|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ไทยใหญ่,วัฒนธรรม,ประเพณี,ตาก |
Author |
ธีระ ภักดี |
Title |
โครงการสำรวจวัฒนธรรมและประเพณีต่างๆ ของไทยใหญ่ในเขา อ.แม่สอด จ.ตาก |
Document Type |
รายงานการวิจัย |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ไทใหญ่ ไต คนไต,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ไท(Tai) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Total Pages |
29 |
Year |
2528 |
Source |
กำแพงเพชร : วิทยาลัยครูกำแพงเพชร |
Abstract |
ผู้เขียนได้พยายามนำเสนอเกี่ยวกับประเพณีของไทยใหญ่ที่อยู่ในเขตอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก โดยสัมภาษณ์จากผู้รู้ 5 ท่านและเข้าร่วมกิจกรรมในประเพณีต่างๆ ซึ่งมีประเพณีต่างๆ ที่จัดได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ
1. ประเพณีเกี่ยวกับวงจร/วัฏจักรชีวิต เช่น ประเพณีการเกิด ประเพณีการสู่ขอ ประเพณีการแต่งงาน ประเพณีการครองเรือน 2. ประเพณีเกี่ยวกับความเชื่อต่าง ๆ เช่น ประเพณีการรักษาพยาบาล ประเพณีกั่นตอ ประเพณีการเข้าหว่า ประเพณีอุปปะตะก่า ประเพณีกวนข้าวหย่ากุ ประเพณีเผาศพเจ้าอาวาส ประเพณีการบวช ประเพณีรับซางจ่าน ประเพณีเนคป่านเซคาน ประเพณีใส่ข้าวพระพุทธ ประเพณีแห่กถิ่ง |
|
Focus |
พรรณนาประเพณีต่าง ๆ ของไทยใหญ่ที่มีภูมิลำเนาในเขต อ.แม่สอด จ.ตาก (ในหน้าที่อธิบายโครงการวิจัยไม่มีเลขหมาย) |
|
Theoretical Issues |
ผู้เขียนต้องการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับประเพณีวัฒนธรรมและความเชื่อของไทยใหญ่ใน อ.แม่สอด จ. ตาก เพื่อให้ผู้สนใจและอนุชนรุ่นหลังได้รู้จักและ/หรือใช้เป็นแนวทางในการศึกษาค้นคว้าวิจัยซึ่งผู้เขียนไม่ได้ระบุว่าใช้แนวคิดทฤษฎีอะไรเป็นกรอบหรือหลักในการจัดระเบียบข้อมูล (ในหน้าที่อธิบายโครงการวิจัยไม่มีเลขหมาย) |
|
Ethnic Group in the Focus |
ไทยใหญ่ใน อ.แม่สอด จ.ตาก (ในหน้าที่อธิบายโครงการวิจัยไม่มีเลขหมาย) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ผู้เขียนไม่ได้ระบุลักษณะของภาษาที่ใช้ กล่าวแต่เพียงว่ามีความคล้ายคลึงกับพม่า (หน้า 4) |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
ผู้เขียนไม่ได้กล่าวถึงประวัติความเป็นมาของชุมชนที่ทำการศึกษา กล่าวแต่เพียงประวัติความเป็นมาของอำเภอแม่สอดว่าเมื่อประมาณ 120 ปีที่ล่วงมาบริเวณอำเภอแม่สอดปัจจุบันมีกะเหรี่ยงมาตั้งภูมิลำเนาอยู่ เรียกชื่อหมู่บ้านว่า "พะเน่อเก่" ต่อมามีคนไทยจากจังหวัดต่าง ๆ ในภาคเหนืออพยพเข้ามาในบริเวณนี้เพิ่มขึ้น กะเหรี่ยงจึงอพยพไปอยู่ที่อื่น เพราะไม่ชอบปะปนอยู่กับชนเผ่าอื่นนาน
ส่วนชื่ออำเภอ "แม่สอด" นั้นสันนิษฐานไว้ 2 ประการคือ ประการแรกอำเภอแม่สอดเป็นเมืองเดียวกันกับ "เมืองฉอด" ซึ่งตั้งประชิดชายแดนราชอาณาจักรสุโขทัย คำว่า "เมืองฉอด" นานเข้าอาจเพี้ยนกลายมาเป็นแม่สอดก็เป็นได้ และประการที่สองอาจจะมาจากชื่อของลำห้วยแม่สอดที่ไหลผ่านหมู่บ้านตำบลนี้ (หน้า 2) |
|
Settlement Pattern |
ไม่ได้กล่าวถึงแบบแผนการตั้งถิ่นฐานของชุมชนที่ศึกษา |
|
Demography |
ไม่ได้ระบุจำนวนประชากรไทยใหญ่ที่ศึกษา ระบุแต่เพียงจำนวนประชากรของอำเภอแม่สอดทั้งหมด 70,961 คน เป็นชาย 36,324 คน และเป็นหญิง 34,633 คน (หน้า 3) |
|
Economy |
เนื่องจากผู้เขียนมีความมุ่งหมายที่ทำการสำรวจประเพณีวัฒนธรรมต่าง ๆ ของไทยใหญ่ จึงมิได้กล่าวถึงระบบเศรษฐกิจแต่อย่างใด |
|
Social Organization |
ผู้เขียนไม่ได้กล่าวถึงโครงสร้างทางสังคมไว้อย่างชัดเจน แต่มีการกล่าวถึงไว้ในประเพณีต่าง ๆ คือ
- ประเพณีการสู่ขอ จะกระทำ 3 ครั้ง ครั้งที่ 1 ไปพูดทาบทามก่อน ครั้งที่ 2 อาจจะต่อรอง ครั้งที่ 3 ก็จะต่อรองนัดวันจัดงานทำพิธีแต่งงาน (หน้า 6)
- ประเพณีการแต่งงาน หรือที่เรียกว่า มิงกราฮอง มีลักษณะเหมือนกับของไทยเรา มีเรียกร้องสินสอดซึ่งส่วนมากจะมีทองหมั้นเงินจำนวนหนึ่งห่อด้วยผ้าสีชมพู กำหนดวันดีที่เป็นศิริมงคลโดยไม่นิยมแต่งงานในเดือนเข้าพรรษาหรือเดือนคี่ มีเลี้ยงพระตอนเช้าซึ่งมากน้อยเท่าไรแล้วแต่กำลังเงิน แต่ที่สำคัญจะมี "กะเดาะปอย" ถวายพระ หลังจากนั้นจึงเชิญคนเฒ่าคนแก่ทั้งสองฝ่ายมาทำพิธีมัดมือให้ศีลให้พรให้คู่บ่าวสาวขอขมาพ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่ เมื่อถึงเวลาส่งตัวมีการกั้นประตูเงิน ประตูทอง ประตูเพชรเป็นอันเสร็จพิธีต่อจากนั้นไม่มีกฎเกณฑ์ห้ามอะไรอีก คู่บ่าวสาวจะออกจากห้องหอไปทำงานอะไรก็ได้ตามสะดวกและเมื่อแต่งงานแล้วคู่บ่าวสาวจะอยู่บ้านเจ้าสาวก็ได้หรืออยู่บ้านเจ้าบ่าวก็ได้แล้วแต่ความสะดวก ถ้ามีฐานะก็ปลูกสร้างเรือนหอเอง (หน้า 6-7)
- ประเพณีการครองเรือน การอยู่รวมบ้านเดียวกับผู้ใหญ่ ผู้มีอายุน้อยจะต้องยำเกรงให้ความเคารพนับถือ เวลาจะรับประทานอาหารก็จะต้องตักแบ่งเตรียมไว้ก่อนแล้วผู้มีอายุน้อยกว่าจึงจะรับประทานได้ จะออกจากบ้านไปไหนจะต้องขออนุญาต หรือบอกกล่าวทุกครั้ง เมื่อผู้ใหญ่สั่งสอนว่ากล่าวตักเตือนสิ่งใดต้องรับฟัง (หน้า 7)
- ประเพณีกั่นต่อ เป็นประเพณีการขอขมาลาโทษหรือการแสดงคารวะต่อผู้ใหญ่ มีความคล้ายคลึงกับการรดน้ำดำหัวของคนไทยภาคเหนือ ซึ่งกระทำปีละครั้งในวันสงกรานต์เพื่อเป็นการแสดงความเคารพแก่ญาติผู้ใหญ่และผู้อาวุโสในหมู่บ้าน โดยลูกหลานจะพากันนำดอกไม้ธูปเทียนไปกราบไหว้ญาติผู้ใหญ่ที่ตนเคารพ (หน้า 8) ซึ่งประเพณีดังกล่าวน่าจะเป็นการบอกกล่าวและ สั่งสอนเด็กรุ่นหลังให้มีความเคารพ มีสัมมาคารวะกับผู้ใหญ่ในชุมชน |
|
Belief System |
ผู้เขียนไม่ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนแต่มีการสอดแทรกไว้ในเนื้อหาของประเพณีต่าง ๆ เช่น ประเพณีการเกิด ในขณะตั้งครรภ์ ห้ามอาบน้ำยามพระอาทิตย์โพล้เพล้ ห้ามขอน้ำดื่มจากคนอื่นเพราะเชื่อว่าเวลาคลอดจะแฝดน้ำคือในท้องจะมีน้ำมากผิดปกติ และคลอดยาก เมื่อคลอดแล้วห้ามมารดาถูกน้ำฝน เพราะจะทำให้เป็นอัมพาต เมื่อคลอดแล้วจะมีการเข้าเส้า (คือพิธีการเข้ากระโจม) เพื่อให้สิ่งสกปรกออกมากับเหงื่อ ถ้าเด็กใหม่ร้องไห้งอแงไม่ดูดนม พ่อจะให้คนที่มีความรู้ทางไสยศาสตร์ทำพิธีห่วงข้าว เวลาเด็กเกิดใหม่ได้ประมาณ 1 เดือนจะมีการโกนผมไฟ มีการเลี้ยงอาหารพระ (หน้า 5)
ประเพณีการเข้าหว่า หรือประเพณีการเข้าพรรษา (หน้า 9)
พิธีกวนข้าวหย่ากุ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "ทำมะแน" เป็นการสะเดาะเคราะห์ และทำบุญ (หน้า 10)
ประเพณีเผาศพเจ้าอาวาส หรือปอยล้อ คือ การทำบุญศพของพระภิกษุที่มรณภาพ (หน้า 11)
ประเพณีการบวช ไทยใหญ่เรียกว่า "ข่ามส่าง หรือข่ามจาง" (หน้า 13)
ประเพณีเนคป่านเซคาน หรือตลาดสวรรค์ เป็นประเพณีที่จัดขึ้นในเวลากลางคืนเพื่อน้อมรำลึกแด่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าในวันเพ็ญเดือน 12 โดยไทยใหญ่จะช่วยกันเย็บผ้าทิพย์ หรือ "ปะโตสังการ" ห่มองค์เจดีย์เล็ก-องค์เจดีย์ใหญ่ พระพุทธรูปต่าง ๆ ครบทั่ววัด และเลี้ยงอาหารผู้ที่เข้ามาชมตลาดสวรรค์ (หน้า16-17)
ประเพณีใส่ข้าวพระพุทธ เป็นการส่งเสริมให้ประชาชนใส่บาตร อาหารที่ถวายพระพุทธจะลาแล้วนำอาหารมาแจกจ่ายให้เด็กยากจน (หน้า 18)
จากประเพณีดังกล่าวทำให้ทราบว่าไทยใหญ่นับถือพุทธศาสนาเป็นหลัก ขณะเดียวกันก็มีการนับถือผีและมีความเชื่อทางไสยศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้อง |
|
Education and Socialization |
|
Health and Medicine |
ปรากฏอยู่ในประเพณีการรักษาพยาบาลที่เมื่อมีผู้เจ็บป่วยมักหารากไม้ ใบไม้มาต้มดื่ม หรือไม่ก็นำมาบด มาทาตามแผลตามตัว บางคนก็ไปหาพระช่วยรดน้ำมนต์ ดื่มน้ำมนต์ ตรวจดวงชะตา จุดเทียนสะเดาะเคราะห์ จุดเทียนต่ออายุ เมื่อเวลาเด็กปวดท้อง ก็จะเอาปูเลย (ไพล) สารปู (ว่านน้ำ) มาบดทาที่ท้อง หรือปวดมากๆ ก็ให้กินเม็ดมะนาวถือว่าแก้ความดันไปด้วย เมื่อเป็นหวัดคัดจมูกก็ให้เอาน้ำตบกระหม่อมตอนเช้าขณะที่ล้างหน้า จากวิธีการเหล่านี้ทำให้ทราบว่าไทยใหญ่มีวิธีการรักษาและป้องกันโรคภัยไข้เจ็บที่แตกต่างไปจากไทยส่วนกลาง (หน้า 8) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
ผู้เขียนได้กล่าวไว้ในประเพณีการแสดงละครของพม่า ซึ่งส่วนมากรับอิทธิพลมาจากการแสดงของไทยโบราณ และคนพม่าจะเรียกว่า "โยเดียอะก้า" หมายถึงละครแบบอยุธยา ใช้ในการต้อนรับแขกเมือง ต่อมาการรำพื้นเมืองและการรำสากลเข้ามาแทรกปะปนจึงเรียกว่า การรำประยุกต์หรือบอง ส่งอะก้า, อะหล่องอะห้า, มองโซ, บาป้ามะเต่งยูอะก้า "โด่งอะก้า" หมายถึง การแสดงของกะเหรี่ยง (หน้า 20-21)
นอกจากนี้ ยังมีการรำของเงี้ยวและรำพื้นเมืองของแม่สอดสมัยโบราณ และการรำพม่าโบราณที่มีเฉพาะเสียงดนตรีไม่มีเนื้อร้อง จะรำในงาน เช่น การเลี้ยงข้าวซางจ่าม การเต้นรอด (หน้า 25-26) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
|