สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject กะเหรี่ยงโปว์,บ้านเรือน,แม่ฮ่องสอน
Author ธีรวรรณ สมะพันธุ
Title เรือนกะเหรี่ยงโปว์ หมู่บ้านแม่จ๊าง
Document Type ปริญญานิพนธ์ Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity โพล่ง โผล่ง โผล่ว ซู กะเหรี่ยง, Language and Linguistic Affiliations จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan)
Location of
Documents
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Total Pages 141 Year 2520
Source หลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูง ภาควิชาศิลปสถาปัตยกรรม สถาปัตยกรรม บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร
Abstract

          งานนี้กล่าวถึงเรือนของกะเหรี่ยงโปว์ หมู่บ้านแม่จ๊าง อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งพบว่าเรือนกะเหรี่ยงโปว์มีความเหมาะสมกับสภาพแวดล้อม สภาพอากาศ เศรษฐกิจ วัฒนธรรมและสังคม บ้านเรือนในหมู่บ้านแม่จ๊างตั้งแอยู่บนที่ลาดชัน เรือนจะวางในแนวเหนือใต้หันหน้าเรือนเข้าสู่ถนน ขนาดของบ้านแบ่งเป็น 2 แบบ คือ ขนาดใหญ่มียุ้งข้าวแยกต่างหากตั้งอยู่หน้าบ้าน ส่วนบ้านขนาดเล็กจะเก็บข้าวไว้ในgรือน ใต้ถุนบ้านใช้เก็บของและเลี้ยงสัตว์ วัสดุที่ใช้เป็นวัสดุที่หาได้ง่ายในท้องถิ่นซึ่งเหมาะสมกับฐานะและความเป็นอยู่

Focus

          ศึกษาลักษณะสถาปัตยกรรมเรือนแบบดั้งเดิมของกะเหรี่ยงโปว์ ในหมู่บ้านแม่จ๊าง อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นหมู่บ้านในถิ่นทุรกันดาร เป็นหมู่บ้านที่ตั้งมานานไม่ร้อยกว่า 120 ปี (หน้า 1) แต่ยังคงรักษาเรือนพักอาศัยแบบดั้งเดิมไว้ในสภาพเดิม ในการศึกษาครั้งนี้ก็เพื่อเป็นการรวบรวมข้อมูลก่อนที่สถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมจะสูญหายไปและเพื่อเป็นหลักฐานในการค้นคว้าสำหรับผู้ที่สนใจ (หน้า 2)

Theoretical Issues

          ไม่มีข้อมูล

Ethnic Group in the Focus

          กะเหรี่ยงเป็นชาติพันธุ์ที่อยู่ในตระกูล ธิเบต-พม่า กะเหรี่ยงที่อยู่ในประเทศไทย ส่วนมากอพยพมาจากประเทศพม่าเมื่อประมาณ 200 ปีก่อน และอพยพอีกครั้งเมื่อ พ.ศ.2428 เมื่ออังกฤษเข้ายึดครองภาคเหนือของพม่า กะเหรี่ยงแบ่งเป็น 4 กลุ่มย่อย ได้แก่ 1) กะเหรี่ยงสะกอ หรือคนไทยภาคเหนือเรียกว่า “ยางขาว บางครั้งก็เรียก”ยางบ้าน “ 2) กะเหรี่ยงโปว์หรือคนไทยภาคเหนือเรียก “ยางโปว์” หรือ ”ยางป่า” 3) กะเหรี่ยงบเว คนไทยเรียก “ยางแดง”แต่กะเหรี่ยงบเวจะเรียกตนเองว่า ”กะยา” (หน้า 5) 4) กะเหรี่ยงต่องตู่ หรือพะโอ ในกลุ่มคนไทยและไทยใหญ่เรียกว่า “ต่องสู้” แต่กลุ่มนี้จะเรียกตนเองว่า “โปว์”บ้างก็ว่า” พะโอ” (หน้า 6)

Language and Linguistic Affiliations

          ภาษากะเหรี่ยงแยกย่อยเป็นภาษาถิ่นแต่ไม่ค่อยมีความเกี่ยวพันกัน ได้แก่ ภาษาสะกอ โปว์และบเว แม้มีความใกล้เคียงกันแต่ไม่สามารถสื่อสารกันได้เข้าใจ สำหรับตัวหนังสือของสะกอนั้น เมื่อ พ.ศ.2375 คณะมิชชันนารีได้ดัดแปลงการใช้โดยส่วนมากจะใช้ตัวอักษรของพม่า ภายหลังตัวหนังสือได้เผยแพร่ไปยังกะเหรี่ยงโปว์ สำหรับการพูดนั้นกะเหรี่ยงที่อยู่บนภูเขาจะสามารถพูดได้หนึ่งภาษาส่วนกลุ่มที่อยู่ที่ราบต่ำจะพูดได้ทั้งภาษาไทยหนือภาษาพม่า ในกลุ่มที่อยู่ในจังหวัดแม่ฮ่องสอนจะสามารถพูดภาษาไทยภาคเหนืออีกด้วย (หน้า 6)

Study Period (Data Collection)

          ธันวาคม 2519-มีนาคม 2520 (หน้า 2)

History of the Group and Community

          ไม่มีข้อมูล

Settlement Pattern

          เรือนกะเหรี่ยงโปว์ แบ่งออกเป็น 2 แบบ ได้แก่ เรือนขนาดใหญ่กับเรือนขนาดเล็ก เรือนส่วนมากจะวางตามแนวเหนือ ใต้ แต่ละหลังจะตั้งห่างกัน 5-30 เมตร ส่วนพื้นที่ใช้สอยในเรือนจะเป็นแบบเดียวกัน โดยจะมีลักษณะดังนี้ (หน้า 50,140 ) เรือน มีลักษณะเป็นเรือนขนาดใหญ่ที่มีสมาชิกอย่างต่ำ 4 คน การแบ่งพื้นที่ห้องแบ่งเป็นส่วนนอกและส่วนใน สำหรับห้องส่วนนอกนั้นจะมีพื้นที่ขนาดใหญ่ ในส่วนกลางเป็นที่ตั้งเตาไฟ ด้านข้างของเตาไฟจะเป็นที่นอนของ พ่อ แม่และลูก สำหรับห้องที่เป็นส่วนในเป็นที่นอนของลูกสาว (หน้า 50 ภาพหน้า 53 เตาไฟหน้า 65,66) เรือนของหนุ่มสาวที่เพิ่งสร้างครอบครัวใหม่มักเป็นเรือนขนาดเล็ก หากมีลูกหลายคน (หน้า 50 ภาพหน้า 53) ก็จะขยายบ้านใหญ่กว่าเดิม สำหรับยุ้งข้าวจะมีขนาดประมาณ 1.50 - 2.00 เมตร จะตั้งอยู่ด้านหน้าเรือน ห่างจากเรือน 2-5 เมตร (หน้า 51ภาพหน้า 54,55) ส่วนครกกระเดื่อง จะตั้งทางทิศตะวันออกของชายคาด้านข้างเรือน (หน้า 52 ภาพหน้า 57,58) พื้นที่บนเรือนจัดแบ่งได้เป็น 3 ส่วนคือ พื้นที่มีฝากั้นเช่น ห้องนอน ครัวไฟ ส่วนที่มีชายคาคลุม ไม่กั้นฝา ได้แก่ ระเบียง ร้านน้ำ(ที่วางภาชนะใส่น้ำดื่ม -หน้า 64,81) และส่วนนอกชายคาประกอบด้วย ชาน ซึ่งจะลดระดับต่ำกว่าพื้น 10-25 ซม.ทำด้วยไม้ไผ่หรือไม้เนื้อแข็ง (หน้า 71 มีภาพชานหน้า 72,73,116 และร้านน้ำ) บ้านไม่มีหน้าต่าง ประตูมี 1 บาน สานด้วยไม้ไผ่ขัดแตะ(หน้า 62 ประตูหน้า 119,121) พื้นเรือน จะสูงประมาณ 0.30-1.80 เมตร ใต้ถุนจะสูงไม่เสมอกันเพราะสร้างบ้านอยู่บนเนินจึงทำให้ใต้ถุนอีกด้านต่ำเพราะอยู่บนเนินส่วนปลายอีกด้านซึ่งใต้ถุนสูงจะใช้เป็นที่เก็บฟืน เลี้ยงสัตว์และอื่นๆ สำหรับบันไดรูปทรงจะกว้างทางด้านบนและแคบเข้าทางด้านล่างบันไดมี 2 แบบคือบันไดทางขึ้นหลักซึ่งอยู่ชานเรือนด้านทิศตะวันตกจะมีขั้นบันไดประมาณ 3 ขั้น ส่วนบันไดที่อยู่ใต้ชายคาติดระเบียงมีขั้นบันได 5-7 ขั้น (หน้า 84 ภาพบันไดหน้า 88,89,118) เสาและคานเป็นไม้จริง (หน้า 110 ภาพหน้า 115) การตั้งเสาจะตั้งห่างกันประมาณ 2 เมตร(หน้า 112)พื้นเป็นไม้ไผ่และไม้จริง ฝาเป็นไม้ไผ่สานขัดแตะ (หน้า 111) หลังคา โครงสร้างเป็นไม้ไผ่ มุงหญ้าคา (หน้า 112) หญ้าแฝกและใบตองตึง (หน้า 122 ภาพหลังคาหน้า 125,126) วัสดุก่อสร้าง เป็นวัสดุที่หาได้ในท้องถิ่น เช่น ไม้ ไม้ไผ่ หญ้าคา ใบตองตึงฯลฯ (หน้า 127,128)

Demography

          กะเหรี่ยงหมู่บ้านแม่จ๊างมีจำนวน 47 หลังคาเรือน มีประชากร 235 คนโดยแยกเป็นผู้ชาย 72 คน ผู้หญิง 80 คน เป็นเด็กชาย 41 คนและเด็กหญิง 42 คน (ข้อมูล พ.ศ 2516 หน้า 12)

Economy

          กะเหรี่ยงโปว์บ้านแม่จ๊างมีอาชีพหลักคือการปลูกข้าว(20) โดยจะปลูกในไร่เลื่อนลอย (หน้า 21) นอกจากนี้ก็จะเลี้ยงสัตว์ เช่น ไก่ หมู วัว ควาย เพื่อเอาไว้กินในครอบครัวและใช้แรงงานในไร่นา ส่วนอาชีพเสริม ได้แก่ รับจ้าง ทอผ้า ขายเครื่องจักสาน เป็นต้น (หน้า 22)

Social Organization

          ในสังคมของกะเหรี่ยงจะมีการแต่งงานแบบผัวเดียวเมียเดียว ไม่ค่อยมีปัญหาการหย่าร้าง การจัดงานแต่งงานส่วนมากทำกัน 2 วันโดยเริ่มจากการจัดที่บ้านเจ้าสาวในวันแรก และจัดงานที่บ้านเจ้าบ่าวในวันต่อมา การทำพิธีขบวนเจ้าบ่าวจะแห่ไปที่บ้านเจ้าสาว แล้วเจ้าสาวก็จะเปลี่ยนชุดใหม่ให้เจ้าบ่าว ต่อมาก็จะเลี้ยงอาหารแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน เมื่อแต่งงานเป็นสามีภรรยาแล้วก็จะอยู่ที่บ้านของพ่อแม่ฝ่ายภรรยาเป็นเวลา 1 ปี (หน้า 19)

Political Organization

          ไม่มีข้อมูล

Belief System

          หากคนที่ตายเป็นภรรยาของหัวหน้าครอบครัว สัตว์เลี้ยงที่เลี้ยงไว้จะถูกฆ่าทั้งหมดแล้วจะนำเสื่อมาห่อศพมาวางไว้ที่ร้านบริเวณลานบ้าน สำหรับการทำพิธีในช่วงกลางวัน ผู้สูงอายุในหมู่บ้านจะมาร้องเพลงเพื่อให้วิญญาณผู้เสียชีวิตได้ไปสวรรค์ สำหรับขั้นตอนในช่วงกลางคืนหนุ่มสาวจะมาร้องเพลงรอบศพแล้วหว่านเมล็ดพันธุ์พืช (หน้า 19) เพื่อให้ผู้เสียชีวิตนำไปปลูกในนรก เมื่อประกอบพิธีเรียบร้อยแล้วก็จะเคลื่อนย้ายศพไปฝังที่ป่าช้า (หน้า 20)

Education and Socialization

          การศึกษาของเด็กในหมู่บ้านแม่จ๊างไม่ค่อยประสบผลสำเร็จเพราะเด็กต้องช่วยทำงานด้านการเพาะปลูกของครอบครัว สำหรับโรงเรียนประจำหมู่บ้านมีนักเรียน 40 คน ครู 4คน มีอาคารเรียน 1 หลัง และบ้านพักครู 2 หลัง (หน้า 23)

Health and Medicine

          ในหมู่บ้านแม่จ๊างไม่มีเจ้าหน้าที่อนามัยประจำหมู่บ้าน สำหรับการรักษาพยาบาลนั้นทางหน่วยจะให้คำแนะนำและมอบยารักษาโรคไว้ให้ ส่วนการรักษาโรคทุกวันนี้ยังใช้ยาแผนปัจจุบัน และด้วยวิธีไสยศาสตร์ (หน้า 23)

Art and Crafts (including Clothing Costume)

          การแต่งกาย ผู้ชาย สวมกางเกงตัวหลวมๆ สวมเสื้อทรงกระสอบสีแดง เย็บตะเข็บกลางเสื้อมีช่องเพื่อสวมทางศีรษะและเจาะช่องเป็นแขนเสื้อ (หน้า 7) ส่วนมากไว้ผมยาวแล้วขมวดไว้กลางศรษะ โพกหัวด้วยผ้าสีขาว หนุ่มโสดตกแต่งเสื้อผ้าด้วยลูกปัดหลากสีสันและชอบสักที่บริเวณต้นขาและแขน (หน้า 16 ภาพหน้า18) ผู้หญิงมีครอบครัว จะสวมเสื้อตัวสั้นสีดำหรือสีน้ำเงิน ประดับด้วยด้ายสี สวมผ้านุ่งเป็นผ้าลายขวางสีแดงสลับด้วยสีต่างๆ (หน้า 7) ผู้หญิงโสดและเด็กหญิง สวมเสื้อทรงกระสอบสีขาวคลุมจรดข้อเท้า (หน้า 7)ประดับสวดลายที่บริเวณไหล่และอกเสื้อ (หน้า 16 ภาพ หน้า 17)

Folklore

          ไม่มีข้อมูล

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

          ไม่มีข้อมูล

Social Cultural and Identity Change

          ไม่มีข้อมูล

Critic Issues

          ไม่มีข้อมูล

Other Issues

          ไม่มีข้อมูล

Map/Illustration

แผนที่

  • กลุ่มชาติพันธุ์และภาษา (หน้า4)
  • จังหวัดแม่ฮ่องสอน (หน้า 9)
  • หมู่บ้านแม่จ๊าง (หน้า 29)
  • แผนผัง บ้านแม่จ๊าง (หน้า 36,38)
  • การคมนาคม (หน้า 39)
  • การวางตัวเรือนพักอาศัยและยุ้งข้าว (หน้า 48)
  • บริเวณบ้าน (หน้า 49,59,93)
  • หลังคาและชาน (หน้า 94)
  • แปลนพื้นชั้นบน (หน้า 96)
  • พื้นที่ใช้สอยในเรือน (หน้า 132-135)
ภาพ
  • การแต่งกายของผู้ชายกะเหรี่ยงโปว์ (หน้า 18)
  • เครื่องจักสาน (หน้า 25)
  • เครื่องมือปั่นฝ้าย (หน้า 26)
  • ถนนเข้าหมู่บ้านแม่จ๊าง (หน้า 31)
  • การทำไร่,การทำนาขั้นบันได (หน้า 32)
  • จำนวนน้ำฝนตกที่บ้านดงหลวง อำเภอแม่สะเรียงระหว่างมีนาคม 2511-กุมภาพันธ์ 2512 (หน้า 34)
  • ทางในหมู่บ้านแม้จ๊าง (หน้า 40,41,42)
  • ภูมิประเทศ (หน้า 43)
  • การตั้งบ้านเรือน (หน้า 44)
  • การออกแบบหลังคา (หน้า 47)
  • เรือนขนาดใหญ่,เล็ก (หน้า 53)
  • ยุ้งข้าว (หน้า 54) สวนครัว (หน้า 55) ลานบ้าน (หน้า 56)
  • บริเวณที่ตำข้าว (หน้า 57) ครกกระเดื่อง (หน้า58) ห้องนอนและครัวไฟ (หน้า 65) ชั้นวางของเครื่องใช้,เตาไฟ (หน้า 66,67)
  • ระเบียง (หน้า 68) ชายคาเรือน (หน้า 69) นอกชาน (หน้า 70,72) การลดระดับพื้นชาน (หน้า 73)
  • ตากผลิตผลทางเกษตรกรรม (หน้า 74)
  • ร้านน้ำ (หน้า 81)
  • เรือนกะเหรี่ยงแม่จ๊าง (หน้า 86,87) บันได (หน้า 88) ใต้ถุนสูง (หน้า 89) ด้านข้างของเรือน (หน้า 90) ชั้นสำหรับวางตระกร้าใส่ไก่ในเวลากลางคืน (หน้า 91) หลังคาเรือน (หน้า 92) รูปเรือนด้านหน้า (หน้า 97,98) รูปตัดตามขวาง (หน้า 99) แบบขยายเสาตอม่อ (หน้า 100) กรอบไม้ไผ่บังคับตงขอบระเบียง (หน้า 101) ขื่อ,จั่ว (หน้า 102) ประตูด้านใน (หน้า 103) ประตูไม้จริงด้านนอก (หน้า 104) เตาไฟ (หน้า 109) โครงสร้างพื้นเรือน (หน้า 113) โครงสร้างหลักของเรือน (หน้า 114) แสดงการยึดระหว่างโครงสร้าง (หน้า 115) พื้นฟาก (หน้า 116) พื้นชานเรือน (หน้า 117) บันไดไม้ไผ่ (หน้า 118) ฝาเรือนและประตู (หน้า 119,120,121) เสาประธาน (หน้า 122) โครงสร้างหลังคา (หน้า 123,124,125) ฝา (หน้า 126) วัสดุก่อสร้าง (หน้า 127,128) สัดส่วนสัมพันธ์ระหว่างคนกับอาคาร (หน้า 136) เรือนกะเหรี่ยงสะกอ บ้านขุนแม่กะไน,บ้านแม่เหาะ (หน้า 137,138)

Text Analyst ภูมิชาย คชมิตร Date of Report 30 ม.ค. 2560
TAG กะเหรี่ยงโปว์, บ้านเรือน, แม่ฮ่องสอน, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง