|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ปาเกอะยอ,ระบบการผลิต,ระบบคุณค่า,ความสัมพันธ์,เพศ,การเปลี่ยนแปลง, แม่ฮ่องสอน |
Author |
นเรศ สงเคราะห์สุข |
Title |
การเปลี่ยนแปลงของชุมชนชาวเขาเผ่าปาเกอะยอ ในด้านระบบการผลิต ระบบคุณค่า และระบบความสัมพันธ์ ในมิติความสัมพันธ์ระหว่างเพศ |
Document Type |
รายงานการวิจัย |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
-
|
Language and Linguistic Affiliations |
จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน) |
Total Pages |
80 |
Year |
2538 |
Source |
ศูนย์สตรีศึกษา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ |
Abstract |
ในอดีตชุมชนห้วยไม้ดำเป็นชุมชนเกษตรดั้งเดิมแบบยังชีพ ทำไร่ ทำนาเป็นหลัก โดยมีแรงคนเป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญ ตลอดจนการเลี้ยงสัตว์ หาของป่า และการทอผ้า โดยแบ่งงานตามความหนักเบา คำนึงถึงเพศและอายุ หลังจากการติดต่อกับภายนอก การเข้ามาของหน่วยงานรัฐตลอดจนระบบตลาดที่เข้ามาในชุมชนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่างๆในชุมชน เช่น ระบบการผลิตที่เปลี่ยนไป มีการใช้รถไถนาทุ่นแรง
การถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินตลอดจนการจ้างแรงงาน ทางด้านความเชื่อการเข้ามาของศาสนาพุทธและศาสนาคริสต์นั้น ส่งผลให้ชุมชนยกเลิกพิธีกรรมตามความเชื่อเรื่องผีสางแบบดั้งเดิม บทบาทของสตรีเริ่มลดลงทั้งในด้านระบบผลิต และระบบคุณค่า ทักษะความรู้ดั้งเดิมตลอดจนภูมิปัญญาต่างๆ ไม่ถูกนำมาใช้และเริ่มหายไป การแบ่งงานเริ่มชัดเจนมากขึ้น โดยผู้หญิงทำงานในบ้าน ส่วนผู้ชายทำงานนอกบ้าน ทั้งนี้ในครอบครัวที่ยากจนหญิงชายยังคงต้องช่วยกันในทุกๆ เรื่องเพื่อความอยู่รอดเนื่องจากรายได้เริ่มเป็นตัวเงินมากขึ้น |
|
Focus |
เพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงของชุมชนชาวเขาเผ่าปาเกอะญอ ในด้านระบบคุณค่า ระบบการผลิต และระบบความสัมพันธ์ในมิติความสัมพันธ์ระหว่างเพศ ตลอดจนผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อสถานภาพและบทบาทสตรีในชุมชนและ ครอบครัว (หน้า จ,2) |
|
Theoretical Issues |
ผู้วิจัยมุ่งเน้นอธิบายกระบวนการเปลี่ยนแปลงของชุมชน โดยให้ความสำคัญกับปัจจัยภายนอกที่เข้ามามีอิทธิพลในช่วงที่ชุมชนเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของรัฐและระบบตลาด ทั้งนี้ผู้วิจัยได้มองความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ของปัจจัยภายนอก ซึ่งมีผลกระทบต่อระบบและกลไกภายในชุมชน ตลอดจนการปรับตัวหรือตอบโต้ของภายในชุมชนต่อปัจจัยภายนอก หลังจากนั้นผู้วิจัยได้อธิบายการเปลี่ยนแปลงของชุมชนใน 3 ระบบใหญ่ๆได้แก่ ระบบคุณค่า ระบบการผลิต และระบบความสัมพันธ์ ผ่านมิติความสัมพันธ์ระหว่างเพศ เพื่อทำความเข้าใจสถานภาพและบทบาทสตรีปาเกอะญอที่เปลี่ยนแปลงไป (หน้า 4-5) |
|
Ethnic Group in the Focus |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
เก็บข้อมูลภาคสนามและวิเคราะห์ เดือนสิงหาคม ถึง กันยายน พ.ศ. 2538 (หน้า 4) |
|
History of the Group and Community |
ปัญหาที่ทำกินเนื่องมาจากประชากรที่เพิ่มขึ้นทำให้ชาวเขาเผ่าปาเกอะยออพยพจากบ้านห้วยปูลิง มาตั้งถิ่นฐานอยู่บ้านห้วยไม้ดำนับเป็นเวลากว่า 100 ปี (หน้า29) โดยครอบครัวนายโกแฮ เป็นกลุ่มแรกที่อพยพมาตั้งรกรากที่บริเวณห้วยไม้ดำซึ่งมีทรัพยากรค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะแหล่งน้ำ (หน้า 41) |
|
Demography |
หมู่บ้านห้วยไม้ดำ
ประชากรทั้งสิ้น 188 คน 28 หลังคาเรือน
นับถือศาสนาพุทธ 13 หลังคาเรือน
นับถือศาสนาคริสต์ 12 หลังคาเรือน
นับถือผี 3 หลังคาเรือน (หน้า 30) |
|
Economy |
แต่เดิมปาเกอะยอเลี้ยงชีพด้วยการทำไร่เป็นหลัก เนื่องจากเป็นภูเขาสูงชัน และมีการทำนาในบริเวณที่ราบอยู่บ้าง(หน้า 29) ชาวบ้านทำไร่หมุนเวียนปลูกข้าว และปลูกข้าวโพด ฟักทอง แตง และถั่วเสริม มีพื้นที่ประมาณ 182 ไร่ โดยการทำไร่จะทำเป็นแปลงใหญ่รวมกันแปลงเดียว เพื่อช่วยกันฟันไร่ ถางไร่ ล้อมรั่ว และการเก็บเกี่ยวในลักษณะลงแขก หรือ มาเด๊าะมากะ หากปีไหนมีผลผลิตไม่เพียงพอจะขยายการทำไร่ออกไปเป็นหลายแปลง (หน้า 30) การทำไร่หมุนเวียนนี้ใช้ระยะเวลา8-10 ปี แต่ในปัจจุบันมีข้อจำกัดมากขึ้นจึงเหลือ 5-6 ปี (หน้า 34) อีกทั้งเริ่มมีการถือครองที่ไร่ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534 ซึ่งแตกต่างจากแต่เดิมที่ไม่มีการแบ่งแยก (หน้า 45) พื้นที่นามีอยู่ 2 แห่งคือบริเวณลุ่มน้ำห้วยปูลิง ทางทิศใต้ของหมู่บ้านซึ่งเป็นที่นาเก่าตกทอดมรดกมา ใช้ทำนา ปลูกผักสวนครัว ตลอดจนการเลี้ยงสัตว์ในฤดูแล้ง และบริเวณดอยเส่ซูเด และดอยเลซีตู่ ทางทิศเหนือของหมู่บ้านเป็นบริเวณบุกเบิกใหม่ ใช้ทำนาอย่างเดียว (หน้า 30)
เนื่องจากการทำไร่ทำนาพึ่งน้ำฝนซึ่งมีความไม่แน่นอน ทำให้ปริมาณข้าวที่ได้ไม่สม่ำเสมอ สถานการณ์ข้าวไม่เพียงพอเลี้ยงคนในชุมชนมีความถี่เพิ่มมากขึ้นคือ3-5ปีต่อการเกิดวิกฤติข้าว 1 ครั้ง ซึ่งเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ปริมาณหนูที่เพิ่มขึ้นมาก โรคข้าวระบาด ฝนช้า น้ำท่วม หรือการเผาไร่ไม่สอดคล้องกับระยะเวลา ป่าในพื้นที่ทำไร่ไม่แก่พอ ตลอดจนจำนวนประชากรที่เพิ่มมากขึ้น จึงมีการแก้ปัญหาโดยการซื้อข้าวจากภายนอกชุมชน และการรับจ้างแลกข้าว (หน้า 42-43) ตลอดจนการขายวัว ควาย (หน้า 52) สำหรับพันธุ์ข้าวนั้นยังคงใช้พันธุ์พื้นเมือง ส่วนการผลักดันการปลูกข้าวพันธุ์เจ้าฮ่อนั้นไม่ประสบความสำเร็จเนื่องจากพื้นที่เป็นที่ลาดชันสูง ประกอบกับชาวบ้านไม่สนใจเท่าที่ควร (หน้า 44) สำหรับเทคโนโลยีการปลูกข้าวนั้นในปัจจุบันเริ่มมีการใช้รถไถนาเข้ามาทุ่นแรงมากขึ้น(หน้า 47)
สำหรับการเลี้ยงสัตว์นั้นมีการเลี้ยงไก่ หมู ทุกหลังคาเรือน และบางหลังคาเรือนเลี้ยงวัวควายแบบปล่อย ซึ่งการเลี้ยงสัตว์ถือเป็นรายได้หลักของชาวบ้านห้วยไม้ดำ (หน้า34-35,52) ในช่วงสามสิบปีที่ผ่านมา การพัฒนาเศรษฐกิจระบบทุนนิยมที่ขยายตัวเข้าถึงในระดับหมู่บ้าน ทำให้ชุมชนมีปัญหาเรื่องการจัดการด้านทรัพยากร (หน้า 1) ระบบการผลิตเริ่มเปลี่ยนจากพืชไร่เพื่อยังชีพไปสู่พืชเศรษฐกิจเพื่อการขายมากขึ้น มีการติดต่อกับภายนอกมากขึ้น (หน้า 29) มีการปลูกพืชพาณิชย์คือ เผือกตั้งแต่ปี พ.ศ.2535 (หน้า 48)
หลังการเปลี่ยนแปลงระบบการผลิตทำให้เกิดความขัดแย้งเรื่องการใช้ที่ดิน ทั้งนี้เนื่องจากการบุกรุกจากชาวเขาเผ่าลีซอ เผ่าม้ง การถือครองกรรมสิทธิ์ในที่ดินทำกิน (หน้า 2) และการห้ามทำไร่ในบางพื้นที่โดยเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ ทำให้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530 จนถึงปัจจุบัน ทำให้การทำไร่ในทุกปีจะต้องมีการประชุมหมู่บ้าน เพื่อตกลงขนาดพื้นที่ ระยะเวลาฟันไร่ เป็นต้น (หน้า 30-31) นอกจากนี้ยังมีพื้นที่สวนบริเวณรอบหมู่บ้านประมาณ 180 ไร่ ซึ่งมีการเตรียมพื้นที่เพื่อรองรับการส่งเสริมจากหน่วยงานต่างๆ (หน้า 34) แหล่งน้ำของชุมชนประกอบด้วย ลำห้วย 6 แห่ง คือ ลำห้วยปูลิง ลำห้วยไม้ดำ ลำห้วยเคาะปาโกร ลำห้วยซูโมะโกร ลำห้วยคอมุพะโกร และลำห้วยแคลอเครอะโกร (หน้า 34) ในส่วนของป่าไม้นั้นมีการจัดสรรเป็นป่าต้นน้ำ ซึ่งห้ามตัดไม้บริเวณดอยเส่ซูโจ ประมาณ 300 ไร่ และป่าใช้สอย ซึ่งต้องได้รับอนุญาตจากหลวงพ่อก่อนนำไม้ไปใช้ประโยชน์ เช่น ใช้สร้างบ้าน นอกจากนี้ยังมี ไร่เหล่า ซึ่งเป็นพื้นที่ทำไร่เดิมที่ถูกปล่อยทิ้งไว้ (หน้า 34-35) สำหรับอาชีพอื่นๆที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมาคืออาชีพรับจ้าง ทั้งรับจ้างภายในเพื่อแลกข้าว รับจ้างชาวเขาเผ่าม้ง และรับจ้างหน่วยงานราชการต่างๆ (หน้า 35) การทอผ้าเพื่อขายของกลุ่มสตรีทอผ้า (หน้า 54) |
|
Social Organization |
ชนชั้นของชาวบ้านห้วยไม้ดำไม่มีการแบ่งที่ชัดเจนเนื่องจากความเป็นเครือญาติ และการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ต่อมาภายหลังมีการติดต่อกับภายนอกมากขึ้น ทำให้เริ่มมีความแตกต่างของครอบครัวขึ้น(หน้า 49)
ครอบครัวของปาเกอะญอมีลักษณะเป็นครอบครัวขยาย ในการแต่งงาน ฝ่ายหญิงจะไปสู่ขอฝ่ายชาย ค่าใช้จ่ายต่างๆในการแต่งงานฝ่ายหญิงจะต้องรับผิดชอบ เมื่อแต่งงานแล้วคู่แต่งงานต้องอาศัยอยู่บ้านฝ่ายหญิงอย่างน้อย 2 ปี (หน้า 60,68-69) อยู่กันในลักษณะผัวเดียวเมียเดียว อัตราการหย่าร้างจึงต่ำมาก (หน้า 61) สำหรับความสัมพันธ์ในครอบครัวนั้น ความกตัญญูต่อพ่อแม่เป็นสิ่งที่สำคัญ โดยฝ่ายหญิงได้รับการยกย่องมากกว่าเนื่องจากต้องตั้งท้อง (หน้า 68)
หมู่บ้านห้วยไม้ดำประกอบด้วยกลุ่มต่างๆ ทั้งกลุ่มเครือญาติและกลุ่มที่ได้รับการจัดตั้งจากทางราชการ ได้แก่
กลุ่มเครือญาติ ประกอบด้วย 3 สายตระกูล ซึ่งไม่ได้แยกกันอย่างเด็ดขาด มีการแต่งงานกันภายในเครือญาติ ถือได้ว่าคนทั้งหมู่บ้านห้วยไม้ดำเป็นญาติกันทั้งหมด (หน้า 36)
ธนาคารข้าว ถือเป็นกลุ่มดั้งเดิมของชาวบ้านห้วยไม้ดำ มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือด้านผลผลิตทางการเกษตรซึ่งกันและกัน หลังการเผยแผ่ศาสนาได้มีการแยกธนาคารข้าวออกเป็น ธนาคารข้าวฝ่ายคริสต์ และธนาคารข้าวฝ่ายพุทธ (หน้า 37)
กลุ่มกรรมการหมู่บ้าน ตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2529 ตามพ.ร.บ. ปกครองท้องที่ 2457 (หน้า 37)
กลุ่มกองทุนยาและกองทุนสุขาภิบาล ก่อตั้งในปีพ.ศ. 2530 สนับสนุนงบประมาณด้านวัสดุในการสร้างส้วม สำหรับการดำเนินงานของกองทุนยามีการระดมทุนหมู่บ้านนำมาสมทบกับทุนสาธารณสุข(หน้า 37-38)
กลุ่มสตรีทอผ้า จัดตั้งในปีพ.ศ. 2531 ในปัจจุบันไม่ดำเนินการแล้ว แต่ยังคงทอผ้าไว้ใช้ภายในครัวเรือนมากกว่าการขาย(หน้า 38, 64)
กลุ่มเยาวชน แยกตัวออกจากกลุ่มเยาชนบ้านใหม่แล้วตั้งเป็นกลุ่มเยาวชนห้วยน้ำดำในปีพ.ศ. 2538 มีการดำเนินการช่วยเหลือพัฒนากรในการสำรวจหมู่บ้าน หรือเรียกประชุมอบรมต่างๆ (หน้า 38, 64)
กลุ่มสหกรณ์ห้วยไม้ดำ (หน้า 38)
ผู้นำและผู้รู้ในชุมชน จำแนกเป็น ผู้นำศาสนาทั้งศาสนาพุทธ คริสต์ และผู้นำทางความเชื่อเรื่องผี ผู้นำทางการ มีผู้ใหญ่บ้านที่มาจากการเลือกตั้ง และอาสาสมัครต่างๆ เช่น อาสาสมัครสาธารณสุข อาสาสมัครมาลาเรีย อาสาสมัครป้องกันโรคสัตว์ และช่างสุขภัณฑ์หมู่บ้าน ซึ่งถือเป็นผู้นำเฉพาะด้านทางการ ที่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานของรัฐ (หน้า39-40) |
|
Political Organization |
หลังได้รับจัดตั้งเป็นหมู่บ้านทางการในปี พ.ศ. 2529 มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากเดิมมีผู้นำธรรมชาติหรือ ฮีโข่ เป็นผู้นำทางการคือ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และในปี พ.ศ. 2534ได้รับยกฐานะจากหมู่บ้านบริวารเป็นหมู่บ้านหลัก มีผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้ดูแลจนถึงปัจจุบัน (หน้า 29) |
|
Belief System |
เดิมชาวบ้านนับถือผี เชื่อเรื่องภูติผีปีศาจ ผีป่า ปีน้ำ ผีเขา ผีบ้านผีเรือนมีฮีโข่ซึ่งเป็นผู้นำหมู่บ้านเป็นผู้นำด้านพิธีกรรม ต่อมาภายหลังมีการเผยแผ่ศาสนาพุทธและคริสต์ จึงมีการเปลี่ยนแปลงการนับถือศาสนาไปค่อนข้างมาก (หน้า 1, 29)
พิธีกรรมที่สำคัญในชุมชน ได้แก่
พิธีกรรมไหว้ผีต้นน้ำสะท้อนความเชื่อว่าธรรมชาติมีผีอารักษ์ กระทำปีละ 1 ครั้ง ในช่วงเดือน พฤศจิกายน-ธันวาคมของทุกปีโดยฮีโข่เป็นผู้นำประกอบพิธีกรรม (หน้า 55-56)
พิธีกรรมไหว้ผีนาและไร่ ในแต่ละปีมีพิธีกรรมสำคัญๆ คือ ไหว้ผีนา/ผีฝาย และผีไร่ (หน้า พิธีกรรมไว้ผีเรือน (ผีบรรพบุรุษ)ซึ่งในปัจจุบันชาวบ้านส่วนมากไม่ได้ประกอบพิธีนี้แล้ว พิธีกรรมกิจือ เป็นพิธีกรรมเพื่อตกลงเรื่องการผลิตทางการเกษตรในแต่ละปี พิธีกรรมเกี่ยวกับการเกิดการตาย (หน้า56 - 59) |
|
Education and Socialization |
มีการสนับสนุนจากองค์การภายนอกในการสร้างโรงเรียน (หน้า 36) |
|
Health and Medicine |
องค์การภายนอกได้สนับสนุนสร้างศูนย์มาลาเรียคลีนิคและประปาหมู่บ้าน (หน้า 36)
สถานบริการสาธารณสุขชุมชน (สสช.) บริเวณบ้านใหม่ มีเขตพื้นที่รับผิดชอบรวมถึงหมู่บ้านห้วยไม้ดำ และมีอสม.ประจำหมู่บ้านดูแลสุขภาพเบื้องต้น(หน้า 63-64)
มีการจัดตั้งกองทุนยาหลังจากหน่วยงานสาธารณสุขเข้าไปดำเนินการในพื้นที่ในปี พ.ศ. 2530 (หน้า 37)
สนับสนุนการสร้างส้วมโดยการจัดสรรงบประมาณด้านวัสดุของกลุ่มกองทุนสุขาภิบาล ปัจจุบันหมู่บ้านห้วยไม้ดำมีส้วม 18 หลังคาเรือน (หน้า 37-38) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
มีการทอผ้าทุกหลังคาเรือน (หน้า 54)
ผู้สูงอายุในหมู่บ้านสานตะกร้า(ก๋วย) (หน้า 54) |
|
Folklore |
ตำนานกำเนิดเผ่าพันธุ์ต้นตระกูลเรื่อง โผ่แค และจอปา สอนเรื่องการไม่รัดเอาเปรียบผู้อื่น (หน้า 49)
คำพังเพยต่างๆ ได้แก่ คำพังเพยสอนเรื่องคนจนคนรวย เช่น วังน้ำที่ลึกจะกลายเป็นที่ตื้น น้ำที่ตื้นจะกลายเป็นวังที่ลึกได้ (หน้า 49) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
ในอดีตการเปลี่ยนแปลงของชุมชนมีเงื่อนไขปัจจัยแวดล้อมจากภายในตัวชุมชนเองเป็นหลัก แต่ในปัจจุบันปัจจัยจากภายนอกเข้ามากระทบต่อชุมชนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ (หน้า 2)
หลังจากมีการติดต่อสัมพันธ์กับภาครัฐและเริ่มมีกลไกทางระบบตลาดเข้ามาเกี่ยวข้องหมู่บ้านห้วยไม้ดำเริ่มมีความขัดแย้งเกิดขึ้น เริ่มแย่งชิงอำนาจ ความขัดแย้งในการขยายพื้นที่นา ตลอดจนความขัดแย้งในการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน (หน้า 66-67) วิทยาการสมัยใหม่ส่งผลกระทบต่อผู้ถ่ายทอดความรู้ดั้งเดิม เช่น ผู้นำธรรมชาติเช่น หมอตำแย ผู้รู้ทางด้านสมุนไพร ผู้นำทางพิธีกรรม แก่ฝาย มีบทบาทลดลงหลังเนื่องจากบทบาทของหน่วยงานในหมู่บ้านมีมากขึ้น (หน้า 40)
สำหรับสตรีในชุมชนหมู่บ้านห้วยไม้ดำนั้นเริ่มมีบทบาทลดลง เช่น แต่เดิมผู้หญิงจะมีอำนาจในการเลือกพื้นที่เพาะปลูกโดยสื่อสารกับผี ตลอดจนมีความรู้ในการเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์ตลอดจนมีหน้าที่เสาะหาพันธุ์สัตว์เลี้ยงที่มีลักษณะดีหรือ ตัวเก๊า แต่หลังจากได้รับความรู้ด้านการผลิตพืชสมัยใหม่ บทบาทของผู้หญิงในด้านการผลิตเริ่มลดลงเนื่องจากความรู้ด้านการเกษตรแบบดั้งเดิมไม่ได้ใช้ บทบาทหลักกลับเป็นฝ่ายชายซึ่งมีการติดต่อกับหน่วยงานจากภายนอกมากกว่า (หน้า69-70, 72-73)
แต่เมื่อพิจารณาในระดับครัวเรือน พบว่าครัวเรือนฐานะดี ผู้ชายจะมีหน้าที่ในระบบผลิตมากกว่าหญิง ขณะที่ครัวเรือนยากจน ฝ่ายหญิงมีหน้าที่ด้านการผลิตมากกว่าฝ่ายชาย (หน้า 71, 73) ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงการนับถือศาสนาทำให้บทบาทของผู้หญิงซึ่งเป็นหลักในการประกอบพิธี ตามาแค ลดลงเช่นกัน (หน้า 70) |
|
Map/Illustration |
- แผนที่รอบนอกหมู่บ้านห้วยไม้ดำ (หน้า 32)
- แผนที่ภายในหมู่บ้านห้วยไม้ดำ (หน้า 33)
- แผนที่แสดงพื้นที่ไร่(ไร่เหล่า) ที่มีการถือครองเป็นกรรมสิทธิ์ส่วนตัว (หน้า 46) |
|
|