|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
พม่าเชื้อสายมอญ,แรงงาน,สวนยาง,การย้ายถิ่น,วิถีชีวิต,การปรับตัว,สุราษฎร์ธานี |
Author |
ภณิการ์ เพชรเขียว |
Title |
การปรับตัวของแรงงานต่างด้าวชาวพม่าเชื้อสายมอญ : ศึกษาเฉพาะกรณีแรงงานในบริบทสวนยางจังหวัดสุราษฎร์ธานี |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
-
|
Language and Linguistic Affiliations |
ออสโตรเอเชียติก(Austroasiatic) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
112 |
Year |
2549 |
Source |
หลักสูตรสังคมวิทยาและมานุษยวิทยามหาบัณฑิต(สังคมวิทยา) คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ |
Abstract |
งานวิจัยชิ้นนี้ศึกษากระบวนการย้ายถิ่นเข้ามาในประเทศไทยของแรงงานต่างด้าวชาวพม่า เชื้อสายมอญในบริบทสวนยาง จ.สุราษฎร์ธานี และศึกษาถึงวิถีการดำรงชีวิตที่ตามมาจากการย้ายถิ่น การปรับตัวในมิติต่างๆ ทั้งสังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม โดยใช้วิธีวิจัยเชิงคุณภาพสัมภาษณ์แบบเจาะลึก และการสังเกตการณ์อย่างมีส่วนร่วม ผลการศึกษาพบว่าคนมอญย้ายถิ่นฐานเข้ามาในไทยจากปัจจัยผลักดันจากสภาพความเป็นอยู่ที่แร้นแค้น และภาวะสงครามในประเทศพม่า ขณะที่ประเทศไทยมีความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจมากกว่า และบางคนมีญาติพี่น้องอาศัยอยู่ในเมืองไทย เมื่อคนมอญเข้ามาทำงานในสวนยางแล้ว จะมีการปรับตัวในหลายมิติทั้งสังคม เศรษฐกิจและวัฒนธรรม จากการศึกษาพบว่าคนมอญสามารถปรับตัวด้านเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี มีเงินเหลือส่งกลับไปประเทศพม่า ส่วนการปรับตัวทางสังคมนั้นผู้วิจัยพบว่า คนมอญไม่จำเป็นต้องปรับตัวด้านนี้มาก เพราะในพื้นที่มีคนมอญอยู่เป็นจำนวนมาก การปฏิสัมพันธ์กับคนไทยมีไม่มาก ส่วนเรื่องวัฒนธรรม คนมอญจะปรับตัวด้านการใช้ภาษาเพื่อสื่อสารกับคนไทย แต่ก็ใช้เวลานานกว่าการปรับตัวทางวัฒนธรรมด้านอื่น เช่น การแต่งกายและอาหารการกิน (หน้า (1) - (2)) |
|
Focus |
ศึกษากระบวนการย้ายถิ่นเข้ามาในประเทศไทยของแรงงานต่างด้าวชาวพม่า เชื้อสายมอญในบริบทสวนยาง จ.สุราษฎร์ธานี และศึกษาถึงวิถีการดำรงชีวิตที่ตามมาจากการย้ายถิ่น การปรับตัวในมิติต่างๆ ทั้งสังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม (หน้า (1), 7, 102) |
|
Ethnic Group in the Focus |
มอญจากประเทศพม่า (เมียนมาร์) ในพื้นที่หมู่ 2 ต.เสวียด อ.ท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานี เป็นบุคคลที่ย้ายถิ่นฐานเข้ามาทำงานในสวนยางพาราเกินกว่า 1 ปี จำนวน 10 คน (หน้า 23, 102) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
มอญกลุ่มตัวอย่างมีความพยายามปรับตัวด้านภาษาให้พูดภาษาไทยได้ ต้องใช้เวลาเรียนรู้นาน บางครั้งเจอปัญหา สื่อสารกับคนไทยไม่ได้ ทำให้ถูกทำร้ายร่างกาย ถูกขโมยทรัพย์สิน เหตุที่เรียนรู้ภาษาไทยได้ช้า เพราะมีล่ามคอย ช่วยแปลภาษาให้ และการอยู่อาศัยกับมอญด้วยกันเองทำให้ไม่มีการฝึกพูดอย่างต่อเนื่อง (หน้า 91 - 96, 106 - 107) |
|
Study Period (Data Collection) |
เก็บข้อมูลภาคสนามเป็นเวลา 9 เดือน ตั้งแต่มิถุนายน พ.ศ.2548 - กุมภาพันธ์ พ.ศ.2549 (หน้า 26) |
|
History of the Group and Community |
ในอดีตชาวมอญอพยพเข้ามาในประเทศไทย 4 ครั้ง ในสมัยสมเด็จพระนเรศวร (พ.ศ.2133 - 2148) สมัยสมเด็จพระนารายณ์ (พ.ศ.2199 - 2231) สมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ (พ.ศ.2275 - 2231) และสมัยสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (พ.ศ.2352 - 2367) ปัจจุบันคนมอญต้องเข้าเมืองในลักษณะของแรงงานผิดกฎหมาย ต้องเผชิญอุปสรรคต่างๆ ระหว่างเดินทาง มอญนิยมเดินทางเข้ามาในประเทศไทยด้าน จ.ระนอง และด่านเจดีย์สามองค์ จ.กาญจนบุรี เพราะเป็นพื้นที่ที่ติดกับรัฐมอญ มอญส่วนใหญ่จะไปหางานทำที่ภาคใต้โดยเฉพาะ จ.สุราษฎร์ธานี (หน้า 4 - 5) กลุ่มตัวอย่างที่ผู้วิจัยศึกษาย้ายถิ่นฐานมายังประเทศไทย ด้วยปัจจัยจากประเทศพม่าที่สภาพเศรษฐกิจไม่ดี รายได้น้อย ถูกทหารเอาเปรียบ ขณะที่เงื่อนไขของประเทศไทยที่สภาพเศรษฐกิจดีกว่า การมีงานทำ การมีเครือญาติหรือคนรู้จักในเมืองไทย ก็เป็นแรงดึงดูดให้มอญย้ายถิ่นเข้ามาทำงานในประเทศไทย (หน้า 33 - 47, 103 , 108 - 109) |
|
Settlement Pattern |
สภาพบ้านเรือนในพื้นที่ที่ผู้วิจัยเข้าไปศึกษาส่วนใหญ่จะเป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียวและบ้านเดี่ยวสองชั้น มีทั้งบ้านที่ปลูกอยู่ภายในสวนยาง และบ้านเรือนที่ปลูกรวมกันเป็นชุมชน (หน้า 30) สภาพความเป็นอยู่ของกลุ่มตัวอย่างจะอาศัยตัวกระจัดกระจายตามสวนยางต่างๆ ที่อยู่อาศัยจะมีทั้งที่เป็นตึกแถวชั้นเดียว บ้านลักษณะนี้จะแบ่งเป็นห้องๆ ห้องหนึ่งจะมีมอญ 1 ครอบครัวอาศัยอยู่ ขณะที่บ้านไม้ยกใต้ถุนสูงและขนำจะทำจากไม้ทั้งหลัง หลังคามุงสังกะสี ส่วนขนำหลังคาจะมุงด้วยมุงจาก ฝาบ้านสานด้วยไม้ไผ่หรือไม้อัด มีบันไดวางพาดไว้ ภายในบ้านของกลุ่มตัวอย่างจะไม่มีไฟฟ้าใช้ มีเพียงแต่หม้อแบตเตอรี่ที่ใช้ปั่นไฟเท่านั้น ภายนอกบ้านจะมีต้นยางล้มรอบ มีบ่อน้ำใกล้ๆ ที่พัก มีการเลี้ยงไก่ไว้เป็นไก่ชนหรือนำมาประกอบอาหาร |
|
Demography |
แรงงานต่างด้าวที่อพยพเข้ามาทำงานในประเทศไทยมีทั้งแรงงาน พม่า ลาว กัมพูชา แรงงานที่เข้ามาในประเทศไทยมากที่สุดคือแรงงานพม่า ปีพ.ศ.2547 มีแรงงานพม่าในไทยกว่า 905,881 คน และกระจายตัวไปทำงานตามภาคต่างๆ พบว่าแรงงานพม่าไปทำงานที่ภาคใต้มากที่สุดถึง 152,969 คน เฉพาะที่ จ.สุราษฎร์ธานีมีจำนวน 30,760 คน มีทั้งแรงงานที่เป็นเชื้อสายพม่าและชนกลุ่มน้อย เช่น มอญ กะเหรี่ยง ไทยใหญ่ เป็นต้น ส่วนใหญ่พบว่าจะเป็นเชื้อสายมอญ (หน้า 2 - 4) พื้นที่ ต.เสวียด จ.สุราษฎร์ธานี ที่ผู้วิจัยเข้าไปศึกษามีประชากรทั้งหมด 4,096 คน แบ่งเป็น ชาย 2,449 หญิง 2,457 คน ประชากรในพื้นที่หมู่ 2 ที่ผู้วิจัยเลือกศึกษามีประชากรประมาณ 850 (หน้า 29 - 30) กลุ่มตัวอย่างทุกคนจะอยู่อาศัยรวมกันเป็นครอบครัว ครอบครัวที่มีสมาชิก 2 คน มี 4 ครอบครัว สมาชิก 3 - 4 คน มี 2 ครอบครัว และครอบครัวที่มีสมาชิกมากที่สุดจะมีจำนวน 5 คน โดยกลุ่มตัวอย่างเป็นบุคคลที่อยู่ในวัยแรงงานด้วยกันทั้งสิ้น อายุระหว่าง 21 - 30 ปี และ 41 - 50 ปี มีจำนวน 4 คน อายุ 32 ปี จำนวน 1 คน อายุสูงสุดของกลุ่มตัวอย่าง คือ 48 ปี (หน้า 40 - 41) |
|
Economy |
พื้นที่ ต.เสวียด จ.สุราษฎร์ธานีที่ผู้วิจัยเข้าไปศึกษาส่วนใหญ่ใช้พื้นที่ปลูกยางพาราถึง 40,000 ไร่ ประชาชนประกอบอาชีพเพาะปลูกยางพาราเป็นอาชีพหลัก (หน้า 29 - 30) มอญกลุ่มตัวอย่างที่ผู้วิจัยศึกษาเป็นกลุ่มตัวอย่าง เมื่อย้ายถิ่นฐานเข้ามาอยู่ประเทศไทยช่วงแรกๆ จะประกอบอาชีพหลากหลาย มีทั้งที่ทำงานเหมือนเมื่อครั้งอยู่ประเทศพม่า เช่น รับจ้างกรีดยาง บางคนมาทำอาชีพอื่นๆ ก่อน เช่น ประมง โรงงานอุตสาหกรรม ก่อสร้าง ทำนา ทำไร่ ในพื้นที่หมู่ 2 ต.เสวียด ที่ผู้วิจัยศึกษา การเข้าสู่อาชีพกรีดยางของมอญจะมีทั้งที่ได้รับการชักชวน แนะนำจากญาติ คนรู้จัก ที่เคยทำงานในพื้นที่นั้นๆ มาก่อน หรืออาศัยผ่านช่องทางนายหน้าคนไทยเป็นผู้แนะนำให้ เป็นต้น นอกจากนี้ก่อนที่มอญจะทำอาชีพนี้ได้ ต้องมีการปรับตัวในการเรียนรู้ทักษะต่างๆ ในการกรีดยาง เช่น วิธีการกรีดยาง อุปกรณ์ที่ใช้กรีดยาง การทำแผ่นยาง กฎ ระเบียบ เกี่ยวกับการกรีดยาง เป็นต้น (หน้า 62 - 70) มอญที่เคยผ่านประสบการณ์การกรีดยางมาก่อนจะสามารถปรับตัวเข้าสู่อาชีพได้เป็นอย่างดี มากกว่ามอญที่ไม่เคยผ่านการทำงานกรีดยางมาก่อน ต้องใช้เวลาเรียนรู้การทำงานนานพอสมควร (หน้า 72 - 76 , 104 - 105 , 109) เงินส่วนแบ่งที่มอญได้จากการขายยางพาราจะจัดแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่งกลับไปให้ครอบครัวที่ประเทศพม่า และเก็บไว้ใช้จ่ายในครอบครัว โดยเงินที่ส่งกลับไปยังประเทศพม่าจะส่งกลับไปทุกเดือนประมาณเดือนละ 5,000 - 6,000 บาท และมีจำนวนมากกว่าเงินที่เก็บไว้ใช้จ่ายในเมืองไทย ซึ่งบางครั้งไม่พอใช้จ่าย ก็จะใช้วิธีการเชื่อสินค้าที่ร้านโชห่วย โดยมีเฒ่าแก่สวนยางพาราเป็นผู้ค้ำประกันให้ หรือใช้วิธีกู้เงินจาก 3 แหล่ง คือ คนมอญด้วยกันเอง เจ้าของร้านค้า หรือ เจ้าของสวนยาง (หน้า 76 - 80) เงื่อนไขที่มอญกลุ่มตัวอย่างยังคงทำอาชีพกรีดยางอยู่ เพราะเป็นอาชีพที่สร้างรายได้จำนวนมาก มีนายจ้างที่ดีคอยช่วยเหลือ ทั้งการให้ยืมเงิน การช่วยเหลือเมื่อถูกตำรวจจับ ทำให้มอญกลุ่มตัวอย่างมีทัศนคติที่ดีต่ออาชีพนี้ (หน้า 81 - 83, 105 - 106) |
|
Social Organization |
มอญกลุ่มตัวอย่างไม่ได้ปรับตัวทางสังคมมากนัก เพราะมีมอญในละแวกรอบข้างที่พอปฏิสัมพันธ์ได้ โดยการรวมกลุ่มสนทนา จัดกิจกรรมต่างๆ เช่น งานปีใหม่ เล่นกีฬา เป็นต้น (หน้า 86 - 90, 106) |
|
Political Organization |
การปกครองใน ต.เสวียด จ.สุราษฎร์ธานี ที่ผู้วิจัยเข้าไปศึกษาแบ่งเป็นหมู่บ้านทั้งหมด 9 หมู่บ้าน โดยผู้วิจัยเลือกศึกษาในหมู่ที่ 2 |
|
Belief System |
ประชากรในพื้นที่หมู่ 2 ต.เสวียด อ.ท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานี ที่ผู้วิจัยเข้าไปศึกษาส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ (หน้า 30) |
|
Education and Socialization |
ระดับการศึกษาของกลุ่มตัวอย่างมีหลายระดับ ถ้ากลุ่มตัวอย่างอายุ 40 ปีขึ้นไปจะไม่ได้เรียนหนังสือมีถึง 5 คน จบชั้นป.3 และป.4 จำนวน 2 คน ระดับการศึกษาสูงสุดคือชั้นป.5 (หน้า 41) มอญกลุ่มตัวอย่างเรียนรู้ทักษะการกรีดยางจาก "ครู" มีทั้ง "ครู" ที่เป็นบุคคล คือ ญาติ พี่น้อง เพื่อน ที่เป็นมอญด้วยกันคอยฝึกสอน และ "ครู" ที่เป็นต้นไม้ คือ ใช้ต้นไม้ที่หน้ายางเสียแล้วเป็นที่ฝึกหัดกรีดยาง (หน้า 70 -72) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
มอญผู้ชายนุ่งผ้าตาหมากรุกหรือ "โสร่ง" มอญเรียกว่า "สล่ง" ใส่เสื้อกุยเฮง หรือเสื้อคอกลม ผ่าอก แขนทรงกระบอก เดิมมีผ้าโพกหัว ผู้ชายนิยมสักตามร่างกาย ส่วนผู้หญิงจะนุ่งผ้ากะนินหรือกานิน สีพื้นๆ ผมยาวเกล้าเป็นมวยค่อนไปข้างหลัง ผู้หญิงมอญกลุ่มตัวอย่างจะแต่งกายไม่ต่างจากคนไทยมากระหว่าง "ผ้าปาเตะ" ของไทยกับผ้ากานินของมอญ ต่างกันที่ลวดลายเนื้อผ้าที่ "ผ้าปาเตะ" จะเป็นลายดอก ส่วน "ผ้ากานิน" จะเป็นลายสีพื้นๆ ข้อแบ่งแยกอีกประการระหว่างผู้หญิงมอญและผู้หญิงไทยคือผู้หญิงมอญมีการใช้ "แป้งพม่า" เวลาออกไปข้างนอก ส่วนการแต่งกายของชายมอญก็ไม่ต่างจากชายไทย โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่นุ่งโสร่งเช่นเดียวกับคนไทย บางครั้งวัยรุ่นมอญก็แต่งกายโดยใช้เสื้อผ้าไทย (หน้า 96 - 99, 108) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
เมื่อคนมอญเข้ามาทำงานในเมืองไทยได้ ต้องเผชิญปัญหาต่างๆ มากมายทั้งเกิดจากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจรีดไถเงิน ถูกปล้น จากคนไทย แต่มอญก็ยังประเมินว่าเจอปัญหาแบบนี้ในเมืองไทยยังดีกว่าการกลับไปอยู่ที่ประเทศพม่าอย่างเดิม (หน้า 51 - 58) การเข้ามาทำงานในบริบทสวนยางของมอญต้องปฏิสังสรรค์กับคนไทย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะความแตกต่างด้านภาษาและเชื้อชาติ และเมื่อรู้จักกันแล้วก็มักถูกคนไทยเอารัดเอาเปรียบ หรือเกรงจะถูกมองเป็นคนต่ำต้อย มอญจึงเลือกปฏิสังสรรค์กับคนไทยบางกลุ่มที่เอื้ออำนวยผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ เช่น เจ้าของร้านค้า เจ้าของสวนยาง เป็นต้น |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
Map/Illustration |
ตารางแสดงสถิติจำนวนแรงงานที่มารายงานตัวกับสำนักบริหารแรงงานต่างด้าว หน้า 2 ภาพประกอบอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการกรีดยาง (หน้า 125 - 130) |
|
|