|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ปกาเกอะญอ จกอ คานยอ (กะเหรี่ยง),วิถีชีวิต,สังคม,เชียงใหม่ |
Author |
วิไลพร ชะมะผลิน |
Title |
บทบาททางสังคมและเศรษฐกิจของสตรีชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง (สะกอ) |
Document Type |
รายงานการวิจัย |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ปกาเกอะญอ,
|
Language and Linguistic Affiliations |
จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดมานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) |
Total Pages |
30 |
Year |
2522 |
Source |
ศูนย์วิจัยชาวเขา กองสงเคราะห์ชาวเขา กรมประชาสงเคราะห์ |
Abstract |
เนื้อหากล่าวถึงบทบาทของผู้หญิงกะเหรี่ยงสะกอที่อยู่ในพื้นที่กรณีศึกษา 4 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านผาแตก บ้านผาแด่น บ้านแม่หลอดและบ้านแม่เจี้ยว อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจะเน้นที่บ้านผาแตกซึ่งจากการศึกษาพบว่า ผู้หญิงกะเหรี่ยงสะกอมีบทบาทสำคัญในการดูแลครอบครัวเช่นการทำงานบ้าน เลี้ยงดูลูก ทำไร่ หาอาหาร รวมทั้งทำงานรับจ้างเพื่อเลี้ยงครอบครัวในกรณีที่มีข้าวไม่พอบริโภค รวมทั้งเป็นที่ปรึกษาของสามีและดูแลครอบครัวหากสามีไปทำงานในพื้นที่ห่างไกลจากหมู่บ้าน |
|
Focus |
ศึกษาบทบาททางสังคมและเศรษฐกิจตามสถานะภาพต่างๆ ในครัวเรือน ของกะเหรี่ยงสะกอ ครัวเรือนที่เกี่ยวข้อง และความสัมพันธ์ทางเครือญาติและสังคมทั่วไปของหมู่บ้าน (หน้า 2) |
|
Ethnic Group in the Focus |
ประชากรศึกษาเป็นกะเหรี่ยงสะกอใน 4 หมู่บ้านได้แก่บ้านผาแตก บ้านผาแด่น บ้านแม่หลอดและบ้านแม่เจี้ยว ในการศึกษาจะเน้นที่บ้านผาแตกเป็นหลัก (หน้า 3) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ภาษากะเหรี่ยงสะกอ กะเหรี่ยงสะกอมีภาษาเป็นของตัวเอง แต่ในอดีตนั้นคนส่วนใหญ่จะอ่านและเขียนภาษากะเหรี่ยงสะกอไม่ได้ ในพื้นที่กรณีศึกษาบ้านผาแตกมีชายสูงอายุหนึ่งคน ที่รู้ตัวหนังสือภาษากะเหรี่ยงสะกอ ส่วนที่หมู่บ้านแม่ตอ อำเภอแม่แตง ได้นำตัวอักษรภาษานี้มาใช้สอนเด็กนักเรียน ซึ่งคณะมิชชันนารีได้นำคัมภีร์ภาษากะเหรี่ยงสะกอ จากพม่าเพื่อนำมาใช้เผยแผ่ศาสนา (หน้า 19) |
|
Study Period (Data Collection) |
ธันวาคม 2521 - กันยายน 2522 (หน้า 2) |
|
History of the Group and Community |
|
Settlement Pattern |
บ้านกะเหรี่ยงสะกอ สร้างยกพื้นสูงจากดิน 5 ถึง 6 ฟุต เสาทำด้วยไม้ไผ่กับไม้เนื้อแข็ง ฝาและพื้นกั้นด้วยไม้ไผ่ พื้นที่ใช้สอยแบ่งเป็น 2 ส่วนได้แก่ ชานหัวบันไดกับห้องใหญ่ซึ่งเป็นห้องเอนกประสงค์ ใช้นอน ทำอาหารและเป็นที่ต้อนรับแขกที่มาเยี่ยม ตั้งเตาไฟไว้ในบ้าน เหนือเตาไฟจะทำเป็นชั้นเก็บเมล็ดพันธุ์พืช เช่น ข้าวโพดและอื่นๆ และเก็บกระดูกคางหมูที่เป็นหมูตัวแรกของบ้านเพราะเชื่อว่าจะทำให้คนในบ้านอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข ป้องกันอันตรายจากไฟไหม้ ป้องกันขโมยขึ้นบ้าน เป็นต้น บรรยากาศภายในบ้านค่อนข้างมืดแสงไม่พอ เนื่องจากไม่มีหน้าต่าง หลังคามุงด้วยใบคา สังกะสีและกระเบื้อง (หน้า 4) ยุ้งข้าวแยกออกจากตัวบ้านลักษณะเป็นห้องสี่เหลี่ยมใต้ถุนสูง (หน้า 5) |
|
Demography |
หมู่บ้านผาแตกมีจำนวนมากที่สุด 25 หลังคาเรือน บ้านแม่เจี้ยวมีจำนวนหลังคาเรือนน้อยที่สุด 11 หลังคาเรือน เฉลี่ยมีหมู่บ้านละ 19.5 หลังคาเรือน (หน้า 3) |
|
Economy |
เศรษฐกิจ กะเหรี่ยงบ้านผาแตกทำการเกษตรเป็นอาชีพหลัก ในแต่ละครัวเรือนจะปลูกข้าวจ้าวและข้าวเหนียวจำนวนหนึ่ง สำหรับรายได้ส่วนอื่นจะมาจากการขายเครื่อง จักสาน ทำงานรับจ้าง หากปีไหนแห้งแล้งปลูกข้าวไม่พอกินในครอบครัวก็จะไปรับจ้างหาเงินมาซื้อข้าว (หน้า 6) ส่วนการปลูกข้าวไร่นั้นผู้หญิงจะมีบทบาทในการเลือกที่ดิน (หน้า 22) ปลูกข้าวและปลูกพืชในไร่ (หน้า 23) และกำจัดวัชพืช เป็นต้น (หน้า 24) |
|
Social Organization |
ครอบครัว ผู้หญิงกะเหรี่ยงสะกอมีหน้าที่สำคัญในการดูแลครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นการทำงานบ้าน ตำข้าว เก็บฟืน ทำอาหาร (หน้า 29) หากในครอบครัวข้าวไม่พอกินก็จะไปรับจ้างหารายได้มาเลี้ยงครอบครัว (หน้า 30) การแต่งงาน เมื่อชายหนุ่มรักชอบพอกับหญิงสาวก็จะให้พ่อแม่ไปสู่ขอ หากพ่อแม่ฝ่ายหญิงตกลงก็จะกำหนดวันแต่งงานและเตรียมต้มเหล้าเก็บไว้ดื่มในวันงาน การแต่งงานหรือ การกินแขก ใน 4 หมู่บ้านที่เป็นกรณีศึกษา จะทำพิธีที่บ้านเจ้าสาวก่อนโดยจะทำพิธีเลี้ยงอาหารแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน ให้หมอผีจัดสำรับอาหารเพื่อประกอบพิธีบูชาเจ้าที่และเพื่อนบ้านจะมาช่วยกันจัดเตรียมอาหาร ช่วงเช้าของวันต่อมาจะประกอบพิธี ป้อนข้าว โดยเจ้าบ่าวจะมาที่บ้านเจ้าสาวแต่เช้ามืดและจะให้เด็กผู้ชายกับเด็กหญิงที่พ่อแม่ยังมีชีวิตอยู่มาป้อนไก่ต้ม 2 ตัว คนละ 1 คำ และไก่ที่เหลือจะมอบให้เด็กคนละตัว นอกจากนี้ เด็กผู้หญิงอาจจะได้สร้อยเป็นของขวัญ (หน้า 11) ช่วงกลางวันเจ้าสาวจะเปลี่ยนจากชุดคลุมสีขาวมาสวมผ้าถุงแดง สวมเสื้อสีดำที่ประดับด้วยลวดลาย ขั้นตอนต่อมา เจ้าบ่าวก็จะมาเปลี่ยนชุดที่บ้านเจ้าสาว โดยจะสวมกางเกงกะเหรี่ยงสีดำสวมเสื้อสีแดง จากนั้นเจ้าบ่าวจะกลับบ้านและมาที่บ้านเจ้าสาวอีกครั้งในตอนเย็น เมื่อมาถึงเจ้าสาวจะรอรับที่หัวบันได นำหินลับมีดวางให้เจ้าบ่าวเหยียบและล้างเท้าให้เจ้าบ่าว สาเหตุที่ทำเช่นนี้ก็เพราะเชื่อว่าจะทำให้มีแต่ความสงบร่มเย็นเนื่องจากหินลับมีดมักวางอยู่ใกล้น้ำ ต่อจากนั้นก็ถือว่าทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวเป็นสามีภรรยากัน ตามประเพณีกะเหรี่ยงสะกอ เมื่อแต่งงงาน3 วันแรกถือว่าเป็นการอยู่กรรมไม่ให้เดินทางไกล (หน้า 12) หลังจากแต่งงานแล้วผู้ชายจะต้องไปอยู่ที่บ้านภรรยาไม่น้อยกว่า 1 ปี จึงจะแยกไปสร้างครอบครัวของตนเอง (หน้า 5) การแต่งงานของกะเหรี่ยงสะกอจะเป็นแบบผัวเดียวเมียเดียว (หน้า 2) ไม่ค่อยพบปัญหาเรื่องการหย่าร้าง (หน้า 10) |
|
Political Organization |
หมู่บ้านกรณีศึกษามี 4 หมู่บ้าน แต่ละหมู่บ้านจะมีผู้นำปกครองอย่างเป็นทางการและมีหมอผี หรือ ยี่โคะ เป็นผู้นำในการประกอบพิธีในหมู่บ้านของตน (หน้า 3) |
|
Belief System |
ศาสนาและความเชื่อ การนับถือศาสนาของกะเหรี่ยงสะกอแบ่งได้ดังนี้ กะเหรี่ยงบ้านผาแตก ผาแด่นนับถือศาสนาพุทธ ในหมู่บ้านแม่หลอดบางครอบครัวนับถือศาสนาคริสต์ นอกจากนับถือศาสนายังนับถือผีไปด้วยพร้อมกัน (หน้า 5) ผีที่นับถือ ได้แก่ ผีบ้านคือผีประจำหมู่บ้านซึ่งจะทำพิธีเลี้ยงผีบ้านหรือเรียกว่า ถ่อกะจ่า หมายถึง การขึ้นเจ้า ซึ่งจะประกอบพิธีปีละ 2 ครั้ง ในกรณีที่เกิดเรื่องไม่เป็นมงคลในหมู่บ้านก็จะจัดเพิ่มขึ้น (หน้า 16) และผีเรือนซึ่งเป็นผีของบรรพบุรุษที่ล่วงลับ นอกจากนี้ยังเชื่อว่าผีนั้นอยู่ทุกหนทุกแห่งเช่นที่ไร่ ในแม่น้ำ เป็นต้น (หน้า 6) |
|
Education and Socialization |
หญิงกะเหรี่ยงบ้านผาแตกส่วนมากมีความรู้หนังสือพออ่านออกเขียนได้ ซึ่งพบว่าความสามารถในการพูดและฟังภาษาไทยเหนือของหญิงกะเหรี่ยงคิดเป็น 69 % ขณะที่ผู้ชายฟังและพูดได้จำนวน 100% ทั้งนี้เนื่องจากการคมนาคมไม่สะดวก หน้าที่ต่างๆ จึงเป็นของผู้ชาย ดังนั้นจึงมีโอกาสได้ใช้ภาษาไทยเหนือมากกว่าผู้หญิง (หน้า 20) |
|
Health and Medicine |
การสุขาภิบาลไม่สะดวกสบาย เพราะไม่มีส้วมใช้ เมื่อจะขับถ่ายจะไปที่ป่าใกล้บ้าน (หน้า 5) ส่วนด้านสุขภาพอื่นๆ ที่กล่าวถึงในงานเขียน ได้แก่ การคุมกำเนิดซึ่งทุกวันนี้หญิงกะเหรี่ยงสะกอบ้านผาแตกจะมีการวางแผนครอบครัวด้วยการฉีดยา ไม่นิยมกินยาคุมหรือทำหมันหญิง ส่วนการทำหมันชายก็ไม่เป็นที่นิยมเช่นกัน (หน้า 14) ในอดีตหญิงกะเหรี่ยงจะมีลูกมากโดยจะมีลูกไปเรื่อยๆ กระทั่งถึงวัยหมดประจำเดือน ดังนั้นจึงมียอดอัตราของเด็กทารกเป็นจำนวนมาก (หน้า 13) การมีลูกมากนั้นทำให้หญิงกะเหรี่ยงมองเห็นความยากลำบากในการเลี้ยงลูก ทุกวันนี้จึงให้ความสำคัญกับการวางแผนครอบครัวมากกว่าในอดีต (หน้า 14) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
ต่าง (ภาชนะใส่เมี่ยง) ลักษณะทรงกระบอกสูงประมาณ 75 เซนติเมตร มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 40 เซนติเมตร สานด้วยไม้ไผ่ ภาชนะแบบนี้ 1 อันจะใส่เมี่ยงได้ 250 -300 กำ ตามปกติแล้วกะเหรี่ยงจะสานต่าง ได้วันละ 3-4 ใบ โดยใน 5 วันจะสานได้ 8 หลัง( 1 หลัง=2ใบ)ราคาขายจะอยู่ที่หลังละ 15 บาท เฉลี่ยจะมีรายได้ 30 บาทต่อวัน (หน้า 26) |
|
Folklore |
นิทานสาเหตุที่กะเหรี่ยงสะกอไม่รู้หนังสือ กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เมื่อเทพพระเจ้าได้มอบความรู้ให้กลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ แต่กะเหรี่ยงสะกอไปรับไม่ทัน เทพเจ้าจึงฝากไว้กับพี่น้องของกะเหรี่ยงสะกอ ได้แก่ คนไทย ฝรั่งและชาติอื่นๆ แต่คนที่รับฝากนั้นได้เอาไปวางไว้ที่ไร่ แต่หมูมาเห็นก่อนจึงกินแล้วขับถ่าย กระทั่งไก่มาเห็นจึงคุ้ยเขี่ย กะเหรี่ยงจึงฆ่าไก่ แล้วได้นำความรู้เรื่องการทำนายจากกระดูกไก่มาใช้จนถึงทุกวันนี้ (หน้า 19) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
Map/Illustration |
แผนที่
-
ที่ตั้งของ 4 หมู่บ้าน (หน้า 3)
-
แผนผัง บ้าน (หน้า 4)
ภาพ
-
โครงสร้างอายุประชากรกะเหรี่ยงบ้านผาแตก (หน้า 32)
ตาราง
-
ประชากรและหลังคาเรือนกะเหรี่ยงสะกอ , ประชากรแยกตามกลุ่มอายุ (หน้า 33)
-
อายุการแต่งงานครั้งแรกของสตรีกะเหรี่ยงบ้านผาแตก , สถานะการสมรสของสตรีกะเหรี่ยงสะกอ อายุ 15 ปี ขึ้นไป , หญิงกะเหรี่ยงสะกอที่แต่งงานใหม่ (หน้า 34)
-
สถานะการสมรสของกะเหรี่ยงสะกอบ้านผาแตกในแต่ละหมวดอายุ (หน้า 35)
-
จำนวนการตั้งครรภ์และจำนวนบุตรหญิงกะเหรี่ยงบ้านผาแตก (หน้า 37)
-
จำนวนกะเหรี่ยงสะกอที่ฟังและพูดภาษาไทยเหนือได้, เด็กในวัยเรียนและเด็กนักเรียนกะเหรี่ยงสะกอ, นักเรียนโรงเรียนบ้านผาแตกปีการศึกษา 2516 -2522 (หน้า 38)
-
คนวัยแรงงานและวันที่ใช้แรงงานในการโค่น ถางป่า เก็บเศษไม้ในไร่ข้าว บ้านผาแตก 2522 (หน้า 39)
|
|
|