|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ลาหู่,การรักษาพยาบาล,หมอพื้นบ้าน,ภาคเหนือของประเทศไทย |
Author |
สารภี ศิลา, อิฐศักดิ์ ศรีสุโข |
Title |
กลุ่มชาติพันธุ์บนพื้นที่สูง การรักษาเยียวยา ผู้คน ชุมชน และสภาพสิ่งแวดล้อม (ลาหู่) |
Document Type |
เอกสารวิชาการ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ลาหู่ ลาหู่ ละหู่ ลาฮู,
|
Language and Linguistic Affiliations |
จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน) |
Total Pages |
17 |
Year |
2545 |
Source |
สถาบันวิจัยชาวเขา ปีที่ 20 ฉบับที่1/2545 กรมประชาสงเคราห์ กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม |
Abstract |
ลาหู่ มีความเชื่อในอำนาจเหนือธรรมชาติ โดยเชื่อว่า "กื่อซา" เป็นเทพผู้ให้กำเนิดสรรพสิ่งทั้งหมด หากมนุษย์ไม่ทำความดีกื่อซาจะไม่คุ้มครอง ทำให้ผีร้ายกระทำจนเกิดความเจ็บป่วย เมื่อเสียชีวิตจะเกิดเป็นสัตว์กว่า 150 ชนิด จนกว่าจะหมดกรรมจึงจะเกิดเป็นมนุษย์ได้ "ตูโบ" "โตโบ" "ปู่จาร หรือ ปู่จอง" จะเป็นผู้ที่สามารถติดต่อกับกื่อซาได้ นอกจากนี้ยังมีความเชื่อเรื่องผีผู้คุ้มครองซึ่งต้องทำพิธีเซ่นไหว้ หากมีผู้ล่วงเกินจะทำให้เกิดความเจ็บป่วย การรักษาพยาบาลจะมีทั้งการรักษาด้วยพิธีกรรมและการใช้ยาสมุนไพร |
|
Focus |
กระบวนการรักษาพยาบาลแบบพื้นบ้านของกลุ่มชาติพันธ์บนที่สูง ที่มีความเกี่ยวข้องกับระบบนิเวศวิทยา |
|
Ethnic Group in the Focus |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
ลาหู่ หลักฐานเอกสารจีนก่อนครสตวรรษที่ 10 กล่าวว่าลาหู่อยู่ในพวกชางตี่เอี่ยน เดิมอาศัยในที่ราบสูงธิเบต-ชิงไห่ เป็นพวกเร่ร่อน อพยพตามเลี้ยงสัตว์ ลาหู่ได้รวมตัวกันทางดินแดนตะวันตกฉียงใต้มณฑลยูนนาน เมื่อจีนส่งทหารปกครองจึงมีการต่อสู้ และมีบางส่วนอพยพมาสู่พม่า และไทยโดยมาตั้งถิ่นฐานที่อำเภอเวียงป่าเป้า อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงรายเมื่อ 200 ปีที่ผ่านมา (หน้า81) |
|
Demography |
ลาหู่ ในประเทศไทยมี 6 กลุ่มย่อยคือ ลาหู่ญี(มูเซอแดง) ลาหู่นะ(มูเซอดำ) ลาหู่เชเล(มูเซอชาเล) ลาหู่ฟุ(มูเซอขาว) ลาหู่ลาบา(มูเซอลาบา) และลาหู่ชี(มูเซอเหลือง)ที่แบ่งย่อยอีก 2 สาขาคือ ลาหู่ชีบาหลาและลาหู่ชีบาเกียว ลาหู่ลาบาเป็นกลุ่มที่เข้ามาหลังสุด อยู่ในอำเภอแม่สาย อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ลาหู่มีประชากรประมาณ 84,262 คน กระจายตัวในพื้นที่ 7 จังหวัดคือ เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ตาก ลำปาง กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ โดยลาหู่ญีเป็นกลุ่มที่มีประชากรมากสุดประมาณร้อยละ 40 กระจายตัวในจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน (หน้า 82) |
|
Belief System |
ลาหู่ นับถือศาสนาพุทธควบคู่กับการนับถือเทพเจ้ากื่อซา ในชุมชนมีศาสนสถานเรียกว่า "หอเหย่" ซึ่งใช้ประกอบพิธีกรรมทุกวันศีลใหญ่ (ข้างขึ้น ข้างแรม 15 ค่ำทุกเดือน) โดยมี "ปูจอง" เป็นผู้ประกอบพิธีกรรม และมี "แม่จอง" ทำหน้าที่เป็นผู้นำศาสนา กำกับดูแลการประกอบพิธีกรรม พิธีกรรมที่สำคัญคือ พิธีปีใหม่(เดือนกุมภาพันธ์) พิธีทำบุญเข้าพรรษา ออกพรรษา พิธีกินข้าวใหม่ ลาหู่มีความเชื่อเรื่องผี เชื่อว่าผีเป็นผู้ดูแลรักษาธรรมชาติ ต้องเซ่นเพื่อแสดงความเคารพ จะทำอะไรต้องมีพิธีบอกล่าว ผีที่ให้โทษคือ ผีตายโหง ผีปอบ ความเชื่อเรื่องพระเจ้า(กื่อซา) ลาหู่เชื่อว่า กื่อซาเป็นเทพผุ้ให้กำเนิดสรรพสิ่งทั้งหลาย โดยใช้ไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์เนรมิตแผ่นดิน น้ำ ต้นไม้ มนุษย์ และสัตว์ต่างๆ กื่อซามีอิทธิฤทธิ์เหนือภูตผีและสรรพสิ่งในจักรวาล มนุษย์เกิดมาเพราะกื่อซาให้มาเกิด ต้องประพฤติดี ทำดี จะได้ไปอยู่กับกื่อซาเมื่อตาย หากทำไม่ดีต้องเกิดเป็นสัตว์ กล่าวได้ว่ากื่อซาคือ "พระเจ้า" บางครั้งเรียก "อซา" หรือ "สัจจะ" และ "นาเฮาะติ" "นาเฮาะไค" บุคคลที่พระเจ้าเลือกเรียกว่า "กื่อซา ซาจ๊ะ" บุคคลที่มีบทบาทสามารถติดต่อกับเทพเจ้าได้และเป็นผู้นำศาสนาเรียกว่า "ตูโบ" "โตโบ" "ปู่จอง" "ปู่จาร" ส่วนภรรยาซึ่งมีความรู้ด้านการประกอบพิธีกรรมเรียก "แม่จอง" และมี "อาจ่า" "สล่า" "ล่าฉ่อ" ทำหน้าที่ช่วยเตรียมอุปกรณ์ในพิธี ความเชื่อเรื่อง "ขวัญ" หรือ "ออฮา" คือวิญาณหรือพลังแห่งชีวิต ทำให้ร่างกายมนุษย์แข็งแรงและเจริญเติบโต หากถูกทำลายหรือถูกอำนาจภายนอกแทนที่จะทำให้เจ็บป่วยและตาย ขวัญมี 9 ขวัญตามร่างกายคือ ขา แขนทั้ง 2 ข้าง หัว หน้าอก ตา หู ปาก อาการเจ็บป่วยเกิดจากขัญออกจากร่างกายเรียกว่า "ขวัญหาย" (ออฮากุยเตาะเอเว) ถ้าออกหมด 9 ขวัญคือ "ตาย" (เซเว) ต้องรักษาด้วยการ "เรียกขวัญ" ความเชื่อเรื่องผี "เน" เป็นสิ่งมีอำนาจที่อาศัย ดูแลสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวเราอยู่ สามมารถให้ทั้งคุณและโทษขึ้นอยู่กับการประพฤติปฏิบัติในการดำเนินชีวิต ความเชื่อเรื่องบุญ (ออบู) และบาป (เอบา) เชื่อว่าบุญเกิดจากการทำความดี จะนำมาซื่งความสุข 3 ประการคือ อายุยืน ความมั่งคั่งความรักใคร่กลามเกลียว บาปคือสื่งมีดีที่เกิดจากการกระทำ (หน้า 83-86) |
|
Education and Socialization |
|
Health and Medicine |
ลาหู่ สาเหตุความเจ็บป่วย 1. เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ได้แก่โรคทั่วไปที่ชาวบ้านคุ้นเคยเช่น ไข้ ปวดหัว ตัวร้อน ซึ่งสามารถสันนิษฐานสาเหตุได้ด้วยตนเอง (หน้า 87) 2. เกิดจากขวัญออกจากร่างกาย 2.1 ขวัญหนีไปเที่ยว เกิดขึ้นได้กับทุกคน ลาหู่เชื่อว่าบางขวัญหนีไปเที่ยวเมื่อคนหลับ และกลับมาก่อนตื่น บางครั้งกลับมาไม่ทัน หรือหลง หรือติดอยู่ที่อื่น จะทำให้คนนั้นเกิดการอ่อนเพลีย ต้องเรียกขวัญ หรือไปรับขวัญกลับจึงจะหาย(หน้า 87) 2.2 ขวัญออกจากร่างกายเพราะสะดุ้ง ตกใจ เกิดจากเจ้าของขวัญตกใจอย่างกระทันหัน ทำให้ขวัญสะดุ้งตกใจออกจากร่างกาย (หน้า 87-88) 2.3 ขวัญถูกผีรบกวน เกิดจากไปรบกวน ลบหลู่ สถานที่มีผีคุ้มครอง หรือผีร้ายกลั่นแกล้ง หรืออยู่ในสภาวะ "มีเคราะห์" (ออบูมะดะ) ทำให้ขวัญหนีไป (หน้า 88) 3. เกิดขึ้นเพราะกื่อซาลงโทษ เกิดจากการไม่ประพฤติดี ไม่อยู่ในจารีตประเพณี พระเจ้าจึงลงโทษ ดดยการไม่ปกป้องคุ้มครอง และทำให้เจ็บป่วย (หน้า 88) 4. เกิดจากการถูกกระทำคุณไสย คุณไสยไม่มีในวิ๔ชีวอตลาหู่มาก่อน ได้รับอิทธิพลมาจากกลุ่มชาติพันธุ์อื่นเช่น ไทยใหญ่ กะเหรี่ยง จะใช้ในเสกสิ่งของเข้าไปในท้องศัตรู ต้องแก่ไขด้วยคาถาอาคมเท่านั้น (หน้า 88) กระบวนการวินิจฉัยโรค หากเป็นโรคโดยทั่วไปผู้ใหญ่ในครอบครัวสามารถวินิจฉัยโรคได้ หากไม่หายจะพึ่งปู่จอง หรือแม่จองหาสาเหตุ โดยวิธี "แปะห่อตู้นญิเว" คือการจุดเทียนถามสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือกื่อซา อาจทำเพียงครั้งเดียวหรือเวลานานขึ้นอยู่กับการประพฤติตัวที่ผ่านมาของผู้ป่วย โดยปู่จองไม่มีการเรียกร้องค่าตอบแทนใดๆ เป็นการทำบุญ (หน้า 89) หมอพื้นบ้านลาหู่มี 5 ประเภทคือ 1)หมอผี(เน เต ซอ) แปลเป็นภาษาไทยตรงตัวว่า คนทำผี มีบทบาทในการไล่ผี สะเดาะเคราะห์ แต่จำกัดเฉพาะพวกผี ไม่สามารถสื่อสารกับกื่อซาได้ 2)ปู่จอง แม่จอง หรือผู้นำศาสนา เป็นผู้ที่สามารถสื่อสารกับกื่อซาได้ จะใช้การสะเดาะห์เคราะห์ การทำบุญไถ่บาปในการรักษา จะทราบสาเหตุและวิธีการรักษาจากการติดต่อกับกื่อซา 3)หมอสมุนไพร(นะซึ แชผ่า) เป็นผู้ชำนาญในการใช้สมุนไพรรักษา บางครั้งอาจควบคู่ไปกับการบริกรรมคาถา และประกอบพิธีกรรม (หน้า 90) 4)หมอกระดูก เป็นผู้ชำนาญการรักษาเฉพาะโรคกระดูก ซึ่งสาเหตุมักเกิดจากอุบัติเหตุและการทำงานหนัก โดยเป็นทั้งธรรมชาติและการมีเคราห์(ออมูมะดะ) ลาหู่เชื่อว่าโรคกระดูกมีเพียงกระดูกแตก หัก หรือซ้นเท่านั้น การรักษาจะใช้ยาสมุนไหรควบคู่กับการใช้คาถา สมุนไพรที่ใช้เช่น บุกป่า ข้ากล่ำ อ้อยคำ หน่าเก๊าะ มะนิเต(มะบ้า) และเตสิตัว(เผือกดำ) หมอกระดูกจะมีการเรียนรู้จากผู้รู้ในหมู่บ้าน และต้องผ่านการพิจารณาก่อนจึงมีการสอนให้ (หน้า91-95) 5) หมอรักษาโรคเกี่ยวกับอวัยวะภายในร่างกาย ลาหู่เชื่อว่าโรคภายในจะมีอาการ ปวดท้อง ปวดหัว ปวดหน้าอก และเจ็บที่ใจเท่านั้น ซึ่งเกิดจากการมีเคราห์(ออมูมะดะ) โดนกื่อซาลงโทษหรือโดนคุนไสย ต้องทำพิธีสะเดาะเคราะห์ หรือ คุณไสย (หน้า 95) ปัจจุบันหมอรักษาโรคเกี่ยวกับกระดูกและกล้ามเนื้อ หมอรักษาโรคภายใน หมอที่รักษาโดยการเสกเป่ายังคงมีอยู่ในชุมชน โดยรักษาผู้ที่มารับการรักษาโดยตรงเท่านั้น การรักษาโรคเล็กน้อยจะใช้บริการสถานีอานามัย และใช้ยาแผนปัจจุบัน และหากมีอาการรุนแรงจะทำการรักษาที่โรงพยาบาล (หน้า 96-97) วิธีการรักษาพยาบาล การรักษาขึ้นอยู่กับประเภทของโรค หากเจ็บป่วยทั่วไปสามารถรักษาเบื้องต้นได้โดยอาศัยประสบการณ์ หากยังไม่หายจึงจะพบผู้เชี่ยวชาญวินิจฉัยโรค หาสาเหตุและวิธีการรักษา โดยการประกอบพิธีกรรม หรือใช้ยาสมุนไพร (หน้า 88) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
Map/Illustration |
รูปภาพได้ปรากฏอยู่ในส่วนต่างๆ ของบทความ แต่ไม่ได้ระบุชื่อภาพ โดยเป็นภาพวิถีชีวิตของชาวเขาเผ่าต่างๆ ประกอบด้วย หน้าที่ 81-83, 86-87, 89, 92, 94-95 |
|
|