|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ผู้ไทย(ภูไท),ประวัติความเป็นมา,การรักษาผู้ป่วย,เหยา,มุกดาหาร |
Author |
ทรงคุณ จันทจร, ปิติ แสนโคตร |
Title |
การรักษาผู้ป่วยด้วยวิธีเหยาของผู้ไทย ศึกษากรณีชาวผู้ไทย อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร |
Document Type |
รายงานการวิจัย |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
-
|
Language and Linguistic Affiliations |
ไท(Tai) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) |
Total Pages |
59 |
Year |
2540 |
Source |
สถาบันวิจัยศิลปะและวัฒนธรรมอีสาน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม |
Abstract |
งานวิจัยชิ้นนี้ศึกษาความเชื่อ ประเพณี พิธีกรรมรักษาผู้ป่วยด้วยวิธีเหยาของชาวผู้ไทย และศึกษาบทบาทของหมอเหยาในการรักษาผู้ป่วย โดยศึกษากลุ่มชาติพันธุ์ผู้ไทย อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร ผลการศึกษาพบว่าหมอเหยาอยู่คู่กับผู้ไทยมาช้านาน เพราะว่าการเหยาเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้กับคนในสังคมให้ต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บได้เป็นอย่างดี เพราะพิธีกรรมของหมอเหยาเป็นไปด้วยความตั้งใจ ทั้งจากการแต่งกายที่สวยงาม เครื่องคายที่ดูศักดิ์สิทธิ์ การสำแดงเดชของผีที่ดูสมจริง เป็นการสร้างกำลังใจร่วมของชุมชนในการรักษาผู้ป่วยให้หายจากความเจ็บป่วย หมอเหยาเป็นภารกิจที่ถูกเลือกโดย ผี ให้ทำงานโดยไม่มีค่าตอบแทนใดๆ หมอเหยาจึงเปรียบเสมือนคนของชุมชนที่ไม่สามารถปฏิเสธการร้องขอให้ทำพิธีเหยาได้ ทำให้หมอเหยามีความสัมพันธ์กับคนในชุมชน และคนในชุมชนก็มีจิตศรัทธากับหมอเหยาในฐานะของผู้ที่ได้รับการดูแลรักษา (หน้า 57 59) แม้ว่าหมอเหยาบางคนอาจไม่เป็นที่ยอมรับได้ |
|
Focus |
ศึกษาความเชื่อ ประเพณี พิธีกรรมรักษาผู้ป่วยด้วยวิธีเหยาของผู้ไทย และศึกษาบทบาทของหมอเหยาในการรักษาผู้ป่วย (หน้า 2) |
|
Ethnic Group in the Focus |
ศึกษากลุ่มชาติพันธุ์ผู้ไทย อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร ซึ่งมีข้อถกเถียงกันว่าจะใช้คำว่า ภูไทย หรือ ผู้ไทย เรียกชนเผ่ากลุ่มนี้ มีผู้รู้หลายท่านได้วิเคราะห์ไว้ เช่น ระบุว่า ผู้ไทย เป็นชื่อชาติ ไม่ใช่ชื่อพวก เมื่อบอกว่าเป็นผู้ไทยก็คือคนไทย มีชื่อเรียกหลายชื่อ เช่น ผู้ไทยดำ ผู้ไทยขาว ลาวเก่า ไทยกระตาก บางคนเขียนว่า ภูไท ภูไทย พูไท หรือพูไทย บางท่านระบุว่าควรใช้ ภูไท มากกว่า เพราะ ภู ในภาษาไทยเดิมแปลว่าที่สูง ที่เนิน ส่วน ไท คือความอิสระไม่ขึ้นกับผู้ใด เมื่อรวมกันเป็น ภูไท คือชนชาติไทยที่เป็นอิสระไม่ขึ้นกับใคร พระยาอนุมานราชธนเห็นว่าควรใช้คำว่า ผู้ไทย เพราะเป็นคำดั้งเดิม หมายถึงผู้คนที่เป็นไทยอย่างสมัยนี้ และมีการถกเถียงจนยอมรับกันว่าการใช้คำว่า ภูไท นั้นไม่ถูกต้อง ผู้วิจัยระบุว่าควรใช้คำว่า ผู้ไทย มากกว่า เพราะคำว่า ภูไท ไม่ปรากฏในพจนานุกรม และคำว่า ผู้ไทยไก่สอน ก็เป็นคำที่ชนเผ่านี้ใช้เรียกตัวเอง และเรียกผู้ไทยที่มีภูมิลำเนาในถิ่นอื่น (หน้า 2 - 4) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ผู้เฒ่า ผู้แก่ ผู้ไทยบอกว่าผู้ไทยไม่มีภาษาเขียน มีเพียงแต่ภาษาพูด แต่ก็มีข้อสันนิษฐานว่าในอดีตผู้ไทยมีภาษาเป็นของตนเอง แต่เอกสารเหล่านั้นถูกข้าศึกรุกรานก็ถูกเผาจนสิ้น หรือการถูกครอบงำโดยจีน ญวน และลาว ทำให้ภาษาของผู้ไทยหายไป (หน้า 10 1) ชาวอ.หนองสูงใช้ภาษาพูดเป็นภาษาผู้ไทยเป็นส่วนใหญ่ (หน้า 25) |
|
Study Period (Data Collection) |
อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร มีประชากร 19,726 คน เป็นชาย 9,999 คน หญิง 9,727 คน มี 3,529 ครัวเรือน ประชากรร้อยละ 90 เป็นชาวผู้ไทย ความหนาแน่นของประชากร 49 คนต่อตารางกิโลเมตร (หน้า 22) |
|
History of the Group and Community |
เดิมผู้ไทยมีภูมิลำเนาอยู่มณฑลเสฉวน ทางตอนใต้ของประเทศจีน มีทั้งผู้ไทยขาวและผู้ไทยดำได้นำครอบครัวผู้ไทยประมาณ 1 หมื่นคน อพยพเข้าสู่ดินแดนประเทศลาว สามารถรบชนะข่าและปกครองพวกข่าได้ แต่ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวมีการต่อสู้แย่งชิงดินแดนและได้กวาดต้อนครอบครัวผู้ไทยให้ข้ามมาอยู่ฝั่งไทยเพื่อตัดกำลังฝ่ายลาว และให้ตั้งหมู่บ้านทำมาหากินในท้องที่ต่างๆ เช่น เรณูนคร คำชะอี่ หนองสูง กุสิมนารายณ์ ผู้ไทยเมืองหนองสูงประมาณ 1,658 คน ถูกกวาดต้อนมาจากเมืองวัง เมืองคำอ้อ มีท้าวสีหนาม (สิงห์) เจ้าเมืองค้ำอ้อเป็นผู้นำอพยพมาขึ้นฝั่งที่เมืองมุกดาหาร และพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้ตั้งบ้านหนองสูงเป็นเมืองหนองสูง ต่อมาปีพ.ศ.2450 เมืองหนองสูงถูกยุบเป็น อ.หนองสูง จนกระทั่งปัจจุบัน อ.หนองสูง อยู่ในจ.มุกดาหาร (หน้า 7 10 ,16 21) ผู้วิจัยสันนิษฐานว่าผู้ไทยหนองสูงเป็นผู้ไทยดำเพราะอพยพมาจากเมืองวัง เมืองแถง เมืองคำอ้อ (หน้า 16) |
|
Settlement Pattern |
ชุมชนส่วนใหญ่อยู่แยกกันเป็นกลุ่มเป็นผู้ไทย กุลา ไทยอีสาน (หน้า 25) |
|
Demography |
อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร มีประชากร 19,726 คน เป็นชาย 9,999 คน หญิง 9,727 คน มี 3,529 ครัวเรือน ประชากรร้อยละ 90 เป็นชาวผู้ไทย ความหนาแน่นของประชากร 49 คนต่อตารางกิโลเมตร (หน้า 22) |
|
Economy |
ชาวอ.หนองสูงประกอบอาชีพด้านกสิกรรมเป็นหลัก อาศัยน้ำฝนจากธรรมชาติ แหล่งน้ำในพื้นที่มีขนาดเล็กไม่เพียงพอ ความเป็นอยู่ของประชากรพออยู่พอกิน ผลผลิตทางการเกษตรที่ทำรายได้คือ ข้าว อ้อย มันสำปะหลัง ถั่วลิสง ปอ มะขามหวาน พืชผักต่างๆ มีระบบการเกษตรสหกรณ์หนองสูงบริการประชาชน บางส่วนประกอบอาชีพอุตสาหกรรมในครอบครัว ทอผ้าฝ้าย ทอผ้าไหม จักสาน บางครอบครัวก็เลี้ยงสัตว์ เช่น กระบือ สุกร เป็ด ไก่ เป็นต้น (หน้า 23 24) |
|
Political Organization |
อ.หนองสูงแบ่งการปกครองเป็น 6 ตำบล 43 หมู่บ้าน (หน้า 22) |
|
Belief System |
ชาวอ.หนองสูงส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ (หน้า 25) ผสมผสานกับการนับถือผี |
|
Education and Socialization |
อ.หนองสูงมีโรงเรียนทั้งหมด 23 โรงเรียน ที่อ่านหนังสือประจำหมู่บ้าน 40 แห่ง ห้องสมุดประชาชน 1 แห่ง (หน้า 24 25) |
|
Health and Medicine |
เหยาเป็นพิธีกรรมรักษาคนไข้ของผู้ไทย มีแคนเป็นเครื่องดนตรีประกอบ โดยเชิญผีมาช่วยรักษาบอกอาการป่วยนั้นๆ ว่าแก้ไขอย่างไรจึงจะหาย เกิดจากความเชื่อของคนในชุมชนที่ว่าโรคภัยไข้เจ็บที่เกิดขึ้นเกินการเยียวยาของมนุษย์ เพราะเป็นการกระทำของผี จึงต้องอาศัยผีและวิญญาณมาช่วยรักษา ประเภทของการเหยามีดังนี้ (1) เหยาเพื่อชีวิต เหยาเพื่อรักษาความเจ็บไข้ เพื่อเรียกขวัญ ต่ออายุ แก้บน ทำให้ชีวิตอยู่เย็นเป็นสุข (2) เหยาเพื่อคุมผีออก เมื่อป่วยรักษาไม่หาย ก็จะใช้หมอเหยาคุมผีที่สิงในร่างผู้ป่วยให้ออกลวดลายร่ายรำ (3) เหยาเพื่อเลี้ยงผี เหยาขอบคุณผีในรอบปี (4) เหยาเอาฮุปเอาฮอย การเหยาในงานบุญประเพณีบุญพระเหวดประจำปี (หน้า 27 31) หมอเหยา ผู้ที่เป็นหมอเหยาได้คือคนที่ผีมาบอก โดยทำให้บุคคลในครอบครัวที่ต้องการ เจ็บป่วยเรื้อรัง เชิญหมอเหยามา ส่อง หากต้องการให้หายป่วยต้องสัญญากับผีก่อนว่าต้องให้ใครคนหนึ่งในครัวเรือนเป็นหมอเหยา เมื่ออาการหายดีแล้วหมอเหยาจะเลือกคนใดคนหนึ่งในครอบครัวนั้นเป็นหมอเหยา (หน้า 33 47) อย่างไรก็ตามหมอเหยาบางคนก็ไม่ได้รับการยอมรับ ทั้งจากเสียงร่ายรำของหมอเหยาไม่ตรงจังหวะเสียงแคน และเหยาแล้วผู้ป่วยไม่หาย เป็นต้น (หน้า 56) ขั้นตอนการเหยารักษาคนป่วย พิธีเหยาจะไม่ทำในวันพระ ส่วนมากจะเริ่มเวลา 5 โมงเย็นเป็นต้นไป ขั้นตอนมีดังนี้ (1) จัดเครื่องกายของหมอเหยาและหมอแคน คนป่วยจะนั่งหรือนอนใกล้ๆ หมอเหยา ถ้าคนป่วยอยู่รพ.ก็เอาเสื้อผ้าของคนป่วยมาแทน (2) หมอเหยาเริ่มบูชาครู เชิญผีมาเข้าทรงเพื่อถามว่าคนป่วยนั้นเป็นอะไร (3) เมื่อผีมาสิงหมอเหยาแล้วจะเป็นการลำเหยาโต้ตอบระหว่างผีและหมอ ญาติต้องฟังให้ดีว่าผีต้องการอะไรและจะให้แก้ไขอย่างไร หากเหยาแล้วผู้ป่วยไม่หายหรืออาการไม่ดีขึ้น หมอเหยาจะถูกตามมาเหยาอีก หมอเหยาจะถามผีว่าเพราะเหตุใดยังไม่ปล่อยขวัญผู้ป่วย ยังโกรธแค้นเรื่องใด ถ้าไม่หายอีกก็ไปตามหมอเหยาคนใหม่มารักษาอีก หรือไปรักษาแบบแพทย์แผนปัจจุบัน ประโยชน์ของการเหยาเป็นไปเพื่อตอบสนองด้านจิตใจ ชี้นำวิธีการรักษาว่าควรทำอย่างไร สร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้ป่วย ถือเป็นการบอกกล่าวอาการป่วยให้ญาติพี่น้องทราบ โดยอาการป่วยที่ต้องทำในพิธีเหยา เช่น ปวดศีรษะ 2 3 วันแล้วไม่หาย ปวดท้อง ปวดขา ปวดบวมตามร่างกาย เด็กทารกร้องไห้ผิดปกติ หรือเด็กไม่ร้องไห้ งูกัดหรือสัตว์มีพิษ เป็นไข้อ่อนเพลียไม่มีแรง เกิดอุบัติเหตุ เป็นต้น (หน้า 50 55) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Folklore |
มีตำนานเรื่องเล่าเกี่ยวกับการกำเนิดของผู้ไทยว่าเกิดมาจากผลน้ำเต้า โดยแตกออกมาพร้อมกับข่า ผู้ไทยดำ ลาวพุงขาว ฮ่อ หลังจากนั้นก็ไปตั้งบ้านเมืองของตนเอง ตำนานระบุว่าในอดีตผีและคนเที่ยวไปมาหาสู่กัน มีผีแถนเป็นผู้ปกครอง วันหนึ่งเมืองลุ่มไม่เชื่อฟังแถน แถนจึงทำให้เกิดน้ำท่วม ปู่ลางเซิงและขุนเด็กขุนคานรอดมาได้เพราะต่อแพเป็นเรือนไม้ และขออนุญาตแถนตั้งเมือง มีคนเป็นฝูงเกิดมาจากผลน้ำเต้า มีหลายเผ่าพันธุ์ออกมาอันดับแรก คือ ข่าแจะ ผู้ไทยดำ ลาวพุงขาว ฮ่อ ได้พากันลงอาบน้ำบริสุทธิ์ในหนองฮกหนองฮายจนผิวพรรณนวลใส แต่ข่าแจะไม่ได้ลงอาบน้ำผิวพรรณจึงหมองคล้ำ หลังจากนั้นก็แยกย้ายออกไปตั้งบ้านเมือง มีเมืองน้ำน้อยอ้อยหนูเป็นถิ่นเกิดของผู้ไทย แล้วเปลี่ยนชื่อเป็นเมืองแถง และเป็น เดียนเบียนฟู ในปัจจุบัน (4 7) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
Map/Illustration |
งานวิจัยชิ้นนี้ มีภาพประกอบพิธีกรรมการเหยาเพื่อให้เข้าใจพิธีกรรมได้มากยิ่งขึ้น เช่น ภาพแสดงไหเหล้าขนาดใหญ่ (หน้า 29) ภาพแสดงการเสี่ยงด้วยง้าว โดยเอาดาบปักลงในถ้วย (หน้า 46) เป็นต้น |
|
|