|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ไทยยวน พิธีกรรม ประเพณี นครปฐม |
Author |
อำพร ขุนเนียม |
Title |
พิธีกรรมและประเพณีของชาวไทยยวนบ้านท่าเสา อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ไทยวน ยวน ยวนสีคิ้ว คนเมือง,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ไท(Tai) |
Location of
Documents |
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
134 |
Year |
2546 |
Source |
บัณฑิตวิทยาลัย สถาบันราชภัฏนครปฐม |
Abstract |
ประเพณีและพิธีกรรมของชาวไทยยวนบ้านท่าเสา มีอิทธิพลดั้งเดิมมาจากการนับถือผีผสานกับความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา ซึ่งส่งผลต่อพฤติกรรมการดำเนินชีวิตของคนในชุมชน สังคมอยู่อย่างสงบสุขด้วยความเคารพยำเกรง ความกตัญญูกตเวทีตลอดจนความสามัคคีระหว่างคนในชุมชนที่เกิดขึ้นผ่านการปฏิบัติยึดถือประเพณีแต่โบราณ สำหรับการเปลี่ยนแปลงพิธีกรรมของชาวไทยยวนนั้นเกิดจากคน 3 กลุ่มคือ กลุ่มวัยชราซึ่งรักษาประเพณี พิธีกรรมดั้งเดิมเริ่มลงบทบาทลง กลุ่มวัยกลางคนที่เริ่มเปิดรับการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมเข้ามามีบทบาทแทนที่ และกลุ่มวัยรุ่นที่มีแนวคิดเปลี่ยนแปลงไป ไม่เห็นความสำคัญของประเพณี พิธีกรรมดั้งเดิมของชุมชน สิ่งเหล่านี้เกิดจากปัจจัยต่างๆทั้งทางด้านภูมิศาสตร์ ด้านชีวภาพ ด้านเศรษฐกิจ และวัฒนธรรม ทำให้เกิดการเปิดรับแนวคิดและพฤติกรรมใหม่เข้ามาในชุมชน เกิดการผสมผสานทางวัฒนธรรมขึ้น สิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบทั้งในด้านบวกและด้านลบ กล่าวคือ การลดขั้นตอนต่างๆ เป็นการเอื้ออำนวยให้คงรักษาเอกลักษณ์ประเพณี พิธีกรรมต่างๆไว้ อีกนัยหนึ่งการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ตลอดจนการเลือนหายไปของพิธีกรรม ประเพณีบางอย่างที่สั่งสมมาแต่ครั้งอดีต อย่างไรก็ตามความกตัญญู และการรู้ถึงบทบาทหน้าที่ของตนของคนในชุมชน ก่อให้เกิดสังคมที่เข้มแข็งในการรักษาวัฒนธรรมของตนท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมของสังคมภายนอก(หน้า 122-124) |
|
Focus |
ศึกษาพิธีกรรมและประเพณีที่มีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตตลอดจนผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของพิธีกรรมและประเพณีต่อชาวไทยยวนบ้านท่าเสา (หน้า 6) |
|
Theoretical Issues |
ผู้วิจัยอาศัยทฤษฎีการผสมผสานทางวัฒนธรรมเป็นกรอบเพื่อศึกษาคุณค่าพิธีกรรม ประเพณีและผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงต่อการดำเนินชีวิตของชาวไทยยวน เนื่องจากชาวไทยยวน บ้านท่าเสามีการอพยพเคลื่อนย้ายถิ่นฐานตลอดจนมีการรับเอาวัฒนธรรมภายนอกในสังคมแห่งใหม่เข้ามาผสมผสานวัฒนธรรมเดิมที่สืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษ (หน้า10) |
|
Ethnic Group in the Focus |
ชาวไทยยวน หมู่บ้านท่าเสา อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม (หน้า 10) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ภาษาพูดของชาวไทยยวนคล้ายภาษาเหนือ แตกต่างตรงที่คำลงท้าย ซึ่งทำให้ภาษาพูดไทยยวนห้วนกว่าภาษาไทยเหนือ (หน้า 33, 35) |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
การอพยพของชาวไทยยวนในภาคกลางมีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ครั้นสมัยรัชกาลที่ 1 ได้โปรดเกล้าให้กวาดต้อนชาวเมืองเชียงแสนส่วนหนึ่งลงมาตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนที่จังหวัดสระบุรีและราชบุรี ประมาณปีพ.ศ.2400 เนื่องจากปัญหาน้ำท่วม และปัญหาไม่มีที่ดินทำการเกษตรจึงได้มีการอพยพจากอำเภอบางกระโด และคูบัว จังหวัดราชบุรีมาตั้งถิ่นฐานบริเวณนี้ ในระยะแรกมีการประกอบอาชีพตัดไม้ทำเสาเรือนส่งขายจึงได้ชื่อว่าหมู่บ้านท่าเสา (หน้า 27-28) |
|
Demography |
บ้านท่าเสา หมู่ 7 และหมู่ 11 มีครัวเรือนทั้งสิ้น 148 หลังคาเรือน จำนวนประชากรทั้งหมด 671 คน แยกออกเป็นชายจำนวน 316 คนและหญิง 355 คน (หน้า 38) โดยประชากรส่วนใหญ่ร้อยละ 54.10 อายุ 18 - 50 ปีซึ่งอยู่ในวัยทำงาน รองลงมาคือ 60 ปีขึ้นไป ร้อยละ 12.3 และ 6-12 ปี ร้อยละ 7.30 (หน้า 39) |
|
Economy |
อาชีพระยะแรกหลังการอพยพตั้งถิ่นฐานบริเวณท่าเสาคือการตัดไม้ทำเสาเรือนส่งจำหน่ายยังจังหวัดสุพรรณบุรีและจังหวัดอ่างทอง (หน้า 28) หลังจากป่าไม้ลดจำนวนลง มีพื้นที่เปิดโล่ง จึงมีการเพาะปลูกควบคู่ไปกับการเลี้ยงสัตว์ (หน้า 29) ปัจจุบันเนื่องจากประสบปัญหาขาดแคลนน้ำในการเพาะปลูก รวมไปถึงการศึกษาที่สูงขึ้น จึงทำให้มีการเปลี่ยนอาชีพจากทำนาเป็นอาชีพอื่นๆ เช่น รับจ้าง เลี้ยงกุ้งกุลาดำ ค้าขาย รับราชการ และทำไร่อ้อย (หน้า 40) อย่างไรก็ตาม การทำไร่ ทำนา และเลี้ยงสัตว์ยังคงเป็นอาชีพหลักของคนในชุมชน (หน้า 46)
แหล่งน้ำที่สำคัญในชุมชนสำหรับอุปโภคได้แก่ บ่อน้ำวัดท่าเสา บ่อน้ำโรงเรียนวัดท่าเสา และสระเก่าท่าเสา ส่วนน้ำสำหรับบริโภคนั้นชาวบ้านแต่ละครอบครัวรองน้ำฝนใส่ตุ่มขนาดใหญ่เก็บไว้ใช้ดื่มกินตลอดปี ต่อมามีแหล่งน้ำเพิ่มขึ้นจากคลองชลประทานสำหรับใช้ในการเกษตรและบ่อบาดาลใช้เป็นน้ำประปาของชุมชน (หน้า 43) |
|
Social Organization |
ครอบครัวของชาวไทยยวนบ้านท่าเสามีลักษณะเป็นครอบครัวขยาย ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงเป็นครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น มีการแต่งลูกสะใภ้เข้าบ้านฝ่ายชาย หรืออาจแต่งเขยเข้าบ้านฝ่ายหญิงกรณีเป็นลูกสาวคนเล็ก และมีการแยกออกไปตั้งครอบครัวเดี่ยวในบริเวณใกล้เคียง เมื่อพ่อแม่เสียชีวิตจะมีการแบ่งมรดกอย่างเท่าเทียมกันหรือบุตรชายได้รับมรดกมากกว่าบุตรสาว และในกรณีที่บุตรอยู่เลี้ยงดูพ่อแม่จะได้รับมากกว่าบุตรคนอื่นๆ (หน้า 32)
สำหรับการแต่งงานนั้น ชาวไทยยวนบ้านท่าเสานิยมแต่งงานกันเอง เนื่องจากความใกล้ชิดสนิทสนมกันระหว่างครอบครัว ฝ่ายชายเป็นผู้นำครอบครัว ยึดคติผัวเดียวเมียเดียว และไม่มีปัญหาการหย่าร้าง (หน้า 33)
การแต่งงานของชาวยวนบ้านท่าเสาคล้ายคลึงกับคนไทยภาคกลาง มีขั้นตอนดังนี้
1) การสู่ขอ กระทำโดยเฒ่าแก่ฝ่ายชายนำพานใส่หมากพลูไปเจรจาสู่ขอ 3 ครั้ง เพื่อเปิดโอกาสถามความสมัครใจของฝ่ายหญิง และเพื่อการตัดสินใจเรียกค่าสินสอดทองหมั้น (หน้า 95)
2) การกำหนดสินสอดทองหมั้น ซึ่งพิจารณาตามฐานะฝ่ายชายและหญิง ลักษณะสินสอดทองหมั้นส่วนใหญ่จะคล้ายคลึงกัน คือ ประกอบด้วย ทองคำ เงิน ผ้าไหว้ ผ้าไหว้ผีบรรพบุรุษ ขนมขันหมากและขนมจันอับ โดยนิยมเรียกเป็นเลขคู่ตามคติความเชื่อว่าชีวิตคู่ยืนยาว ไม่แตกแยก (หน้า 96-97)
3) การหมั้นหมายและแต่งงาน ชาวยวนไม่นิยมหมั้นหมายยาวนานข้ามปีเพราะเชื่อว่าจะเป็นสาเหตุให้ไม่ได้แต่งงานกันจึงนิยมกำหนดวันหมั้นและวันแต่งงานวันเดียวกัน โดยฤกษ์ดีมักเป็นเดือนคู่ข้างขึ้น ยกเว้นเดือนเข้าพรรษา (หน้า 97)
4) การไหว้ญาติผู้ใหญ่ ญาติผู้ใหญ่ร่วมยินดีด้วยการผูกสายสินจน์ข้อมือ และมอบเงินแก่คู่บ่าวสาว โดยมีการมอบของไหว้กลับเพื่อตอบแทนน้ำใจ (หน้า 97)
5) การไหว้ผีบรรพบุรุษ ทำหลังไหว้ญาติผู้ใหญ่เสร็จแล้ว เป็นการบอกกล่าวแก่ผีปู่ย่า โดยมีเครื่องเซ่นไหว้ เป็นหมู ไก่ ขนมไหว้ผี และมะพร้าวอ่อน (หน้า 97-98)
6) การเลี้ยงผีปู่ย่า โดยส่วนใหญ่จะทำหลังงานแต่งหนึ่งสัปดาห์ มักไม่เกินหนึ่งเดือน ถือเป็นการเสร็จสิ้นพิธีแต่งงานอย่างสมบูรณ์ (หน้า 98) |
|
Belief System |
ชาวไทยยวนบ้านท่าเสานับถือศาสนาพุทธ (หน้า 30)
พิธีกรรมที่มีอิทธิพลต่อวิถีชีวิตชาวไทยยวนบ้านท่าเสา ได้แก่
1) พิธีกรรมการเลี้ยงผีปู่ย่า เนื่องจากอิทธิพลการนับถือผี โดยเฉพาะผีบรรพบุรุษ ชาวไทยยวนเชื่อว่าตนสืบเชื้อสายมาจากปู่แสนย่าแสนไส้ บรรพบุรุษที่ตายแล้วจะยังคงปกป้องและควบคุมพฤติกรรมของลูกหลานภายในครอบครัว ดังนั้นจึงมีส่วนจัดระเบียบทางสังคมไปด้วย ผีประจำตระกูลจะมีการสืบทอดกันทางฝ่ายหญิง เรียกกลุ่มเครือญาติเดียวกันว่า ผีเดียวกัน โดยมีการตั้งหอผีไว้ที่บ้านต้นกระกูล ประกอบด้วย หิ้งผีปู่ย่าหรือที่สถิตวิญญาณผีย่าตั้งอยู่บริเวณหัวนอนหรือเสาเอกของเรือน และหอผีปู่ย่าตั้งอยู่นอกเรือน เป็นที่สถิตวิญญาณผีปู่ ซึ่งเชื่อว่าเป็นการแยกกันดูแลลูกหลานทั้งนอกบ้านในบ้าน (หน้า 49-51) เมื่อมีการผิดผีชาวไทยยวนจะประกอบพิธีกรรมเลี้ยงผีปู่ย่า ซึ่งเป็นการจัดสำรับคาวหวานเซ่นไหว้ เพื่อขอขมาดวงวิญญาณผีปู่ย่า นอกจากนี้ยังมีการเลี้ยงผีในวันสำคัญต่างๆ รวมไปถึงงานมงคล ตลอดขนการแก้บนเมื่อหายเจ็บป่วย การเลี้ยงผีกระทำในสองระดับคือ ระดับครอบครัว และระดับกลุ่มเครือญาติหรือการเลี้ยงปาง ในระดับนี้มีการประกอบพิธีทุกๆ 3 ปีซึ่งพิธีกรรมนี้ทำได้เฉพาะ 3 วัน ซึ่งถือว่าเป็นวันปล่อยผีเท่านั้น มีขั้นตอนการประกอบพิธีเหมือนการเลี้ยงผีปู่ย่าทั่วไป แต่ต่างตรงที่ให้ความสำคัญลูกหลานผู้ชายมากขึ้น อีกทั้งเป็นการรวมญาติ อาหารที่นำมาเซ่นไหว้จึงมีปริมาณมากกว่า (หน้า 53-54, 61)
2) พิธีกรรมการทำบุญกลางบ้าน เป็นการเซ่นไหว้ผีหมู่บ้านและสะเดาะเคราะห์สืบชะตาหมู่บ้าน เกิดจากการผสมผสานความเชื่อ 3 เรื่อง ได้แก่ ความเชื่อเรื่องการรับถือผีหมู่บ้าน ความเชื่อทางศาสนา และความเชื่อทางไสยศาสตร์เกี่ยวกับลางบอกเหตุ นิยมประกอบพิธีหลังสงกรานต์หรือช่วงต้นฤดูฝนในวันข้างขึ้นซึ่งเป็นวันมงคล (หน้า 62-64) การประกอบพิธีกรรมแบ่งเป็น 2 วัน ในวันแรกเป็นการจัดเตรียมสถานที่ในช่วงเช้าและมีการสวดมนต์ในช่วงเย็น มีการปั้นตุ๊กตาดินเหนียวเป็นตัวแทนสมาชิกในครอบครัว ตลอดจนสัตว์เลี้ยงและสิ่งของมีค่า เพื่อให้ยมทูตพาตุ๊กตาเหล่านี้ไปแทน (หน้า 64) ในวันที่สอง พระสงฆ์เจริญพุทธมนต์และเทศนาเรื่องการทำบุญต่อชะตา ชาวบ้านถวายภัตตาคารเช้าและเพลแก่พระสงฆ์และร่วมรับประทานอาหาร มีพิธีส่งกบาลหรือนำวัวไปปล่อย เป็นการนำตุ๊กตาดินเหนียววางรวมไว้บริเวณทางสามแพร่งและบอกกล่าวสื่อสารกับ ยมฑูตเพื่อให้ชาวบ้านแคล้วคลาดจากโรคภัยไข้เจ็บ (หน้า 66)
3) พิธีกรรมการรับเลี้ยงผีปอบและปล่อยปอบ เกิดจากความเชื่อเรื่องผีร้ายและไสยศาสตร์เครื่องรางของขลัง ชาวยวนมีความเชื่อเรื่องผีปอบที่สิงอยู่ในร่างผู้อื่น กินตับไตไส้พุงจนเสียชีวิตในที่สุด ซึ่งหมอผีจะขับไล่ปอบ โดยใส่หนังวัวแดงไว้ใต้หมอน หรือสวมคอ (หน้า 67) สำหรับการรับเลี้ยงปอบเพื่อไม่ให้สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่นนั้น ญาติที่น้องร่วมสายเลือดเป็นผู้เซ่นไหว้ด้วยกล้วยหวีงามและไก่ นอกจากนี้ยังมีผู้หวังทรัพย์สินทำการเซ่นไหว้วิญญาณปอบบริเวณทางสามแพร่ง ด้วยเชื่อว่าปอบจะให้คุณแก่ตน (หน้า 70) ส่วนการปล่อยปอบนั้นจะกระทำโดยทิ้งของมีค่าไว้บริเวณทางสามแพร่ง เพื่อให้ปอบดูแลทรัพย์สินนั้นๆ (หน้า 71)
ประเพณีที่สำคัญของชาวไทยยวนบ้านท่าเสา ได้แก่
1) ประเพณีสงกรานต์และงานนมัสการประจำปีหลวงปู่ว่อง อังกุโร จัดขึ้นทุกวันที่ 13-17 เมษายนของทุกปี เป็นประเพณีที่สืบทอดมาจากความเชื่อในพุทธศาสนา และความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์เครื่องรางของขลัง ซึ่งชาวไทยยวนบ้านท่าเสาศรัทธาในพระพุทธศานาเป็นอย่างมากโดยเฉพาะหลวงปู่ ว่อง อังกุโร อดีตเจ้าอาวาส จึงได้จัดงานทำบุญ งานนมัสการหลวงปู่ว่อง อังกุโร พิธีสรงน้ำพระวัดท่าเสา ตลอดจนการรดน้ำขอพรผู้สูงอายุ (หน้า 77, 79-80)
2)ประเพณีการบวช กระทำกัน 3 วันคือ วันเริ่มงาน วันรับนาค และวันบวช ประเพณีนี้เป็นการผสมผสานด้านวัฒนธรรมเดิมของชาวยวนเข้ากับวัฒนธรรมภาคกลาง (หน้า 82-83) โดยคงเอกลักษณ์ไว้ เช่น การแห่นาคบนม้าไม่ไผ่จำลอง (หน้า 84) และการนันนาการจากการรำหน้าจบวนแห่และการเต้นโยกม้าของผู้แบกม้าตามจังหวะ ดนตรี (หน้า 86)
3) ประเพณีคนเฒ่าเข้าวัดจำศีล เป็นการเข้าวัดรักษาศีล 8 ของผู้สูงอายุในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา (หน้า 88)
4) ประเพณีงานศพ ชาวยวนมีการแบ่งคนตายเป็น 2 ประเภทคือ ตายในบ้าน กับตายนอกบ้าน ซึ่งจะมีการตั้งศพต่างกัน กล่าวคือ ตายในบ้านจะตั้งศพไว้ในบ้าน ส่วนตายนอกบ้านจะตั้งศพไว้ที่วัด (หน้า 91) ชาวยวนจะมีการบอกหนทางแก่ผู้ป่วยที่ใกล้สิ้นใจ กล่าวคือ ญาติจะจัดเตรียมดอกไม้ ธูปเทียนใส่ลงกรวยใบตองวางลงในมือผู้ป่วยจัดเตรียมกระเป๋าเสื้อผ้าของผู้ ป่วยพร้อมทั้งเงิน ด้วยหวังให้ผู้ป่วยมีติดตัวไว้ใช้ภพหน้า พร้อมทั้งนิมนต์พระสงฆ์เพื่อให้ระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย นอกจากนี้ชาวยวนยังเชื่อว่าการตายในช่วงก่อนเที่ยงวันถือว่ามีบุญ ผู้ตายสามารถมองเห็นหนทางไปปรโลกได้สะดวก สำหรับขั้นตอนอื่นๆ จะมีความคล้ายคลึงกับประเพณีของภาคกลางทั่วไป มีการตั้งสวดอภิธรรมศพ การบวชหน้าไฟ การเผาศพนั้นแต่เดิมเผาในบริเวณที่ดินของตนเนื่องจากไม่มีเมรุเผาศพ การร่วมพิธีเผาศพนิยมนำกิ่งทับทิมติดตัวไปด้วยเพื่อป้องกันวิญญาณร้าย และเมื่อเก็บกระดูกแล้วจะทำบุญตวยขอนคือนิมนต์พระสวดมนต์เย็นที่บ้าน หลังจากนั้นเมื่อครบ 100 วัน ญาติจะทำบุญและสร้างหอเสื้อหอผ้าเพื่ออุทิศแก่ผู้ตาย โดยบรรจุของกินของใช้ต่างๆลงในบ้านจำลองเพื่อให้ผู้ตายติดตัวไปใช้ได้ โดยก่อนเริ่มงานจะมีการทำพิธีขึ้นต๊าวตังสี่ เพื่อขอความคุ้มครองให้งานดำเนินไปอย่างเรียบร้อย (หน้า 91-93) |
|
Education and Socialization |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
การเปลี่ยนแปลงพิธีกรรมและประเพณีของชาวไทยยวนบ้านท่าเสานั้นเกิดผ่านจากกลุ่มคน 3 กลุ่มคือ กลุ่มวัยชราซึ่งรักษาประเพณีดั้งเดิมไว้นั้นเริ่มมีบทบาทลดลง แทนที่ด้วยกลุ่มวัยกลางคนซึ่งเริ่มปรับเปลี่ยนพิธีกรรมประเพณีบางอย่างตามยุคสมัย รวมไปถึงกลุ่มวัยรุ่นซึ่งเป็นกลุ่มที่มองไม่เห็นความสำคัญของพิธีกรรมความเชื่อดั้งเดิม (หน้า 109)
สาเหตุของการเปลี่ยนแปลงพิธีกรรมและประเพณีเป็นผลมาจากปัจจัยต่างๆดังนี้
1)ปัจจัยทางภูมิศาสตร์ สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น การมีคลองชลประทานเป็นแหล่งน้ำทำการเกษตร ทำให้พิธีแห่นางแมว และทำบุญกลางทุ่นนาลดบทบาทลง (หน้า 110)
2) ปัจจัยทางชีวภาพ มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงน้อยกว่าปัจจัยอื่น เนื่องจากคนในชุมชนส่วนใหญ่เป็นชาวยวน คนภายนอกเข้ามาอาศัยอยู่น้อย ดังนั้นตัวแปรด้านกลุ่มชาติพันธุ์ต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมจึงมีบทบาทน้อยมาก (หน้า 111)
3) ปัจจัยทางเศรษฐกิจ เป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงสังคมชาวยวน เช่น ประเพณีกวนกระยาสารทในเทศกาลสารท ซึ่งต้องอาศัยวัสดุอุปกรณ์นั้นเริ่มลดลง ชาวบ้านส่วนใหญ่นิยมเปลี่ยนมาซื้อจากพ่อค้าแม่ค้าแทนการกวนกระยาสารทและแจกจ่ายกันเอง (หน้า 111) นอกจากนี้ปัจจัยเศรษฐกิจภายนอกมีส่วนเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตชาวยวน กล่าวคือ ชาวบ้านเริ่มปลูกข้าวเพื่อการค้าแทนการบริโภคในครัวเรือน ทำให้การตำข้าวลดบทบาทลง วิถีชีวิตการพบปะของหนุ่มสาวขณะตำข้าวซึ่งอยู่ในการดูแลของผู้ปกครองเริ่มเปลี่ยนไป (หน้า 112)
4) ปัจจัยทางวัฒนธรรม วัยรุ่นเริ่มไม่เห็นความสำคัญของประเพณีดั้งเดิม ตลอดจนการขาดผู้เชี่ยวชาญในการประกอบพิธี และความเบื่อหน่ายจำเจ ส่งผลให้พิธีกรรมบางอย่างมีขั้นตอนรวบรัดมากขึ้น ตลอดจนถูกละเลยและยกเลิกไปในที่สุด เช่น การตั้งศาลพระภูมิที่ต้องอาศัยบุคคลภายนอกเนื่องจากขาดผู้เชี่ยวชาญภายในหมู่บ้าน ขั้นตอนอันเป็นเอกลักษณ์ของชาวไทยยวนจึงเปลี่ยนแปลงไป (หน้า 112-113)
5) การติดต่อกับคนต่างสังคม ทั้งจากระบบการศึกษาที่สูงขึ้น ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงสู่สังคมเมือง ตลอดจนอารายธรรมตะวันตกและการผสานวัฒนธรรมเข้ากับชุมชนรอบข้าง ทำให้มีการรับแนวคิดตลอดจนพฤติกรรมใหม่ๆเข้ามาในชุมชนบ้านท่าเสา เช่น การไม่นิยมพูดภาษายวนในกลุ่มวัยรุ่น (หน้า 114) ประเพณีดั้งเดิม อาทิ การทำบุญกลางทุ่ง การแห่นางแมว และกิจกรรมบางอย่างในประเพณีสงกรานต์เริ่มขาดหายไป (หน้า 115) ความเชื่อเรื่องผี การเซ่นไหว้ผีของวัยรุ่นเริ่มลดลง (หน้า 117) เป็นต้น |
|
Other Issues |
การคมนาคมในหมู่บ้านท่าเสานั้น แต่เดิมเป็นถนนดินหรือทางเกวียน ต่อมาเปลี่ยนเป็นถนนลาดยางทำให้ติดต่อเดินทางกับจังหวัดใกล้เคียงได้สะดวกมากขึ้น หมู่บ้านมีระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ได้แก่ ไฟฟ้า น้ำประปา อย่างทั่วถึง (หน้า 42) |
|
Map/Illustration |
ผู้เขียนได้ใช้รูปภาพเพื่อแสดงพิธีกรรมประเพณี เช่น การทำพิธีเซ่นไหว้ผีปู่ย่า การทำพิธีส่งกบาล การทำพิธีขึ้นต๊าวตังสี่ เป็นต้น (หน้า 58, 66, 94) ตลอดจนใช้ตารางอธิบายคุณค่า การเปลี่ยนแปลงพิธีกรรม และประเพณีของชาวไทยยวนบ้านท่าเสา (หน้า 104, 119) |
|
|