|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ไทใหญ่,ฉาน,การประท้วง,การเมือง,การจัดการทรัพยากร,แม่ฮ่องสอน |
Author |
Nicola Tannenbaum |
Title |
Protest, Tree Ordination, and the Changing Context of Political Ritual |
Document Type |
บทความ |
Original Language of Text |
ภาษาอังกฤษ |
Ethnic Identity |
ไทใหญ่ ไต คนไต,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ไท(Tai) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
19 |
Year |
2543 |
Source |
Ethnology vol.39 no 2 ,The University of Pittsburgh.,p.109-127. |
Abstract |
จากบริบทประวัติศาสตร์การเมืองของไทย ที่มีเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงการปกครอง มีการนองเลือดหลายต่อหลายครั้ง การเรียกร้องต่อสู้ดังกล่าวแพร่หลายลงสู่ระดับรากหญ้า ทำให้ประชาธิปไตยเบ่งบานมากขึ้น เมื่อวิธีคิดประชาธิปไตยเติบโตในพื้นที่ชนบทหรือในกลุ่มชนกลุ่มน้อย นำมาซึ่งการเรียกร้อง การแสดงออกทางการเมือง เช่น การประท้วง การบวชต้นไม้ ซึ่งเป็นพิธีกรรมทางการเมืองที่มีผลนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของชุมชน การประท้วงเรียกร้องทำให้ชาวบ้านเข้าถึงอำนาจรัฐมากขึ้น เข้าถึงสิทธิความเป็นพลเมืองมากขึ้น ในขณะเดียวกันการบวชต้นไม้กลายเป็นพิธีกรรมที่แสดงตัวตน การเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นไทย เป็นพุทธ เป็นชุมชนในรัฐชาติไทยผ่านการบวชต้นไม้ถวายแก่ในหลวง |
|
Focus |
เน้นการศึกษาความสำเร็จในการประท้วงทางการเมืองของหมู่บ้านชาวฉานแห่งหนึ่งในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของไทย และการบวชต้นไม้ของชุมชนเพื่อป้องกันป่าจากการพัฒนา (หน้า 109) |
|
Theoretical Issues |
ผู้ศึกษาได้อธิบายการประท้วงทางการเมืองและการบวชต้นไม้ของชุมชนชาวฉานในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของไทยว่า เป็นกระบวนการทางสังคมที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเรื่องความสัมพันธ์ทางการเมืองศาสนา และเศรษฐกิจ เพราะแต่เดิมชนบทไทยขาดสิทธิในการเรียกร้อง แต่จากบริบททางประวัติศาสตร์การเมืองของไทย ที่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองนำมาสู่ระบอบประชาธิปไตยที่แพร่กระจายสู่พื้นที่ชนบทมากขึ้น การรับรู้ข่าวสาร การเคลื่อนไหวทางการเมืองทำให้มิติเรื่องการเมืองของชาวบ้านเปลี่ยนไป เกิดรูปแบบพิธีกรรมทางการเมืองใหม่ ชาวบ้านเรียกร้องสิทธิผ่านพิธีกรรมทางการเมืองอย่างการประท้วง คัดค้าน การบวชต้นไม้ ที่ทำให้ความสัมพันธ์ของชุมชนกับอำนาจรัฐเปลี่ยนไป ในขณะเดียวกันชาวบ้านในชุมชนต้องปรับตัวต่อบริบททางการเมืองใหม่ ด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น การรับการศึกษาในระบบสมัยใหม่ โดยที่พิธีกรรมทางการเมืองทั้งการประท้วง การบวชต้นไม้เป็นการแสดงตัวตนการเป็นพลเมืองไทย เป็นส่วนหนึ่งของรัฐชาติไทย (หน้า 123) |
|
Ethnic Group in the Focus |
กลุ่มชาติพันธุ์ ที่ "Thongmakhsan" ซึ่งอยู่ในบริเวณทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศไทย (หน้า 110) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ไม่ได้ระบุไว้ชัดเจน แต่จากบริบทตีความได้ว่า ชาวฉานที่ "Thongmakhsan" อาจจะมีที่พูดภาษาไทยภาคกลางไม่ได้อย่างผู้ใหญ่บ้านคนก่อน |
|
Study Period (Data Collection) |
ผู้ศึกษาได้ศึกษาเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ทางการเมืองตั้งแต่ ปี ค.ศ.1932 ซึ่งเกิดการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองในประเทศไทย จนถึงเหตุการณ์ทางการเมืองช่วงปี ค.ศ.1973 - 1976 และช่วงเวลายุค 1990 (1990-1999) (หน้า 112) |
|
History of the Group and Community |
|
Demography |
จากสถานการณ์ทางการเมืองของสหภาพพม่าประกอบกับการก่อสร้างบ่อเหมือง ทำให้ชาวฉานในชุมชนชาวฉานบ้าน "Thongmakhsan" เพิ่มมากขึ้นมีครัวเรือนประมาณ 65 ครัวเรือน (เป็นผู้อาศัยถูกกฎหมาย 250 คน) เพราะว่านักธุรกิจได้ว่าจ้างผู้ลี้ภัยมาจากรัฐฉาน (หน้า 110-111) |
|
Economy |
ทำการเกษตร เก็บของป่าและรับจ้างทำเหมือง |
|
Political Organization |
มีความขัดแย้งเกิดขึ้นในหมู่บ้านในปี ค.ศ.1996 โดยเกิดจากการก่อสร้างบ่อเหมืองของนักธุรกิจ ที่ผู้ใหญ่บ้านยินยอมให้ทำ แต่บ่อเหมืองจะทำให้น้ำในแหล่งน้ำของชาวบ้านเต็มไปด้วยฝุ่น ไม่สามารถนำมาบริโภคได้ ความขัดแย้งดังกล่าวนำไปสู่การเรียกร้องประท้วงต่อเจ้าหน้าที่ทางราชการของจังหวัด มีการเรียกร้องให้สภาจังหวัดตัดสินใจความขัดแย้ง มีการทำโปสเตอร์ ล่าลายเซ็นเรียกร้องคัดค้าน โดยการนำของชาวบ้านหนุ่มสาว คนที่มีการศึกษา องค์กรเอกชนเข้าร่วมประท้วง ชาวบ้านเรียนรู้การประท้วงจากสื่อต่าง ๆ มีการจัดอบรมเพิ่มทักษะ โดยมีจุดประสงค์ในการสร้างเครือข่ายชุมชน ในการจัดอบรมเน้นหนักเรื่องเหตุการณ์ต่าง ๆ ในประเทศไทย โอกาสในการเป็นพลเมือง การมีส่วนร่วมของคนไทย แม้ว่าพวกเขาจะเป็นชนกลุ่มน้อยก็ตาม การจัดอบรมนี้ทำให้ชาวบ้านกับรัฐมีความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไป มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมากขึ้น ผ่านการจัดอบรมจากเจ้าหน้าที่รัฐ เช่น ปศุสัตว์ สุขภาพอนามัย ในขณะเดียวกัน การเมืองท้องถิ่นก็มีการเปลี่ยนแปลง นักการเมืองรุ่นใหม่ได้รับการยอมรับ สนับสนุนให้เข้ามาทำงานแทนนักการเมืองรุ่นเก่าโดยผ่านพิธีกรรมทางกาเมืองระบอบประชาธิปไตย ซึ่งคือการเลือกตั้ง คนหนุ่มสาวที่มีแนวคิดเรื่องประชาธิปไตย เป็นคนสนับสนุนการประท้วงคัดค้านจะเป็นคนที่ชาวบ้านเลือกเข้ามาเป็นผู้แทนของตน นอกจากการประท้วงแล้ว การบวชต้นไม้ก็เป็นพิธีกรรมทางการเมืองอย่างหนึ่ง การบวชต้นไม้เกิดจากควาามต้องการที่จะให้พระสงฆ์ไปพัฒนาพื้นที่ยากจน ปรับปรุงคุณภาพสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิต และทำให้คนกลุ่มที่อยู่ห่างไกลกลายเป็นคนไทย ดังนั้น การบวชต้นไม้ซึ่งอาจมองว่าเป็นพิธีกรรมทางศาสนาพุทธก็มีนัยยะของความเป็นพิธีกรรมทางการเมืองซ่อนอยู่ เช่น การเกี่ยวพันกับการเฉลิมฉลองครบระยะสองร้อยปีของราชวงศ์จักรี ในปี ค.ศ.1982 การบวชต้นไม้จึงเป็นพิธีรักษาป่า ที่เกิดขึ้นทั้งที่พื้นที่ราบและพื้นที่สูง การบวชต้นไม้ของคนที่ราบเพื่อแสดงความเป็นชาวพุทธและความเป็นเจ้าของประเทศ เจ้าของทรัพยากร ในขณะที่ คนบนที่สูงไม่ใช่ชาวพุทธแต่การบวชต้นไม้เป็นส่วนหนึ่งของการคัดค้านการสร้างท่อก๊าวยาดานา (Yadana) ที่เป็นการซื้อก๊าซธรรมชาติจากพม่ามายังไทย ซึ่งต้องตัดต้นไม้จำนวนมาก แม้ว่าการบวชต้นไม้จะเป็นรูปแบบหนึ่งของการจัดการทรัพยากรบนพื้นฐานพุทธศาสนา แต่ในทางปฏิบัติกลับถูกมองว่าเป็นการกระทำที่เป็นคอมมิวนิสต์ พระนักกิจกรรมบางคนถูกจับกุม แต่ต่อมาการบวชต้นไม้ก็ได้รับการยอมรับ โดยมีทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมงานด้วย เช่น มูลนิธิเพื่อการพัฒนาแม่ฮ่องสอน คณะกรรมการพัฒนาบนที่สูง ไทย-เยอรมัน องค์กรเอกชน องค์กรรัฐ (หน้า 110-111, 114-116, 118, 120) |
|
Belief System |
การบวชต้นไม้เป็นการจัดการโดยพระ เป็นส่วนหนึ่งของการประท้วงคัดค้านความทันสมัย ทุนนิยม และการพัฒนาที่จะทำลายคุณค่าของขนบประเพณีและวิถีชีวิตของชาวบ้าน การบวชต้นไม้จึงเป็นยุทธศาสตร์และการเคลื่อนไหวอนุรักษ์ป่า โดยพระเพื่อต้องการที่จะเพิ่มทรัพยากรของพื้นที่ชนบทและระบบนิเวศบนพื้นฐานพุทธศาสนา พิธีกรรมมีการสวดและผูกผ้าเหลืองรอบต้นไม้ เหมือนพระสงฆ์ ดังนั้น ชาวบ้านจึงดูแลต้นไม้ประหนึ่งว่าเป็นพระสงฆ์ การบวชต้นไม้เริ่มต้นจาการทำกองกฐินที่วัดในหมู่บ้าน มีการสวดบูชาแสดงความเคารพภูติผี ด้วยการจุดเทียน ธูปบูชาพระรัตนตรัย โดยชุมชนชาวฉานมีพิธีกรรมหลัก 3 พิธีคือ 1. พิธีที่วัดพุทธ บูชาเสาเมือง (the Lord of the Land - Tsao Muong) ซึ่งเป็นหัวใจของหมู่บ้าน ซึ่งจะมีการฉลองอย่างน้อย 1 ครั้งต่อปี พิธีนี้เป็นการแสดงตัวตนของชุมชนในฐานะเมืองเล็กๆ ครัวเรือนแต่ละครัวเรือนจะนำตะกร้าใส่ข้าวที่สีแล้ว น้ำมันตะเกียง ไม้ขีดไฟ ตาเหลว (taa liaw) เพื่อนำไปบูชาหัวใจหมู่บ้าน 2. พิธีสร้างขอบเขตของครัวเรือนและที่นา ที่อยู่อาศัยและคอกเลี้ยงสัตว์ ซึ่งเป็นพิธีที่แสดงความเป็นอิสระทางการปกครอง 3. พิธีฉลองการบวชต้นไม้จัดบนเหตุผลที่ต่างกัน หนึ่งในสาเหตุคือเพื่อแสดงความเป็นชาติทางการเมือง เป็นพลเมืองไทยและความเป็นพุทธศาสนิกชน บ่งบอกความเป็นชุมชน พิธีกรรมนี้เกิดจากภายนอก โดยการนำมาของพระสงฆ์ผู้ที่จะเข้าร่วมต้องเป็นคนในหมู่บ้านที่อาศัยมายาวนาน ผู้ลี้ภัยจากรัฐฉานไม่ได้เข้าร่วมพิธีกรรมด้วย (หน้า 109, 116-117, 120-122) |
|
Education and Socialization |
มีการเคลื่อนไหวของวัฒนธรรมชุมชน โดยเน้นที่ภูมิปัญญาชาวบ้านเพื่อนำมาใช้สร้างชุมชนและแก้ปัญหา นอกจากการศึกษานอกระบบแล้ว การศึกษาในระบบโรงเรียนจัดตั้งขึ้นกลางยุค 60 มีการสอนภาษาไทย ภาษาประจำชาติ แต่ต้องปิดไปเนื่องจากมีเด็กน้อย เด็ก ๆ จึงเรียนที่โรงเรียนในตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ซึ่งมีการสอนภาษาไทยภาคกลาง โดยการเพิ่มขึ้นของความรู้เป็นส่วนหนึ่งของการเป็นสังคมรัฐชาติ ที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวอย่างที่ปรากฎเช่นการประท้วง และการบวชต้นไม้ (หน้า 117, 122) |
|
Health and Medicine |
ในพิธีกรรมเลี้ยงผีเมืองจะมีการต้มเหล้าซึ่งชาวบ้านจะถือว่าเหล้าเป็นยาไม่ทำให้เมา นอกจากนี้ในป่าชุมชนยังมีพันธุ์พืชหลายชนิดที่เป็นยาสมุนไพร (หน้า 119, 121) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
หมู่บ้านชาวฉานไม่ได้เป็นหมู่บ้านเดียวที่มีการเปลี่ยนแปลงในโครงร่างการเมือง กะเหรี่ยงก็มีการเรียกร้องที่จะป้องกันสิ่งแวดล้อมตามแนวทางขนบธรรมเนียมกะเหรี่ยงเช่นกัน เหมือนกับเมี่ยนในพะเยา (หน้า 123) |
|
Social Cultural and Identity Change |
การเปลี่ยนแปลงระบบการเมืองการปกครองส่วนกลาง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการเมืองท้องถิ่น เริ่มจากชาวบ้านเลือกพ่อหลวงบ้าน จากที่แต่เดิมมาจากการเลือกจากเจ้าหน้าที่อำเภอ ชาวบ้านเลือกผู้แทนสภาผู้แทนจังหวัดซึ่งจากเปลี่ยนแปลงด้านการศึกษาที่เป็นการศึกษาสมัยใหม่ การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ที่มีการเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจเรื่องประชาธิปไตยผ่านสื่อ ผ่านเหตุการณ์ทางการเมืองต่าง ๆ ทำให้ชาวบ้านหนุ่มสาวเข้ามามีบทบาททางการเมืองมากขึ้น (หน้า 112-113) |
|
|