สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ปะโอ,โพล่ง โผล่ง โพล่ว ซู กะเหรี่ยง, ปกาเกอะญอ จกอ คานยอ กะเหรี่ยง, ผู้อพยพ,สตรี, สาธารณสุข, การสืบพันธุ์ ,ค่ายอพยพ
Author Saowaphak Suksinchai
Title Miscarriage among Displaced People: A Case Study of Karen Women in Tak Province, Thailand
Document Type วิทยานิพนธ์ Original Language of Text ภาษาอังกฤษ
Ethnic Identity โพล่ง โผล่ง โผล่ว ซู กะเหรี่ยง, ปะโอ, ปกาเกอะญอ, Language and Linguistic Affiliations จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan)
Location of
Documents
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน) Total Pages 62 Year 2542
Source Master of Arts (Population and Reproductive Health Research) Faculty of Graduate Studies Mahidol University
Abstract

งานวิจัยชิ้นนี้แสดงให้เห็นว่าจากในตัวแปรอิสระทั้ง 6 อย่าง ตัวแปร 3 อย่างที่มีผลต่ออัตราการแท้งลูกของผู้อพยพสตรีชาวกะเหรี่ยงอย่างมาก ได้แก่ 1) ขนาดครอบครัว 2) ปัญหาสุขภาพ และ 3) สถานการณ์ทำงาน ส่วนตัวแปรอีก 3 อย่างคือ การศึกษา จำนวนการสูบบุหรี่ และระยะเวลาการอยู่ ไม่มีผลกระทบมากนัก   ผู้หญิงที่มีครอบครัวเล็กๆ ผู้หญิงที่มีปัญหาสุขภาพโดยเฉพาะมีอาการปวดตัว และผู้หญิงที่ทำงานไปด้วย จะมีอัตราการแท้งลูกสูงกว่า

ข้อเสนอแนะจากงานวิจัยนี้ก็คือควรมีการปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ของผู้อพยพสตรีชาวกะเหรี่ยงซึ่งจะช่วยลดโอกาสการแท้งบุตรลง   ควรมีการให้การศึกษาด้านการเจริญพันธุ์และมีการให้บริการทางการแพทย์อย่างเหมาะสมแก่สตรีในวัยเจริญพันธุ์   ควรมีการให้โอกาสทางอาชีพแก่สตรีเหล่านี้ เพื่อพวกเธอจะได้มีกิจกรรมที่สร้างสรรค์และสามารถตอบสนองความต้องการในการปรับปรุงโภชนาการได้   ควรมีการจัดโครงการให้ข้อมูล การศึกษา และการสื่อสาร แก่สตรีในวัยเจริญพันธุ์ โดยเฉพาะความรู้เรื่องการเจริญพันธุ์และส่งเสริมการเลิกบุหรี่ (หน้า iv, 60-66)

Focus

ผู้เขียนมุ่งศึกษาผลกระทบต่อการเจริญพันธุ์โดยเฉพาะกับการแท้งบุตร
จากปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการอพยพและพฤติกรรมความเสี่ยงของผู้อพยพสตรีชาวกะเหรี่ยงที่อยู่ในค่ายลี้ภัยในประเทศไทย 

Theoretical Issues

ผู้เขียนได้ทบทวนวรรณกรรมในหัวข้อการแท้งบุตร ซึ่งมีการศึกษาปัจจัยทั้งในเชิงวิทยาศาสตร์และสังคมศาสตร์ รวมทั้งพฤติกรรมและสิ่งแวดล้อมของผู้อพยพสตรีที่มีผลต่อการแท้งบุตร   และผู้เขียนได้สรุปตัวแปรอิสระที่จะนำมาใช้ในการวิเคราะห์ศึกษา ได้แก่ 1. ลักษณะทางสังคม-ประชากร [การศึกษา ขนาดครอบครัว และสถานะทำงาน] 2. การอพยพ [ระยะเวลาที่อยู่ในศูนย์อพยพ] 3. ปัญหาสุขภาพและพฤติกรรมเสี่ยง [การสูบบุหรี่ของสตรี] (หน้า 27)
 
          ผู้เขียนได้ตั้งสมมติฐานในการศึกษาไว้ 6 ข้อ ได้แก่
1.         ยิ่งมีการศึกษาสูง อัตราการแท้งบุตรในหมู่ผู้อพยพสตรีชาวกะเหรี่ยงก็ยิ่งน้อยลง
2.         ขนาดครอบครัวของสตรีชาวกะเหรี่ยงมีผลกระทบต่ออัตราการแท้งบุตร
3.         สตรีชาวกะเหรี่ยงที่ทำงานมีอัตราการแท้งบุตรสูงกว่าสตรีกะเหรี่ยงที่ไม่ได้ทำงาน
4.         ระยะเวลาการอยู่อาศัยในศูนย์อพยพของสตรีกะเหรี่ยงมีผลต่ออัตราการแท้งบุตร
5.         ปัญหาทางสุขภาพของสตรีชาวกะเหรี่ยงมีผลต่ออัตราการแท้งบุตร
6.         ยิ่งสตรีชาวกะเหรี่ยงสูบบุหรี่จัดเท่าไร ก็ยิ่งมีอัตราการแท้งบุตรสูงขึ้น(หน้า 29)

Ethnic Group in the Focus

ตามประวัติศาสตร์ชาวกะเหรี่ยงเป็นชาวเขาที่อยู่ในกลุ่มชาติพันธุ์สายทิเบต-พม่า ส่วนใหญ่อยู่อาศัยบนภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ของพม่า ชาวกะเหรี่ยงมีการแบ่งแยกออกเป็นหลายกลุ่ม เป็นชาติพันธุ์ที่รักสงบ ขยัน และซื่อสัตย์ (หน้า 6)   ชาวกะเหรี่ยงมีรัฐกะเหรี่ยงอยู่ในพม่า โดยมีเมืองหลวงชื่อพะปุน (หน้า 5)

Language and Linguistic Affiliations

-

Study Period (Data Collection)

เดือน พ.ค. - มิ.ย. ปี พ.ศ. 2542

History of the Group and Community

 ในสหภาพพม่าเก่า รัฐกะเหรี่ยงและรัฐคะยาได้ก่อตั้งขึ้นตามแนวเขาตะนาวศรี อยู่ทางตะวันออกของอาณาจักรตองอู และอยู่ทางตอนใต้ของแม่น้ำสาละวิน นอกจากนี้มีชาวกะเหรี่ยงที่อาศัยอยู่ตามเนินเขาพะโคระหว่างแม่น้ำอิระวดีกับสาละวิน และในบริเวณลุ่มน้ำของสามเหลี่ยมปากแม่น้ำอิระวดี   ไม่ค่อยมีใครรู้ประวัติของชาติพันธุ์กะเหรี่ยงก่อนศตวรรษที่19 เป็นไปได้ว่าชาวกะเหรี่ยงเป็นชาวเขากลุ่มแรกๆที่ย้ายเข้ามาอยู่ในอาณาจักรพม่าในช่วงปลายสหัสวรรษแรก  (หน้า 5-6)
 
 ตามประวัติศาสตร์ชาวกะเหรี่ยงเป็นชาวเขาที่อยู่ในกลุ่มชาติพันธุ์สายทิเบต-พม่า ส่วนใหญ่อยู่อาศัยบนภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ของพม่า (หน้า 6)

Settlement Pattern

ชาวกะเหรี่ยงเป็นชาวเขา ถูกพบอยู่ตามพื้นที่ชายแดนที่เป็นเนินเขาบนฝั่งตะวันออกของพม่าและฝั่งตะวันตกของไทยจากเมืองตองยีในตอนเหนือยาวเรื่อยไปตามแนวเทือกเขาตะนาวศรีของพม่าลงไปจนเกือบถึงคอคอดกระ (หน้า 5)
         
ค่ายผู้อพยพชาวพม่าจะตั้งอยู่ตามแนวชายแดนไทย-พม่า โดยมีค่ายผู้อพยพกะเหรี่ยงบนฝั่งพม่า 1 แห่ง และบนฝั่งไทย 9 แห่ง (หน้า 6)    

Demography

ในรัฐกะเหรี่ยงในประเทศพม่า มีประชากรราว 2.2 ล้านคน และมีประชากรกะเหรี่ยงในไทยอีกราว 2.4 แสนคน (หน้า 5)
 
มีชาวกะเหรี่ยงอยู่ในศูนย์ผู้อพยพแม่ลาราว 31,000 คน และในศูนย์ห้วยกะโหลกอีกเกือบ 10,000 คน (หน้า 31)
         
ขนาดครอบครัวของผู้อพยพชาวกะเหรี่ยงจัดว่าค่อนข้างใหญ่โดยมีค่าเฉลี่ยคือ “ครอบครัวละ 5.7 คน” เทียบกับของไทย 4 คน โดยจากผลสำรวจผู้หญิงส่วนใหญ่จะมีสมาชิกในครอบครัว 4-6 คน   และผู้อพยพสตรีกะเหรี่ยงมีอัตราการเจริญพันธุ์สูงโดยส่วนใหญ่มีบุตรเฉลี่ย 3.3 คน (หน้า 41, 61)
 
 ผู้อพยพชาวกะเหรี่ยงมีระยะเวลาอาศัยอยู่ในค่ายอพยพแตกต่างกันไปตั้งแต่ 1-30 ปี (หน้า 61)

Economy

ชาวกะเหรี่ยงในหมู่บ้านส่วนใหญ่ยังชีพด้วยการทำเกษตรกรรม ชาวเขากะเหรี่ยงทำไร่เลื่อนลอยโดยปลูกข้าวเป็นหลัก มีการเพาะปลูกพืชผลชนิดอื่นบ้างไว้สำหรับการบริโภคในครัวเรือน   ชาวกะเหรี่ยงต่างจากชาวเขาเผ่าอื่นๆตรงที่ไม่ปลูกฝิ่น (หน้า 6) 

Social Organization

ครอบครัวชาวกะเหรี่ยงจำนวนมากเป็นครอบครัวขนาดใหญ่ สมาชิกในครอบครัวจะช่วยเหลือเลี้ยงดูลูกหลาน (หน้า 46)
  จากการวิจัยพบว่าสตรีผู้อพยพชาวกะเหรี่ยงมีฐานะความเป็นอยู่ย่ำแย่ ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่เคยไปโรงเรียน ภาวะด้อยการศึกษามีส่วนทำให้สตรีกะเหรี่ยงมีบุตรเยอะ แต่ในทางกลับกัน สตรีกะเหรี่ยงที่มีการศึกษาก็ไม่สามารถใช้ความรู้ในการประกอบอาชีพได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากข้อจำกัดที่ไม่สามารถออกไปทำงานนอกค่ายได้ (หน้า 57) 

Political Organization

ชาวกะเหรี่ยงมีรัฐกะเหรี่ยงอยู่ในพม่า โดยมีเมืองหลวงชื่อพะปุน (หน้า 5)รัฐบาลทหารพม่าเป็นศัตรูทางการเมืองของรัฐกะเหรี่ยง พม่าดำเนินการกดดันชนกลุ่มน้อยรวมทั้งชาวกะเหรี่ยงอย่างต่อเนื่องตลอด 3 ทศวรรษ (หน้า 4)
รัฐบาลไทยให้การช่วยเหลือบรรเทาทุกข์แก่ผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงภายใต้หลักสิทธิมนุษยชน โดยทางการของกะเหรี่ยงได้จัดตั้งคณะกรรมการผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยง (KRC) ขึ้นมาทำหน้าที่ควบคุมดูแลผู้อพยพชาวกะเหรี่ยง (หน้า 9) 

Belief System

ผู้หญิงกะเหรี่ยงในชุมชนวิจัยกว่าครึ่งนับถือศาสนาคริสต์ [52 เปอร์เซ็นต์] ตามด้วยพุทธ [40 เปอร์เซ็นต์] มุสลิมและศาสนาอื่นๆ [8 เปอร์เซ็นต์] (หน้า 39) 

Education and Socialization

ในชุมชนผู้อพยพชาวกะเหรี่ยงมีโรงเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงมัธยม มีโรงเรียนอนุบาล 3 แห่ง และโรงเรียนมัธยม 1 แห่งในศูนย์ห้วยกะโหลก   ที่ศูนย์แม่ลาซึ่งเป็นศูนย์ที่ใหญ่ที่สุดมีโรงเรียนอนุบาล 14 แห่ง, ประถม 13 แห่ง, มัธยมต้น 3 แห่ง, มัธยมปลาย 4 แห่ง และมหาวิทยาลัย 1 แห่ง มีเอ็นจีโอคอยให้ความช่วยเหลือเรื่องอุปกรณ์การศึกษา สร้างโรงเรียนร่วมกับคุณครูที่สอนเด็กๆในค่าย (หน้า 10)
 
จากผลวิจัยในชุมชนผู้อพยพกะเหรี่ยง พบว่าชาวกะเหรี่ยงส่วนใหญ่ขาดการศึกษา โดยสตรีกะเหรี่ยงที่มีสามีแล้ว 56 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้เรียนหนังสือ ขณะที่ฝ่ายสามี(ชาย)ไม่ได้เรียนหนังสือ 39 เปอร์เซ็นต์ (หน้า 39)

Health and Medicine

มีโรงพยาบาล 3 แห่งและคลินิก 2 แห่งในศูนย์แม่ลา และโรงพยาบาล 1 แห่งกับคลินิก 1 แห่งในศูนย์ห้วยกะโหลก โดยได้รับการอุปถัมภ์จาก MSF [หน่วยแพทย์ไร้พรมแดน] (หน้า 9)
 
 ในปี 1994 WCRWC ลงพื้นที่และพบว่าผู้อพยพสตรีและเด็กตามแนวชายแดนไทย-พม่าต้องเผชิญกับภยันตรายจากโรค “มาลาเรีย” ที่รักษาได้ยากขึ้นเพราะมีการดื้อยา (หน้า 21)
 
ผลวิจัยจากวิทยานิพนธ์พบว่าสตรีกะเหรี่ยง 3 ใน 4 เคยมีปัญหาทางสุขภาพอย่างน้อย 1 อย่าง เช่น โรคมาลาเรีย โรคอ่อนเพลีย อาการปวดตัว (หน้า 43, 61)   และพบว่าหญิงครึ่งหนึ่งชอบสูบบุหรี่ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุอย่างหนึ่งที่นำไปสู่การเจ็บป่วยและการแท้งลูก (หน้า 43, 61)  
 
ตามผลวิจัยโรคมาลาเรียและอาการปวดตัวมีผลกระทบต่อการแท้งบุตรในหมู่สตรีผู้อพยพชาวกะเหรี่ยง (หน้า 53, 64)
 
จากการสังเกตระหว่างการวิจัยพบว่าสตรีกะเหรี่ยงต้องแบกน้ำ อาหาร และของบริจาคมาจากที่ไกลๆ ซึ่งอาจเป็นต้นเหตุของอาการเจ็บตัว (หน้า 64)และคู่สามีภรรยาหลายคู่ไม่ได้ไปรับยาคุมกำเนิดทั้งที่มีแจกให้ฟรีในคลินิกศูนย์  ทำให้เกิดการตั้งครรภ์โดยไม่พึงประสงค์ซึ่งจะนำไปสู่การตั้งครรภ์ที่ไม่สมบูรณ์และการแท้งลูก (หน้า 65)
 
สตรีกะเหรี่ยงที่ไปทำงานนอกหมู่บ้านมีโอกาสแท้งลูกสูง เนื่องจากเป็นงานกรรมกรแบกหามที่มีผลกระทบทั้งทางร่างกายและจิตใจ (หน้า 65)

Art and Crafts (including Clothing Costume)

ไม่มี

Folklore

ไม่มี

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

“พม่า” ภายใต้การปกครองของรัฐบาลทหาร มีการปราบปรามกดขี่ชนกลุ่มน้อยมาตลอด 3 ทศวรรษหลัง ก่อให้เกิดสงครามโดยเฉพาะตามแนวชายแดน ทำให้ชนกลุ่มน้อยจำนวนมากรวมทั้ง “ชาวกะเหรี่ยง” ต้องอพยพมาอยู่ในประเทศไทย (หน้า 4) 

Social Cultural and Identity Change

ไม่มี

Critic Issues

ไม่มี

Other Issues

ไม่มี

Map/Illustration

-        ตารางสถิติประชากรผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงในศูนย์ ปี พ.ศ. 2542 (หน้า 7)
-        แผนที่ที่ตั้งศูนย์ผู้อพยพตามแนวชายแดนไทย-พม่า พร้อมสถิติประชากร (หน้า 8)
-        แผนผังโครงสร้างการช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ผู้พลัดถิ่นในประเทศไทย (หน้า 11)
-        แผนผังกรอบแนวคิดในการวิจัยเรื่องปัจจัยที่มีผลต่อการแท้งลูก (หน้า 28)
-        ตารางแสดงภูมิหลังทางสังคมและเศรษฐกิจของผู้อพยพสตรีชาวกะเหรี่ยงในจังหวัดตาก ปี พ.ศ. 2542 (หน้า 40, 42)
-        ตารางแสดงปัจจัยที่เกี่ยวข้องและปัญหาสุขภาพ (หน้า 44)
-        ตารางแสดงปัจจัยทางสังคมและเศรษฐกิจที่มีผลต่อการแท้งบุตร (หน้า 47)
-        ตารางแสดงปัจจัยด้านสุขภาพที่มีผลต่อการแท้งบุตร (หน้า 49)
-        ตารางแสดงปัจจัยพฤติกรรมเสี่ยงที่มีผลต่อการแท้งบุตร (หน้า 50)
-        ตารางสรุปผลการวิเคราะห์ถดถอยที่มีตัวแปรอิสระ ในอัตราการแท้งบุตร (หน้า 56)
-        รูปภาพแหล่งวิจัย ศูนย์ผู้อพยพชาวกะเหรี่ยง (หน้า 76-78)
 

Text Analyst อัลเบอท ปอทเจส Date of Report 04 ต.ค. 2567
TAG ปะโอ, โพล่ง โผล่ง โพล่ว ซู กะเหรี่ยง, ปกาเกอะญอ จกอ คานยอ กะเหรี่ยง, ผู้อพยพ, สตรี, สาธารณสุข, การสืบพันธุ์ ค่ายอพยพ, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง