สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ปาเกอะยอ,ระบบการผลิต,ระบบคุณค่า,ความสัมพันธ์,เพศ,การเปลี่ยนแปลง, แม่ฮ่องสอน
Author นเรศ สงเคราะห์สุข
Title การเปลี่ยนแปลงของชุมชนชาวเขาเผ่าปาเกอะยอ ในด้านระบบการผลิต ระบบคุณค่า และระบบความสัมพันธ์ ในมิติความสัมพันธ์ระหว่างเพศ
Document Type รายงานการวิจัย Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity - Language and Linguistic Affiliations จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan)
Location of
Documents
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน) Total Pages 80 Year 2538
Source ศูนย์สตรีศึกษา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
Abstract

ในอดีตชุมชนห้วยไม้ดำเป็นชุมชนเกษตรดั้งเดิมแบบยังชีพ ทำไร่ ทำนาเป็นหลัก โดยมีแรงคนเป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญ ตลอดจนการเลี้ยงสัตว์ หาของป่า และการทอผ้า โดยแบ่งงานตามความหนักเบา คำนึงถึงเพศและอายุ หลังจากการติดต่อกับภายนอก การเข้ามาของหน่วยงานรัฐตลอดจนระบบตลาดที่เข้ามาในชุมชนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่างๆในชุมชน เช่น ระบบการผลิตที่เปลี่ยนไป มีการใช้รถไถนาทุ่นแรง การถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินตลอดจนการจ้างแรงงาน ทางด้านความเชื่อการเข้ามาของศาสนาพุทธและศาสนาคริสต์นั้น ส่งผลให้ชุมชนยกเลิกพิธีกรรมตามความเชื่อเรื่องผีสางแบบดั้งเดิม บทบาทของสตรีเริ่มลดลงทั้งในด้านระบบผลิต และระบบคุณค่า ทักษะความรู้ดั้งเดิมตลอดจนภูมิปัญญาต่างๆ ไม่ถูกนำมาใช้และเริ่มหายไป การแบ่งงานเริ่มชัดเจนมากขึ้น โดยผู้หญิงทำงานในบ้าน ส่วนผู้ชายทำงานนอกบ้าน ทั้งนี้ในครอบครัวที่ยากจนหญิงชายยังคงต้องช่วยกันในทุกๆ เรื่องเพื่อความอยู่รอดเนื่องจากรายได้เริ่มเป็นตัวเงินมากขึ้น

Focus

เพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงของชุมชนชาวเขาเผ่าปาเกอะญอ ในด้านระบบคุณค่า ระบบการผลิต และระบบความสัมพันธ์ในมิติความสัมพันธ์ระหว่างเพศ ตลอดจนผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อสถานภาพและบทบาทสตรีในชุมชนและ ครอบครัว (หน้า จ,2)

Theoretical Issues

ผู้วิจัยมุ่งเน้นอธิบายกระบวนการเปลี่ยนแปลงของชุมชน โดยให้ความสำคัญกับปัจจัยภายนอกที่เข้ามามีอิทธิพลในช่วงที่ชุมชนเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของรัฐและระบบตลาด ทั้งนี้ผู้วิจัยได้มองความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ของปัจจัยภายนอก ซึ่งมีผลกระทบต่อระบบและกลไกภายในชุมชน ตลอดจนการปรับตัวหรือตอบโต้ของภายในชุมชนต่อปัจจัยภายนอก หลังจากนั้นผู้วิจัยได้อธิบายการเปลี่ยนแปลงของชุมชนใน 3 ระบบใหญ่ๆได้แก่ ระบบคุณค่า ระบบการผลิต และระบบความสัมพันธ์ ผ่านมิติความสัมพันธ์ระหว่างเพศ เพื่อทำความเข้าใจสถานภาพและบทบาทสตรีปาเกอะญอที่เปลี่ยนแปลงไป (หน้า 4-5)

Ethnic Group in the Focus

ปาเกอะญอ

Language and Linguistic Affiliations

ไม่มีข้อมูล

Study Period (Data Collection)

เก็บข้อมูลภาคสนามและวิเคราะห์ เดือนสิงหาคม ถึง กันยายน พ.ศ. 2538 (หน้า 4)

History of the Group and Community

ปัญหาที่ทำกินเนื่องมาจากประชากรที่เพิ่มขึ้นทำให้ชาวเขาเผ่าปาเกอะยออพยพจากบ้านห้วยปูลิง มาตั้งถิ่นฐานอยู่บ้านห้วยไม้ดำนับเป็นเวลากว่า 100 ปี (หน้า29) โดยครอบครัวนายโกแฮ เป็นกลุ่มแรกที่อพยพมาตั้งรกรากที่บริเวณห้วยไม้ดำซึ่งมีทรัพยากรค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะแหล่งน้ำ (หน้า 41)

Settlement Pattern

ไม่มีข้อมูล

Demography

หมู่บ้านห้วยไม้ดำ ประชากรทั้งสิ้น 188 คน 28 หลังคาเรือน นับถือศาสนาพุทธ 13 หลังคาเรือน นับถือศาสนาคริสต์ 12 หลังคาเรือน นับถือผี 3 หลังคาเรือน (หน้า 30)

Economy

แต่เดิมปาเกอะยอเลี้ยงชีพด้วยการทำไร่เป็นหลัก เนื่องจากเป็นภูเขาสูงชัน และมีการทำนาในบริเวณที่ราบอยู่บ้าง(หน้า 29) ชาวบ้านทำไร่หมุนเวียนปลูกข้าว และปลูกข้าวโพด ฟักทอง แตง และถั่วเสริม มีพื้นที่ประมาณ 182 ไร่ โดยการทำไร่จะทำเป็นแปลงใหญ่รวมกันแปลงเดียว เพื่อช่วยกันฟันไร่ ถางไร่ ล้อมรั่ว และการเก็บเกี่ยวในลักษณะลงแขก หรือ “มาเด๊าะมากะ” หากปีไหนมีผลผลิตไม่เพียงพอจะขยายการทำไร่ออกไปเป็นหลายแปลง (หน้า 30) การทำไร่หมุนเวียนนี้ใช้ระยะเวลา8-10 ปี แต่ในปัจจุบันมีข้อจำกัดมากขึ้นจึงเหลือ 5-6 ปี (หน้า 34) อีกทั้งเริ่มมีการถือครองที่ไร่ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534 ซึ่งแตกต่างจากแต่เดิมที่ไม่มีการแบ่งแยก (หน้า 45) พื้นที่นามีอยู่ 2 แห่งคือบริเวณลุ่มน้ำห้วยปูลิง ทางทิศใต้ของหมู่บ้านซึ่งเป็นที่นาเก่าตกทอดมรดกมา ใช้ทำนา ปลูกผักสวนครัว ตลอดจนการเลี้ยงสัตว์ในฤดูแล้ง และบริเวณดอยเส่ซูเด และดอยเลซีตู่ ทางทิศเหนือของหมู่บ้านเป็นบริเวณบุกเบิกใหม่ ใช้ทำนาอย่างเดียว (หน้า 30) เนื่องจากการทำไร่ทำนาพึ่งน้ำฝนซึ่งมีความไม่แน่นอน ทำให้ปริมาณข้าวที่ได้ไม่สม่ำเสมอ สถานการณ์ข้าวไม่เพียงพอเลี้ยงคนในชุมชนมีความถี่เพิ่มมากขึ้นคือ3-5ปีต่อการเกิดวิกฤติข้าว 1 ครั้ง ซึ่งเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ปริมาณหนูที่เพิ่มขึ้นมาก โรคข้าวระบาด ฝนช้า น้ำท่วม หรือการเผาไร่ไม่สอดคล้องกับระยะเวลา ป่าในพื้นที่ทำไร่ไม่แก่พอ ตลอดจนจำนวนประชากรที่เพิ่มมากขึ้น จึงมีการแก้ปัญหาโดยการซื้อข้าวจากภายนอกชุมชน และการรับจ้างแลกข้าว (หน้า 42-43) ตลอดจนการขายวัว ควาย (หน้า 52) สำหรับพันธุ์ข้าวนั้นยังคงใช้พันธุ์พื้นเมือง ส่วนการผลักดันการปลูกข้าวพันธุ์เจ้าฮ่อนั้นไม่ประสบความสำเร็จเนื่องจากพื้นที่เป็นที่ลาดชันสูง ประกอบกับชาวบ้านไม่สนใจเท่าที่ควร (หน้า 44) สำหรับเทคโนโลยีการปลูกข้าวนั้นในปัจจุบันเริ่มมีการใช้รถไถนาเข้ามาทุ่นแรงมากขึ้น(หน้า 47) สำหรับการเลี้ยงสัตว์นั้นมีการเลี้ยงไก่ หมู ทุกหลังคาเรือน และบางหลังคาเรือนเลี้ยงวัวควายแบบปล่อย ซึ่งการเลี้ยงสัตว์ถือเป็นรายได้หลักของชาวบ้านห้วยไม้ดำ (หน้า34-35,52) ในช่วงสามสิบปีที่ผ่านมา การพัฒนาเศรษฐกิจระบบทุนนิยมที่ขยายตัวเข้าถึงในระดับหมู่บ้าน ทำให้ชุมชนมีปัญหาเรื่องการจัดการด้านทรัพยากร (หน้า 1) ระบบการผลิตเริ่มเปลี่ยนจากพืชไร่เพื่อยังชีพไปสู่พืชเศรษฐกิจเพื่อการขายมากขึ้น มีการติดต่อกับภายนอกมากขึ้น (หน้า 29) มีการปลูกพืชพาณิชย์คือ เผือกตั้งแต่ปี พ.ศ.2535 (หน้า 48) หลังการเปลี่ยนแปลงระบบการผลิตทำให้เกิดความขัดแย้งเรื่องการใช้ที่ดิน ทั้งนี้เนื่องจากการบุกรุกจากชาวเขาเผ่าลีซอ เผ่าม้ง การถือครองกรรมสิทธิ์ในที่ดินทำกิน (หน้า 2) และการห้ามทำไร่ในบางพื้นที่โดยเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ ทำให้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530 จนถึงปัจจุบัน ทำให้การทำไร่ในทุกปีจะต้องมีการประชุมหมู่บ้าน เพื่อตกลงขนาดพื้นที่ ระยะเวลาฟันไร่ เป็นต้น (หน้า 30-31) นอกจากนี้ยังมีพื้นที่สวนบริเวณรอบหมู่บ้านประมาณ 180 ไร่ ซึ่งมีการเตรียมพื้นที่เพื่อรองรับการส่งเสริมจากหน่วยงานต่างๆ (หน้า 34) แหล่งน้ำของชุมชนประกอบด้วย ลำห้วย 6 แห่ง คือ ลำห้วยปูลิง ลำห้วยไม้ดำ ลำห้วยเคาะปาโกร ลำห้วยซูโมะโกร ลำห้วยคอมุพะโกร และลำห้วยแคลอเครอะโกร (หน้า 34) ในส่วนของป่าไม้นั้นมีการจัดสรรเป็นป่าต้นน้ำ ซึ่งห้ามตัดไม้บริเวณดอยเส่ซูโจ ประมาณ 300 ไร่ และป่าใช้สอย ซึ่งต้องได้รับอนุญาตจากหลวงพ่อก่อนนำไม้ไปใช้ประโยชน์ เช่น ใช้สร้างบ้าน นอกจากนี้ยังมี ไร่เหล่า ซึ่งเป็นพื้นที่ทำไร่เดิมที่ถูกปล่อยทิ้งไว้ (หน้า 34-35) สำหรับอาชีพอื่นๆที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมาคืออาชีพรับจ้าง ทั้งรับจ้างภายในเพื่อแลกข้าว รับจ้างชาวเขาเผ่าม้ง และรับจ้างหน่วยงานราชการต่างๆ (หน้า 35) การทอผ้าเพื่อขายของกลุ่มสตรีทอผ้า (หน้า 54)

Social Organization

ชนชั้นของชาวบ้านห้วยไม้ดำไม่มีการแบ่งที่ชัดเจนเนื่องจากความเป็นเครือญาติ และการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ต่อมาภายหลังมีการติดต่อกับภายนอกมากขึ้น ทำให้เริ่มมีความแตกต่างของครอบครัวขึ้น(หน้า 49) ครอบครัวของปาเกอะญอมีลักษณะเป็นครอบครัวขยาย ในการแต่งงาน ฝ่ายหญิงจะไปสู่ขอฝ่ายชาย ค่าใช้จ่ายต่างๆในการแต่งงานฝ่ายหญิงจะต้องรับผิดชอบ เมื่อแต่งงานแล้วคู่แต่งงานต้องอาศัยอยู่บ้านฝ่ายหญิงอย่างน้อย 2 ปี (หน้า 60,68-69) อยู่กันในลักษณะผัวเดียวเมียเดียว อัตราการหย่าร้างจึงต่ำมาก (หน้า 61) สำหรับความสัมพันธ์ในครอบครัวนั้น ความกตัญญูต่อพ่อแม่เป็นสิ่งที่สำคัญ โดยฝ่ายหญิงได้รับการยกย่องมากกว่าเนื่องจากต้องตั้งท้อง (หน้า 68) หมู่บ้านห้วยไม้ดำประกอบด้วยกลุ่มต่างๆ ทั้งกลุ่มเครือญาติและกลุ่มที่ได้รับการจัดตั้งจากทางราชการ ได้แก่ กลุ่มเครือญาติ ประกอบด้วย 3 สายตระกูล ซึ่งไม่ได้แยกกันอย่างเด็ดขาด มีการแต่งงานกันภายในเครือญาติ ถือได้ว่าคนทั้งหมู่บ้านห้วยไม้ดำเป็นญาติกันทั้งหมด (หน้า 36) ธนาคารข้าว ถือเป็นกลุ่มดั้งเดิมของชาวบ้านห้วยไม้ดำ มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือด้านผลผลิตทางการเกษตรซึ่งกันและกัน หลังการเผยแผ่ศาสนาได้มีการแยกธนาคารข้าวออกเป็น ธนาคารข้าวฝ่ายคริสต์ และธนาคารข้าวฝ่ายพุทธ (หน้า 37) กลุ่มกรรมการหมู่บ้าน ตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2529 ตามพ.ร.บ. ปกครองท้องที่ 2457 (หน้า 37) กลุ่มกองทุนยาและกองทุนสุขาภิบาล ก่อตั้งในปีพ.ศ. 2530 สนับสนุนงบประมาณด้านวัสดุในการสร้างส้วม สำหรับการดำเนินงานของกองทุนยามีการระดมทุนหมู่บ้านนำมาสมทบกับทุนสาธารณสุข(หน้า 37-38) กลุ่มสตรีทอผ้า จัดตั้งในปีพ.ศ. 2531 ในปัจจุบันไม่ดำเนินการแล้ว แต่ยังคงทอผ้าไว้ใช้ภายในครัวเรือนมากกว่าการขาย(หน้า 38, 64) กลุ่มเยาวชน แยกตัวออกจากกลุ่มเยาชนบ้านใหม่แล้วตั้งเป็นกลุ่มเยาวชนห้วยน้ำดำในปีพ.ศ. 2538 มีการดำเนินการช่วยเหลือพัฒนากรในการสำรวจหมู่บ้าน หรือเรียกประชุมอบรมต่างๆ (หน้า 38, 64) กลุ่มสหกรณ์ห้วยไม้ดำ (หน้า 38) ผู้นำและผู้รู้ในชุมชน จำแนกเป็น ผู้นำศาสนาทั้งศาสนาพุทธ คริสต์ และผู้นำทางความเชื่อเรื่องผี ผู้นำทางการ มีผู้ใหญ่บ้านที่มาจากการเลือกตั้ง และอาสาสมัครต่างๆ เช่น อาสาสมัครสาธารณสุข อาสาสมัครมาลาเรีย อาสาสมัครป้องกันโรคสัตว์ และช่างสุขภัณฑ์หมู่บ้าน ซึ่งถือเป็นผู้นำเฉพาะด้านทางการ ที่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานของรัฐ (หน้า39-40)

Political Organization

หลังได้รับจัดตั้งเป็นหมู่บ้านทางการในปี พ.ศ. 2529 มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากเดิมมีผู้นำธรรมชาติหรือ ฮีโข่ เป็นผู้นำทางการคือ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และในปี พ.ศ. 2534ได้รับยกฐานะจากหมู่บ้านบริวารเป็นหมู่บ้านหลัก มีผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้ดูแลจนถึงปัจจุบัน (หน้า 29)

Belief System

เดิมชาวบ้านนับถือผี เชื่อเรื่องภูติผีปีศาจ ผีป่า ปีน้ำ ผีเขา ผีบ้านผีเรือนมีฮีโข่ซึ่งเป็นผู้นำหมู่บ้านเป็นผู้นำด้านพิธีกรรม ต่อมาภายหลังมีการเผยแผ่ศาสนาพุทธและคริสต์ จึงมีการเปลี่ยนแปลงการนับถือศาสนาไปค่อนข้างมาก (หน้า 1, 29) พิธีกรรมที่สำคัญในชุมชน ได้แก่ พิธีกรรมไหว้ผีต้นน้ำสะท้อนความเชื่อว่าธรรมชาติมีผีอารักษ์ กระทำปีละ 1 ครั้ง ในช่วงเดือน พฤศจิกายน-ธันวาคมของทุกปีโดยฮีโข่เป็นผู้นำประกอบพิธีกรรม (หน้า 55-56) พิธีกรรมไหว้ผีนาและไร่ ในแต่ละปีมีพิธีกรรมสำคัญๆ คือ ไหว้ผีนา/ผีฝาย และผีไร่ (หน้า พิธีกรรมไว้ผีเรือน (ผีบรรพบุรุษ)ซึ่งในปัจจุบันชาวบ้านส่วนมากไม่ได้ประกอบพิธีนี้แล้ว พิธีกรรมกิจือ เป็นพิธีกรรมเพื่อตกลงเรื่องการผลิตทางการเกษตรในแต่ละปี พิธีกรรมเกี่ยวกับการเกิดการตาย (หน้า56 - 59)

Education and Socialization

มีการสนับสนุนจากองค์การภายนอกในการสร้างโรงเรียน (หน้า 36)

Health and Medicine

องค์การภายนอกได้สนับสนุนสร้างศูนย์มาลาเรียคลีนิคและประปาหมู่บ้าน (หน้า 36) สถานบริการสาธารณสุขชุมชน (สสช.) บริเวณบ้านใหม่ มีเขตพื้นที่รับผิดชอบรวมถึงหมู่บ้านห้วยไม้ดำ และมีอสม.ประจำหมู่บ้านดูแลสุขภาพเบื้องต้น(หน้า 63-64) มีการจัดตั้งกองทุนยาหลังจากหน่วยงานสาธารณสุขเข้าไปดำเนินการในพื้นที่ในปี พ.ศ. 2530 (หน้า 37) สนับสนุนการสร้างส้วมโดยการจัดสรรงบประมาณด้านวัสดุของกลุ่มกองทุนสุขาภิบาล ปัจจุบันหมู่บ้านห้วยไม้ดำมีส้วม 18 หลังคาเรือน (หน้า 37-38)

Art and Crafts (including Clothing Costume)

มีการทอผ้าทุกหลังคาเรือน (หน้า 54) ผู้สูงอายุในหมู่บ้านสานตะกร้า(ก๋วย) (หน้า 54)

Folklore

ตำนานกำเนิดเผ่าพันธุ์ต้นตระกูลเรื่อง “โผ่แค” และ”จอปา” สอนเรื่องการไม่รัดเอาเปรียบผู้อื่น (หน้า 49) คำพังเพยต่างๆ ได้แก่ คำพังเพยสอนเรื่องคนจนคนรวย เช่น “วังน้ำที่ลึกจะกลายเป็นที่ตื้น น้ำที่ตื้นจะกลายเป็นวังที่ลึกได้” (หน้า 49)

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

ไม่มีข้อมูล

Social Cultural and Identity Change

ในอดีตการเปลี่ยนแปลงของชุมชนมีเงื่อนไขปัจจัยแวดล้อมจากภายในตัวชุมชนเองเป็นหลัก แต่ในปัจจุบันปัจจัยจากภายนอกเข้ามากระทบต่อชุมชนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ (หน้า 2) หลังจากมีการติดต่อสัมพันธ์กับภาครัฐและเริ่มมีกลไกทางระบบตลาดเข้ามาเกี่ยวข้องหมู่บ้านห้วยไม้ดำเริ่มมีความขัดแย้งเกิดขึ้น เริ่มแย่งชิงอำนาจ ความขัดแย้งในการขยายพื้นที่นา ตลอดจนความขัดแย้งในการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน (หน้า 66-67) วิทยาการสมัยใหม่ส่งผลกระทบต่อผู้ถ่ายทอดความรู้ดั้งเดิม เช่น ผู้นำธรรมชาติเช่น หมอตำแย ผู้รู้ทางด้านสมุนไพร ผู้นำทางพิธีกรรม แก่ฝาย มีบทบาทลดลงหลังเนื่องจากบทบาทของหน่วยงานในหมู่บ้านมีมากขึ้น (หน้า 40) สำหรับสตรีในชุมชนหมู่บ้านห้วยไม้ดำนั้นเริ่มมีบทบาทลดลง เช่น แต่เดิมผู้หญิงจะมีอำนาจในการเลือกพื้นที่เพาะปลูกโดยสื่อสารกับผี ตลอดจนมีความรู้ในการเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์ตลอดจนมีหน้าที่เสาะหาพันธุ์สัตว์เลี้ยงที่มีลักษณะดีหรือ “ตัวเก๊า” แต่หลังจากได้รับความรู้ด้านการผลิตพืชสมัยใหม่ บทบาทของผู้หญิงในด้านการผลิตเริ่มลดลงเนื่องจากความรู้ด้านการเกษตรแบบดั้งเดิมไม่ได้ใช้ บทบาทหลักกลับเป็นฝ่ายชายซึ่งมีการติดต่อกับหน่วยงานจากภายนอกมากกว่า (หน้า69-70, 72-73) แต่เมื่อพิจารณาในระดับครัวเรือน พบว่าครัวเรือนฐานะดี ผู้ชายจะมีหน้าที่ในระบบผลิตมากกว่าหญิง ขณะที่ครัวเรือนยากจน ฝ่ายหญิงมีหน้าที่ด้านการผลิตมากกว่าฝ่ายชาย (หน้า 71, 73) ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงการนับถือศาสนาทำให้บทบาทของผู้หญิงซึ่งเป็นหลักในการประกอบพิธี “ตามาแค” ลดลงเช่นกัน (หน้า 70)

Critic Issues

ไม่มีข้อมูล

Other Issues

ไม่มีข้อมูล

Map/Illustration

- แผนที่รอบนอกหมู่บ้านห้วยไม้ดำ (หน้า 32) - แผนที่ภายในหมู่บ้านห้วยไม้ดำ (หน้า 33) - แผนที่แสดงพื้นที่ไร่(ไร่เหล่า) ที่มีการถือครองเป็นกรรมสิทธิ์ส่วนตัว (หน้า 46)

Text Analyst อภิรัตน์ ศุภธนาทรัพย์ Date of Report 00 543
TAG ปาเกอะยอ, ระบบการผลิต, ระบบคุณค่า, ความสัมพันธ์, เพศ, การเปลี่ยนแปลง, แม่ฮ่องสอน, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง