|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
เงี้ยว,ประวัติศาสตร์การเมือง,แพร่ |
Author |
เตช บุนนาค |
Title |
ขบถเงี้ยวเมืองแพร่ |
Document Type |
บทความ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ไทใหญ่ ไต คนไต,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ไท(Tai) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Total Pages |
14 |
Year |
2531 |
Source |
หนังสือ "สามนคร" น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เรียบเรียงโดยกองวิชาประวัติศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า |
Abstract |
เนื้อหาของขบถเงี้ยวเมืองแพร่ ร.ศ.121 เป็นการนำเสนอข้อมูลทางประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของเมืองแพร่ ที่ในช่วงระยะเวลาหนึ่งได้เกิดขบถและมีการตั้งคณะกรรมการไต่สวน ในการพิจารณาหาสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งผลของการไต่สวนส่อเค้าว่าเจ้านายเมืองแพร่ เจ้าเมืองลำปาง ราษฎรเมืองแพร่ เงี้ยวชาวเมือง กงสุลฝรั่งเศสและอังกฤษประจำเมืองน่านมีส่วนในการสมรู้ร่วมคิด |
|
Focus |
เล่าถึงการไต่สวนถึงสาเหตุของการเข้าปล้นสะดมเมืองแพร่ของโจรเงี้ยว (หน้า 82) |
|
Theoretical Issues |
ผู้เขียนไม่ได้ระบุชัดเจนว่าใช้แนวคิดทฤษฎีอะไรเป็นหลักในการจัดระเบียบข้อมูล แต่ผู้เขียนต้องการนำเสนอหลักฐานทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการเข้าปล้นสะดมเมืองแพร่ของโจรเงี้ยวซึ่งคณะกรรมการไต่สวนโดยการแต่งตั้งของจอมพล เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสงชูโต) ได้ค้นพบหลักฐานที่ส่อให้เห็นว่าเจ้านายเมืองแพร่ เจ้าเมืองลำปาง ราษฎรเมืองแพร่ เงี้ยวชาวเมือง กงสุลฝรั่งเศสและกงสุลอังกฤษประจำเมืองน่านมีส่วนสมรู้ร่วมคิดในการปล้นสะดมของโจรเงี้ยวครั้งนี้ (หน้า 82-84) และได้ไต่สวนเพิ่มเติมอีกว่าเหตุใดกลุ่มบุคคลเหล่านี้จึงได้ให้การสนับสนุนโจรเงี้ยว ซึ่งน่าจะมีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงการปกครองหัวเมืองทางเหนือในรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ควบคุมดูแลใกล้ชิดขึ้นกว่าเดิม และจากการสนับสนุนของอังกฤษและฝรั่งเศสที่ต้องการทำลายความเข้มแข็งของสยามเพื่อการยึดครองในที่สุด (หน้า 85-91) |
|
Ethnic Group in the Focus |
เงี้ยว แต่ผู้เขียนไม่ได้ระบุว่ากองโจรเงี้ยวที่เข้าปล้นสะดมมาจากที่ไหนเพียงแต่ระบุว่า "สมเด็จ ฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงเล่าเรื่องประทานหม่อมเจ้าพูนพิศมัย พระธิดาว่า พกาหม่อง หัวหน้าโจรเงี้ยวแต่เดิมเป็นลูกหนี้เจ้านางแว่นทิพย์ น้องพระเจ้าเชียงตุงอยู่ 4,000 บาท ไม่มีจะใช้จึงหนีเข้ามาอาศัยพวกพ้องอยู่ในเมืองแพร่และตั้งต้นเป็นผู้นำออกปล้นสะดมอยู่เสมอ ส่วนเงี้ยว ชาวเมืองมาจากรัฐฉานเข้ามาตั้งบ้านเรือนทำป่าไม้หาเพชรพลอยทำมาหากินอยู่ในหัวเมืองทางเหนือทุกเมือง (หน้า 88-89) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
ผู้เขียนระบุช่วงเวลาที่เกิดขบถเงี้ยวเมืองแพร่ คือ ในวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2445 และรัฐบาลในสมัยนั้นได้เข้าปราบปรามยึดเมืองแพร่กลับมาไว้ได้ในวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2445 (หน้า 92) |
|
History of the Group and Community |
ผู้เขียนไม่ได้ระบุประวัติและความเป็นมาของชุมชนเงี้ยวในเมืองแพร่ |
|
Settlement Pattern |
ผู้เขียนไม่ได้ระบุเกี่ยวกับแบบแผนการตั้งถิ่นฐาน กล่าวแต่เพียงว่าเงี้ยวชาวเมืองมาจากรัฐฉานในจักรวรรดิอังกฤษและมาตั้งบ้านเรือนทำป่าไม้หาเพชรพลอยอยู่ในเมืองประเทศราชทางเหนือทุกเมือง (หน้า 89) |
|
Demography |
ผู้เขียนไม่ได้ระบุจำนวนตัวเลขของประชากรเงี้ยวในเมืองแพร่ไว้แต่อย่างใด กล่าวแต่เพียงจำนวนของโจรเงี้ยวที่เข้าปล้นสะดมเมืองแพร่ว่ามีจำนวนประมาณ 30-40 คนและมีเงี้ยวซึ่งเป็นชาวเมืองแพร่ประมาณ 300 คนจับอาวุธขึ้นสนับสนุนกองโจร (หน้า 81) |
|
Political Organization |
คณะกรรมการไต่สวนได้พิจารณาถึงสาเหตุที่ทำให้เจ้าเมืองแพร่สนับสนุนกองโจรเงี้ยว อาจเนื่องมาจากสถานการณ์การเมืองการปกครองที่รัฐบาลกลางได้จัดให้มีการปกครองแบบ "เค้าสนามหลวง" โดยส่งข้าหลวงที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลกลางไปควบคุมหัวเมืองประเทศราชทางเหนือพร้อมทั้งให้อำนาจในการดำเนินงานปกครองตามแนวนโยบายของรัฐบาลกลางอย่างเต็มที่ เช่น เป็นผู้ช่วยแนะนำให้เจ้าผู้ครองนครและเสนาหกคนปกครองเมือง ลิดรอนอำนาจศาลของเจ้าผู้ครองนคร อนุญาตให้ข้าหลวงบัญญัติกฎหมายได้ จำกัดอิสรภาพทางการคลังของเจ้าผู้ครองนครโดยยุบอำนาจการเกณฑ์ราชการของเจ้านายขุนนาง และอนุญาตให้ข้าหลวงเก็บค่าราชการแก่ราษฎรคนละสี่บาทต่อปี อีกทั้งลดราคาของทาสสินไถ่ลงครึ่งหนึ่งและประกาศว่าผู้ใดเกิดหลังจาก พ.ศ. 2440 จะตกเป็นทาสไม่ได้ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงการปกครองดังกล่าวเป็นการลดบทบาทอำนาจและจำกัดอิสรภาพของเจ้าเมืองทางเหนือทำให้เจ้าเมืองแพร่เกิดความไม่พอใจจึงสนับสนุนให้เงี้ยวก่อการขบถ (หน้า 86-87) |
|
Education and Socialization |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
|