|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ปะโอ,โพล่ง โผล่ง โพล่ว ซู กะเหรี่ยง, ปกาเกอะญอ จกอ คานยอ กะเหรี่ยง, ผู้อพยพ,สตรี, สาธารณสุข, การสืบพันธุ์ ,ค่ายอพยพ |
Author |
Saowaphak Suksinchai |
Title |
Miscarriage among Displaced People: A Case Study of Karen Women in Tak Province, Thailand |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาอังกฤษ |
Ethnic Identity |
โพล่ง โผล่ง โผล่ว ซู กะเหรี่ยง, ปะโอ, ปกาเกอะญอ,
|
Language and Linguistic Affiliations |
จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan) |
Location of
Documents |
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน) |
Total Pages |
62 |
Year |
2542 |
Source |
Master of Arts (Population and Reproductive Health Research) Faculty of Graduate Studies Mahidol University |
Abstract |
งานวิจัยชิ้นนี้แสดงให้เห็นว่าจากในตัวแปรอิสระทั้ง 6 อย่าง ตัวแปร 3 อย่างที่มีผลต่ออัตราการแท้งลูกของผู้อพยพสตรีชาวกะเหรี่ยงอย่างมาก ได้แก่ 1) ขนาดครอบครัว 2) ปัญหาสุขภาพ และ 3) สถานการณ์ทำงาน ส่วนตัวแปรอีก 3 อย่างคือ การศึกษา จำนวนการสูบบุหรี่ และระยะเวลาการอยู่ ไม่มีผลกระทบมากนัก ผู้หญิงที่มีครอบครัวเล็กๆ ผู้หญิงที่มีปัญหาสุขภาพโดยเฉพาะมีอาการปวดตัว และผู้หญิงที่ทำงานไปด้วย จะมีอัตราการแท้งลูกสูงกว่า
ข้อเสนอแนะจากงานวิจัยนี้ก็คือควรมีการปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ของผู้อพยพสตรีชาวกะเหรี่ยงซึ่งจะช่วยลดโอกาสการแท้งบุตรลง ควรมีการให้การศึกษาด้านการเจริญพันธุ์และมีการให้บริการทางการแพทย์อย่างเหมาะสมแก่สตรีในวัยเจริญพันธุ์ ควรมีการให้โอกาสทางอาชีพแก่สตรีเหล่านี้ เพื่อพวกเธอจะได้มีกิจกรรมที่สร้างสรรค์และสามารถตอบสนองความต้องการในการปรับปรุงโภชนาการได้ ควรมีการจัดโครงการให้ข้อมูล การศึกษา และการสื่อสาร แก่สตรีในวัยเจริญพันธุ์ โดยเฉพาะความรู้เรื่องการเจริญพันธุ์และส่งเสริมการเลิกบุหรี่ (หน้า iv, 60-66) |
|
Focus |
ผู้เขียนมุ่งศึกษาผลกระทบต่อการเจริญพันธุ์โดยเฉพาะกับการแท้งบุตร
จากปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการอพยพและพฤติกรรมความเสี่ยงของผู้อพยพสตรีชาวกะเหรี่ยงที่อยู่ในค่ายลี้ภัยในประเทศไทย |
|
Theoretical Issues |
ผู้เขียนได้ทบทวนวรรณกรรมในหัวข้อการแท้งบุตร ซึ่งมีการศึกษาปัจจัยทั้งในเชิงวิทยาศาสตร์และสังคมศาสตร์ รวมทั้งพฤติกรรมและสิ่งแวดล้อมของผู้อพยพสตรีที่มีผลต่อการแท้งบุตร และผู้เขียนได้สรุปตัวแปรอิสระที่จะนำมาใช้ในการวิเคราะห์ศึกษา ได้แก่ 1. ลักษณะทางสังคม-ประชากร [การศึกษา ขนาดครอบครัว และสถานะทำงาน] 2. การอพยพ [ระยะเวลาที่อยู่ในศูนย์อพยพ] 3. ปัญหาสุขภาพและพฤติกรรมเสี่ยง [การสูบบุหรี่ของสตรี] (หน้า 27)
ผู้เขียนได้ตั้งสมมติฐานในการศึกษาไว้ 6 ข้อ ได้แก่
1. ยิ่งมีการศึกษาสูง อัตราการแท้งบุตรในหมู่ผู้อพยพสตรีชาวกะเหรี่ยงก็ยิ่งน้อยลง
2. ขนาดครอบครัวของสตรีชาวกะเหรี่ยงมีผลกระทบต่ออัตราการแท้งบุตร
3. สตรีชาวกะเหรี่ยงที่ทำงานมีอัตราการแท้งบุตรสูงกว่าสตรีกะเหรี่ยงที่ไม่ได้ทำงาน
4. ระยะเวลาการอยู่อาศัยในศูนย์อพยพของสตรีกะเหรี่ยงมีผลต่ออัตราการแท้งบุตร
5. ปัญหาทางสุขภาพของสตรีชาวกะเหรี่ยงมีผลต่ออัตราการแท้งบุตร
6. ยิ่งสตรีชาวกะเหรี่ยงสูบบุหรี่จัดเท่าไร ก็ยิ่งมีอัตราการแท้งบุตรสูงขึ้น(หน้า 29) |
|
Ethnic Group in the Focus |
ตามประวัติศาสตร์ชาวกะเหรี่ยงเป็นชาวเขาที่อยู่ในกลุ่มชาติพันธุ์สายทิเบต-พม่า ส่วนใหญ่อยู่อาศัยบนภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ของพม่า ชาวกะเหรี่ยงมีการแบ่งแยกออกเป็นหลายกลุ่ม เป็นชาติพันธุ์ที่รักสงบ ขยัน และซื่อสัตย์ (หน้า 6) ชาวกะเหรี่ยงมีรัฐกะเหรี่ยงอยู่ในพม่า โดยมีเมืองหลวงชื่อพะปุน (หน้า 5) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
เดือน พ.ค. - มิ.ย. ปี พ.ศ. 2542 |
|
History of the Group and Community |
ในสหภาพพม่าเก่า รัฐกะเหรี่ยงและรัฐคะยาได้ก่อตั้งขึ้นตามแนวเขาตะนาวศรี อยู่ทางตะวันออกของอาณาจักรตองอู และอยู่ทางตอนใต้ของแม่น้ำสาละวิน นอกจากนี้มีชาวกะเหรี่ยงที่อาศัยอยู่ตามเนินเขาพะโคระหว่างแม่น้ำอิระวดีกับสาละวิน และในบริเวณลุ่มน้ำของสามเหลี่ยมปากแม่น้ำอิระวดี ไม่ค่อยมีใครรู้ประวัติของชาติพันธุ์กะเหรี่ยงก่อนศตวรรษที่19 เป็นไปได้ว่าชาวกะเหรี่ยงเป็นชาวเขากลุ่มแรกๆที่ย้ายเข้ามาอยู่ในอาณาจักรพม่าในช่วงปลายสหัสวรรษแรก (หน้า 5-6)
ตามประวัติศาสตร์ชาวกะเหรี่ยงเป็นชาวเขาที่อยู่ในกลุ่มชาติพันธุ์สายทิเบต-พม่า ส่วนใหญ่อยู่อาศัยบนภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ของพม่า (หน้า 6) |
|
Settlement Pattern |
ชาวกะเหรี่ยงเป็นชาวเขา ถูกพบอยู่ตามพื้นที่ชายแดนที่เป็นเนินเขาบนฝั่งตะวันออกของพม่าและฝั่งตะวันตกของไทยจากเมืองตองยีในตอนเหนือยาวเรื่อยไปตามแนวเทือกเขาตะนาวศรีของพม่าลงไปจนเกือบถึงคอคอดกระ (หน้า 5)
ค่ายผู้อพยพชาวพม่าจะตั้งอยู่ตามแนวชายแดนไทย-พม่า โดยมีค่ายผู้อพยพกะเหรี่ยงบนฝั่งพม่า 1 แห่ง และบนฝั่งไทย 9 แห่ง (หน้า 6) |
|
Demography |
ในรัฐกะเหรี่ยงในประเทศพม่า มีประชากรราว 2.2 ล้านคน และมีประชากรกะเหรี่ยงในไทยอีกราว 2.4 แสนคน (หน้า 5)
มีชาวกะเหรี่ยงอยู่ในศูนย์ผู้อพยพแม่ลาราว 31,000 คน และในศูนย์ห้วยกะโหลกอีกเกือบ 10,000 คน (หน้า 31)
ขนาดครอบครัวของผู้อพยพชาวกะเหรี่ยงจัดว่าค่อนข้างใหญ่โดยมีค่าเฉลี่ยคือ “ครอบครัวละ 5.7 คน” เทียบกับของไทย 4 คน โดยจากผลสำรวจผู้หญิงส่วนใหญ่จะมีสมาชิกในครอบครัว 4-6 คน และผู้อพยพสตรีกะเหรี่ยงมีอัตราการเจริญพันธุ์สูงโดยส่วนใหญ่มีบุตรเฉลี่ย 3.3 คน (หน้า 41, 61)
ผู้อพยพชาวกะเหรี่ยงมีระยะเวลาอาศัยอยู่ในค่ายอพยพแตกต่างกันไปตั้งแต่ 1-30 ปี (หน้า 61) |
|
Economy |
ชาวกะเหรี่ยงในหมู่บ้านส่วนใหญ่ยังชีพด้วยการทำเกษตรกรรม ชาวเขากะเหรี่ยงทำไร่เลื่อนลอยโดยปลูกข้าวเป็นหลัก มีการเพาะปลูกพืชผลชนิดอื่นบ้างไว้สำหรับการบริโภคในครัวเรือน ชาวกะเหรี่ยงต่างจากชาวเขาเผ่าอื่นๆตรงที่ไม่ปลูกฝิ่น (หน้า 6) |
|
Social Organization |
ครอบครัวชาวกะเหรี่ยงจำนวนมากเป็นครอบครัวขนาดใหญ่ สมาชิกในครอบครัวจะช่วยเหลือเลี้ยงดูลูกหลาน (หน้า 46)
จากการวิจัยพบว่าสตรีผู้อพยพชาวกะเหรี่ยงมีฐานะความเป็นอยู่ย่ำแย่ ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่เคยไปโรงเรียน ภาวะด้อยการศึกษามีส่วนทำให้สตรีกะเหรี่ยงมีบุตรเยอะ แต่ในทางกลับกัน สตรีกะเหรี่ยงที่มีการศึกษาก็ไม่สามารถใช้ความรู้ในการประกอบอาชีพได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากข้อจำกัดที่ไม่สามารถออกไปทำงานนอกค่ายได้ (หน้า 57) |
|
Political Organization |
ชาวกะเหรี่ยงมีรัฐกะเหรี่ยงอยู่ในพม่า โดยมีเมืองหลวงชื่อพะปุน (หน้า 5)รัฐบาลทหารพม่าเป็นศัตรูทางการเมืองของรัฐกะเหรี่ยง พม่าดำเนินการกดดันชนกลุ่มน้อยรวมทั้งชาวกะเหรี่ยงอย่างต่อเนื่องตลอด 3 ทศวรรษ (หน้า 4)
รัฐบาลไทยให้การช่วยเหลือบรรเทาทุกข์แก่ผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงภายใต้หลักสิทธิมนุษยชน โดยทางการของกะเหรี่ยงได้จัดตั้งคณะกรรมการผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยง (KRC) ขึ้นมาทำหน้าที่ควบคุมดูแลผู้อพยพชาวกะเหรี่ยง (หน้า 9) |
|
Belief System |
ผู้หญิงกะเหรี่ยงในชุมชนวิจัยกว่าครึ่งนับถือศาสนาคริสต์ [52 เปอร์เซ็นต์] ตามด้วยพุทธ [40 เปอร์เซ็นต์] มุสลิมและศาสนาอื่นๆ [8 เปอร์เซ็นต์] (หน้า 39) |
|
Education and Socialization |
ในชุมชนผู้อพยพชาวกะเหรี่ยงมีโรงเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงมัธยม มีโรงเรียนอนุบาล 3 แห่ง และโรงเรียนมัธยม 1 แห่งในศูนย์ห้วยกะโหลก ที่ศูนย์แม่ลาซึ่งเป็นศูนย์ที่ใหญ่ที่สุดมีโรงเรียนอนุบาล 14 แห่ง, ประถม 13 แห่ง, มัธยมต้น 3 แห่ง, มัธยมปลาย 4 แห่ง และมหาวิทยาลัย 1 แห่ง มีเอ็นจีโอคอยให้ความช่วยเหลือเรื่องอุปกรณ์การศึกษา สร้างโรงเรียนร่วมกับคุณครูที่สอนเด็กๆในค่าย (หน้า 10)
จากผลวิจัยในชุมชนผู้อพยพกะเหรี่ยง พบว่าชาวกะเหรี่ยงส่วนใหญ่ขาดการศึกษา โดยสตรีกะเหรี่ยงที่มีสามีแล้ว 56 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้เรียนหนังสือ ขณะที่ฝ่ายสามี(ชาย)ไม่ได้เรียนหนังสือ 39 เปอร์เซ็นต์ (หน้า 39) |
|
Health and Medicine |
มีโรงพยาบาล 3 แห่งและคลินิก 2 แห่งในศูนย์แม่ลา และโรงพยาบาล 1 แห่งกับคลินิก 1 แห่งในศูนย์ห้วยกะโหลก โดยได้รับการอุปถัมภ์จาก MSF [หน่วยแพทย์ไร้พรมแดน] (หน้า 9)
ในปี 1994 WCRWC ลงพื้นที่และพบว่าผู้อพยพสตรีและเด็กตามแนวชายแดนไทย-พม่าต้องเผชิญกับภยันตรายจากโรค “มาลาเรีย” ที่รักษาได้ยากขึ้นเพราะมีการดื้อยา (หน้า 21)
ผลวิจัยจากวิทยานิพนธ์พบว่าสตรีกะเหรี่ยง 3 ใน 4 เคยมีปัญหาทางสุขภาพอย่างน้อย 1 อย่าง เช่น โรคมาลาเรีย โรคอ่อนเพลีย อาการปวดตัว (หน้า 43, 61) และพบว่าหญิงครึ่งหนึ่งชอบสูบบุหรี่ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุอย่างหนึ่งที่นำไปสู่การเจ็บป่วยและการแท้งลูก (หน้า 43, 61)
ตามผลวิจัยโรคมาลาเรียและอาการปวดตัวมีผลกระทบต่อการแท้งบุตรในหมู่สตรีผู้อพยพชาวกะเหรี่ยง (หน้า 53, 64)
จากการสังเกตระหว่างการวิจัยพบว่าสตรีกะเหรี่ยงต้องแบกน้ำ อาหาร และของบริจาคมาจากที่ไกลๆ ซึ่งอาจเป็นต้นเหตุของอาการเจ็บตัว (หน้า 64)และคู่สามีภรรยาหลายคู่ไม่ได้ไปรับยาคุมกำเนิดทั้งที่มีแจกให้ฟรีในคลินิกศูนย์ ทำให้เกิดการตั้งครรภ์โดยไม่พึงประสงค์ซึ่งจะนำไปสู่การตั้งครรภ์ที่ไม่สมบูรณ์และการแท้งลูก (หน้า 65)
สตรีกะเหรี่ยงที่ไปทำงานนอกหมู่บ้านมีโอกาสแท้งลูกสูง เนื่องจากเป็นงานกรรมกรแบกหามที่มีผลกระทบทั้งทางร่างกายและจิตใจ (หน้า 65) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
“พม่า” ภายใต้การปกครองของรัฐบาลทหาร มีการปราบปรามกดขี่ชนกลุ่มน้อยมาตลอด 3 ทศวรรษหลัง ก่อให้เกิดสงครามโดยเฉพาะตามแนวชายแดน ทำให้ชนกลุ่มน้อยจำนวนมากรวมทั้ง “ชาวกะเหรี่ยง” ต้องอพยพมาอยู่ในประเทศไทย (หน้า 4) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
Map/Illustration |
- ตารางสถิติประชากรผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงในศูนย์ ปี พ.ศ. 2542 (หน้า 7)
- แผนที่ที่ตั้งศูนย์ผู้อพยพตามแนวชายแดนไทย-พม่า พร้อมสถิติประชากร (หน้า 8)
- แผนผังโครงสร้างการช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ผู้พลัดถิ่นในประเทศไทย (หน้า 11)
- แผนผังกรอบแนวคิดในการวิจัยเรื่องปัจจัยที่มีผลต่อการแท้งลูก (หน้า 28)
- ตารางแสดงภูมิหลังทางสังคมและเศรษฐกิจของผู้อพยพสตรีชาวกะเหรี่ยงในจังหวัดตาก ปี พ.ศ. 2542 (หน้า 40, 42)
- ตารางแสดงปัจจัยที่เกี่ยวข้องและปัญหาสุขภาพ (หน้า 44)
- ตารางแสดงปัจจัยทางสังคมและเศรษฐกิจที่มีผลต่อการแท้งบุตร (หน้า 47)
- ตารางแสดงปัจจัยด้านสุขภาพที่มีผลต่อการแท้งบุตร (หน้า 49)
- ตารางแสดงปัจจัยพฤติกรรมเสี่ยงที่มีผลต่อการแท้งบุตร (หน้า 50)
- ตารางสรุปผลการวิเคราะห์ถดถอยที่มีตัวแปรอิสระ ในอัตราการแท้งบุตร (หน้า 56)
- รูปภาพแหล่งวิจัย ศูนย์ผู้อพยพชาวกะเหรี่ยง (หน้า 76-78)
|
|
|