สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ม้ง,จริยธรรมขงจื๊อ,ประวัติศาสตร์,การเปลี่ยนแปลงทางศีลธรรม,เชียงใหม่
Author Nicholas Tapp
Title Hmong Confucian Ethics and Constructions of the Past
Document Type บทความ Original Language of Text ภาษาอังกฤษ
Ethnic Identity ม้ง, Language and Linguistic Affiliations ม้ง-เมี่ยน
Location of
Documents
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร Total Pages 16 Year 2545
Source Shigeharu Tanaba & Charles F. Keyes (ed) Cultural Crisis and Social Memory: Modernity and Identity in Thailand and Laos. U of Hawaii Press: Honolulu, pp. 95-110.
Abstract

งานชิ้นนี้ศึกษาการเปลี่ยนแปลงจริยธรรมทางสังคมของม้งซึ่งสัมพัทธ์และผันแปรไปตามบริบทที่ซับซ้อน โดยเฉพาะบริบทการขยายตัวของเมืองและบริบทของท้องถิ่นยุคโลกาภิวัตน์ โดยชี้ให้เห็นว่าคุณค่าและหลักการทางศีลธรรมของม้งเป็นผลิตผลของสังคมและสัมพันธ์กับโครงสร้างสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ใช่ธรรมชาติหรือหลักการที่มีอยู่แล้ว ขณะเดียวกันก็เป็นสำนึกรู้ที่สร้างใหม่ทางประวัติศาสตร์ได้ ไม่ใช่พฤติกรรมความเคยชินที่ปฏิบัติกันมาอย่างไม่สำนึกอัตลักษณ์วัฒนธรรมม้งยืนยันคุณค่าทางศีลธรรมประเพณีที่ดำรงอยู่และปรับเปลี่ยนอย่างสัมพันธ์กับโครงสร้างทางสังคม (หน้า 108)

Focus

เน้นศึกษาการเปลี่ยนแปลงจริยธรรมทางสังคมของม้งซึ่งสัมพัทธ์และผันแปรไปตามบริบทที่ซับซ้อน โดยเฉพาะบริบทการขยายตัวของเมืองและบริบทของท้องถิ่นยุคโลกาภิวัตน์

Theoretical Issues

ผู้เขียนงานนี้ต้องการแสดงให้เห็นหลักฐานที่โต้แย้งแนวคิดของ Connerton ที่เสนอว่าความทรงจำทางสังคม (social memory) แยกออกจากกระบวนการสร้างใหม่ทางประวัติศาสตร์ (historical reconstruction) ในแง่ที่ว่าเป็นการเลือกสรรประวัติศาสตร์ นักวิชาการบางท่าน เช่น Fentress และ Wickham ได้ชี้ให้เห็นว่า ไม่ใช่แค่นักประวัติศาสตร์เท่านั้นที่รื้อฟื้นประวัติศาสตร์ได้ คนในสังคมทั้งหมดสามารถสร้างอดีตขึ้นใหม่ได้ และอันที่จริง ประวัติศาสตร์คือกระบวนการลืมอย่างเป็นระเบียบ (หน้า 95-96) ผู้เขียนพยายามชี้ให้เห็นว่า คำถามสำคัญน่าจะเป็นว่าอดีตถูกทำให้ลืมอย่างไร กระบวนการที่ทำให้ลืมจนไม่รู้สึกตัวนี้เองที่มีความสำคัญ ตามแนวคิดของ Halbswachs ความทรงจำส่วนตัวและความทรงจำทางสังคมจะเชื่อมต่อกัน ดังนั้น ประเพณีทางสังคมและคุณธรรมศีลธรรมเองก็นับเป็นการลืมแบบมีระเบียบชนิดหนึ่ง ซึ่งผู้เขียนมองว่า ความทรงจำทางสังคมอาจจะไปปรากฏในตำนาน นิทาน สำนวนภาษา และการแสดงออกอื่นในภาษาพูดหรืองานเขียนมากพอๆ กับที่ปรากฏในพิธีกรรมและการตกแต่งร่างกาย ดังที่ Connerton ได้เสนอไว้ (หน้า 96-97) ผู้เขียนต้องการชี้ให้เห็นว่า มีความเป็นไปได้ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงจากระบบศีลธรรมเชิงนิสัยที่เรียนรู้อย่างไม่รู้สึกตัว (habitual morality) ไปสู่ระบบศีลธรรมที่ผ่านกระบวนการคิด ดังเช่นกรณีของม้งที่ย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ในเมืองเชียงใหม่ ภายใต้บริบทของการเคลื่อนย้ายสู่เมืองและเปลี่ยนจากลักษณะท้องถิ่นไปสู่โลกาภิวัตน์ ซึ่งมีนัยยะของกระบวนการทำให้ระบบศีลธรรมเป็นสากลมากขึ้น เกิดการเปลี่ยนรูปของทัศนคติในหมู่อดีตที่สวยงามน่าโหยหา (หน้า 97) ความทรงจำทางสังคมจึงไม่ได้แสดงออกเพียงปฏิบัติการทางกายภาพและไม่ได้เป็นการช่วงชิงเรื่องราวในวรรณกรรมของผู้แข็งแรงกว่า แต่เรื่องราวเหล่านั้นประดิษฐ์อดีตใหม่ในวิถีทางซึ่งเหมาะสมกับภาวะปัจจุบันและอนาคต ดังนั้น มันจึงเป็นการสร้างใหม่ทางประวัติศาสตร์ และความทรงจำทางสังคมจึงเป็นเหมือนการจัดระบบการลืมของอดีตด้วย (หน้า 96-97) สำหรับแนวคิดเรื่องศีลธรรมของผู้เขียน ศีลธรรมไม่ใช่เพียงพฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่มีมาอยู่แล้ว หรือเป็นศีลธรรมสมบูรณ์ที่สามารถตัดสินว่าอะไรถูกผิด อะไรดีเลวได้อย่างชัดเจน (หน้า 99) แต่สัมพัทธ์และผันแปรไปตามบริบทที่ซับซ้อน ดังจะเห็นได้ว่ามาตรฐานทางจริยธรรมของม้งสัมพัทธ์กับโครงสร้างสังคม และผันแปรอย่างสอดคล้องกับระยะห่างทางสังคมตามจารีตประเพณีด้วย (หน้า 97)

Ethnic Group in the Focus

ม้ง (Hmong) ในเมืองเชียงใหม่ และในสามหมู่บ้าน นอกเมืองเชียงใหม่ ในประเทศไทย (หน้า 108)

Language and Linguistic Affiliations

ไม่มีข้อมูล

Study Period (Data Collection)

ไม่ได้ระบุว่าทำการศึกษาช่วงปีใด แต่ระบุว่า มีการให้ข้อมูลปี ค.ศ.1994 (หน้า 98) และงานเขียนชิ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการเกี่ยวกับการสำรวจความเปลี่ยนแปลงของจริยธรรมทางสังคม สนับสนุนโดย National Museum of Ethnology in Osaka รายงานศึกษาเบื้องต้นถูกนำเสนอในที่ประชุมไทศึกษานานาชาติครั้งที่ 6 เชียงใหม่, 14-17 ตุลาคม 1996 (หน้า 108)

History of the Group and Community

ไม่มีข้อมูล

Settlement Pattern

ไม่มีข้อมูล

Demography

ไม่มีข้อมูล

Economy

ลักษณะพื้นฐานของระบบศีลธรรมม้ง ตรงข้ามกับวิถีชีวิตแบบการเพาะปลูกในอดีต ความสำเร็จของพ่อค้าม้งบางคน เชื่อมโยงกับการโกงและการหลอกลวง เพื่อผลกำไรที่มากขึ้นผ่านการค้า ซึ่งขัดแย้งกับความงดงามของศีลธรรมแบบถ้อยทีถ้อยอาศัยที่ปฏิบัติกันในสังคมดั้งเดิม (หน้า 102,105) พวกเขาแสวงหาผลประโยชน์จากคนภายนอก ตลอดจนม้งด้วยกันเอง ดังนั้น จึงตระหนักถึงความต้องการการศึกษามากกว่าการเรียนรู้ทางวัฒนธรรมประเพณี (หน้า 103) การขยายตัวของการค้าและการเลิกทำการเพาะปลูก สะท้อนให้เห็นความแตกสลายของประเพณีและลัทธิขงจื๊อ ซึ่งเป็นศีลธรรมที่เชื่อมโยงกับความคิดเรื่องการมีใจบริสุทธิ์และความมั่งคั่งทางจริยธรรม คุณค่า ความเที่ยงธรรม ความซื่อสัตย์ ซึ่งไม่ใช่เพียงเกิดขึ้นกับชีวิตในเมือง แต่ยังส่งผลต่อชีวิตในชนบทสมัยใหม่ด้วย (หน้า 104) ความคิดที่ว่าด้วยการแสวงหาผลกำไร ทำให้เกิดการนินทา ใส่ร้ายป้ายสี การโอ้อวด โกหกหลอกลวง และนำมาสู่ความไม่เท่าเทียมทางสังคมที่ขยายลึกขึ้นจากการรุกของเศรษฐกิจแบบตลาด (หน้า 106-107)

Social Organization

ศีลธรรมของม้งเป็นจริยธรรมที่ยึดโยงสังคมไว้และเชื่อมโยงกับวิถีชีวิตอย่างแนบแน่น ม้งจัดองค์กรผ่านโครงสร้างทางสายตระกูลของบิดา จริยธรรมของชนเผ่าสัมพันธ์กับความสัมพันธ์ทางสังคมและพฤติกรรม ความคิดในลัทธิขงจื๊อปรากฏในพิธีการและพฤติกรรมทางสังคม ความคิดเรื่องความกตัญญูและ "ผู้มั่งคั่ง" เป็นหลักการที่นำทางไปสู่การจัดองค์กรรวมศูนย์ พิธีกรรมยังเชื่อมโยงอย่างสลับซับซ้อนกับความคิดว่าด้วยความมั่งคั่งทางศีลธรรม ผู้นำ และการบูชาบรรพบุรุษ (หน้า 100) ยาเสพติดเป็นสิ่งที่คุกคามการอยู่รอดของสังคมวัฒนธรรมม้ง อัตราการเสพเฮโรอีนของม้งทั้งในหมู่บ้านและในเมืองมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การเสพยาเสพติดไม่ใช่เป็นเพียงเรื่องของปัจเจก ครอบครัวของผู้เสพจะได้รับการดูถูกเหยียดหยามในหมู่บ้าน นั่นคือพฤติกรรมทางศีลธรรมของปัจเจกไม่ใช่เป็นเรื่องของปัจเจก แต่เป็นผลสะท้อนถึงกลุ่มทางสังคมที่กว้างกว่า โดยเฉพาะครอบครัวและวงศ์ตระกูล (หน้า 103) มาตรฐานทางจริยธรรมของม้งสัมพันธ์กับโครงสร้างสังคมและผันแปรตามระยะห่างทางสังคม ตัวอย่างเช่น การฆ่าคนในสายเลือดถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรง ความรุนแรงของการลงโทษผันแปรไปตามความใกล้ชิดทางสังคม (หน้า 97) ด้านบทบาทหญิงชาย ในสังคมม้ง ผู้หญิงถูกกีดกันด้านการศึกษา ด้านกฎหมาย (หน้า 105) ตลอดจนการยอมรับของสังคม เช่น การเป็นชู้ของหญิงที่แต่งงานแล้วไม่ได้รับการยอมรับ ขณะที่ผู้ชายสามารถมีภรรยาคนที่สองได้ (หน้า 97) การเป็นโสเภณีถูกต่อต้านอย่างหนักในสังคมม้ง (หน้า 105) ปัจจุบัน บทบาทของผู้หญิงม้งเริ่มเปลี่ยนไป ผู้หญิงม้งในเมืองได้รับการศึกษาที่สูงขึ้น มีความพยายามก่อตั้งสมาคมผู้หญิงม้งในเชียงใหม่ ความสัมพันธ์ทางเพศของคนหนุ่มสาวในเมืองมีอิสระมากกว่าในหมู่บ้าน ซึ่งไม่ต้องถูกควบคุมจากพ่อแม่ อันเป็นที่มาของการสร้างครอบครัวในเมืองมากขึ้น (หน้า 105)

Political Organization

ผู้นำ: ความคิดเกี่ยวกับ "ผู้มั่งคั่ง" (man of worth) ในสังคมม้ง สอดคล้องกับความคิดเรื่อง "ผู้นำ" ของไทย โดยไม่สัมพันธ์กับการมีวัฒนธรรมหรือการศึกษา แต่เป็นผู้อาวุโสในหมู่บ้านที่เป็นที่นับถือ ซึ่งรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่นๆ นอกจากครอบครัวของตน การได้มาซึ่งตำแหน่งแห่งที่ของความเคารพและเชื่อถือในชุมชน ต้องผ่านการทำงานอย่างหนัก และการพิจารณาเรื่องราวต่าง ๆ อย่างรอบคอบไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง (หน้า 100) ความขัดแย้ง: ความขัดแย้งที่ปรากฏในสังคมม้งปัจจุบันเป็นสิ่งที่คาดคิดไม่ถึงในอดีต กรณีพี่ชายฆ่าน้องชาย การฟ้องร้องเรื่องมรดกที่ดิน เมื่อที่ดินได้รับการสืบมรดก ม้งผู้มั่งคั่งคนหนึ่งปฏิเสธที่จะช่วยเหลือน้องชายของตนยามขัดสน (หน้า 101)

Belief System

ความเชื่อในลัทธิคำสอนของขงจื๊อ (Confucianism) เป็นสิ่งที่ร้อยรัดความเป็นม้ง ยึดโยงสังคมและเชื่อมโยงกับวิถีชีวิตของม้งอย่างแนบแน่น ความคิดในลัทธิขงจื๊อปรากฏในพิธีการและพฤติกรรมทางสังคมมากมาย ความเชื่อที่สำคัญได้แก่ ความเชื่อเรื่องสวรรค์ สวรรค์และโลกเปรียบเหมือนการกลับสู่ความเก่าแก่ และมีอิทธิพลสูงในการควบคุมดูแลม้ง (หน้า 98) ความศรัทธาและกตัญญูต่อพ่อแม่ (fillial piety) เป็นรูปการที่สำคัญยิ่งของศีลธรรมที่ทำให้ม้งสามารถดำรงชีวิตใหม่ในเมืองและโพ้นทะเลได้ (หน้า 99) มีพิธีกรรมบวงสรวงต่อบรรพบุรุษ โดยเชื่อว่าคนที่นับถือและรักพ่อแม่ปู่ย่าตายาย คนนั้นจะได้รับการปกป้องคุ้มครอง (หน้า 99) ความคิดเกี่ยวกับ "ผู้มั่งคั่ง" (man of worth) ในสังคมม้งเกี่ยวข้องกับความมั่งคั่งทางศีลธรรมซึ่งต้องสั่งสมจนผู้คนยอมรับนับถือมากกว่าการมีสถานะทางเศรษฐกิจสูง (หน้า 100) ความคิดเรื่องชื่อเสียงและคุณค่า การไม่พูดจาโอ้อวดลำพองใจ และไม่โกหก ปรากฏในคำสั่งสอนของพ่อแม่ (หน้า 106) ความเชื่อเหล่านี้ล้วนชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของลัทธิขงจื๊อที่มีอิทธิพลต่อคุณค่าทางศีลธรรมของม้ง

Education and Socialization

ไม่มีข้อมูล

Health and Medicine

ไม่มีข้อมูล

Art and Crafts (including Clothing Costume)

ไม่มีข้อมูล

Folklore

เรื่องเล่าในลัทธิขงจื๊อของม้งเกี่ยวกับศรัทธาและความกตัญญูของบุตรต่อพ่อแม่มีอยู่ว่า ครั้งหนึ่ง มีชายคนหนึ่งทำการเพาะปลูกบนที่ดินใกล้กับที่ดินของ Khoo Meej และพืช Khoo Meej มาเจริญเติบโตในทุ่งของเขา หลังจากที่เขาเก็บเกี่ยวมันแล้ว จึงนำส่วนหนึ่งไปมอบให้ Khoo Meej เพื่อเป็นของขวัญขอบคุณต่อสิ่งที่มอบให้ แต่ Khoo Meej ปฏิเสธของขวัญ โดยกล่าวว่า พ่อแม่ของชายคนนั้นต่างหากที่ช่วยเหลือเขาในฐานะที่เป็นลูกและสอนเขาทุกสิ่งให้เขารู้ รวมทั้งวิธีเพาะปลูกด้วย (หน้า 99)

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

จริยธรรมขงจื๊อ แทรกซึมอยู่ในอัตลักษณ์ของม้ง ร้อยรัดความเป็นม้งไว้ด้วยกัน ตลอดจนมีอิทธิพลต่อประเพณีพิธีกรรมและชีวิตประจำวันของม้งอย่างสำคัญ (หน้า 98-100) ความซับซ้อนของอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์ปรากฏชัดในบริบทโลกาภิวัตน์ ดังกรณีม้งโพ้นทะเล (หน้า 101) หรือกรณีหนุ่มสาวม้งในเมืองเชียงใหม่ที่อับอายความเป็นม้ง (หน้า 103) เป็นต้น ขณะเดียวกันคุณค่าทางศีลธรรมที่ร้อยรัดความเป็นม้งเริ่มแตกสลายไปตามสภาพการณ์ของสังคมปัจจุบัน (หน้า 100-101)

Social Cultural and Identity Change

ภายใต้ผลกระทบจากการขยายตัวของเมือง ขอบเขตทางประเพณีของจักรวาลทางศีลธรรมของม้ง ซึ่งเป็นขอบเขตระหว่างตัวตน ชุมชน และโลก แตกออกจนพร่าเบลอ ศีลธรรมของม้งล่มสลายลงอย่างกว้างขวาง ผู้เขียนยกตัวอย่าง ขอทานที่ดอยปุยทางตะวันตกของเชียงใหม่เป็นตัวอย่างของความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น และการเพิ่มขึ้นของขโมยในหมู่บ้าน (หน้ 100) ความล่มสลายของระเบียบสังคมแบบจารีตปรากฏในพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นความสุภาพ การต้อนรับแขกผู้มาเยือน ดังคำกล่าวที่ว่า ม้งต้อนรับทักทายคนอื่นที่พบเสมอในฐานะเพื่อน อันเป็นเอกลักษณ์ของม้งในอดีต ซึ่งปัจจุบันไม่ปรากฏแล้ว ตลอดจนความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในชุมชน ไม่ว่าจะเป็นการแย่งชิงมรดกที่ดิน พี่น้องทำร้ายกัน ล้วนเป็นสิ่งที่คาดคิดไม่ถึงในอดีต (หน้า 101) ยิ่งไปกว่านั้น ความเปลี่ยนแปลงในอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์ ปรากฏชัดในการกลับบ้านของม้งอพยพโพ้นทะเลในงานปีใหม่ม้ง ม้งโพ้นทะเลถูกมองว่า "ไม่ใช่ม้ง" ความรู้สึกเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เมื่อพวกเขาไม่ทำในสิ่งที่วัฒนธรรมประเพณีคาดหวังขอบเขตความสัมพันธ์ทางเครือญาติและประเพณีอันเป็นโครงสร้างทางศีลธรรมที่แตกสลายนี้ ได้สร้างความรู้สึกเกี่ยวกับศีลธรรมสากลปรากฏขึ้น (หน้า 101) ขณะเดียวกัน ความรู้สึกที่ว่าชุมชนม้งปัจจุบันกว้างกว่าในอดีตมาก โลกาภิวัตน์ส่งผลให้ชุมชนม้งไม่เพียงมีอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านแต่ยังอยู่ในประเทศโพ้นทะเลด้วย ในอเมริกา ฝรั่งเศส แคนาดา และออสเตรเลีย หนุ่มสาวม้งในเมืองเชียงใหม่รู้สึกมีส่วนร่วมกับหนุ่มสาวไทยหรือจีนที่นั่นมากกว่าผู้อาวุโสในหมู่บ้านของตน (หน้า 102) หนุ่มสาวม้งในเมืองอับอายที่เป็นม้ง เพราะรู้สึกว่าม้งล้าหลัง พวกเขาจึงสวมใส่เสื้อผ้าแบบคนเมืองและพยายามพูดภาษาไทย เพื่อให้ได้รับการยอมรับ (หน้า 103) ดังนั้น ความรู้สึกที่ว่าม้งเหล่านี้เป็นเหมือนชาวต่างชาติ หรือความรู้สึกถึงคุณค่าความเป็นชาติพันธุ์ม้งลดน้อยลง มีการทำให้เป็นสากลมากขึ้น ล้วนแล้วแต่ส่งผลให้ระยะห่างทางสังคมกว้างขึ้น (หน้า 102) อย่างไรก็ตาม ในด้านกลับกัน ศีลธรรมจารีตประเพณีกลายเป็นสาระที่สะท้อนการรับรู้มากกว่าการนำมาใช้ด้วยความเคยชิน นำมาสู่สำนึกและความตระหนักถึงการอบรมสั่งสอนคุณค่าทางศีลธรรมแก่คนรุ่นเยาว์ ผู้เขียนยกตัวอย่าง นักธุรกิจม้งที่พาลูกกลับไปหมู่บ้านทุกปี เพื่อไม่ให้ลืมชีวิตในหมู่บ้าน เราจะเห็นรูปการที่สำคัญของวัฒนธรรมม้งของคนรุ่นใหม่ที่ไม่ได้สูญเสียความเป็นม้ง แต่สร้างตำแหน่งแห่งที่ของตนในหมู่บ้าน ตัวอย่างเช่น ลัทธิ shamanism บทเพลงแห่งความตาย, พิธีแต่งงาน, บทเพลงเกี้ยวพาราสี หรือการปฏิบัติต่อแขกผู้มาเยือน ล้วนเป็นทักษะพิเศษของม้งที่สะท้อนถึงคุณค่าลัทธิขงจื๊อและคุณลักษณะของผู้มั่งคั่งได้เป็นอย่างดี (หน้า 104)

Critic Issues

ไม่มีข้อมูล

Other Issues

ไม่มี

Map/Illustration

ภาพประกอบ: The moral universe (หน้า 98)

Text Analyst วิรพา อังกูรทัศนียรัตน์ Date of Report 10 ต.ค. 2567
TAG ม้ง, จริยธรรมขงจื๊อ, ประวัติศาสตร์, การเปลี่ยนแปลงทางศีลธรรม, เชียงใหม่, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง