สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ม้ง,การเมือง,สังคม,ประเทศลาว,ประเทศไทย
Author อุดมชัย องคสิงห
Title ชาวเขาเผ่าม้งกับความมั่นคงแห่งชาติ
Document Type รายงานการวิจัย Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity ม้ง, Language and Linguistic Affiliations ม้ง-เมี่ยน
Location of
Documents
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร Total Pages 138 Year 2539
Source วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร
Abstract

งานเขียนกล่าวถึงการศึกษานโยบายของรัฐที่เกี่ยวกับม้งเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาม้งในประเทศไทยที่เกิดขึ้นตั้งแต่อดีตจนถึงทุกวันนี้ซึ่งกลุ่มประชากรศึกษาได้แก่ ม้งที่อยู่ในภาคเหนือ12 จังหวัดได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน น่านฯลฯในภาคอีสานทีจังหวัดเลย และม้งอพยพจากประเทศลาวที่เข้ามาหลังจากที่ลาวเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบคอมมิวนิสต์ โดยกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะมาอยู่ที่สำนักสงฆ์ถ้ำกระบอก อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี จากการศึกษาพบว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นจากม้งตั้งแต่อดีตจนถึงทุกวันนี้ได้แก่ ม้งร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ต่อสู้กับกองกำลังฝ่ายรัฐบาลไทย ที่เกิดขึ้นในภาคเหนือ เมื่อ พ.ศ.2510 -2528 ,ปัญหาการทำลายสภาพสิ่งแวดล้อม ,ปัญหาหลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ได้แก่กลุ่มม้งอพยพที่อยู่สำนักสงฆ์ถ้ำกระบอกที่มี 20,000 กว่าคน, การไม่ทำตามกฎหมาย , คุกคามคนพื้นราบ ก่ออาชญากรรม เรียกร้องการได้สัญชาติทั้งๆที่หลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย, สะสมอาวุธ,ขบวนการต่อต้านลาวหรือ “ขตล. ซึ่งก่อให้เกิดความหวาดระแวงจากรัฐบาลลาวว่าไทยจะให้ความสนับสนุน ฯลฯ

Focus

ศึกษาวิเคราะห์นโยบายของรัฐเกี่ยวกับม้ง เพื่อแสวงหาแนวทางที่เหมาะสมในการปฏิบัติต่อม้งในประเทศไทย และเป็นแนวทางในการกำหนด รูปแบบ การกำกับดูแล ติดตามประเมินผลการดำเนินงานของหน่วยงานราชการเกี่ยวกับม้ง ให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐและเสนอยุทธศาสตร์ สำหรับการแก้ปัญหาม้ง ที่เหมาะสมในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 8 และในระยะยาว เพื่อให้เกิดความมั่นคงในชาติอย่างถาวรและอาจนำไปใช้กับชาวเขาเผ่าอื่นๆได้ (หน้า ค)

Theoretical Issues

ไม่มี

Ethnic Group in the Focus

ม้งในประเทศไทยและประเทศลาว

Language and Linguistic Affiliations

ม้งสามารถพูดได้หลายภาษาและเรียนรู้ภาษาของกลุ่มชาติพันธุ์อื่นได้อย่างรวดเร็ว เช่น กะเหรี่ยงมาทำงานรับจ้างในไร่ของม้ง ม้งก็สามารถพูดกะเหรี่ยงได้เป็นอย่างดี ส่วนในพื้นที่ที่มีถิ่นมาทำงานด้วย ม้งก็พูดภาษาถิ่นได้อย่างคล่องแคล่ว ส่วนม้งที่อยู่ในเขตจังหวัดน่านจะพูดภาษามลาบรี(ผีตองเหลือง)และมีม้งอีกจำนวนมากที่เก่งภาษาจีนฮ่อ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป (หน้า 54)

Study Period (Data Collection)

ตุลาคม 2539 -มีนาคม 2540 (หน้า 4)

History of the Group and Community

ม้งเข้ามาในประเทศไทยเมื่อประมาณ 70 ปีที่แล้ว ซึ่งส่วนมากอพยพมาจากประเทศลาว บางส่วนอพยพมาจากประเทศพม่า ม้งในไทยเพิ่มจำนวนมากขึ้น หลังประเทศลาวเปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบคอมมิวนิสต์ เมื่อ พ.ศ. 2519 สำหรับการอพยพเข้ามาในไทยของม้ง ประกอบด้วยครั้งสำคัญดังนี้ เมื่อ 70-80 ปีที่แล้ว ม้งอพยพ การปราบปรามในประเทศจีน แล้วอพยพเข้าเขตประเทศเวียดนาม ต่อมาเมื่อถูกเวียดนามผลักดัน ม้งส่วนหนึ่งจึงอพยพเข้ามาประเทศไทยในพื้นที่ จังหวัดเชียงราย พะเยา และน่าน สำหรับกลุ่มที่อพยพ จากพม่าจะเข้ามาประเทศไทยทางจังหวัดตากกับแม่ฮ่องสอน เมื่ออยู่หลายปีจึงอพยพไปอยู่ในพื้นที่ภูเขาในภาคเหนืออีกหลายจังหวัด ซึ่งจากการสำรวจจำนวนประชากรระหว่าง พ.ศ.2508-2509 ประชากรม้งในไทยมีจำนวน 50,000 คน (หน้า 1) และระหว่าง พ.ศ.2518-2519 เมื่อประเทศในอินโดจีน เช่น เวียดนาม กัมพูชาและลาวปราชัยแก่ฝ่ายคอมมิวนิสต์ ม้งจำนวนมากจึงอพยพเข้าประเทศไทยในหลายจังหวัด (หน้า 1) ซึ่งจากการสำรวจเมื่อ พ.ศ.2539 มีม้งในไทยกว่า 2 แสนคน (หน้า 2) สำนักสงฆ์ถ้ำกระบอก บ้านถ้ำกระบอก ตำบลขุนโขลน อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ก่อตั้งครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.2500 เมื่อก่อนนี้แม่ชีเมี้ยนกับหลวงผู้พัน ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลถ้ำกระบอก ความเป็นมาเรื่องการรักษาผู้ติดยาเสพติดมาจากที่แม่ชีเมี้ยนออกธุดงค์ไปภาคเหนือ และได้รักษาม้งที่ติดยาเสพติดจนหาย จึงทำให้ม้งซาบซึ้งใจจึงได้เดินทางมารักษาที่สำนักสงฆ์ถ้ำกระบอก ภายหลังพระจำรูญ ปานจันทร์ กับพระเจริญ ปานจันทร์ ผู้เป็นน้องได้ดูแลสำนักสงฆ์ถ้ำกระบอกรวมทั้งรับการรักษาคนที่ติดยาเสพติด พ.ศ.2503 ทางการได้ซื้อที่ดินและสร้างอาคารถวายวัด จึงทำให้มีผู้เข้ามาขอรับการรักษาเพิ่มมากขึ้น กระทั่ง พ.ศ.2518 พระจำรูญ ปานจันทร์ได้รับรางวัลแมกไซไซ สาขาด้านบริการชุมชน จากประเทศฟิลิปปินส์ ส่วนม้งลาวอพยพที่มาอยู่ที่นี่เพราะไม่อยากกลับไปอยู่ประเทศลาวหรือถูกส่งไปประเทศที่สาม (หน้า 71) ปัจจุบัน มีพระ เณร ประมาณ 150 รูป แม่ชีกับฆราวาสที่อยู่ในวัด ประมาณ 100 คน และคนที่มาขอรับการรักษากว่า 300 คน สำนักสงฆ์ถ้ำกระบอกมีเนื้อที่ประมาณ 800 ไร่ (หน้า 72)

Settlement Pattern

บ้านพักม้งในสำนักสงฆ์ถ้ำกระบอก ที่อยู่มีความแออัด สร้างเป็นแถวติดกัน วัสดุที่สร้างได้แก่ไม้ไผ่และไม้จริง มุงด้วยหญ้าแฝก สังกะสีและกระเบื้อง แต่ละหลังจะอยู่ประมาณ 6 คน (หน้า 75)

Demography

ประชากรม้ง ในภาคเหนือ มีม้ง 110,921 คน เป็นผู้ชาย 55,574 คน และเพศหญิง 55,347 คน โดยตั้งที่อยู่อาศัยในหลายจังหวัดเช่น จังหวัดกำแพงเพชร เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง สุโขทัย พะเยา ตาก น่าน พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และแพร่ (ข้อมูล พ.ศ.2539 หน้า 6) และในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ที่อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย 700 กว่าคน และม้งถ้ำกระบอกมีจำนวน 20,000 กว่าคน (หน้า 7)

Economy

ปฏิทินการทำงานและประเพณีในรอบปีของม้ง ม้งทำอาชีพเกษตรกรรมแบบไร่หมุนเวียนเป็นหลัก โดยจะถางป่า เผาป่า แล้วปลูกพืช เมื่อดินหมดความสมบูรณ์ก็จะไปบุกเบิกที่ดินทำกินแห่งใหม่ส่วนพืชที่ปลูก ได้แก่ ข้าว ข้าวโพด ฝิ่นและอื่นๆ สำหรับการทำงานในรอบปีมีดังนี้ (หน้า 52) มกราคม เริ่มกรีดฝิ่น ถางพื้นที่เพื่อเตรียมทำไร่ กุมภาพันธ์-มีนาคม กรีดฝิ่นคัดเมล็ดฝิ่นไว้ปลูก เตรียมพื้นที่ทำไร่ (หน้า 52) เมษายน เผาไร่ เริ่มปลูกข้าวโพด ข้าว ข้าวฟ่าง ฟักทอง ฯลฯ (หน้า 53) พฤษภาคม ปลูกพืชไร่เช่น มัน อ้อย แตง ผักกาด บ้านที่ทำนาก็จะตกกล้า มิถุนายน ไถนา ปลูกข้าวไร่ กำจัดวัชพืช กรกฎาคม ปลูกข้าว และกำจัดวัชพืชในไร่ข้าวโพด สิงหาคม-กันยายน เตรียมที่ดินสำหรับปลูกฝิ่น ตุลาคม หว่านฝิ่น เกี่ยวข้าวไร่ พฤศจิกายน เก็บเกี่ยวข้าว (หน้า 53) ธันวาคม ออกสำรวจเพื่อหาพื้นที่เหมาะกับการเพาะปลูก (หน้า 52) สำหรับการทำงานเพาะปลูกในแต่ละพื้นที่นั้นมีความแตกต่างกันเรื่องรายละเอียดรวมทั้งเทคโนโลยีต่างๆ ที่นำมาใช้ด้านการทำการเกษตร (หน้า 53) อาหาร ม้งมีความเชื่อที่เกี่ยวกับอาหารในลักษณะต่างๆ เช่นในกลุ่มที่เป็นเด็ก ไม่ให้กินหัวไก่เพราะจะทำให้เป็นคนหัวแข็ง กินกระเพาะกับตับไม่ดีเพราะจะทำให้โง่ ไม่ให้กินเลือดไก่เพราะจะทำให้หน้าแดง กินไส้ก็ไม่ดีเพราะจะถูกจับถูกมัด ไม่ให้กินนกซิดุ๊(นกตัวเล็กๆ สีดำ) เพราะถ้าโตเป็นผู้ใหญ่จะได้เดินทางไปโน่นไปนี่ไม่อยู่ติดบ้าน ฯลฯ (หน้า 57) เศรษฐกิจของม้งที่อยู่สำนักสงฆ์ถ้ำกระบอก อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี สำนักสงฆ์ถ้ำกระบอกจะเก็บค่าเช่าที่พักกับม้งอพยพ โดยจะคิดค่าเช่าตารางเมตรละ 200 บาท ส่วนการทำทะเบียนม้ง (คล้ายทะเบียนบ้าน) และออกบัตรประจำตัวชั่วคราว จะระบุว่าม้งมารับการรักษาการติดยาเสพติดและติดรูปถ่ายพร้อมประทับลายนิ้วมือที่บัตร (หน้า 75) ม้งส่วนมากจะทำงานโรงงานและเป็นลูกจ้างในไร่ ในพื้นที่จังหวัดสระบุรี (หน้า 75) ลพบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา เป็นต้น สำหรับค่าแรงจะอยู่ระหว่าง 120-200 บาท สำหรับงานที่ทำ ได้แก่ รับจ้างเก็บข้าวโพด ทำความสะอาด ขนดิน เป็นเด็กปั๊ม ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ส่วนงานที่ทำในพื้นที่สำนักสงฆ์ ได้แก่ เป็นช่างเงิน ช่างทอง เย็บเสื้อผ้า ค้าขาย ปลูกผักและเลี้ยงสัตว์ ฯลฯ บางส่วนจะมีรายได้จากญาติพี่น้องที่เดินทางไปอยู่ประเทศที่สาม ได้แก่ สหรัฐอเมริกา แคนาดา ฝรั่งเศส เป็นต้น ส่งเงินมาช่วยเหลือ (หน้า 76)

Social Organization

ความสัมพันธ์ทางสังคม การทำงานช่วยเหลือกันไม่ค่อยมี ไม่มีการลงแขกในการทำงาน เพราะแต่ละคนต้องดิ้นรนทำงานหาเลี้ยงชีพของตนเอง (หน้า 45)ม้งค่อนข้างมีไหวพริบและชอบสนับสนุนให้ลูกเรียนหนังสือ บุคคลิกเป็นคนสุภาพแต่ถ้าถูกข่มเหงก็จะเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวตอบโต้กลับได้อย่างทันท่วงที ม้งค่อนข้างมีอารมณ์ละเอียดอ่อน และจะไม่ยอมเสียหน้าง่ายๆ เพราะถ้าถูกคนอื่นทำให้ขายหน้า ม้งอาจแก้ปัญหาด้วยความรุนแรง เช่นในกลุ่มหนุ่มสาวถ้าถูกกีดกันในความรักก็อาจมีการฆ่าตัวตาย ในสังคมจะมีการสืบสกุลทางฝ่ายชาย ลูกชายจะเป็นผู้สืบทอดด้านการประกอบพิธีกรรมจากพ่อ ฯลฯ (หน้า 46) การแต่งงาน หนุ่มสาวม้งจะไม่เกี้ยวพาราสีกันต่อหน้าญาติผู้ใหญ่เพราะจะถือเป็นการไม่เคารพนับถือ และห้ามเกี้ยวพาราสีคนแซ่ สกุลเหมือนกัน(หน้า 56) กรณีหนุ่มสาวชอบพอกัน ผู้ชายจะรอให้พ่อแม่ของฝ่ายหญิงนอนหลับก่อน แล้วจึงแอบไปเรียกผู้หญิงที่ด้านนอกของบ้านเพื่อขอให้ผู้หญิงออกมาพบที่นอกบ้าน ถ้าหากหญิงชายได้เสียกันก่อนแต่งงานก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติในสังคมม้ง แต่ไม่ให้หนุ่มสาวมีความสัมพันธ์ทางเพศกันในบ้านก่อนที่จะจัดพิธีแต่งงานเพราะเชื่อว่าจะทำให้ผีเรือนไม่พอใจ สำหรับการแต่งงานแบ่งออกเป็นแบบต่างๆ ดังนี้ (หน้า 50) การแต่งงานด้วยวิธี “การฉุด“ ส่วนใหญ่จะเป็นการสมยอมของทั้งสองฝ่าย การฉุดจะทำพอเป็นพิธีเท่านั้นคือ ผู้ชายกับเพื่อน 2-3 คนจะไปที่บ้านฝ่ายหญิง เมื่อเห็นผู้หญิง อยู่นอกบ้าน ก็จะเข้าไปฉุดหนีไป ถ้าหากญาติฝ่ายหญิงที่เป็นผู้ชายเห็นจะไม่เข้าไปช่วยเหลือ ญาติผู้หญิงอาจเข้าไปช่วยพอเป็นพิธีเท่านั้น เมื่อฉุดผู้หญิงไปแล้วผู้ชายจะพาไปที่บ้านของตนหรือบ้านญาติที่มีแซ่สกุลเหมือนกัน การฉุดนี้จะถือว่าเป็นโมฆะก็ต่อเมื่อผู้หญิงหนีกลับบ้าน การฉุดที่ประสบผลสำเร็จในช่วง 3 วัน ผู้ชายกับญาติจะไปขอขมาพ่อแม่ของผู้หญิงและตกลงค่าสินสอดที่ฝ่ายชายจะต้องเสียให้พ่อแม่ฝ่ายหญิงซึ่งเรียกว่า “หยัวกอปู้” หรือ “หยัวป้อเหนียะ” ซึ่งหมายถึง ”การซื้อภรรยา” เมื่อจ่ายเงินค่าสินสอดเรียบร้อยแล้วก็ถือว่าจบพิธีการแต่งงาน (หน้า 50) การแต่งงานโดยให้ผู้ใหญ่ไปสู่ขอ มักมาจากความสมัครใจของทั้งสองฝ่ายและมักเป็นแซ่สกุลที่มีความสนิทชิดเชื้อกัน (หน้า 51) การแต่งงานที่มาจากการหมายหมั้นไว้ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายที่ตกลงหมั้นหมายลูก ฝ่ายชายจะให้เหล้า เสื้อและเงินจำนวนหนึ่งเพื่อมอบเป็นของหมั้นให้กับฝ่ายหญิง การแต่งงานแบบานี้ถ้าต่อมาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเปลี่ยนใจไปแต่งงานกับคนอื่น ซึ่งฝ่ายที่ไม่รักษาสัญญาจะถูกปรับเงินจำนวนมาก (หน้า 51) การแต่งงานที่เรียกว่า “ขึ้นเขย” คือกรณีที่ฝ่ายชายเป็นคนกำพร้าหรือยากจน ส่วนพ่อแม่ของฝ่ายหญิงก็ไม่มีลูกชาย ก็จะรับชายหนุ่มมาเป็นลูกเขยหรือเรียกว่า “ขึ้นเขย” โดยจะให้ชายหนุ่มมาอยู่บ้านฝ่ายหญิง ช่วยทำงานในไร่นาหารายได้ช่วยฝ่ายหญิงการแต่งงานแบบนี้ไม่ต้องเสียค่าสินสอดให้กับฝ่ายหญิง (หน้า 51)

Political Organization

ม้งกับความมั่นคงของไทย จากการศึกษาพบว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นจากม้งตั้งแต่อดีตจนถึงทุกวันนี้ได้แก่ 1) ม้งร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ต่อสู้กับกองกำลังฝ่ายรัฐบาลไทย ที่เกิดขึ้นในภาคเหนือ เมื่อ พ.ศ.2510 ถึง พ.ศ. 2528 (หน้า ข ภาพหน้า66) 2) ปัญหาการทำลายสภาพสิ่งแวดล้อม ได้แก่ ทำไร่เลื่อนลอยในเขตป่าสงวนและป่าต้นน้ำ (หน้า ข ภาพหน้า67-70) 3) ปัญหาหลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมาม้งจากกลุ่มประเทศอินโดจีนได้หลบหนีเข้ามาในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก และที่ยังไม่สามารถสำรวจได้มีอีกว่า 20 % และม้งที่หลบหนีเข้ามาเป็นจำนวนมาก ได้แก่ กลุ่มม้งอพยพที่อยู่สำนักสงฆ์ถ้ำกระบอกที่มีจำนวน 20,000 กว่าคน (หน้า ข ภาพสำนักสงฆ์ถ้ำกระบอก อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี หน้า 73) 4) การไม่ทำตามกฎหมาย ได้แก่ การบุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติ แหล่งต้นน้ำ, คุกคามคนพื้นราบ ก่ออาชญากรรม (หน้า 79) เรียกร้องการได้สัญชาติทั้งๆที่หลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย, สะสมอาวุธสงครามเนื่องจากมีม้งบางกลุ่มเคยร่วมมือกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยมาก่อน,ปลูกพืชเสพติด (หน้า ข) และค้ายาบ้า (หน้า ค ภาพหน้า 82,86) 5) ขบวนการต่อต้านลาวหรือ “ขตล. นำโดยนายพลวังเปา โดยมีจุดประสงค์เพื่อต่อต้านรัฐบาลลาว ซึ่งก่อให้เกิดความหวาดระแวงจากรัฐบาลลาวว่าไทยจะให้ความสนับสนุนขบวนการเหล่านี้ (หน้า ค ภาพหน้า 94-95,97-99)

Belief System

ความเชื่อ ม้งนับถือผี โดยเชื่อว่าผีจะอยู่ทุกหนทุกแห่งเช่น ต้นไม้ ภูเขา นา ไร่ และอื่นๆ หมอผี(มีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย) เป็นผู้ทำหน้าที่ติดต่อกับผี คนที่มาเป็นหมอผีนั้นได้รับการสืบทอดจากปู่ย่าตายายและได้รับการคัดเลือกจากผีด้วย หมอผีมีหน้าที่รักษาคนที่เป็นไข้ไม่สบาย ดูดวง ปลุกเสกเครื่องรางของขลังและอื่นๆ ดังนั้นม้งจึงนับถือและเคารพหมอผีเป็นอย่างมาก (หน้า 62) ประเพณีฉลองปีใหม่ ปีใหม่ม้งเรียกว่า “น่อเป๊โจ่วฮ์” แปลว่า “ กินสามสิบ” โดยม้งจะนับเวลาตามจันทรคติเริ่มจากขึ้น 1 ค่ำ จนถึง 30 ค่ำ พอครบ 30 ค่ำก็จะนับเป็น 1 เดือน ซึ่งวันสุดท้ายหรือ “30 ค่ำ” ของเดือน12 ของปีจึงเป็นวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ สำหรับการฉลองวันปีใหม่ม้งจะอยู่ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-มกราคม ในวันนี้หัวหน้าครอบครัวจะประกอบพิธีเพื่อความร่มเย็นเป็นสุขของคนในครอบครัว และถัดจากวันส่งท้ายปีเก่า 3 วัน (วันขึ้น 1 ค่ำ,2 ค่ำ และ 3 ค่ำ) จึงจะฉลองวันปีใหม่ ในวันปีใหม่จะหยุดงาน 3 วัน ม้งทั้งชายหญิงจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม กลุ่มผู้ชายก็จะรวมกลุ่มกันเล่นลูกข่าง ส่วนคนหนุ่มสาวก็จะจับคู่โยนลูกช่วง (เย็บด้วยผ้าสีดำเป็นลูกบอลขนาดย่อมด้านในใส่เศษผ้าเอาไว้) หากมีการเดิมพัน คนที่แพ้จะถูกปรับเป็นสิ่งของที่นำติดตัวมาได้แก่ แหวน กำไล เป็นต้น สำหรับคนที่ชนะจะนำสิ่งของที่เก็บไว้นั้นมาคืนในตอนค่ำหลังจากมีการร้องเพลงโต้ตอบกันแล้ว (หน้า 48) งานศพ กรณีเป็นเด็กอายุไม่ถึง 3 วันถ้าตายจะฝังอย่างเรียบง่ายไม่มีพิธีซับซ้อน อต่ถ้าอายุเลย 3 วันก็จะจัดพิธีตามประเพณี (หน้า 51) ถ้าเป็นผู้ใหญ่ถ้าเสียชีวิต ญาติๆที่มาช่วยงานก็จะเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ผู้ตาย (หน้า 51) การประกอบพิธีจะฆ่าไก่เพราะเชื่อว่าไก่ที่ฆ่าจะพาวิญญาณคนตายไปเมืองผี ขณะที่ทำพิธีญาติผู้หญิงก็จะสลับสับเปลี่ยนมานั่งแสดงความเสียใจร้องไห้อยู่ที่ข้างโลงศพ ซึ่งจะตั้งศพไว้ที่บ้านไม่น้อยกว่า 3 วันซึ่งบางครั้งอาจจะถึง 10 กว่าวันก็มี เมื่อจะหามศพไปฝังที่ป่าช้าจะหามศพไว้บนแคร่ สำหรับโลงจะนำไปประกอบที่หลุม (หน้า 52) การหามศพต้องหามอ้อมหมู่บ้านไม่ให้ผ่านกลางหมู่บ้านเพราะถือว่าอัปมงคล (หน้า 57) ถ้าจะฝังศพต้องเลือกทำเลที่เหมาะสมเพราะเชื่อว่าถ้าเลือกที่ดีจะทำให้ลูกหลานที่ยังอยู่มีแต่ความสุขความเจริญ ถ้าเลือกที่ฝัง ไม่ดีคนที่อยู่ก็จะมีแต่ความเดือดร้อน เมื่อฝังศพได้ 13 วัน ญาติๆก็จะไปทำพิธีเชิญวิญญาณผู้เสียชีวิตที่หลุมเพื่อมาทำพิธี ”ตรอปลี่ฮ์” ซึ่งจัดที่บ้าน เพื่อให้วิญญาณของผู้ชีวิตไปเกิดในโลกหน้าได้อีกครั้ง (หน้า 52) สำหรับข้อปฏิบัติของม้งเมื่อจัดงานศพได้แก่ ถ้าไปช่วยงานไม่ให้พูดคำว่า “เหม็น”ในเขตบ้าน แคนที่ใช้เป่าในพิธีไม่ให้ไปเป่าเล่นในงานอื่นเพราะเชื่อว่าเป็นสิ่งอัปมงคล ส่วนกลองที่ตีในพิธีศพก็ไม่ให้นำไปตีในงานอื่นๆอีกเช่นกัน สำหรับกลองชนิดนี้มี 2 ประเภทคือกลองที่ถาวร และกลองที่ทำเฉพาะใช้ในงาน เมื่อทำพิธีเรียบร้อยแล้วให้ทำลายไม่ให้เก็บไว้(หน้า 56)

Education and Socialization

ม้งในภาคเหนือ ทุกวันนี้ม้งชอบส่งเสริมให้ลูกหลานให้เรียนหนังสือสูงๆ สำหรับคนที่เรียนจบแล้วได้รับราชการ พ่อแม่ก็ชื่นใจเป็นที่ภาคภูมิใจของครอบครัว ในอดีตที่ผ่านมานั้นม้งเห็นว่าการที่ส่งลูกหลานไปเรียนนั้นทำให้เสียเวลาการทำงาน แต่ความคิดดังกล่าวเริ่มลดน้อยลง (หน้า 47) ม้งสำนักสงฆ์ถ้ำกระบอก สำหรับการเรียนการสอนของม้งอายุ 3-6 ปี ซึ่งมีจำนวนกว่า 1,000 คน ในสำนักสงฆ์ถ้ำกระบอก จะเรียนที่ศาลาปฏิบัติธรรมซึ่งจะมีพระและม้งที่เป็นผู้ใหญ่สอนภาษาไทยและภาษาม้ง ส่วนเด็กม้งอายุ 6-13 ปี ทางสำนักสงฆ์ถ้ำกระบอกจะส่งไปเรียนชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนบ้านธารทองแดง โรงเรียนวัดพระพุทธบาท อำเภอพระพุทธบาทและโรงเรียนพุแค จังหวัดสระบุรี เป็นต้น (หน้า 77)

Health and Medicine

การคลอดลูก หากผู้หญิงจะคลอดลูก คนที่ทำคลอดจะเป็นสามีและผู้ช่วยจะเป็นผู้หญิง เช่นแม่สามีหรือญาติผู้หญิง พอเด็กเกิดได้ 3 วัน จะก็ประกอบพิธีเรียกขวัญและตั้งชื่อให้เด็ก เมื่อคลอดลูกแล้วผู้หญิงจะอยู่ไฟ 3 วันและจะย้ายมานอนข้างเตาไฟกับลูก โดยไฟในเตาจะติดอยู่ตลอดเป็นเวลากว่า 1 เดือน ในช่วงนี้จะมีการปฏิบัติที่เรียก “ไจ๋” หรือ “การห้าม” โดยม้งจะนำ “เฉลว”(ตะเหลว) หรือกิ่งไม้มาเหน็บไว้ที่ประตู ในช่วงเวลานี้ถ้ามีคนนอกครอบครัวต้องการเข้าไปในบ้านที่กำลังทำพิธี “ไจ๋” ก็ให้ถอดรองเท้า หมวกและแขวนย่ามไว้นอกบริเวณบ้านก่อนที่จะเข้าภายในบ้าน (หน้า 49) ขณะอยู่ไฟ ผู้หญิงที่กำลังท้องหรือผู้ชายที่ภรรยากำลังตั้งท้อง ไม่ให้ไปบ้านแม่ลูกอ่อนที่กำลังอยู่ไฟ เนื่องจากเชื่อว่าหญิงที่มีลูกอ่อนจะไม่มีน้ำนมให้ลูกดื่ม เพราะลูกที่อยู่ในท้องของคนที่มาเยี่ยมหรือลูกที่อยู่ในท้องของภรรยาของชายที่มาเยี่ยมนั้นจะดื่มน้ำนมจนไม่เหลือ (หน้า 56) การรักษาพยาบาลของม้งสำนักสงฆ์ถ้ำกระบอก ม้งส่วนมากจะไม่ชอบไปรับการรักษาที่สถานีอนามัย ซึ่งอยู่ในสำนักสงฆ์ถ้ำกระบอก หากไม่สบายจะรักษาด้วยสมุนไพร ส่วนการทำคลอดจะให้หมอตำแยมาทำคลอดให้ที่บ้าน สำหรับสาเหตุที่ม้งไม่ชอบไปโรงพยาบาลเพราะกลัวจะถูกทำหมัน การเดินทางไปรักษาที่โรงพยาบาลพระพุทธบาทจะไปก็ต่อเมื่อป่วยรุนแรงเท่านั้น (หน้า 76)

Art and Crafts (including Clothing Costume)

การแต่งกาย ม้งจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ประดับด้วยเครื่องเงิน ในวันขึ้นปีใหม่ (หน้า 48) หญิงสาวม้งจะสวมเสื้อแขนยาวสีดำหรือสีเข้มๆ ประดับริ้วผ้าที่คอเป็นรูปตัววี รอบแขนเสื้อเหนือข้อซอกประดับด้วยแถบผ้ารอบแขน และปลายแขนเสื้อประดับด้วยผ้าสี รอบเอวพันด้วยผ้าสีต่างๆ สวมกระโปรงสีขาวด้านหน้าปิดด้วยผ้าสี่เหลี่ยมประดับลวดลายหลากสีผืนผ้าห้อยลงมาเลยหัวเข่า (ภาพหน้า 49)

Folklore

ไม่มีข้อมูล

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

ความสัมพันธ์ของม้งกับคนพื้นราบ ม้งกับคนพื้นราบติดต่อกันเพราะต้องทำการค้าขายระหว่างกัน นอกจากนี้ยังติดต่อกับกลุ่มเจ้าหน้าที่ของรัฐและเอกชน นักท่องเที่ยว และคนพื้นราบในท้องถิ่น สำหรับความรู้สึกของม้งที่มีต่อคนพื้นราบ ม้งจะรู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยกว่าและรู้ว่าคนพื้นราบเหยียดหยามพวกตน (หน้า 54) ความสัมพันธ์ระหว่างเผ่า ในสังคมของม้งจะไม่ค่อยแต่งงานกับชาติพันธุ์อื่น สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างเผ่านั้นส่วนมากจะเป็นเรื่องการติดต่อค้าขาย รวมทั้งมีคนชาติพันธุ์อื่นมาทำงานรับจ้างในไร่ของม้ง เช่นกะเหรี่ยง ลั้วะ ถิ่น ขมุ มลาบรี (ผีตองเหลือง) เป็นต้น ส่วนม้งไม่ค่อยชอบไปทำงานเป็นลูกจ้างของกลุ่มชาติพันธุ์อื่นจะทำงานรับจ้างเล็กๆ น้อยๆ บ้างก็เฉพาะในกลุ่มม้งด้วยกัน (หน้า 54)

Social Cultural and Identity Change

ไม่มีข้อมูล

Critic Issues

ไม่มีข้อมูล

Other Issues

วิเคราะห์ยุทธศาสตร์และการดำเนินงานต่อม้งในปัจจุบัน ที่ผ่านมาการแก้ปัญหาม้งไม่ประสบผลสำเร็จเพราะมีหน่วยงานรับผิดชอบเพียงกองสงเคราะห์ชาวเขา กรมประชาสงเคราะห์ กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ส่วนการทำงานแก้ไขปัญหาม้งในระดับอื่นๆ ยังขาดความต่อเนื่องจึงทำให้แก้ไขปัญหาได้ยากปัญหาต่างๆยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้ เช่นการทำลายป่าไม้ ปัญหายาเสพติด ปัญหาด้านเศรษบกิจและความมั่นคง ฯลฯ (หน้า 117) แนวทางในการแก้ไขปัญหา สำหรับแนวทางที่กล่าวถึงในการแก้ไขปัญหาม้งได้แก่ ดำเนินการส่งม้งผิดกฎหมายออกนอกประเทศ (หน้า 119) ส่งเสริมอาชีพและให้เปลี่ยนอาชีพ (หน้า 124) การดำเนินการตามนโยบายด้านการเมืองการปกครองในปัจจุบัน (หน้า 125) การดำเนินนโยบายของรัฐบาล ด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม (หน้า 126) การดำเนินนโยบายในการเลิกปลูกและเสพพืชเสพติดอย่างจริงจัง (หน้า 128) การเน้นนโยบายในด้านการอนุรักษ์ การใช้และการพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ (หน้า 129) และ การดำเนินนโยบายผสมกลมกลืน (หน้า 130)

Map/Illustration

ตาราง ประชากรในภาคเหนือ (หน้า 6) ชุมชนม้งจังหวัดกำแพงเพชร (หน้า 8) ชุมชนม้งจังหวัดเชียงราย (หน้า 10) ม้งจังหวัดเชียงใหม่ (หน้า 14) ม้งจังหวัดแม่ฮ่องสอน (หน้า 20) ม้งจังหวัดลำปาง (หน้า 23) ม้งจังหวัดสุโขทัย (หน้า 25) ม้งจังหวัดพะเยา(หน้า 27) ม้งจังหวัดตาก (หน้า 29) ม้งจังหวัดน่าน (หน้า 33) ม้งจังหวัดพิษณุโลก (หน้า 37) ม้งจังหวัดเพชรบูรณ์ (หน้า 39) ม้งจังหวัดแพร่ (หน้า 42) แผนที่ พื้นที่เก็บข้อมูลชุมชนบนพื้นที่สูงจังหวัดกำแพงเพชร (หน้า 9) จังหวัด เชียงราย (หน้า 13) จังหวัดเชียงใหม่ (หน้า 19) จังหวัดแม่ฮ่องสอน (หน้า 22) ลำปาง (หน้า 24)สุโขทัย (หน้า 26) พะเยา(หน้า 28) ตาก (หน้า 32) น่าน (หน้า 35) พิษณุโลก (หน้า 38) เพชรบูรณ์ (หน้า 41) แพร่ (หน้า 43) เลย (หน้า 44) ภาพ การแต่งกายของหญิงม้ง (หน้า 49) ผกค.กลุ่มสุดท้ายเข้ามอบตัวเมื่อ 14 ก.ย.38 (หน้า 66) การทำลายทรัพยากรธรรมชาติบริเวณบ้านเข็กน้อย อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบุรณ์ (หน้า 67-69) การทำลายทรัพยากรธรรมชาติพื้นที่จังหวัดเชียงราย(หน้า 69,70) ที่พักสงฆ์ถ้ำกระบอก (หน้า 73) ไร่ฝิ่นในจังหวัดน่าน ,หญิงม้งกำลังกรีดฝิ่น(หน้า 82) การส่งเสริมการเกษตรให้ม้ง,การช่วยเหลือด้านสาธารณสุขให้กับม้งตามโครงการกำจัดพืชเสพติด (หน้า 86) การฝึกกองกำลังติดอาวุธของ ขตล. (หน้า 94) กลุ่มผู้ให้การสนับสนุน ขตล.ในสหรัฐอเมริกา (หน้า 95) กลุ่ม ขตล. 14 คนที่ถูก กกล.ผาเมืองจับได้เมื่อ 26 พฤศจิกายน 2538 (หน้า 97) อุปกรณ์ต่างๆของ ขตล.ที่ถูกยึดได้ 24-26 ธันวาคม 2538 (หน้า 98) อาวุธ กระสุนของ ขตล.ที่ชุด ลว.ของ กกล.ผาเมือง ลว.พิสูจน์ทราบพบเมื่อ 4 กรกฎคม 2539 (หน้า 99)

Text Analyst ภูมิชาย คชมิตร Date of Report 27 พ.ค. 2562
TAG ม้ง, การเมือง, สังคม, ประเทศลาว, ประเทศไทย, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง