|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ปกาเกอะญอ จกอ คานยอ (กะเหรี่ยง),สังคมวัฒนธรรม,แม่ฮ่องสอน |
Author |
เมืองพล เมฆเมืองทอง |
Title |
กะเหรี่ยงที่บ้านเลโคะ ตำบลแม่ยวม อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน |
Document Type |
ปริญญานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ปกาเกอะญอ,
|
Language and Linguistic Affiliations |
จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
70 |
Year |
2518 |
Source |
สาระนิพนธ์ประกาศนียบัตรชั้นสูงบัณฑิตอาสาสมัคร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ |
Abstract |
เน้นการศึกษาเชิงชาติพันธุ์วรรณนาโดยบรรยายถึงประวัติความเป็นมา ลักษณะทางกายภาพของกะเหรี่ยง สภาพทางการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ และสังคมวัฒนธรรม รวมถึงการศึกษา ซึ่งกะเหรี่ยงที่หมู่บ้านเลโคะนี้พึ่งจะได้รับความช่วยเหลือเป็นครั้งแรก เพื่อทำความเข้าใจสภาพทางสังคมและวัฒนธรรมของชุมชน และยังทำให้ทราบถึงปัญหาต่างๆในหมู่บ้านแห่งนี้ โดยพบว่าปัญหาที่เกิดขึ้น ได้แก่ ปัญหาด้านการเมือง อันมีสาเหตุมาจากความห่างไกลของพื้นที่เกินกว่าที่เจ้าหน้าที่จะดูแลได้ทั่วถึง นอกจากนี้กองกำลังที่ไม่เพียงพอจึงไม่สามารถอยู่ประจำการณ์ได้ ปัญหาด้านอนามัย พบว่า กะเหรี่ยงมีสุขภาพไม่แข็งแรง เจ็บป่วยบ่อยมีสาเหตุมาจากการกินอาหารไม่ถูกสุขลักษณะ นอนในที่อากาศไม่บริสุทธิ์ ไม่รักษาความสะอาดและต้องเข้าป่า ออกไร่นาบ่อยครั้ง มักได้รับบาดแผลหรือแมลงสัตว์กัดต่อย ปัญหาด้านการทำมาหากิน พบว่า ที่ดินไม่พอทำกิน ส่งผลให้มีผลผลิตต่ำ ไม่พอแก่ความต้องการ นอกจากการทำนาทำไร่และรับจ้างที่เหมืองแร่แล้วก็ไม่มีอาชีพเสริมอื่น ๆ อีก เมื่อเสร็จจากงานประจำจึงเกิดปัญหาว่างงาน |
|
Focus |
เป็นการศึกษาขนบธรรมเนียมประเพณีตามแบบฉบับของกะเหรี่ยงบ้านเลโคะแห่งนี้ เช่น ผู้หญิงเท่านั้นที่จะมีการแต่งกายแบบเดิมอยู่ ส่วนผู้ชายกลับแต่งตัวตามอย่างคนเมืองทั้งสิ้น นอกจากนี้ ยังศึกษาปัญหาที่เกิดขึ้นในชุมชน เพื่อเป็นแนวทางในการปรับปรุงแก้ไขให้หมู่บ้านดีขึ้นในทุก ๆ ทาง |
|
Theoretical Issues |
ผู้วิจัยไม่ได้กล่าวถึง แนวคิดและทฤษฎีใดๆ ที่ใช้ในการศึกษา ซึ่งผู้วิเคราะห์เห็นว่าเป็นการศึกษาในลักษณะชาติพันธุ์วรรณนา ของกะเหรี่ยงแห่งนี้ เพื่อให้ทราบถึงลักษณะทางวัฒนธรรมทั่วไปของกะเหรี่ยงท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในขณะนั้น |
|
Ethnic Group in the Focus |
ผู้วิจัยทำการเก็บข้อมูลจากกะเหรี่ยงสะกอที่หมู่บ้านเลโคะ ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ชาวบ้านเรียกตัวเองว่ายางบ้านหรือยางขาว (หน้า 31) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ชาวบ้านพูดภาษากะเหรี่ยงสะกอ และสามารถพูดและฟังภาษากะเหรี่ยงอื่น ๆ ได้ นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ภาษาไทยภาคเหนือหรืออู้คำเมืองได้ แม้ภาษาไทยภาคกลางก็มีคนพูดได้ (หน้า 46) |
|
Study Period (Data Collection) |
ผู้ศึกษาทำการเก็บข้อมูลในช่วง เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2517 ถึง เดือนมีนาคม พ.ศ. 2518 (หน้า คำนำ) |
|
History of the Group and Community |
บ้านเลโคะอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลราว 800-900 เมตร เมื่อ 20 ปีที่แล้วสถานที่นั้นคือ ยอดเขา ทั้งสูงและชัน มีหินก้อนใหญ่ใกล้ๆ หมู่บ้านมีรูปร่างคล้ายหัวคน ชาวบ้านเลยขนานนามบ้านตัวเองว่า "เลโคะ" (เล = หน้าผา โคะ = หัวแปลได้ความว่า บ้านหัวผา) แรกเริ่มมีประชากรไม่หนาแน่น ต่อมาเมื่อลูกหลานกะเหรี่ยง เกิดมากันมากที่ทำกินบริเวณนั้นไม่พอทำกินและอยู่อาศัย จึงพากันอพยพลงมาอยู่ที่ที่ต่ำกว่าเดิม แต่อยู่ไม่ห่างจากที่เดิมมากนัก บางกลุ่มก็แยกออกไปตั้งหมู่บ้านใหม่ทำให้พวกที่อพยพมาอยู่ที่ใหม่จำนวนประชากรไม่มากเกินไป ต่ำลงมาจากเดิม ตั้งรกรากทำมาหากินอยู่ 4 ปีเต็มจึงย้ายที่อีกครั้งเป็นครั้งที่ 3 จนอยู่กระทั่งในปัจจุบัน ซึ่งเป็นที่ราบทำเลดี เพราะสามารถอยู่รวมกันได้หลายครอบครัวและมีลำธารไหลผ่านหมู่บ้านตลอดปี และยังเป็นจุกศูนย์กลางของหมู่บ้านอื่น (หน้า 31-32) |
|
Settlement Pattern |
บ้านในหมู่บ้านส่วนใหญ่สร้างด้วยไม้ไผ่ หลังคามุงด้วยใบหวาย ใบคา หรือ ใบพลวงอยู่ ส่วนการสร้างเสา พื้น ฝา บันได เพดานทั้งหมดนี้ล้วนสร้างจากไม้ไผ่ทั้งสิ้น ส่วนภาชนะเครื่องใช้ เช่น กระบุง ตะกร้า กระบอกน้ำ ธนู ฯลฯ ยังทำด้วยไม้ไผ่เช่นกัน บางบ้านก็มีเตียงที่ทำมาจากไม้ไผ่ด้วย กระเหรี่ยงมักสร้างฝาตัวหลังคาสูง มีเตาไฟอยู่ตรงกลาง ส่วนใหญ่ก็มีห้องเดียว มีประตูเข้าทางเดียวจึงทำให้ห้องมืดไม่ถูกลักษณะ (หน้า 34-35) |
|
Demography |
บ้านเลโคะมี 44 หลังคาเรือนมีประชากรรวม ราว 260 คนโดยแบ่งเป็น ชาย 120 คน และหญิง 140 คน ซึ่งตั้งบนที่ราบทิศตะวันออกและทิศตะวันตกมีภูเขาสูง ส่วนทิศเหนือและทิศใต้มีช่องว่างระหว่างภูเขาทั้ง 2 ทิศ การทีมีครัวเรือนถึง 44 หลังคาเรือน ถือเป็นการผิดกฎจึงจำเป็นลดลงให้เหลือไม่เกิน 30 หลังคาตามความเชื่อแต่บรรพบุรุษ ดังนั้นเลโคะจึงแยกออกเป็น 2 ส่วน คือ เลโคะเหนือ(16 หลังคาเรือน) และเลโคะใต้ (28 หลังคาเรือน) (หน้า 32, 39-40) |
|
Economy |
กะเหรี่ยงบ้านเลโคะทำไร่เลื่อนลอย แต่เป็นแบบปักหลักที่เดิมเป็นเวลานานๆ มีความสามารถในการอนุรักษ์ดิน มีการทำนาทั้งในแบบที่ลุ่มและแบบขั้นบันไดและนาไร่ที่ทำตามสันเขาด้วย โดยผลผลิตข้าวที่มักเก็บไว้กินเองในครัวเรือน ส่วนรายได้ของกะเหรี่ยงขึ้นอยู่กับ -- เลี้ยงสัตว์ ได้แก่ หมูที่เลี้ยงไว้ ส่วนใหญ่จะมีขนาดเล็ก มีราคาตัวละ 400-700 บาท ใช้เวลาเลี้ยง 3 ปีขึ้นไปกว่าจะขายหรือฆ่าขายได้, วัวส่วนใหญ่เป็นการเลี้ยงไว้เพื่อใช้งาน ไถนาเป็นส่วนใหญ่เช่นเดียวกับควาย ส่วนไก่ชาวบ้านเลี้ยงไว้เพื่อขายบ้าง กินเองบ้างแต่มักฆ่าเพื่อเซ่นผี นอกจากนี้สัตว์เลี้ยงอื่นๆ ที่พบ ได้แก่ เป็ด หมา และช้างซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงถึงการมีฐานะที่ดี โดยกะเหรี่ยงจะใช้ประโยชน์ทางรับจ้างลากซุง บรรทุกแร่ที่เหมือง - เกษตรกรรม นอกจากข้าวซึ่งเป็นผลผลิตและเก็บไว้กินแล้ว ยังมีรายได้จากพืชอื่นๆ เช่น ข้าวโพด, งา, แตง, ฟัก, อ้อย, กล้วย, ฟักทอง, มะละกอ, ส้มโอ, และฝรั่ง - รายได้จากป่า ซึ่งในอดีตละแวกนั้นพบเสือบ่อยๆ กะเหรี่ยงจึงมักล่าเสือเพื่อเอาหนังไปขาย สัตว์อื่น เช่น เก้ง กวาง เม่น ค่าง ชะนี ซึ่งล่าเป็นประจำจากป่าใกล้ๆ นอกจากนี้ของป่าอื่นๆ เช่น กล้วยไม้ วาน สมุนไพร - รายได้จากการรับจ้าง เป็นการรับจ้างทำงานในเหมืองแร่แม่มาลา ซึ่งห่างจากเลโคะประมาณ 7 กม. บางคนทำงานมานานจนได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเรื่อยๆ ถึงระดับหัวหน้าคนงานก็มี (หน้า 40-44) |
|
Political Organization |
ถือระบบการปกครองในระบบอาวุโส เนื่องจากลัทธิความเชื่อประจำเผ่า และเป็นที่เคารพนับถือไว้วางใจหรือมีญาติพี่น้องมาก คือ หมอผี และหัวหน้าหมู่บ้านซึ่งเรียกว่า ผู้ใหญ่บ้านพ่อหลวงหรือแก่บ้าน นี้ปัจจุบันได้แต่งตั้งจากกำนันหรือทางอำเภอ ในแต่ละเดือนผู้ใหญ่บ้านมีหน้าที่ประชุมและแจ้งให้ลูกบ้านทราบ แม้ว่าผู้ใหญ่บ้านจะไปประชุม แต่ไม่เคยเรียกลูกบ้านประชุมเลย ลูกบ้านเองก็ไม่สนใจ (หน้า 39) |
|
Belief System |
-ศาสนา ชาวเลโคะนับถือศาสนาพุทธ แต่ในขณะเดียวกันก็นับถือผีด้วย มีกะเหรี่ยงเพียงคนเดียวที่นับถือศาสนาคริสต์ จากการสอบถามและสังเกตของผู้วิจัยเห็นว่า ชาวเลโคะนับถือผีมากกว่าจะนับถือศาสนาพุทธ (หน้า 40) - ความเชื่อ ผีที่กะเหรี่ยงนับถืออยู่มีหลากหลาย เช่น ผีบ้านผีเรือน ผีภูเขา ผีน้ำ ผีบก ผีสวน ผีฟ้า เป็นต้น โดยที่ผู้วิจัยได้รับประสบการณ์เกี่ยวกับการเซ่นไหว้ผี 2 อย่าง คือ ผีตามทางเดินและผีตามลำธาร ซึ่งจะเซ่นด้วยแกลบ ขนนก ข้าวสุก ปุยฝ้าย เศษผ้า ไข่ไก่ แต่ผีลำธารต้องมีต้มแกงที่เป็นเนื้อสัตว์เพิ่มเติมขึ้นมา การเซ่นไหว้นี้ก็เพื่อให้ความคุ้มครองป้องกันอันตรายมาากว่าเพื่อเรื่องอื่น นอกจากนี้ยังมีความเชื่ออื่น ๆ เช่น ฤกษ์ยาม (หน้า 49-50) |
|
Education and Socialization |
บ้านเลโคะยังไม่เคยมีโรงเรียนและไม่มีครูสอนหนังสือไทยมีแต่สอนภาษากะเหรี่ยงกันเอง แม้ว่าจะมีโครงการจากกองร้อย ตชด. ก็ไม่ได้รับความสนใจจากเจ้าหนาที่ในการเข้าไปสอนหนังสือ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลและกันดาร ทั้งนี้กำลังตำรวจยังไม่เพียงพอซึ่งต้องประจำเวรอยู่ตามชายแดน จนกระทั่งปี 2517 ทางโครงการของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้จัดส่งอาสาสมัครมาเป็นครูสอนหนังสือ โดยทำงานประสานกับตำรวจชายแดนอาสาสมัคร โดยผู้วิจัยเริ่มจากการสำรวจจำนวนนักเรียนแล้วขึ้นทะเบียนนักเรียน 20 คน การสอนในระยะแรกยากลำบากเนื่องจากพูดภาษากะเหรี่ยงไม่ได้ และนักเรียนก็พูดฟังภาษาไทยไม่ได้จึงต้องใช้ล่ามช่วยระยะหนึ่ง ระยะต่อมา ผู้วิจัยก็สามารถสอนให้เด็กนักเรียนกะเหรี่ยงสามารถอ่านและเขียนภาษาไทยได้ โดยไม่ได้เน้นการพูดเท่าใดนัก หลังจากผู้วิจัยเดินทางกลับ ก็ยังมีเจ้าหน้าที่อำเภอแม่เสรียงถูกส่งขึ้นไปเป็นครูสอนต่อโดยเริ่มตั้งแต่ปีการศึกษา 2518 (หน้า 35-38) |
|
Health and Medicine |
ชีวิตประจำวันของชาวเลโคะ เริ่มตั้งแต่เช้าตรู่ เริ่มจากหุงหาอาหาร ผู้ใหญ่จะออกไปทำไร่ทำนากัน ส่วนเด็กมีหน้าที่เลี้ยงน้องอยู่กับคนแก่ ในตอนเช้ากะเหรี่ยงจะขับถ่ายที่ป่ารอบๆบ้าน บางคนจะไปปล่อยในป่าที่ใกล้ๆไร่นาของตน อาหารของกะเหรี่ยงมื้อเช้าและมื้อกลางวันคล้ายๆ กัน คือไม่พิถีพิถัน โดยเฉพาะตอนเช้ากินข้าวกับน้ำพริก ตอนกลางวันอาจมีผักเพิ่มเติม ตอนบ่ายผู้หญิงจะกลับบ้านก่อนเพื่อเตรียมหุงหาอาหาร จนหลัง 4 โมงเย็นกะเหรี่ยงจะลงอาบน้ำที่ลำธารใกล้หมู่บ้าน โดยปกติแล้วกะเหรี่ยงจะไม่อาบน้ำกันทุกวันแต่ค่อนข้างบ่อยกว่าชาวเขาเผ่าอื่นๆ เวลาประมาณ 2 ทุ่ม เด็กๆ จะนอนหลับกันหมดแต่ผู้ใหญ่ หรือหนุ่มสาวยังนั่งคุยกันจนถึงเวลานอนราว 4 ทุ่ม จากการศึกษาผู้วิจัย พบปัญหาอนามัยว่า กะเหรี่ยงกินอาหารไม่ถูกสุขลักษณะ, นอนในที่อากาศไม่บริสุทธิ์, ไม่ค่อยรักษาความสะอาดตั้งแต่เสื้อผ้าที่มักสวมใส่อยู่ชุดเดียวเป็นเดือน, บ้านเรือนสกปรกรวมถึงภาชนะเครื่องใช้ต่างๆ ด้วย, แผลที่เกิดจากการเข้าป่าทั้งแมลงสัตว์กัดต่อย จนเกิดเป็นแผลเน่าเปื่อย เด็กหลายคนมือเป็นหิดและหูด - การรักษา เนื่องจากภายในหมู่บ้านไม่มีหมอประจำหมู่บ้าน จึงมีหมอจากจังหวัดและอำเภอขึ้นไปให้การรักษาปีละครั้ง ดังนั้น การรักษาพยาบาลจึงต้องหาซื้อยามาไว้ใช้ ด้วย (หน้า 57-60, 62) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
กะเหรี่ยงเลโคะจะแต่งกายตามแบบฉบับของกะเหรี่ยงสะกอ โดยผู้หญิงจะเคร่งครัด คือ สาวโสดจะสวมกระโปรงสีขาวยาวลงไปถึงข้อเท้า บางคนทอเป็นเส้นสีแดงเล็ก ๆ รอบ ๆ ตะโพก และกลาง ๆ ขาแบบเสื้อคล้ายกระสอบ แขนสั้น คอเป็นรูปสามเหลี่ยม ชุดที่สวมนี้เป็นชุดที่กะเหรี่ยงทอด้วยมือของตนเอง ส่วนผู้หญิงที่แต่งงานแล้วจะสวมเสื้อใช้สีดำเป็นพื้นกับผ้าถุงอีกตัวหนึ่ง ผ้าถุงจะมีสีดำ สีแดงและหรือสีขาว ผู้ชายจะสวมกางเกงขายาวแบบจีนกับเสื้อสีแดงยกดอกพู่เป็นตอน ๆ แต่ส่วนใหญ่นิยมแต่งแบบสมัยนิยมอย่างคนพื้นราบ ทั้งหญิงและชายนิยมเจาะหูรูใหญ่ เพื่อใส่หรือห้อยปุยฝ้ายซึ่งย้อมสีต่าง ๆ ผู้หญิงทั้งโสดและแต่งงานแล้วมักไว้ผมยาวจึงต้องทำการเก็บผมด้วยการมวยเกล้าขึ้นไป และยังใช้ผ้าคาดศรีษะซึ่งนิยมใช้สีขาว นอกจากนี้ กะเหรี่ยงยังนิยมสักตามร่างกายทั้งเพื่อความสวยงามและเพื่อป้องกันสัตว์ร้าย ผู้หญิงจะสักเล็กน้อยตามแขนและขา ส่วนผู้ชายจะสักมากกว่าทั้งแขนขา และตั้งแต่เอวลงมาจนถึงหัวเข่า แต่กะเหรี่ยงรุ่นไม่ไม่นิยมที่จะสัก (หน้า 33-34) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
ตามนิสัยของชาวบ้านที่นี่นิยมติดต่อเยี่ยมเยียนญาติพี่น้อง มีการติดต่อนำของไปขายหรือไปซื้อที่ตลาดตามความจำเป็น มีบางคนนอกจากจะไปรับจ้างทำงานที่เหมืองแร่แล้ว ก็ยังไปรับจ้างทำงานกันต่างเผ่า กะเหรี่ยงเลโคะใช้วิทยุเป็นเครื่องมือในการรับรู้ข่าวสารสังคมภายนอก การติดต่อกับหน่วยงานของรัฐ - ปัจจุบันมีเจ้าหน้าที่จากศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขา กรมประชาสงเคราะห์ประจำแม่เหาะ อ.แม่สะเรียง นาน ๆ ครั้งจึงจะขึ้นไปสำรวจที เพื่อศึกษาวิจัยและเตรียมให้ความช่วยเหลือในด้านการพัฒนา อีกหน่วยงานหนึ่ง คือ หน่วยมาเลเรียอาจเข้ามา 1 หรือ 2 ปีต่อครั้ง หน่วยราชการอื่นๆ เช่น ตำรวจตระเวนชายแดน, กรมการปกครอง, หรือแม้กระทั่งนักศึกษา การติดต่อกับชุมชนอื่น -กะเหรี่ยงเลโคะชอบที่จะอยู่สันโดษแสวงหาความสุขไปวันๆ ไม่มีปัญหาด้านการเมืองเหมือนเผ่าอื่น เพื่อนบ้านของชาวเลโคะมีหลายหมู่บ้านรายล้อมมีเกี่ยวดองเป็นญาติกัน และเป็นกะเหรี่ยงสะกอเหมือนกัน มีขนบธรรมเนียมประเพณี ความเชื่อและการนับถือศาสนาเหมือนกัน โดยหมู่บ้านเหล่านี้ ได้แก่ หมู่บ้านน้ำออกฮู (น้ำออกรู) อยู่ทางทิศเหนือของเลโคะ, หมู่บ้านปอยู่ทางทิศเหนือของเลโคะเช่นกัน แต่อยู่ไกลกว่า, หมู่บ้านแม่มาลาหลวง อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของบ้านเลโคะ, หมู่บ้านกรอโคะ อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของบ้านเลโคะ นอกจากนี้ยังมีหมู่บ้านบริวารอื่นอีก ได้แก่ หมู่บ้านเหมืองแร่แม่มาลา, หมู่บ้านทิอิลือ และหมู่บ้านห้วยไซยง เนื่องจากหมู่บ้านบริวารเหล่านี้อยู่ห่างจากเลโคะออกไปไกลๆ และไม่สามารถจะติดต่อกับที่ใดได้นอกจากหมู่บ้านบริวารด้วยกัน ดังนั้นจึงจำเป็นตองพึ่งพาอาศัยทางอำเภอหรือพึ่งพาอาศัยเหมืองแร่แม่มาลา หมู่บ้านเหล่านี้จะต้องผ่านหมู่บ้านเลโคะ ซึ่งถือเป็นจุดศูนย์กลางที่ต้องเดินทางผ่านก่อนที่จะติดต่อกับทางอำเภอแม่สะเรียงหรือเหมืองแร่ได้ (หน้า 51-55) |
|
Social Cultural and Identity Change |
การเปลี่ยนแปลงทางภาษา - จากการที่ผู้ชายกะเหรี่ยงได้ออกไปรับจ้างทำงานในเหมืองแร่ ทำให้กะเหรี่ยงทั้งเด็กและผู้หญิงสามารถพูดและฟังภาษาไทยได้ (หน้า 44) |
|
Map/Illustration |
แผนที่แสดงที่ตั้งอำเภอและตำบลใน จ.แม่ฮ่องสอน (หลังหน้าสารบัญ) |
|
|