สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject กระเหรี่ยง,การบูรณาการ,การเมือง,แม่ฮ่องสอน
Author วิทวัส ผาติธรรมรักษ์
Title สัมฤทธิผลของกระบวนการบูรณาการทางการเมือง ศึกษาเฉพาะกรณีชาวไทยภูเขาเผ่ากะเหรี่ยง 2 หมู่บ้านในอำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน
Document Type วิทยานิพนธ์ Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity - Language and Linguistic Affiliations จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan)
Location of
Documents
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน) Total Pages 187 Year 2534
Source หลักสูตรรัฐศาสตรมหาบัณฑิต คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
Abstract

ผู้วิจัยใช้กลุ่มประชากรชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงสะกอร์ จาก 2 หมู่บ้านใน อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน จำนวน 102 คน เป็นประชากรตัวอย่างในการวิจัย โดยใช้เครื่องมือในการรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามสัมภาษณ์ โดยนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ทางสถิติศาสตร์ ใช้ค่าสถิติ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต ค่าไคแสควร์ ค่าแกมม่า และค่าแครมเมอร์ วี เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์ ในการวิจัย ผู้วิจัยได้กำหนดให้ตัวแปรอิสระพื้นฐานประกอบด้วย เพศ อายุ รายได้ และความรู้ความเข้าใจในภาษาไทย นอกจากนี้ยังสร้างตัวแปรอิสระจากทฤษฎีจำนวน 3 ตัวแปร ประกอบด้วยความเหมือนกัน การปฏิสัมพันธ์ และความรู้ความเข้าใจในสังคมอื่น ตัวแปรอิสระจากทฤษฎีทั้ง 3 ตัวแปรรวมกันเป็นปัจจัยการบูรณาการ ส่วนตัวแปรตามคือ ผลสำเร็จของการบูรณาการให้ชาวเขารู้สึกว่าตนเป็นพลเมืองของประเทศไทย ประกอบด้วยตัวแปรตาม 3 ตัวแปร คือ ความจงรักภักดีต่อสังคมไทย ความไว้วางใจในสังคมไทย และการยอมรับวัฒนธรรม ความเชื่อของสังคมไทย ผลการวิจัยพบว่า 1) ตัวแปรอิสระพื้นฐานด้านอายุ รายได้ และความรู้ความเข้าใจภาษาไทย มีความสัมพันธ์กับปัจจัยการบูรณาการ และความเป็นพลเมืองไทย แต่ตัวแปรเพศไม่มีความสัมพันธ์กับปัจจัยการบูรณาการและความเป็นพลเมืองไทย 2) ตัวแปรอิสระตามทฤษฎี 3 ตัวแปรคือ ความเหมือนกัน การปฏิสัมพันธ์และความรู้ความเข้าใจในสังคมอื่น ซึ่งประกอบเป็นปัจจัยการบูรณาการ มีความสัมพันธ์กับความเป็นพลเมืองไทย (หน้า 1 - 2)

Focus

ศึกษาสัมฤทธิผลของกระบวนการบูรณาการทางการเมืองของรัฐบาลไทยต่อชาวเขา

Theoretical Issues

ไม่มี

Ethnic Group in the Focus

กะเหรี่ยงสกอว์ ที่แม่เหาะ จังหวัดแม่ฮ่องสอน

Language and Linguistic Affiliations

กะเหรี่ยงมีภาษาพูดเป็นของตนเอง ซึ่งจะมีความต่างกันบ้างในแต่ละเผ่าย่อย ส่วนภาษาเขียนได้รับการพัฒนาระบบอักขระโดยมิชชันนารีชาวตะวันตกโดยยึดแบบอักษรพม่าเป็นแม่แบบ (หน้า 81)

Study Period (Data Collection)

พ.ศ. 2533

History of the Group and Community

กะเหรี่ยง เป็นชาวเขาในกลุ่มธิเบต – พม่า เป็นกลุ่มชาวเขาที่มีประชากรมากกว่าเผ่าอื่นๆในประเทศไทย กระเหรี่ยงสามารถแบ่งได้เป็น 4 เผ่า คือ เผ่าสะกอร์ เผ่าโปว์ เผ่าบัควี และเผ่าตองสู ซึ่งเป็นส่วนที่แยกออกมาจากรัฐกะเหรี่ยงในสาธารณรัฐสังคมนิยมพม่า โดยเผ่าสะกอร์มีประชากรมากที่สุดคือ ประมาณ 400,000 คน หรือ 60% ของจำนวนชาวเขาทั้งหมดในประเทศไทย โดยอาศัยบริเวณตะเข็บรอยต่อระหว่างไทย – พม่า ตั้งแต่จังหวัดกาญจนบุรีถึงจังหวัดเชียงราย และมีจำนวนมากที่สุดในเขตจังหวัดแม่ฮ่องสอนคือมีประชากรถึง ร้อยละ 50 (หน้า 80 - 81)

Settlement Pattern

กะเหรี่ยงนิยมตั้งบ้านเรือนสองลักษณะคือ หากตั้งหมู่บ้านในเขตหุบเขา บ้านจะมีลักษณะค่อนข้างถาวร แต่ถ้าตั้งบนเนินเขาบ้านจะมีลักษณะที่โยกย้ายได้ง่าย กะเหรี่ยงมักจะตั้งบ้านเรือนในระดับที่ต่ำกว่า 2,000 ฟุต (หน้า 81)

Demography

หมู่บ้านแม่เหาะ มีบ้านทั้งหมด 69 หลังคาเรือน 83 ครอบครัว มีประชากรทั้งหมด 320 คน หมู่บ้านแม่สวรรค์น้อย มีทั้งหมด 35 หลังคาเรือน 42 ครอบครัว มีประชากรทั้งหมด 201 คน (หน้า 190 - 191)

Economy

กะเหรี่ยงยึดการปลูกพืชไร่เป็นอาชีพหลัก (หน้า 81) ประชากรหมู่บ้านแม่เหาะและหมู่บ้านแม่สวรรค์น้อยมีอาชีพหลักคือการเพาะปลูกพืช เช่น ข้าว ข้าวโพด และพืชผักต่างๆ สำหรับบริโภคในครัวเรือนและจำหน่ายแก่พ่อค้าที่มารับซื้อถึงหมู่บ้าน ด้านเศรษฐกิจโดยรวมของหมู่บ้านพบว่าหมู่บ้านแม่สวรรค์น้อยมีฐานะทางเศรษฐกิจในระดับที่ด้อยกว่าหมู่บ้านแม่เหาะ (หน้า 190 - 192)

Social Organization

ในด้านความเป็นพลเมืองซึ่งเป็นตัวแปรตามตามทฤษฎีที่เป็นผลรวมของตัวแปรตามย่อย 4 ตัว คือ ความจงรักภักดี ความไว้วางใจในสังคม ความสำนึกในหน้าที่พลเมือง และการยอมรับวัฒนธรรมความเชื่อ พบว่ากลุ่มประชากรตัวอย่างมีระดับความเป็นพลเมืองปานกลาง (หน้า 118 - 119) กลุ่มประชากรตัวอย่างเพศหญิงมีแนวโน้มที่จะมีระดับความจงรักภักดีสูงกว่าชาย ผู้ที่มีอายุน้อยกว่าจะมีแนวโน้มที่จะมีระดับความจงรักภักดีสูงกว่าผู้ที่อายุมากกว่า ผู้ที่มีอายุน้อยกว่าจะมีแนวโน้มที่จะมีระดับความรู้ความเข้าใจในสังคมอื่น มีระดับความไว้วางใจในสังคม มีระดับความสำนึกในหน้าที่พลเมืองและมีระดับความเป็นพลเมืองสูงกว่าผู้ที่อายุมากกว่า(หน้า 124,131,133 – 135,137) ระดับรายได้ไม่มีความสัมพันธ์กับระดับความจงรักภักดี ระดับความไว้วางใจในสังคม ระดับความสำนึกในหน้าที่พลเมืองที่ระดับนัยสำคัญ .05 ระดับรายได้มีความสัมพันธ์กับระดับการยอมรับวัฒนธรรมความเชื่อ ระดับความเป็นพลเมือง ที่ระดับนัยสำคัญ .05 กลุ่มหนุ่มสาวชาวเขาเป็นกลุ่มที่มีระดับของปัจจัยบูรณาการและความเป็นพลเมืองสูงกว่ากลุ่มอายุอื่น ในอนาคต ระดับความเป็นพลเมืองจะสูงขึ้นตามภาวะเจริญวัยของกลุ่มประชากร (หน้า 142 - 146,159) ชาวเขาเชื่อว่าเพศชายเป็นผู้มีบทบาทในการตัดสินใจต่างๆ โดยเพศหญิงทำหน้าที่เพียงผู้ติดตามเท่านั้น (หน้า 158) ปัจจัยเกี่ยวกับความรู้ความเข้าใจในสังคมอื่นมีความสัมพันธ์กับระดับความเป็นพลเมืองในระดับสูง (หน้า 179)

Political Organization

รัฐบาลไทยกับการแก้ไขปัญหาชนกลุ่มน้อยไทยภูเขา ในช่วงก่อนและหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 รัฐบาลไทยให้ชาวเขาปกครองกันเอง ตราบใดที่ชาวไทยภูเขาอาศัยอยู่ด้วยความสงบและไม่มีพฤติการณ์ฝ่าฝืนกฎหมายไทย การดำเนินงานของรัฐเริ่มขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2499 เมื่อคณะรัฐมนตรีได้จัดตั้ง “คณะกรรมการสงเคราะห์ประชาชนไกลคมนาคม” ขึ้นเพื่อทำหน้าที่สำรวจสภาพแวดล้อมและความเป็นอยู่ของชาวไทยภูเขา ในชั้นต้น คณะกรรมการฯได้จัดตั้งนิคมสงเคราะห์ตนเองของชาวไทยภูเขาขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ตาก และจังหวัดเลย โดยมีหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องในจังหวัดควบคุมดูแลและหาข้อมูลเพิ่มเติมประกอบการวางแผนพัฒนาในขั้นต่อไปให้รัดกุมยิ่งขึ้น ต่อมาในปี พ.ศ. 2502 คณะรัฐมนตรีมีมติจัดตั้ง “คณะกรรมการสงเคราะห์ชาวเขา” โดยการแปรสภาพของคณะกรรมการสงเคราะห์ประชาชนไกลคมนาคม เพื่อรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาชาวไทยภูเขา โดยช่วงแรกได้ส่งเสริมให้ชาวเขามีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ส่งเสริมให้ชาวเขาจัดตั้งในรูปแบบนิคมสร้างตนเอง สนับสนุนให้มีการรวบรวมชาวเขาเป็นกลุ่ม เพื่อทำพืชไร่โดยจัดเป็นรูปนิคมเพื่อปฏิบัติตามนโยบายของคณะกรรมการสงเคราะห์ชาวเขา จากการตั้งคณะกรรมการสงเคราะห์ชาวเขาขึ้นในปี พ.ศ. 2502 เป็นต้นมาการดำเนินงานของหน่วยงานรัฐได้พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง โดยแบ่งช่วงระยะเวลาออกได้เป็น 4 ระยะ คือ ระยะ 2502 – 2504 นโยบายมุ่งไปในลักษณะจัดตั้งนิคมสร้างตนเอง ระยะ 2506 – 2509 นโยบายเน้นในลักษณะการสำรวจข้อมูลด้านเศรษฐกิจและสังคม เพื่อเตรียมวางแผนสงเคราะห์ในขั้นต่อไป ระยะ 2510 – 2514 เน้นการดำเนินการแก้ไขปัญหาชาวไทยภูเขาเริ่มมีการเปลี่ยนรูปแบบ เนื่องจากปัญหาผู้ก่อการร้ายที่เกิดขึ้น นโยบายจึงเปลี่ยนรูปแบบไปเป็นลักษณะใช้เจ้าหน้าที่เข้าถึงชาวเขาโดยตรง ระยะ 2515 – ปัจจุบัน วัตถุประสงค์ของแนวทางปัจจุบันสามารถจำแนกได้เป็น 3 แนวทางคือ ด้านการปกครอง เพื่อให้ชาวเขาอยู่ร่วมในสังคมไทยโดยมีความสำนึกว่าเป็นคนไทย มีความจงรักภักดีในชาติ ด้านการเลิกปลูกและเสพฝิ่น เพื่อให้ชาวเขาลดการปลูกฝิ่นและหันมาประกอบอาชีพที่มีรายได้เพียงพอต่อการยังชีพแทน เพื่อให้ชาวเขาพ้นจากอิทธิพลของชนกลุ่มน้อยถืออาวุธและของจีนฮ่ออพยพ(ไม่ถืออาวุธ) และ ผกค. ส่วนด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อให้ชาวเขาได้รับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในระดับที่สามารถดำรงชีวิตได้ตามควรแก่อัตภาพ เป็นต้น โดยมีกรมประชาสงเคราะห์เป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบโดยตรง นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนจำนวนมากที่รับผิดชอบและมีส่วนเกี่ยวข้องกับชาวเขา อาทิ หน่วยงานในสังกัดของกระทรวงต่างๆ โครงการหลวงภาคเหนือ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง งานแพทย์อาสาในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี มูลนิธิชาวไทยภูเขา องค์การ UNICEF องค์การ USAID สมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทย เป็นต้น ซึ่งแต่ละหน่วยงานมีหน้าที่แตกต่างกัน การทำงานของหน่วยงานทั้งหมดโดยรวมจะมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาชาวเขาด้านปัญหาความมั่นคงของชาติ ปัญหาการตัดไม้ทำลายป่าต้นน้ำลำธาร ปัญหาการปลูก เสพและจำหน่ายยาเสพติดให้โทษ อีกทั้งยังมุ่งพัฒนาให้ชาวเขามีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น(หน้า88 – 96,109 ) ประชากรตัวอย่างของหมู่บ้านทั้งสองมีระดับความเป็นพลเมืองไทยสูง เนื่องจากนโยบายและกระบวนการบูรณาการของรัฐมีผลในทางบวกต่อสภาวะความเป็นพลเมืองไทยของชาวเขา (หน้า 180 - 181)

Belief System

ชาวเขาส่วนใหญ่มีความเชื่อเรื่องผี แต่ละหมู่บ้านจะมีหมอผีซึ่งมีฐานะเป็นผู้อาวุโสที่ทุกคนในหมู่บ้านจะล่วงเกินไม่ได้(หน้า 87)

Education and Socialization

ระดับความรู้ภาษาไทยมีความสัมพันธ์กับ ระดับความรู้ความเข้าใจในสังคมอื่น ระดับความจงรักภักดี ระดับความไว้วางใจในสังคม ระดับความสำนึกในหน้าที่พลเมือง ระดับการยอมรับวัฒนธรรมความเชื่อและระดับความเป็นพลเมืองที่ระดับนัยสำคัญ .05 (หน้า 149,151 - 155) หมู่บ้านทั้งสองมีโรงเรียนของกรมสามัญศึกษา และกรมการศึกษานอกโรงเรียน กระทรวงศึกษาธิการ ประจำอยู่ทั้งสองหมู่บ้าน โดยหมู่บ้านแม่เหาะมีโรงเรียนสังวาล สอนระดับชั้น ป.1 – ป.6 ส่วนหมู่บ้านแม่สวรรค์น้อย มีที่ทำการของศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนเพื่อชุมชนในเขตภูเขา (ศศช.) ทำหน้าที่สอนหนังสือแก่ผู้ใหญ่ในเวลาค่ำและสอนเด็กในช่วงกลางวัน ตามหลักสูตรของกรมการศึกษานอกโรงเรียน กระทรวงศึกษาธิการ (หน้า 180,190)

Health and Medicine

ไม่มีข้อมูล

Art and Crafts (including Clothing Costume)

ไม่มีข้อมูล

Folklore

ไม่มีข้อมูล

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

กะเหรี่ยงเพศชายสามารถใช้ภาษากลางได้บ้างเนื่องจากมีการติดต่อค้าขายกับชาวไทยพื้นราบเสมอ ส่วนกะเหรี่ยงเพศหญิงมีความสามารถในการใช้ภาษาไทยต่ำกว่าเพศชาย (หน้า 81) หมู่บ้านแม่เหาะและหมู่บ้านแม่สวรรค์น้อยมีการติดต่ออย่างใกล้ชิดกับศูนย์พัฒนาสงเคราะห์ชาวเขาจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตลอดจนโครงการพัฒนาด้านต่างๆ (หน้า 190 - 191)

Social Cultural and Identity Change

ปัจจุบันชาวเขาส่วนมากนับถือศาสนาพุทธควบคู่กับการนับถือผี (หน้า 87) ปัจจุบันหมู่บ้านแม่เหาะเกิดปัญหาขาดแคลนที่ดินเพาะปลูกอันเนื่องมาจากการขยายตัวของประชากรของหมู่บ้าน(หน้า 191)

Critic Issues

ไม่มีข้อมูล

Other Issues

ไม่มีข้อมูล

Map/Illustration

- แผนภาพแสดงที่ตั้งของหมู่บ้านชาวกะเหรี่ยงในเขต ต.แม่เหาะ จ. แม่ฮ่องสอน (หน้า 194)

Text Analyst สุวิทย์ เลิศวิมลศักดิ์ Date of Report 09 เม.ย 2556
TAG กระเหรี่ยง, การบูรณาการ, การเมือง, แม่ฮ่องสอน, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง