สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ลาวโซ่ง,ลาวโซ่ง,ไทยโซ่ง,ผู้ลาว,โซ่ง,ไตดำ,ไทยทรงดำ,อาหารพื้นบ้าน,พิษณุโลก
Author เปรมวิทย์ วิวัฒนเศรษฐ์
Title อาหารพื้นบ้านไทยทรงดำ บางระกำ พิษณุโลก : การวิเคราะห์ตามแนวหน้าที่นิยมและสังคมวิทยา
Document Type รายงานการวิจัย Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity ไทดำ ลาวโซ่ง ไทยโซ่ง ไทยทรงดำ ไทดำ ไตดำ โซ่ง, Language and Linguistic Affiliations ไท(Tai)
Location of
Documents
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Total Pages 145 Year 2528
Source มหาวิทยาลัยพายัพ เชียงใหม่
Abstract

การศึกษานี้วัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวิธีการประกอบอาหาร การถนอมอาหารและวิเคราะห์อาหารพื้นบ้านไทยทรงดำ อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ผลการศึกษาผู้เขียนพบว่า อาหารพื้นบ้าน นอกจากเป็นสิ่งจำเป็นและสิ่งสำคัญที่จะช่วยทำให้ร่างกายเจริญเติบโต มีชีวิตอยู่อย่างปกติสุขแล้ว อาหารพื้นบ้านยังมีหน้าที่สำคัญ 2 ประการ คือ หน้าที่ทางจิตวิทยา และหน้าที่ทางการป้องกันและบำบัดรักษาโรค อันจะทำให้ไทยทรงดำดำรงชีวิตอยู่อย่างมีความสุขได้อีกทางหนึ่งด้วย สำหรับการวิเคราะห์ตามแนวสังคมวิทยา พบว่า อาหารพื้นบ้านได้สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตของไทยทรงดำที่ยึดมั่นในขนบธรรมเนียมประเพณีอันเป็นสถาบันหนึ่งทางสังคมได้เป็นอย่างดี ส่วนการถนอมอาหาร พบว่า ไทยทรงดำมีการถนอมอาหารในบางโอกาสเท่านั้น ซึ่งวิธีการถนอมอาหาร มีเพียง 3 วิธี คือ การหมัดดอง การย่าง และการตากแห้ง (บทคัดย่อ)

Focus

ศึกษาวิธีการประกอบอาหาร การถนอมอาหารพื้นบ้านไทยทรงดำ (หน้า 4)

Theoretical Issues

ไม่ระบุ

Ethnic Group in the Focus

ไทยทรงดำ หรือ โซ่ง ในตำบลบางระกำ ตำบลนิคมพัฒนา ตำบลบึงกอก และตำบลชุมแสงสงคราม อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก (หน้า 5)

Study Period (Data Collection)

10 สิงหาคม 2528 – 31 มกราคม 2529 (หน้า 6)

History of the Group and Community

ประวัติการตั้งถิ่นฐาน ไทยทรงดำ /โซ่ง อพยพมาจากเมืองเข้ามาไทยครั้งแรกในสมัยกรุงธนบุรี โดยถูกกวาดต้อนมาจากเมืองทัน เมืองม่อย ในเขตแดนญวนเหนือให้มาตั้งบ้านเรือนที่เพชรบุรี ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวก็มีการกวาดต้อนไทยทรงดำครั้งใหญ่จากเมืองแถงและสิบสองจุไทยให้ลงมากรุงเทพฯ จากนั้นก็ไปอยู่รวมกันกับกลุ่มแรกที่เพชรบุรี เมื่อเวลาผ่านไปพวกเขาก็เคลื่อนย้ายไปอยู่ถิ่นอื่นๆ ได้แก่ จังหวัดราชบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม สุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก กาญจนบุรี ลพบุรี และสระบุรี (หน้า 34-35) สำหรับไทยทรงดำที่อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษรูโลกนั้น ส่วนใหญ่อพยพมาจากจังหวัดสุพรรณบุรี เพชรบุรี เมื่อประมาณ 10-50 ปีที่แล้ว โดยอยู่รวมกันเป็นหมู่บ้าน กระจายอยู่ในตำบลต่างๆ ของอำเภอ และตำบลที่มีไทยทรงดำอยู่มากได้แก่ ตำบลบางระกำ ตำบลชุมแสงสงคราม ตำบลบึงกอก และตำบลนิคมพัฒนา (หน้า 69)

Settlement Pattern

ลักษณะบ้านเรือน ชุมชนไทยทรงดำ อำเภอบางระกำ ก่อสร้างอย่างง่ายๆ ฝีมือไม่ประณีต มีห้องนอนเพียงห้องเดียว ครัวไม่กั้นเป็นห้อง เพียงแต่แบ่งเป็นสัดส่วน ข้างบันไดมีอ่างล้างเท้า (หน้า 41)

Demography

ไม่ระบุ

Economy

อาหารพื้นบ้าน ในการศึกษานี้ผู้เขียนจำแนกอาหารพื้นบ้านโซ่งออกเป็น อาหารประจำวัน กับอาหารในพิธีกรรม การประกอบอาหารทั้งสองชนิดนั้นใช้พืชผักและสัตว์ในท้องถิ่น และเป็นอาหารที่สืบทอดต่อกันมาจากบรรพบุรุษ ความรู้เกี่ยวกับการทำอาหารที่สืบทอดต่อกันมา มีดังนี้ 1) ของที่นำมาทำอาหารต้องเป็นของสด ไม่นิยมเก็บค้างคืน 2) ของที่นำมาทำอาหารต้องสะอาด 3) อาหารที่บริโภคส่วนมากเป็นอาหารสุก ส่วนอาหารประเภทสุกๆ ดิบๆ เช่น ลู่ ลาบ ฯลฯ รับประทานเป็นกับแกล้มมากว่าเป็นกับข้าวหรือรับประทานเปล่าๆ ด้วยเชื่อว่าเหล้าสามารถฆ่าเชื้อโรคและความสกปรกได้ 4) อาหารที่ทำ มาจากพืชมากกว่าสัตว์ ถ้าเป็นสัตว์ก็นิยมสัตว์เล็กมากกว่าสัตว์ใหญ่ และสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำมากกว่าสัตว์บก ซึ่งได้แก่ ปลา ปู หอย กบ 5) อาหารมีรสจืด รสไม่จัด และไม่นิยมใส่กะทิ 6) การดับกลิ่นคาวนอกจากใช้ตะใคร้ ใบมะกรูด กระชาย ฯลฯ แล้วยังนิยมใช้น้ำปลาร้าและน้ำหน่อไม้ดองช่วยดับกลิ่นคาวและปรุงรส (หน้า 131-132) ส่วนการถนอนอาหารนั้น โซ่งไม่ค่อยนิยมเนื่องจากต้องการรับประทานอาหารสด ซึ่งสามารถหาได้ง่าย การถนอมอาหารจึงมีเพียงการหมักดอง การย่าง และการตากแห้งเท่านั้น (หน้า 133-134)

Social Organization

ไม่ระบุ

Political Organization

ไม่ระบุ

Belief System

ปัจจุบันโซ่งนับถือพุทธศาสนา ขณะเดียวกันก็ยังนับถือผีตามความเชื่อดั้งเดิมอยู่ โดยเชื่อว่า ผีฟ้าหรือแถนมีอำนาจสูงสุดเหนือผีทั้งมวล ผีฟ้ามีอำนาจควบคุมชีวิตมนุษย์และดินฟ้าอากาศ (หน้า 36) ส่วนผีบรรพบุรุษจะเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของสมาชิกในเรือน ซึ่งทุกบ้านจะต้องเชิญผีบรรพบุรุษมาอยู่ในเรือนและเซ่นไหว้เป็นประจำ (หน้า 39) นอกจากนี้ก็ยังมีผีอื่นๆ อีก เช่น ผีประจำสถานที่ ผีประจำตัวบุคคล ผีที่เกี่ยวกับการเกษตร (หน้า 37) พิธีเสนเรือน เป็นพิธีเซ่นไหว้ผีบรรพบุรุษ เพื่อให้ปกป้องคุ้มครองลูกหลาน พิธีนี้จะจัด 1-3 ปีต่อครั้ง ในช่วงเดือนหกถึงเดือนแปดก่อนเข้าพรรษาและออกพรรษา จนถึงวันเพ็ญเดือน 12 อาหารที่ใช้ในการเซ่นไหว้มีทั้งของสุกและของดิบ ของสุก ได้แก่ แกงหน่อไม้ส้ม ยำผักจุ๊บ กบโอ๋ ปลาปิ้งต๊บ ข้ามต้มผัด ของดิบ ได้แก่ ซี่โครงหมู 7 ซี่ กระดูกสันหลัง 7 ข้อ เนื้อหมู ไส้หมู ผลไม้(กล้วย ส้ม อ้อย) เผือกมัน ผู้ประกอบพิธีจะเอ่ยชื่อบรรพบุรุษของเจ้าของเรือน ซึ่งมีรายชื่ออยู่ในสมุดจดบันทึกพิธีเสนเรือนมาในพิธี (หน้า 38, 43, 133) พิธีป๊าดตง เป็นการทำบุญข้าวใหม่ ซึ่งจัดปีละครั้งเพื่อให้ข้าวปลาอาหารดี ทำนาทำไร่ได้ผลดี อาหารในพิธีได้แก่ แกงหน่อไม้ส้ม ยำผักจุ๊บ กบโอ๋ ปลาปิ้งต๊บ ผลไม้ เผือก มัน ข้าวต้มผัด (หน้า 43) พิธีกรรมในวัฏจักรชีวิต ได้แก่ การเกิด การแต่งงาน และการตาย 1. การเกิด หลังจากหมอตำแยตัดสายสะดือและอาบน้ำเด็กเรียบร้อยแล้ว จะนำเด็กใส่กระด้งที่ปูผ้าไว้ หากเด็กไม่สบายก็จะทำพิธีเรียกขวัญโดยผู้สูงอายุที่รู้จักวิธีเรียกขวัญ ของที่ใช้ในพิธีประกอบด้วย ไข่ดิบ ห่อปลา และห่อข้าว (หน้า 42) 2. การแต่งงาน จะประกอบพิธี ณ บ้านฝ่ายหญิง ฝ่ายชายต้องเสียค่าใช้จ่ายในการแต่งงานทั้งหมด สำหรับการจัดขันหมากจะขึ้นอยู่กับผีของบ้านฝ่ายหญิง หากเป็นผีใหญ่ คือผีของตระกูลที่มีเชื้อเจ้า ใช้ขัน 4 คู่ หากเป็นผีเล็ก คือผีของตระกูลชาวบ้านธรรมดา ใช้ขัน 2 คู่ ภายหลังการแต่งงาน ส่วนมากผู้หญิงจะไปอยู่บ้านฝ่ายชาย แต่หากฝ่ายชายไปอยู่บ้านฝ่ายหญิง จะต้องเอามีดมีฝัก ที่นอน หมอน สิ่ว ติดตัวไปด้วย (หน้า 42) 3. การตาย เมื่อมีคนตายในบ้าน ญาติพี่น้องต้องแต่งตัวด้วยชุดยาวสีดำ ไม่อาบน้ำ หวีผม หรือทาแป้ง แต่งตัวใดๆจนกว่าจะเผาศพเสร็จ โลงศพจะไม่มีฝาปิด ญาติพี่น้องผู้ตายนำด้ายสีแดงปิดหน้าศพ แล้วใช้ชุดยาวของผู้ตายพาดโลงไว้ ผู้ที่มาร่วมพิธีเผาศพจะแต่งกายด้วยผ้าที่เก่าจนขาด เมื่อเผาศพเสร็จ จะใช้ท่อนอ้อยทำเป็นตะเกียบคีบกระดูกไปล้างด้วยน้ำขมิ้น ก่อนที่จะนำใส่กระดูกใส่หม้อดินใหม่ที่ปูก้นหม้อด้วยด้ายแดง จากนั้นหมอผีทำพิธีเชิญผีขึ้นบ้าน และทำพิธีปัดรังควานให้แก่ญาติพี่น้องของผู้ตาย สำหรับการฆ่าหมูเพื่อประกอบอาหารในงานศพ จะไม่นำเลือดหมูมาประกอบอาหารอย่างเด็ดขาด เพราะเชื่อว่าจะทำให้มีคนตายอีก (หน้า 42)

Education and Socialization

ไม่ระบุ

Health and Medicine

ไม่มีรายละเอียด กล่าวเพียงแค่การรักษาโรคของไทยทรงดำ อำเภอบางระกำ ใช้สมุนไพร เช่น ใบว่านเปราะ ข้าวสาร ร่วมกับการใช้เวทมนตร์ (หน้า 43)

Art and Crafts (including Clothing Costume)

การแต่งกาย ผู้เขียนกล่าวถึงการแต่งกายตามจารีตโซ่งว่า ปกติผู้ชายนุ่งกางเกงขาสั้นสีดำหรือครามเข้ม เรียกว่า “ส้วงขาเต้น” สวมเสื้อแขนกระบอกยาวสีดำ รัดข้อมือ ผ่าหน้าตลอด ติดกระดุมเงินประมาณ 10-15 เม็ด ผู้หญิงนุ่งผ้าซิ่นสีดำหรือครามเข้มมีลายขาวเป็นทางลงสลับกับดำ เชิงผ้าเป็นขอบกว้างประมาณ 2-3 นิ้ว (ถ้าเป็นม่าย จะเอาเชิงออก) สวมเสื้อแขนกระบอกยาวสีดำรัดข้อมือ ผ่าหน้าตลอด ติดกระดุมเงินประมาณ 9-10 เม็ด แต่ในโอกาสพิเศษ ผู้ชายนุ่งกางเกงขายาวสีดำ เรียกว่า “ซ่วงขาฮี” และสวม “เสื้อฮี” ทำด้วยผ้าฝ้ายย้อมคราม ตัวเสื้อเข้ารูปเล็กน้อย ผ่าหน้าตลอด ยาวถึงสะโพก ด้านข้างของเสื้อผ่าข้างขึ้นมาถึงเอว คอเสื้อเป็นคอกลมติดคอ กุ๊นรอบคอด้วยไหมสีแดง เดินทับด้วยไหมสีแสด สีเขียวและสีขาว คอเสื้อมีกระดุมติดคล้องไว้ 1 เม็ด แขนเสื้อเป็นแขนกระบอกยาว ปักตกแต่งรักแร้และด้านข้างของตัวเสื้อด้วยเศษผ้าไหมสีต่างๆ พร้อมทั้งติดกระจกชิ้นเล็กๆตามลวดลายอย่างงดงาม สำหรับผู้หญิง สวมเสื้อฮีเช่นเดียวกัน แต่เสื้อฮีของผู้หญิง ใหญ่กว่าเสื้อฮีของผู้ชาย ด้านหน้าเป็นคอแหลมลึก ใช้สวมหัว ปักตกแต่งด้านหน้าด้วยเศษผ้าไหมสีต่างๆ แขนเสื้อเป็นแขนกระบอกสามส่วน ปักตกแต่งปลายแขนด้วยไหมสีแดง สีแสด สีเขียว และสีขาว (หน้า 35-36) อย่างไรก็ดีในกรณีชุมชนโซ่ง อำเภอบางระกำ หญิง นุ่งผ้าถุงดำ ลายลงสีขาว มีผ้าดำเป็นแถบคาดอก ไม่ใส่เสื้อ มีผ้าคล้องคอสีต่างๆ ถ้าเป็นงานพิธีจะสวมเสื้อยาวสีดำ ซึ่งปักเป็นลวดลายสวยงาม (บ้างก็ประดับกระจก) ไว้ภายในตัวเสื้อ ส่วนผู้ชาย นุ่งกางเกงขาก๊วย สวมเสื้อแขนสั้น ถ้าเป็นงานพิธีจะสวมเสื้อยาวสีดำเช่นเดียวกับหญิง (หน้า 41-42)

Folklore

ไม่ระบุ

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

ไม่ระบุ

Social Cultural and Identity Change

ไม่ระบุ

Critic Issues

ไม่ระบุ

Other Issues

ไม่ระบุ

Map/Illustration

ตาราง - จำนวนส่วนการปกครองรายอำเภอในจังหวัดพิษณุโลก พ.ศ.2528 (หน้า 65) - พื้นที่ จำนวนส่วนการปกครอง ครัวเรือน และประชากรรายตำบลในอำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก พ.ศ.2526 (หน้า 67) - จำนวนสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาในอำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก พ.ศ.2528 (หน้า 70) - จำนวนสถานีบริการสาธารณสุขในอำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก พ.ศ.2528 (หน้า 71) - รายละเอียดแสดงหลุมเจาะสำรวจน้ำมันดิบในเขตอำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ระหว่างปี พ.ศ.2526-2527(หน้า 73) แผนที่ - แผนที่แสดงการแบ่งเขตจังหวัด (หน้า 76) - แผนที่แสดงการแบ่งเขตอำเภอ จังหวัดพิษณุโลก (หน้า 77) - แผนที่แสดงเส้นทางคมนาคมและการแบ่งเขตตำบล อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก (หน้า 78) ภาพ - การแต่งกายของชาย-หญิงที่แต่งงานแล้ว (หน้า 154) - การแต่งกายของหญิงโสด (หน้า 154) - วิทยากรและบริบทของการประกอบอาหารพื้นบ้านไทยทรงดำ บางระกำ พิษณุโลก (หน้า 155)

Text Analyst สุวิทย์ เลิศวิมลศักดิ์ Date of Report 04 เม.ย 2556
TAG ลาวโซ่ง, ลาวโซ่ง, ไทยโซ่ง, ผู้ลาว, โซ่ง, ไตดำ, ไทยทรงดำ, อาหารพื้นบ้าน, พิษณุโลก, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง