลมักได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าหมู่บ้าน เมื่อสิ้นชีวิตลง ลูกชายมักได้รับการสืบทอดตำแหน่งหัวหน้าหมู่บ้าน กรณีที่ประกอบด้วย 2 วงศ์ตระกูลหรือมากกว่า หัวหน้าหมู่บ้านอาจมีมากกว่าหนึ่งคน หรือไม่หัวหน้าของวงศ์ตระกูลที่ใหญ่ที่สุด มีอำนาจอิทธิพลมากที่สุดอาจได้รับเลือกเป็นหัวหน้า แต่มีบางกรณีที่มีหัวหน้าหมู่บ้านมาจากวงศ์ตระกูลฝ่ายข้างน้อย ในทางปฏิบัติทางราชการจะไม่ตั้งหัวหน้าหมู่บ้านขึ้นมาซ้ำซ้อนกัน ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดความยุ่งยากในการปกครอง เมื่อได้รับเลือกแล้วจะดำรงตำแหน่งหัวหน้าหมู่บ้านไปตลอดจนสิ้นสภาพลงเมื่อตายหรือลาออก หรือที่ประชุมหมู่บ้านเห็นว่าดำรงตนไม่เหมาะสม จึงมีมติให้ลาออก หรือกรณีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดออกคำสั่งให้ออกจากตำแหน่ง (หน้า 49-50) เงื่อนไขการมีส่วนร่วมทางการเมืองของม้งบ้านแม้วใหม่ ขึ้นอยู่กับการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ของทางราชการ การโฆษณาหาเสียงของผู้สมัครและพรรคการเมือง ระบบการจัดแบ่งหมู่บ้านออกเป็นระบบคุ้มที่เหมาะสม การนำเสนอข่าวสารของสื่อมวลชนและการเผยแพร่ประชาธิปไตยระดับหมู่บ้าน ล้วนส่งผลให้ม้งบ้านแม้วใหม่ได้รับรู้และตื่นตัวต่อการมีส่วนร่วมทางการเมือง และไปใช้สิทธิในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 22 มีนาคม 2535 (หน้า 81-84)

Belief System

ไม่ได้ศึกษาความเชื่อของม้งที่บ้านแม้วใหม่ แต่สรุปมาจากงานวิจัยว่า ม้งมีความเชื่อเกี่ยวกับผีต่าง ๆ ผีบางชนิดอาศัยอยู่ตามต้นไม้ ภูเขา ไร่นา ยังมีผีที่ที่คอยให้ความช่วยเหลือคุ้มครองการทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การทำเหล็ก ผีที่คอยสอนหมอยา และหมอผี ผีสุนัขคอยคุ้มกันบ้าน ผีที่ถือว่าเป็นภัยมากที่สุดคือ ผีน้ำ ผีผู้หญิงโดยเฉพาะผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ นอกจากนี้ยังมีที่อยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของบ้าน ทำหน้าที่คุ้มครองผู้อยู่อาศัย แต่ละปีจะต้องมีการเซ่นสังเวย ยิ่งห่างจากบ้านหรือหมู่บ้านออกไป ภัยอันตรายจะยิ่งมีมากขึ้น ยังมีความเชื่อเรื่องขวัญ ซึ่งแต่ละคนมี 3 ขวัญ เมื่อแรกเกิดหมอผีต้องเซ่นสังเวยเรียกขวัญเข้าร่างเด็ก แล้วจึงตั้งชื่อ ขวัญของเด็กจะอ่อนกว่าขวัญของผู้ใหญ่ คนต้องมีขวัญอย่างน้อย 1 ขวัญอยู่ในร่าง ต้องทำพิธีเรียกขวัญมา หากขวัญออกจากร่างทั้ง 3 ขวัญคนนั้นจะตาย หมอผีของม้งจะได้รับอำนาจมาจากพ่อ เป็นหญิงหรือชายก็ได้ แต่ต้องได้รับการเลือกจากผี นอกจากทำพิธีเซ่นสังเวยผีต่าง ๆ แล้ว หมอผียังรักษาอาการเจ็บป่วย อ่านลางทำนายความฝัน ทำเครื่องรางสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หมอผีจะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินแท่งหรือเหรียญเงิน (หน้า 61-63)

Education and Socialization

ไม่ระบุรายละเอียด

Health and Medicine

ไม่มีการกล่าวถึงอย่างชัดเจน เพียงบอกว่าหมอผีจะทำหน้ารักษาอาการเจ็บป่วย โดยทำพิธีขับไล่ผีที่ทำให้เกิดความเจ็บป่วยออกไป แล้วจะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงิน หรืออาหาร (หน้า 63)

Art and Crafts (including Clothing Costume)

ผู้หญิงม้งแต่ละกลุ่มแต่งกายต่างกัน ม้งน้ำเงินสวมกระโปรงจีนมีพื้นสีน้ำเง็น มีลวดลายสีขาวจาง ๆ ตามพื้นกระโปรง ที่ขอบชายกระโปรงปักลวดลายสีต่าง ๆ มีผ้ากันเปื้อนสีดำอยู่ข้างหน้า ส่วนม้งขาวจะนุ่งกางเกงสีน้ำเงิน มีผ้ากันเปื้อนสีน้ำเงินและดำอู่ข้างหน้าและหลัง บางครั้งนุ่งกระโปรงเรียบๆ สีขาวไม่มีปีก ทั้ง 2 กลุ่มจะใส่เสื้อปักลวดลายเหมือนกัน แต่ของม้งขาวจะใหญ่ว่า ม้งขาวจะใช้ผ้าโพกผมทุกวัน ทั้ง 2 กลุ่มจะใส่ผ้าพันแข้ง หรือผ้าคลุม รองเท้าสีน้ำเงินดำ และขาว ม้งขาวมีผ้าคาดเอวถัก ส่วนน้ำเงินเป็นสีแดง และเกล้าผมสูงจะโพกผมเฉพาะมีงานฉลอง ผู้หญิงทั้งสองกลุ่มจะใส่ห่วงที่คอทำด้วยเงิน ส่วนผู้ชาย สิ่งแตกต่างละหว่างกลุ่มคือ เสื้อชั้นนอก และกางเกงจะมีสีน้ำเงินเหมือนกันแต่ ของม้งน้ำเงินจะยาวกว่าม้งขาว เสื้อของม้งขาวจะสั้นเปิดให้เห็นหน้าท้อง เวลามีงานจะใส่เครื่องประดับทำด้วยเงิน (หน้า 46)

Folklore

ไม่มีข้อมูล

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

ไม่มีข้อมูล

Social Cultural and Identity Change

ไม่มีข้อมูล

Critic Issues

ไม่มีข้อมูล

Other Issues

ไม่มี

Map/Illustration

ตารางจำนวนกลุ่มตัวอย่างในการวิจัย (4) ตารางจำนวนประชากรชาวเขาในประเทศไทย จำแนกตามเผ่า (16) ตารางจำนวนชาวเขาในประเทศไทย จำแนกตามเผ่า (17) ตารางเปรียบเทียบประชากรชาวเขาอำเภอเมืองตากกับอำเภออื่นๆ (65) แผนภูมิการสืบเชื้อสายเผ่าพันธุ์ชาวเขาในประเทศไทย (13) แผนภูมิการจัดแบ่งหมู่บ้านออกเป็นระบบคุ้ม (75)

Text Analyst ชัยวัฒน์ ไชยจารุวณิช Date of Report 30 มิ.ย 2560
TAG ม้ง, การเมืองการปกครอง, การมีส่วนร่วม, ตาก, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง