|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ม้ง,การเมืองการปกครอง,การมีส่วนร่วม,ตาก |
Author |
พิทักษ์ สาเขตร์ |
Title |
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการมีส่วนร่วมทางการเมืองของชาวเขาเผ่าม้ง บ้านแม้วใหม่ อำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ม้ง,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ม้ง-เมี่ยน |
Location of
Documents |
ห้องสมุดคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
(เอกสารฉบับเต็ม) |
Total Pages |
105 |
Year |
2535 |
Source |
หลักสูตรปริญญารัฐศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาการเมืองและการปกครอง บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ |
Abstract |
การศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการมีส่วนร่วมทางการเมืองของชาวเขาเผ่าม้ง บ้านแม้วใหม่ อำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก ซึ่งหมายถึงการไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 22 มีนาคม 2535 โดยวิธีศึกษาเอกสาร การสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่างและการสังเกตการณ์อย่างมีส่วนร่วม พบว่า สภาพชีวิตความเป็นอยู่ส่วนใหญ่มีการศึกษาน้อย แต่คนบางกลุ่มที่มีการศึกษาดีจะมีส่วนช่วยพัฒนาหมู่บ้านได้ ทางด้านการเมืองมีความตื่นตัวค่อนข้างสูง โดยเฉพาะการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 22 มีนาคม 2535 ส่วนปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการมีส่วนร่วมทางการเมืองคือ การรณรงค์ประชาสัมพันธ์ของทางราชการ การโฆษณาหาเสียงของผู้สมัครและพรรคการเมือง การจัดแบ่งหมู่บ้านออกเป็นระบบคุ้ม สื่อมวลชน การเผยแพร่ประชาธิปไตยในทางปฏิบัติ ความเป็นผู้นำ และโครงการเผยแพร่ประชาธิปไตยระดับหมู่บ้าน (หน้า ข-ค) |
|
Focus |
ศึกษาสภาพการดำเนินชีวิตของชาวเขาเผ่าม้ง บ้านแม้วใหม่ อำเภอเมืองตาก จังวัดตาก และวิเคราะห์ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการมีส่วนร่วมทางการเมืองของชาวเขาเผ่าม้ง จากกรณีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 22 มีนาคม 2535 โดยวิธีศึกษาเอกสาร การสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่างและการสังเกตการณ์อย่างมีส่วนร่วม |
|
Theoretical Issues |
ไม่ได้กล่าวถึงอย่างชัดเจน เพียงแต่กล่าวถึงวิธีวิเคราะห์เอกสาร และวิเคราะห์เชิงพรรณนา โดยอาศัยข้อมูลจากเอกสาร จากการสังเกตและสัมภาษณ์บุคคลจากกลุ่มตัวอย่าง เพื่อพิสูจน์สมมติฐานและตอบวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ (หน้า 5) |
|
Ethnic Group in the Focus |
ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับม้งบ้านแม้วใหม่ แต่ได้สรุปภาพรวมจากงานวิจัยว่า ม้งไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าจัดอยู่ในกลุ่มใด บางคนจัดให้อยู่ในกลุ่มธิเบต-พม่า (Tibeto-Burman) บางคนเห็นว่าอยู่ในพวกมอญ-เขมร (Mon-Khmer) บางคนจัดว่าเป็นตระกูลจีนเดิม (Mainchinese) ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของจีน-ธิเบต (Sino-Tibetan) ม้งที่อาศัยอยู่ทางภาคเหนือของประเทศไทย แบ่งเป็นสามกลุ่ม คือม้งดำ (หรือน้ำเงิน) ม้งขาว และม้งกัวมะบา สำหรับม้งดำแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มย่อยคือ ม้งดอก ม้งลาย และม้งดำ โดยแยกจากความแตกต่างทางภาษา เครื่องแต่งกายตลอดจนชื่อที่พวกเขาเรียกตัวเอง (หน้า 43) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ยังมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องภาษาของม้ง ผู้เชี่ยวชาญบางคนจัดภาษาม้งอยู่ในตระกูลมอญ-เขมร (ออสโตรเอเชียติค) ไท, ซีนีติค (Sinitic) และอื่น ๆ บางท่านถือว่าภาษาม้ง-เย้าเป็นสาขาหนึ่งของภาษาตระกูลจีน ธิเบต ภาษาม้งเป็นภาษาที่มีเสียงก้อง และเป็นคำโดด ๆ ต่างกับภาษาจีนทั้งคำศัพท์และการออกเสียง แต่มีศัพท์จำนวนมากยืม จาก ภาษาจีน ปัจจุบัน เด็กม้งได้รับการศึกษาภาษาไทยจากโรงเรียนของพวกตำรวจภูธรชายแดนและพวกมิชชันนารี (หน้า 44) |
|
Study Period (Data Collection) |
ผู้เขียนใช้เวลาวิจัยดำเนินงาน 8 เดือน (มกราคม 2535-สิงหาคม 2535) |
|
History of the Group and Community |
ไม่ได้กล่าวถึงว่ามีความเป็นมาอย่างไร เพียงแต่บอกว่าบ้านแม้วใหม่เริ่มมีการจัดตั้งเป็นชุมชน เมื่อปี 2508 ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย |
|
Settlement Pattern |
ไม่ได้ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการตั้งถิ่นฐานของบ้านแม้วใหม่ แต่ได้สรุปจากงานต่าง ๆ ว่า ม้งนิยมตั้งบ้านเรือนอยู่บนยอดสูงสุดของเขา ถ้ายอดเขาเป็นที่ราบพอก็จะอยู่บนยอดเขาทั้งหมู่บ้าน โดยทั่วไปจะอยู่ในระดับความสูง 3,000-5,300 ฟุต ในขณะเดียวกันต้องเป็นที่ที่สามารถหาน้ำได้ง่าย หมู่บ้านจึงมักตั้งอยู่ใกล้แหล่งต้นน้ำหรือหน้าผา ความนิยมตั้งบ้านในที่สูงสุดอาจเป็นเพราะความเคยชินในการจัดหมู่บ้านให้ถูกต้องตามหลักยุทธศาสตร์ในสมัยโบราณ เพื่อให้มองเห็นข้าศึกได้ง่าย และเกิดความยากลำบากต่อการรุกราน อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อการตั้งหมู่บ้านคือ ฝิ่น เพราะฝิ่นสามารถปลูกได้งอกงามตั้งแต่ความสูง 2,500 ฟุตขึ้นไป (หน้า 47) หลักเกณฑ์การตั้งหมู่บ้านม้งมีดังนี้ (หน้า 47-48) 1) ต้องอยู่ในบริเวณสันเขา ตั้งอยู่ระหว่างภูเขา 3-4 ลูก เพื่อจะได้ไม่ห่างจากต้นน้ำลำธาร 2) ภูเขาต่าง ๆ จะต้องกำบังลมพายุได้ 3) ผีป่า "ตูเชงตูชี" จะอยู่ตามยอดเขา หากหมู่บ้านมีภูเขาล้อมรอบทุกด้าน จะได้รับความคุ้มครองจากผีป่า 4) หมู่บ้านจะต้องอยู่ในบริเวณที่ไม่เคยเป็นที่ตั้งหมู่บ้านมาก่อน เพราะหากไม่เหมาะ หมู่บ้านเก่าคงไม่ย้ายออกไป 5) รอบหมู่บ้านจะต้องมีที่ราบเพียงพอ เพื่อทุกคนจะได้มีที่ดินทำกิน 6) ถ้าหัวหน้าหมู่บ้านพบที่เหมาะจะตั้งเป็นหมู่บ้านใกล้หมู่บ้านอื่น ต้องค้นหาเหตุว่า ทำไมผู้มาก่อนจึงไม่เลือกที่แห่งนั้น โดยปกติแล้วจะมีการย้ายหมู่บ้านทุก 10-15 ปี |
|
Demography |
บ้านแม้วใหม่มี 65 หลังคาเรือน ประชากรจำนวน 650 คน เป็นผู้ชาย 300 คนเป็นผู้หญิง 350 คน (หน้า 66) |
|
Economy |
ม้งบ้านแม้วใหม่ ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทั้งการเพาะปลูก เช่น ข้าวโพด กาแฟ ผัก กระหล่ำ และเลี้ยงสัตว์ เช่น วัว หมู ไก่ และเป็ด นำไปขายในตลาดอำเภอแม่สอด และตลาดในจังหวัดตาก เมื่อเปรียบเทียบฐานะทางเศรษฐกิจกับชาวเขาเผ่าอื่น ถือว่าม้งบ้านแม้วใหม่อยู่ในระดับที่ดีกว่า (หน้า 67) |
|
Social Organization |
ไม่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดระเบียบสังคมของม้งที่บ้านแม้วใหม่ แต่สรุปภาพรวมจากงานต่าง ๆ ว่า ระบบวงศ์ตระกูล มีอิทธิพลต่อการจัดระเบียบกลุ่มสังคมและทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมของม้ง มีการนับถือและสืบวงศ์ตระกูลญาติฝ่ายชาย แต่ละตระกูลจะมีพิธีกรรมศาสนาของตัวเอง เมื่อสมาชิกวงศ์ตระกูลมาจากแดนไกล แต่ละฝ่ายจะถามถึงกันว่าบูชาผีบรรพบุรุษคนไหน เพื่อจะกำหนดว่าอยู่ในตระกูลย่อยของวงศ์ตระกูลเดียวกันหรือไม่ ในทางปฏิบัติ กลุ่มที่อยู่ในตระกูลย่อยของวงศ์ตระกูลเดียวกัน เมื่อแยกกันอยู่เป็นเวลานาน อาจมีพิธีกรรมทางศาสนาต่างกันและในที่สุดกลายเป็นตระกูลอื่นไป (หน้า 53-54) ด้านความสัมพันธ์ในครับครัว จะมีผู้ชายที่มีอาวุโสสูงสุดเป็นหัวหน้าครอบครัว สมาชิกคนอื่นจะต้องเชื่อฟัง ในขณะที่บิดามารดายังมีชีวิตอยู่ บุตรชายทุกคนจะต้องอยู่กับบิดามารดาแยกเรือนไปอยู่ต่างหากไม่ได้ เมื่อบุตรชายมีภรรยาจะต้องนำภรรยามาอยู่ด้วย แต่สำหรับบุตรหญิงเมื่อแต่งงานแล้วต้องไปอยู่กับครอบครัวของสามี เมื่อบิดามารดาเสียชีวิตลง ลูก ๆ จึงสามารถแยกเรือนไปอยู่คนละหลัง โดยหลังเดิมนี้มอบให้บุตรชายคนโตครอบครอง การแต่งงาน โดยปกติแล้วผู้ชายจะมีภรรยาคนเดียว ก็สามารถมีคนที่ 2 ได้ มีข้อห้ามไม่ให้แต่งงานกับภรรยาหม้ายของบิดา หรือการแต่งงานระหว่างคนที่ใช้นามสกุลเดียวกันก็ถูกห้าม การแต่งงานกับลูกสาวของพี่สาว หรือน้องสาวของพ่อเป็นสิ่งที่นิยมกัน และการแต่งงานกับลูกสาวของพี่ชายหรือน้องชายของแม่ยังถือว่าถูกต้องตามประเพณี การแต่งงานระหว่าลูกพี่ลูกน้องที่นิยมกันคือลูกสาวของพี่หรือน้องสาวของพ่อ และลูกสาวของพี่หรือน้องชายของแม่ สำหรับผู้ชายม้ง ถือว่าการแต่งงานคือการหาแรงงานมาเพิ่ม หรือช่วยแบ่งเบาภาระการงาน (หน้า 54-55) |
|
Political Organization |
ไม่ได้อธิบายเรื่องการเมืองของม้งที่บ้านแม้วใหม่ แต่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเมืองม้งโดยทั่วไปว่า บุคคลที่มีความสำคัญสูงสุดในหมู่บ้านคือ หัวหน้าหมู่บ้าน ในหมู่บ้านประกอบด้วยสมาชิกของวงศ์ตระกูล ผู้อาวุโสของวงศ์ตระกูลมักได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าหมู่บ้าน เมื่อสิ้นชีวิตลง ลูกชายมักได้รับการสืบทอดตำแหน่งหัวหน้าหมู่บ้าน กรณีที่ประกอบด้วย 2 วงศ์ตระกูลหรือมากกว่า หัวหน้าหมู่บ้านอาจมีมากกว่าหนึ่งคน หรือไม่หัวหน้าของวงศ์ตระกูลที่ใหญ่ที่สุด มีอำนาจอิทธิพลมากที่สุดอาจได้รับเลือกเป็นหัวหน้า แต่มีบางกรณีที่มีหัวหน้าหมู่บ้านมาจากวงศ์ตระกูลฝ่ายข้างน้อย ในทางปฏิบัติทางราชการจะไม่ตั้งหัวหน้าหมู่บ้านขึ้นมาซ้ำซ้อนกัน ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดความยุ่งยากในการปกครอง เมื่อได้รับเลือกแล้วจะดำรงตำแหน่งหัวหน้าหมู่บ้านไปตลอดจนสิ้นสภาพลงเมื่อตายหรือลาออก หรือที่ประชุมหมู่บ้านเห็นว่าดำรงตนไม่เหมาะสม จึงมีมติให้ลาออก หรือกรณีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดออกคำสั่งให้ออกจากตำแหน่ง (หน้า 49-50) เงื่อนไขการมีส่วนร่วมทางการเมืองของม้งบ้านแม้วใหม่ ขึ้นอยู่กับการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ของทางราชการ การโฆษณาหาเสียงของผู้สมัครและพรรคการเมือง ระบบการจัดแบ่งหมู่บ้านออกเป็นระบบคุ้มที่เหมาะสม การนำเสนอข่าวสารของสื่อมวลชนและการเผยแพร่ประชาธิปไตยระดับหมู่บ้าน ล้วนส่งผลให้ม้งบ้านแม้วใหม่ได้รับรู้และตื่นตัวต่อการมีส่วนร่วมทางการเมือง และไปใช้สิทธิในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 22 มีนาคม 2535 (หน้า 81-84) |
|
Belief System |
ไม่ได้ศึกษาความเชื่อของม้งที่บ้านแม้วใหม่ แต่สรุปมาจากงานวิจัยว่า ม้งมีความเชื่อเกี่ยวกับผีต่าง ๆ ผีบางชนิดอาศัยอยู่ตามต้นไม้ ภูเขา ไร่นา ยังมีผีที่ที่คอยให้ความช่วยเหลือคุ้มครองการทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การทำเหล็ก ผีที่คอยสอนหมอยา และหมอผี ผีสุนัขคอยคุ้มกันบ้าน ผีที่ถือว่าเป็นภัยมากที่สุดคือ ผีน้ำ ผีผู้หญิงโดยเฉพาะผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ นอกจากนี้ยังมีที่อยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของบ้าน ทำหน้าที่คุ้มครองผู้อยู่อาศัย แต่ละปีจะต้องมีการเซ่นสังเวย ยิ่งห่างจากบ้านหรือหมู่บ้านออกไป ภัยอันตรายจะยิ่งมีมากขึ้น ยังมีความเชื่อเรื่องขวัญ ซึ่งแต่ละคนมี 3 ขวัญ เมื่อแรกเกิดหมอผีต้องเซ่นสังเวยเรียกขวัญเข้าร่างเด็ก แล้วจึงตั้งชื่อ ขวัญของเด็กจะอ่อนกว่าขวัญของผู้ใหญ่ คนต้องมีขวัญอย่างน้อย 1 ขวัญอยู่ในร่าง ต้องทำพิธีเรียกขวัญมา หากขวัญออกจากร่างทั้ง 3 ขวัญคนนั้นจะตาย หมอผีของม้งจะได้รับอำนาจมาจากพ่อ เป็นหญิงหรือชายก็ได้ แต่ต้องได้รับการเลือกจากผี นอกจากทำพิธีเซ่นสังเวยผีต่าง ๆ แล้ว หมอผียังรักษาอาการเจ็บป่วย อ่านลางทำนายความฝัน ทำเครื่องรางสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หมอผีจะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินแท่งหรือเหรียญเงิน (หน้า 61-63) |
|
Education and Socialization |
|
Health and Medicine |
ไม่มีการกล่าวถึงอย่างชัดเจน เพียงบอกว่าหมอผีจะทำหน้ารักษาอาการเจ็บป่วย โดยทำพิธีขับไล่ผีที่ทำให้เกิดความเจ็บป่วยออกไป แล้วจะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงิน หรืออาหาร (หน้า 63) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
ผู้หญิงม้งแต่ละกลุ่มแต่งกายต่างกัน ม้งน้ำเงินสวมกระโปรงจีนมีพื้นสีน้ำเง็น มีลวดลายสีขาวจาง ๆ ตามพื้นกระโปรง ที่ขอบชายกระโปรงปักลวดลายสีต่าง ๆ มีผ้ากันเปื้อนสีดำอยู่ข้างหน้า ส่วนม้งขาวจะนุ่งกางเกงสีน้ำเงิน มีผ้ากันเปื้อนสีน้ำเงินและดำอู่ข้างหน้าและหลัง บางครั้งนุ่งกระโปรงเรียบๆ สีขาวไม่มีปีก ทั้ง 2 กลุ่มจะใส่เสื้อปักลวดลายเหมือนกัน แต่ของม้งขาวจะใหญ่ว่า ม้งขาวจะใช้ผ้าโพกผมทุกวัน ทั้ง 2 กลุ่มจะใส่ผ้าพันแข้ง หรือผ้าคลุม รองเท้าสีน้ำเงินดำ และขาว ม้งขาวมีผ้าคาดเอวถัก ส่วนน้ำเงินเป็นสีแดง และเกล้าผมสูงจะโพกผมเฉพาะมีงานฉลอง ผู้หญิงทั้งสองกลุ่มจะใส่ห่วงที่คอทำด้วยเงิน ส่วนผู้ชาย สิ่งแตกต่างละหว่างกลุ่มคือ เสื้อชั้นนอก และกางเกงจะมีสีน้ำเงินเหมือนกันแต่ ของม้งน้ำเงินจะยาวกว่าม้งขาว เสื้อของม้งขาวจะสั้นเปิดให้เห็นหน้าท้อง เวลามีงานจะใส่เครื่องประดับทำด้วยเงิน (หน้า 46) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
Map/Illustration |
ตารางจำนวนกลุ่มตัวอย่างในการวิจัย (4) ตารางจำนวนประชากรชาวเขาในประเทศไทย จำแนกตามเผ่า (16) ตารางจำนวนชาวเขาในประเทศไทย จำแนกตามเผ่า (17) ตารางเปรียบเทียบประชากรชาวเขาอำเภอเมืองตากกับอำเภออื่นๆ (65) แผนภูมิการสืบเชื้อสายเผ่าพันธุ์ชาวเขาในประเทศไทย (13) แผนภูมิการจัดแบ่งหมู่บ้านออกเป็นระบบคุ้ม (75) |
|
|