สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject พม่าเชื้อสายมอญ,แรงงาน,สวนยาง,การย้ายถิ่น,วิถีชีวิต,การปรับตัว,สุราษฎร์ธานี
Author ภณิการ์ เพชรเขียว
Title การปรับตัวของแรงงานต่างด้าวชาวพม่าเชื้อสายมอญ : ศึกษาเฉพาะกรณีแรงงานในบริบทสวนยางจังหวัดสุราษฎร์ธานี
Document Type วิทยานิพนธ์ Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity - Language and Linguistic Affiliations ออสโตรเอเชียติก(Austroasiatic)
Location of
Documents
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร Total Pages 112 Year 2549
Source หลักสูตรสังคมวิทยาและมานุษยวิทยามหาบัณฑิต(สังคมวิทยา) คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
Abstract

งานวิจัยชิ้นนี้ศึกษากระบวนการย้ายถิ่นเข้ามาในประเทศไทยของแรงงานต่างด้าวชาวพม่า เชื้อสายมอญในบริบทสวนยาง จ.สุราษฎร์ธานี และศึกษาถึงวิถีการดำรงชีวิตที่ตามมาจากการย้ายถิ่น การปรับตัวในมิติต่างๆ ทั้งสังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม โดยใช้วิธีวิจัยเชิงคุณภาพสัมภาษณ์แบบเจาะลึก และการสังเกตการณ์อย่างมีส่วนร่วม ผลการศึกษาพบว่าคนมอญย้ายถิ่นฐานเข้ามาในไทยจากปัจจัยผลักดันจากสภาพความเป็นอยู่ที่แร้นแค้น และภาวะสงครามในประเทศพม่า ขณะที่ประเทศไทยมีความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจมากกว่า และบางคนมีญาติพี่น้องอาศัยอยู่ในเมืองไทย เมื่อคนมอญเข้ามาทำงานในสวนยางแล้ว จะมีการปรับตัวในหลายมิติทั้งสังคม เศรษฐกิจและวัฒนธรรม จากการศึกษาพบว่าคนมอญสามารถปรับตัวด้านเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี มีเงินเหลือส่งกลับไปประเทศพม่า ส่วนการปรับตัวทางสังคมนั้นผู้วิจัยพบว่า คนมอญไม่จำเป็นต้องปรับตัวด้านนี้มาก เพราะในพื้นที่มีคนมอญอยู่เป็นจำนวนมาก การปฏิสัมพันธ์กับคนไทยมีไม่มาก ส่วนเรื่องวัฒนธรรม คนมอญจะปรับตัวด้านการใช้ภาษาเพื่อสื่อสารกับคนไทย แต่ก็ใช้เวลานานกว่าการปรับตัวทางวัฒนธรรมด้านอื่น เช่น การแต่งกายและอาหารการกิน (หน้า (1) - (2))

Focus

ศึกษากระบวนการย้ายถิ่นเข้ามาในประเทศไทยของแรงงานต่างด้าวชาวพม่า เชื้อสายมอญในบริบทสวนยาง จ.สุราษฎร์ธานี และศึกษาถึงวิถีการดำรงชีวิตที่ตามมาจากการย้ายถิ่น การปรับตัวในมิติต่างๆ ทั้งสังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม (หน้า (1), 7, 102)

Theoretical Issues

ไม่มีข้อมูล

Ethnic Group in the Focus

มอญจากประเทศพม่า (เมียนมาร์) ในพื้นที่หมู่ 2 ต.เสวียด อ.ท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานี เป็นบุคคลที่ย้ายถิ่นฐานเข้ามาทำงานในสวนยางพาราเกินกว่า 1 ปี จำนวน 10 คน (หน้า 23, 102)

Language and Linguistic Affiliations

มอญกลุ่มตัวอย่างมีความพยายามปรับตัวด้านภาษาให้พูดภาษาไทยได้ ต้องใช้เวลาเรียนรู้นาน บางครั้งเจอปัญหา สื่อสารกับคนไทยไม่ได้ ทำให้ถูกทำร้ายร่างกาย ถูกขโมยทรัพย์สิน เหตุที่เรียนรู้ภาษาไทยได้ช้า เพราะมีล่ามคอย ช่วยแปลภาษาให้ และการอยู่อาศัยกับมอญด้วยกันเองทำให้ไม่มีการฝึกพูดอย่างต่อเนื่อง (หน้า 91 - 96, 106 - 107)

Study Period (Data Collection)

เก็บข้อมูลภาคสนามเป็นเวลา 9 เดือน ตั้งแต่มิถุนายน พ.ศ.2548 - กุมภาพันธ์ พ.ศ.2549 (หน้า 26)

History of the Group and Community

ในอดีตชาวมอญอพยพเข้ามาในประเทศไทย 4 ครั้ง ในสมัยสมเด็จพระนเรศวร (พ.ศ.2133 - 2148) สมัยสมเด็จพระนารายณ์ (พ.ศ.2199 - 2231) สมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ (พ.ศ.2275 - 2231) และสมัยสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (พ.ศ.2352 - 2367) ปัจจุบันคนมอญต้องเข้าเมืองในลักษณะของแรงงานผิดกฎหมาย ต้องเผชิญอุปสรรคต่างๆ ระหว่างเดินทาง มอญนิยมเดินทางเข้ามาในประเทศไทยด้าน จ.ระนอง และด่านเจดีย์สามองค์ จ.กาญจนบุรี เพราะเป็นพื้นที่ที่ติดกับรัฐมอญ มอญส่วนใหญ่จะไปหางานทำที่ภาคใต้โดยเฉพาะ จ.สุราษฎร์ธานี (หน้า 4 - 5) กลุ่มตัวอย่างที่ผู้วิจัยศึกษาย้ายถิ่นฐานมายังประเทศไทย ด้วยปัจจัยจากประเทศพม่าที่สภาพเศรษฐกิจไม่ดี รายได้น้อย ถูกทหารเอาเปรียบ ขณะที่เงื่อนไขของประเทศไทยที่สภาพเศรษฐกิจดีกว่า การมีงานทำ การมีเครือญาติหรือคนรู้จักในเมืองไทย ก็เป็นแรงดึงดูดให้มอญย้ายถิ่นเข้ามาทำงานในประเทศไทย (หน้า 33 - 47, 103 , 108 - 109)

Settlement Pattern

สภาพบ้านเรือนในพื้นที่ที่ผู้วิจัยเข้าไปศึกษาส่วนใหญ่จะเป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียวและบ้านเดี่ยวสองชั้น มีทั้งบ้านที่ปลูกอยู่ภายในสวนยาง และบ้านเรือนที่ปลูกรวมกันเป็นชุมชน (หน้า 30) สภาพความเป็นอยู่ของกลุ่มตัวอย่างจะอาศัยตัวกระจัดกระจายตามสวนยางต่างๆ ที่อยู่อาศัยจะมีทั้งที่เป็นตึกแถวชั้นเดียว บ้านลักษณะนี้จะแบ่งเป็นห้องๆ ห้องหนึ่งจะมีมอญ 1 ครอบครัวอาศัยอยู่ ขณะที่บ้านไม้ยกใต้ถุนสูงและขนำจะทำจากไม้ทั้งหลัง หลังคามุงสังกะสี ส่วนขนำหลังคาจะมุงด้วยมุงจาก ฝาบ้านสานด้วยไม้ไผ่หรือไม้อัด มีบันไดวางพาดไว้ ภายในบ้านของกลุ่มตัวอย่างจะไม่มีไฟฟ้าใช้ มีเพียงแต่หม้อแบตเตอรี่ที่ใช้ปั่นไฟเท่านั้น ภายนอกบ้านจะมีต้นยางล้มรอบ มีบ่อน้ำใกล้ๆ ที่พัก มีการเลี้ยงไก่ไว้เป็นไก่ชนหรือนำมาประกอบอาหาร

Demography

แรงงานต่างด้าวที่อพยพเข้ามาทำงานในประเทศไทยมีทั้งแรงงาน พม่า ลาว กัมพูชา แรงงานที่เข้ามาในประเทศไทยมากที่สุดคือแรงงานพม่า ปีพ.ศ.2547 มีแรงงานพม่าในไทยกว่า 905,881 คน และกระจายตัวไปทำงานตามภาคต่างๆ พบว่าแรงงานพม่าไปทำงานที่ภาคใต้มากที่สุดถึง 152,969 คน เฉพาะที่ จ.สุราษฎร์ธานีมีจำนวน 30,760 คน มีทั้งแรงงานที่เป็นเชื้อสายพม่าและชนกลุ่มน้อย เช่น มอญ กะเหรี่ยง ไทยใหญ่ เป็นต้น ส่วนใหญ่พบว่าจะเป็นเชื้อสายมอญ (หน้า 2 - 4) พื้นที่ ต.เสวียด จ.สุราษฎร์ธานี ที่ผู้วิจัยเข้าไปศึกษามีประชากรทั้งหมด 4,096 คน แบ่งเป็น ชาย 2,449 หญิง 2,457 คน ประชากรในพื้นที่หมู่ 2 ที่ผู้วิจัยเลือกศึกษามีประชากรประมาณ 850 (หน้า 29 - 30) กลุ่มตัวอย่างทุกคนจะอยู่อาศัยรวมกันเป็นครอบครัว ครอบครัวที่มีสมาชิก 2 คน มี 4 ครอบครัว สมาชิก 3 - 4 คน มี 2 ครอบครัว และครอบครัวที่มีสมาชิกมากที่สุดจะมีจำนวน 5 คน โดยกลุ่มตัวอย่างเป็นบุคคลที่อยู่ในวัยแรงงานด้วยกันทั้งสิ้น อายุระหว่าง 21 - 30 ปี และ 41 - 50 ปี มีจำนวน 4 คน อายุ 32 ปี จำนวน 1 คน อายุสูงสุดของกลุ่มตัวอย่าง คือ 48 ปี (หน้า 40 - 41)

Economy

พื้นที่ ต.เสวียด จ.สุราษฎร์ธานีที่ผู้วิจัยเข้าไปศึกษาส่วนใหญ่ใช้พื้นที่ปลูกยางพาราถึง 40,000 ไร่ ประชาชนประกอบอาชีพเพาะปลูกยางพาราเป็นอาชีพหลัก (หน้า 29 - 30) มอญกลุ่มตัวอย่างที่ผู้วิจัยศึกษาเป็นกลุ่มตัวอย่าง เมื่อย้ายถิ่นฐานเข้ามาอยู่ประเทศไทยช่วงแรกๆ จะประกอบอาชีพหลากหลาย มีทั้งที่ทำงานเหมือนเมื่อครั้งอยู่ประเทศพม่า เช่น รับจ้างกรีดยาง บางคนมาทำอาชีพอื่นๆ ก่อน เช่น ประมง โรงงานอุตสาหกรรม ก่อสร้าง ทำนา ทำไร่ ในพื้นที่หมู่ 2 ต.เสวียด ที่ผู้วิจัยศึกษา การเข้าสู่อาชีพกรีดยางของมอญจะมีทั้งที่ได้รับการชักชวน แนะนำจากญาติ คนรู้จัก ที่เคยทำงานในพื้นที่นั้นๆ มาก่อน หรืออาศัยผ่านช่องทางนายหน้าคนไทยเป็นผู้แนะนำให้ เป็นต้น นอกจากนี้ก่อนที่มอญจะทำอาชีพนี้ได้ ต้องมีการปรับตัวในการเรียนรู้ทักษะต่างๆ ในการกรีดยาง เช่น วิธีการกรีดยาง อุปกรณ์ที่ใช้กรีดยาง การทำแผ่นยาง กฎ ระเบียบ เกี่ยวกับการกรีดยาง เป็นต้น (หน้า 62 - 70) มอญที่เคยผ่านประสบการณ์การกรีดยางมาก่อนจะสามารถปรับตัวเข้าสู่อาชีพได้เป็นอย่างดี มากกว่ามอญที่ไม่เคยผ่านการทำงานกรีดยางมาก่อน ต้องใช้เวลาเรียนรู้การทำงานนานพอสมควร (หน้า 72 - 76 , 104 - 105 , 109) เงินส่วนแบ่งที่มอญได้จากการขายยางพาราจะจัดแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่งกลับไปให้ครอบครัวที่ประเทศพม่า และเก็บไว้ใช้จ่ายในครอบครัว โดยเงินที่ส่งกลับไปยังประเทศพม่าจะส่งกลับไปทุกเดือนประมาณเดือนละ 5,000 - 6,000 บาท และมีจำนวนมากกว่าเงินที่เก็บไว้ใช้จ่ายในเมืองไทย ซึ่งบางครั้งไม่พอใช้จ่าย ก็จะใช้วิธีการเชื่อสินค้าที่ร้านโชห่วย โดยมีเฒ่าแก่สวนยางพาราเป็นผู้ค้ำประกันให้ หรือใช้วิธีกู้เงินจาก 3 แหล่ง คือ คนมอญด้วยกันเอง เจ้าของร้านค้า หรือ เจ้าของสวนยาง (หน้า 76 - 80) เงื่อนไขที่มอญกลุ่มตัวอย่างยังคงทำอาชีพกรีดยางอยู่ เพราะเป็นอาชีพที่สร้างรายได้จำนวนมาก มีนายจ้างที่ดีคอยช่วยเหลือ ทั้งการให้ยืมเงิน การช่วยเหลือเมื่อถูกตำรวจจับ ทำให้มอญกลุ่มตัวอย่างมีทัศนคติที่ดีต่ออาชีพนี้ (หน้า 81 - 83, 105 - 106)

Social Organization

มอญกลุ่มตัวอย่างไม่ได้ปรับตัวทางสังคมมากนัก เพราะมีมอญในละแวกรอบข้างที่พอปฏิสัมพันธ์ได้ โดยการรวมกลุ่มสนทนา จัดกิจกรรมต่างๆ เช่น งานปีใหม่ เล่นกีฬา เป็นต้น (หน้า 86 - 90, 106)

Political Organization

การปกครองใน ต.เสวียด จ.สุราษฎร์ธานี ที่ผู้วิจัยเข้าไปศึกษาแบ่งเป็นหมู่บ้านทั้งหมด 9 หมู่บ้าน โดยผู้วิจัยเลือกศึกษาในหมู่ที่ 2

Belief System

ประชากรในพื้นที่หมู่ 2 ต.เสวียด อ.ท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานี ที่ผู้วิจัยเข้าไปศึกษาส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ (หน้า 30)

Education and Socialization

ระดับการศึกษาของกลุ่มตัวอย่างมีหลายระดับ ถ้ากลุ่มตัวอย่างอายุ 40 ปีขึ้นไปจะไม่ได้เรียนหนังสือมีถึง 5 คน จบชั้นป.3 และป.4 จำนวน 2 คน ระดับการศึกษาสูงสุดคือชั้นป.5 (หน้า 41) มอญกลุ่มตัวอย่างเรียนรู้ทักษะการกรีดยางจาก "ครู" มีทั้ง "ครู" ที่เป็นบุคคล คือ ญาติ พี่น้อง เพื่อน ที่เป็นมอญด้วยกันคอยฝึกสอน และ "ครู" ที่เป็นต้นไม้ คือ ใช้ต้นไม้ที่หน้ายางเสียแล้วเป็นที่ฝึกหัดกรีดยาง (หน้า 70 -72)

Health and Medicine

ไม่มีข้อมูล

Art and Crafts (including Clothing Costume)

มอญผู้ชายนุ่งผ้าตาหมากรุกหรือ "โสร่ง" มอญเรียกว่า "สล่ง" ใส่เสื้อกุยเฮง หรือเสื้อคอกลม ผ่าอก แขนทรงกระบอก เดิมมีผ้าโพกหัว ผู้ชายนิยมสักตามร่างกาย ส่วนผู้หญิงจะนุ่งผ้ากะนินหรือกานิน สีพื้นๆ ผมยาวเกล้าเป็นมวยค่อนไปข้างหลัง ผู้หญิงมอญกลุ่มตัวอย่างจะแต่งกายไม่ต่างจากคนไทยมากระหว่าง "ผ้าปาเตะ" ของไทยกับผ้ากานินของมอญ ต่างกันที่ลวดลายเนื้อผ้าที่ "ผ้าปาเตะ" จะเป็นลายดอก ส่วน "ผ้ากานิน" จะเป็นลายสีพื้นๆ ข้อแบ่งแยกอีกประการระหว่างผู้หญิงมอญและผู้หญิงไทยคือผู้หญิงมอญมีการใช้ "แป้งพม่า" เวลาออกไปข้างนอก ส่วนการแต่งกายของชายมอญก็ไม่ต่างจากชายไทย โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่นุ่งโสร่งเช่นเดียวกับคนไทย บางครั้งวัยรุ่นมอญก็แต่งกายโดยใช้เสื้อผ้าไทย (หน้า 96 - 99, 108)

Folklore

ไม่มีข้อมูล

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

เมื่อคนมอญเข้ามาทำงานในเมืองไทยได้ ต้องเผชิญปัญหาต่างๆ มากมายทั้งเกิดจากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจรีดไถเงิน ถูกปล้น จากคนไทย แต่มอญก็ยังประเมินว่าเจอปัญหาแบบนี้ในเมืองไทยยังดีกว่าการกลับไปอยู่ที่ประเทศพม่าอย่างเดิม (หน้า 51 - 58) การเข้ามาทำงานในบริบทสวนยางของมอญต้องปฏิสังสรรค์กับคนไทย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะความแตกต่างด้านภาษาและเชื้อชาติ และเมื่อรู้จักกันแล้วก็มักถูกคนไทยเอารัดเอาเปรียบ หรือเกรงจะถูกมองเป็นคนต่ำต้อย มอญจึงเลือกปฏิสังสรรค์กับคนไทยบางกลุ่มที่เอื้ออำนวยผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ เช่น เจ้าของร้านค้า เจ้าของสวนยาง เป็นต้น

Social Cultural and Identity Change

ไม่มีข้อมูล

Critic Issues

ไม่มีข้อมูล

Other Issues

ไม่มีข้อมูล

Map/Illustration

ตารางแสดงสถิติจำนวนแรงงานที่มารายงานตัวกับสำนักบริหารแรงงานต่างด้าว หน้า 2 ภาพประกอบอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการกรีดยาง (หน้า 125 - 130)

Text Analyst สิทธิพร จรดล Date of Report 21 ก.พ. 2565
TAG พม่าเชื้อสายมอญ, แรงงาน, สวนยาง, การย้ายถิ่น, วิถีชีวิต, การปรับตัว, สุราษฎร์ธานี, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง