สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ชาวพม่า,กะเหรี่ยง,คนไทยใหญ่,คนข้ามชาติ,การสื่อสารต่างวัฒนธรรม,การปรับตัว พรมแดน ประเทศไทย
Author ภริดา โกเชก
Title การสื่อสารต่างวัฒนธรรมที่มีผลต่อการปรับตัวของคนข้ามชาติ : ศึกษากรณีชาวพม่าในจังหวัดพรมแดนประเทศไทย
Document Type วิทยานิพนธ์ Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity - Language and Linguistic Affiliations จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan)
Location of
Documents
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
(เอกสารฉบับเต็ม)
Total Pages 234 Year 2548
Source หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
Abstract

งานวิจัยชิ้นนี้ศึกษากลุ่มตัวอย่างที่เป็นแรงงานพม่าจดทะเบียนกับกรมการปกครองใน 3 จังหวัด คือ เชียงราย ตาก ระนอง จำนวน 400 คน เป็นการผสมผสานระหว่างการวิจัยเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ เพื่อพัฒนาแบบจำลองการสื่อสารต่างวัฒนธรรมที่มีผลต่อการปรับตัวของคนข้ามชาติ และสื่อสารอิทธิพลต่างๆ ที่มีผลต่อการปรับตัวของคนข้ามชาติ ทั้งการศึกษาปัจจัยทางการสื่อสารของประเทศไทยและประเทศพม่า พบว่าปัจจัยที่มีอิทธิพลทางตรงเชิงบวกต่อการปรับตัวของคนข้ามชาติชาวพม่า คือ คุณลักษณะทางประชากรศาสตร์ ความสามารถในการสื่อสารในสังคมไทยและทัศนคติที่มีต่อคนในสังคมไทย ยิ่งมีปัจจัยนี้ในระดับสูงจะส่งผลให้มีการปรับตัวในระดับสูง ส่วนคนข้ามชาติที่เปิดรับสื่อมวลชนของประเทศพม่าในระดับสูงก็จะมีผลต่อการปรับตัวเข้ากับสังคมไทยน้อยลง ส่วนการสื่อสารในสังคมไทย พฤติกรรมการใช้สื่อมวลชน ปัจจัยคุณลักษณะทางประชากรศาสตร์ เป็นอิทธิพลทางอ้อมเชิงบวกต่อการปรับตัวของคนข้ามชาติชาวพม่าพร้อมกันด้วย (หน้า (1) - (2))

Focus

ศึกษากลุ่มคนข้ามชาติชาวพม่าที่อาศัยในประเทศไทย แต่มิได้ถือสัญชาติไทยว่ามีการปรับตัวอย่างไรให้เข้ากับสังคมไทยทั้งทางจิตใจและร่างกาย โดยให้ความสนใจที่พฤติกรรมสื่อสารของคนข้ามชาติชาวพม่า ที่อาศัยบริเวณจังหวัดพรมแดนของประเทศไทย (หน้า 8 - 10)

Theoretical Issues

กลุ่มคนข้ามชาติชาวพม่ามีความรู้เรื่องการสื่อสารในสังคมไม่มากนัก แต่มีแรงจูงใจในความต้องการที่จะพัฒนาความรู้และความสามารถในการสื่อสาร โดยการเรียนรู้จากคนรอบข้างและสื่อมวลชน เช่น โทรทัศน์ โดยมีเป้าหมายว่าอยากจะอยู่ในสังคมที่มีความแตกต่างทางวัฒนธรรม และเห็นว่าการปรับตัวมีประโยชน์ต่อการมีชีวิตในสังคมไทย พวกเขาบางกลุ่มต้องการการยอมรับ และพยายามแต่งกายแบบคนไทยเมื่ออยู่นอกบ้านเพื่อไม่ให้รู้ว่าเป็นพม่า (หน้า 211 - 212)

Ethnic Group in the Focus

งานวิจัยชิ้นนี้ศึกษาคนข้ามชาติชาวพม่าที่ขึ้นทะเบียนกับกรมการปกครอง ในจังหวัดที่มีพรมแดนติดกันระหว่างประเทศพม่าและประเทศไทย 3 จังหวัด คือ เชียงราย ตาก ระนอง โดยสุ่มจากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 400 คน (หน้า 11, 112 - 114, 218) กลุ่มชาติพันธุ์ส่วนใหญ่ที่ศึกษาร้อยละ 48.8 เป็นชาวพม่า รองลงมาร้อยละ 20.3 คือ กลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง ชาติพันธุ์ไทยใหญ่ร้อยละ 17.3 และกลุ่มชาติพันธุ์มอญร้อยละ 13.8 ตามลำดับ (หน้า 131) นอกจากนี้ผู้วิจัยยังได้วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพโดยเก็บข้อมูลจากคนข้ามชาติชาวพม่าจังหวัดละ 4 คน รวม 12 คน พบว่าเป็นกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงและไทยใหญ่จำนวน 4 คน ชาติพันธุ์พม่าและมอญจำนวน 2 คน (หน้า 202)

Language and Linguistic Affiliations

ผู้วิจัยพบว่าความสามารถด้านการสื่อสารในสังคมไทยของแรงงานข้ามชาติชาวพม่าอยู่ในระดับสูง สามารถโต้ตอบเป็นภาษาไทยได้ มาจากการที่กลุ่มตัวอย่าง ได้พบเห็นเหตุการณ์จริงในชีวิตประจำวัน จากนั้นเรียนรู้เพื่อมาประยุกต์ใช้กับคนในสังคมไทย ซึ่งคนข้ามชาติชาวพม่าจะมีแรงจูงใจในระดับที่สูงมาก เพื่อความก้าวหน้าในอาชีพและรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น ไม่มองอย่างแปลกแยก ส่วนทักษะในการสื่อสารนั้นก็พอพูดได้ แม้สำเนียงจะไม่ชัดก็ตาม ทักษะการอ่านเขียนมีน้อยมาก นอกจากพอเขียนชื่อตัวเองได้บ้าง (หน้า 206 - 208, 219)

Study Period (Data Collection)

ผู้วิจัยระบุว่าได้ศึกษาโดยลงพื้นที่จริงเป็นเวลา 3 เดือน แต่ไม่ได้ระบุวัน - เวลาที่ชัดเจนว่าเป็นช่วงเวลาใด (หน้า 11)

History of the Group and Community

ไม่มีข้อมูล

Settlement Pattern

ผู้วิจัยระบุถึงมูลเหตุของการย้ายถิ่นฐานของชาวพม่ามายังประเทศไทยว่ามาจากปัจจัยที่เป็นทั้งเหตุผลักดัน (Push Factors) และปัจจัยที่เป็นเหตุชักจูง (Pull Factors) โดยปัจจัยที่เป็นเหตุผลักดัน คือ ปัญหาด้านการเมืองในประเทศพม่า ที่มีการสู้รบระหว่างรัฐบาลทหาร และชนกลุ่มน้อย ปัญหาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินที่เป็นปัญหามาจากการสู้รบ และปัญหาด้านเศรษฐกิจที่ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวพม่ามีแต่ความแร้นแค้น ส่วนปัจจัยที่เป็นเหตุชักจูงให้ชาวพม่าย้ายถิ่นฐานมาเป็นแรงงานในประเทศไทย ผู้วิจัยระบุว่ามาจากความโอบอ้อมอารีของคนไทย ต้อนรับคนต่างชาติโดยไม่รังเกียจ สภาพเศรษฐกิจที่ดีกว่าเป็นสิ่งดึงดูดให้ชนกลุ่มน้อยเข้ามาแสวงหาชีวิตที่ดีกว่า ความผ่อนปรนของรัฐบาลที่ไม่เคยสกัดผลักดันผู้อพยพอย่างรุนแรง (หน้า 2 - 3) คนข้ามชาติชาวพม่าที่ผู้วิจัยได้ศึกษาจำนวน 400 คนนั้น เฉลี่ยแล้วเข้ามาอยู่ในประเทศไทยประมาณ 2 ปี ส่วนใหญ่ร้อยละ 34.3 เข้ามาอาศัยในช่วง 1 - 2 ปี ร้อยละ 27.8 เพิ่งเข้ามาไม่ถึง 1 ปี มีเพียงร้อยละ 8 เท่านั้นที่อยู่เกินกว่า 4 ปีขึ้นไป (หน้า 130 - 131, 218) นอกจากนี้ผู้วิจัยได้วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพโดยเก็บข้อมูลจากคนข้ามชาติชาวพม่าจังหวัดละ 4 คน รวม 12 คน พบว่า 4 คน เข้ามาอาศัยในประเทศไทยมากกว่า 1 ปีแต่ไม่ถึง 2 ปี และ 3 คน เข้ามาในประเทศไทยมากกว่า 2 ปีแต่ไม่ถึง 3 ปี (หน้า 202)

Demography

แรงงานต่างด้าวชาวพม่าที่ขึ้นทะเบียนกับกระทรวงแรงงานในปี พ.ศ. 2547 มีจำนวนกว่า 905,881 คน (หน้า 1) แต่จังหวัดที่ผู้วิจัยได้ศึกษา คือ เชียงราย ตาก ระนอง มีคนข้ามชาติชาวพม่าขึ้นทะเบียนกับกระทรวงแรงงานจำนวน 203,858 คน (หน้า 112) คนข้ามชาติชาวพม่าที่ผู้วิจัยได้ศึกษาจำนวน 400 คนนั้น ร้อยละ 56.3 เป็นเพศชาย อายุเฉลี่ย 28 ปี ซึ่งอยู่ในวัยทำงานเกินครึ่งจากการสำรวจทั้งหมด (หน้า 130, 218 และดูตารางคุณลักษณะทางประชากรศาสตร์ของกลุ่มตัวอย่างคนข้ามชาติชาวพม่าได้ที่หน้า 131 - 132) นอกจากนี้ผู้วิจัยยังได้วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพโดยเก็บข้อมูลจากคนข้ามชาติชาวพม่าจังหวัดละ 4 คน รวม 12 คน เป็นผู้ชายและผู้หญิงเพศละ 6 คน อายุต่ำกว่า 20 ปี จำนวน 2 คน อายุ 21 - 30 ปี จำนวน 7 คน อายุ 31 – 40 ปี จำนวน 3 คน (หน้า 201 – 202)

Economy

คนข้ามชาติชาวพม่าที่ผู้วิจัยได้ศึกษาจำนวน 400 คนนั้นส่วนใหญ่ประกอบอาชีพลูกจ้าง (ร้อยละ 33.3) รองลงมา คือ อาชีพเกษตร ปศุสัตว์ (ร้อยละ 25.3) กรรมกรก่อสร้าง (ร้อยละ 18.8) ประมงและประมงต่อเนื่อง (ร้อยละ 18.5) ในด้านรายได้นั้น คนข้ามชาติชาวพม่ามีรายได้เฉลี่ย 2,974 บาทต่อเดือน ส่วนใหญ่ร้อยละ 37.8 ได้เงินเดือนระหว่าง 2,000 - 3,000 บาทต่อเดือน รองลงมา 29.3 ได้เงินเดือนต่ำกว่า 2,000 บาทต่อเดือน (หน้า 130, 218) นอกจากนี้ผู้วิจัยยังได้วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพโดยเก็บข้อมูลจากคนข้ามชาติชาวพม่า จังหวัดละ 4 คน รวม 12 คน พบว่าอาชีพมีความหลากหลายคละเคล้ากันไป เช่นเดียวกับตัวอย่างประชากรหลักข้างต้น จำนวน 5 คน มีรายได้ระหว่าง 2,001 - 3,000 บาท รองลงมา 4 คนมีรายได้ระหว่าง 1,000 - 2,000 บาทต่อเดือน ขณะที่ 2 คนมีรายได้ระหว่าง 3,001 - 4,000 บาท ส่วนคนที่มีรายได้มากกว่า 4,001 บาทขึ้นไปมีเพียง 1 คนเท่านั้น (หน้า 202)

Social Organization

ไม่มีข้อมูล

Political Organization

ไม่มีข้อมูล

Belief System

ทัศนคติของคนข้ามชาติชาวพม่าที่มีต่อคนไทยมีทั้งด้านบวกและลบ ทัศนคติด้านบวกจะรับรู้ถึงความมีน้ำใจ ความเป็นมิตร เข้ากับคนได้ง่ายของคนไทย ส่วนทัศนคติด้านลบจะออกไปในแนวของการน้อยเนื้อต่ำใจ ความกังวลในความไม่แน่นอน (หน้า 208 - 209, 219) การปรับตัวของพวกเขาให้เข้ากับสังคมไทยในด้านความคิดจะช่วยให้แรงงานพม่ามีโอกาสก้าวหน้าในงานของตนมากขึ้น (หน้า 211 - 214)

Education and Socialization

คนข้ามชาติชาวพม่าที่ผู้วิจัยได้ศึกษาจำนวน 400 คนนั้นส่วนใหญ่ได้เรียนชั้นประถม 1 - 4 ปี (ร้อยละ 24.3) รองลงมาคือชั้นประถมต้น (ร้อยละ 23.5) มีบางกลุ่มได้เรียนชั้นประถมปลาย เรียนจากวัด ไม่ได้เรียน (ร้อยละ 16, 15 , 13 ตามลำดับ) มีเพียงร้อยละ 7.5 ที่ได้เรียนเกินกว่าชั้นประถมคือเรียนเทคนิค (หน้า 130 , 218) นอกจากนี้ผู้วิจัยยังได้วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพโดยเก็บข้อมูลจากคนข้ามชาติชาวพม่าจังหวัดละ 4 คน รวม 12 คน มีคนที่ไม่ได้เรียน 2 คน เรียนที่วัด 3 คน ประถม 1 - 4 จำนวน 4 คน ประถมต้น 5 - 8 ปี จำนวน 2 คน และประถมปลาย 9 - 10 ปี จำนวน 1 คน (หน้า 202) ในงานวิจัยชิ้นนี้ผู้วิจัยระบุว่าคนข้ามชาติชาวพม่าใช้สื่อมวลชนทั้งโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร ภาพยนตร์ VCD ทั้งของไทยและพม่า โดยสื่อที่เป็นที่นิยมมากคือภาพยนตร์ VCD ส่วนสื่อที่ต้องใช้ทักษะการอ่านอย่างหนังสือพิมพ์จะไม่ได้รับความนิยมเลย (หน้า 209 - 211, 219 - 220) คนพม่าอยากได้รับการยอมรับจากคนไทย การปฏิบัติตัวทั้งการแต่งกาย ไม่ทาแป้ง ไม่กินหมากอย่างคนพม่า พูดไทยให้ชัด เป็นความพยายามปรับความคิดของพวกเขาให้เข้ากับคนไทยมากที่สุด (หน้า 212)

Health and Medicine

ไม่มีข้อมูล

Art and Crafts (including Clothing Costume)

คนข้ามชาติชาวพม่ามีความพยายามปรับตัวในด้านพฤติกรรมเพื่อให้เข้ากับสังคมไทยมากที่สุด ไม่นุ่งโสร่งออกนอกบ้าน ไม่กินหมาก ไม่ทาแป้งพม่า แต่จะทำใน "พื้นที่" ของพวกเขาที่อยู่รวมตัวกัน (หน้า 214 - 216)

Folklore

ไม่มีข้อมูล

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

ไม่มีข้อมูล

Social Cultural and Identity Change

ไม่มีข้อมูล

Critic Issues

ไม่มีข้อมูล

Other Issues

ไม่มีข้อมูล

Map/Illustration

ผู้เขียนได้ใช้ตารางและภาพ เพื่อช่วยอธิบายข้อมูลเกี่ยวกับงานวิจัยให้เข้าใจง่ายขึ้น เช่น ตารางที่ 3 หน้า 131 ที่แสดงถึงคุณลักษณะทางประชากรศาสตร์ของกลุ่มตัวอย่างคนข้ามชาติชาวพม่า และตารางที่แสดงการประมวลผลทางสถิติในด้านต่างๆ นอกจากนี้ยังมีภาพประกอบที่ทำให้เข้าใจงานวิจัยได้ง่ายขึ้น เช่น ภาพการกระจายตัวของกลุ่มชาติพันธุ์ชนกลุ่มน้อยในประเทศพม่า (หน้า 7) ภาพแสดงแบบจำลองด้านชาติพันธุ์ (หน้า 159)

Text Analyst สิทธิพร จรดล Date of Report 21 ก.พ. 2565
TAG ชาวพม่า, กะเหรี่ยง, คนไทยใหญ่, คนข้ามชาติ, การสื่อสารต่างวัฒนธรรม, การปรับตัว พรมแดน ประเทศไทย, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง